ตนละฟากฟ้า - บทที่ 86




พราวพรายตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า ทำอาหารให้นิกกี้เสร็จก็ทำความสะอาดบ้านตามปกติ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก แค่ใช้เครื่องดูดฝุ่นไถไปบนพรมเก็บฝุ่นออกไปจนหมด ทำความสะอาดห้องน้ำ ใส่ผ้าที่จะต้องซักลงในเครื่องซักผ้า พอเจ็ดโมงครึ่งก็เข้าไปปลุกเด็กชาย ดูแลให้เขาอาบน้ำแปรงฟันเสร็จแล้วก็รับประทานอาหารเช้า ซึ่งประกอบด้วยซีเรียลผสมนม แอปเปิลหนึ่งลูกและนมสดหนึ่งแก้ว

“มอมมี้แม่ วันนี้อังเคิลนิคจามาหานิกกี้ใช่มั้ย” นิกกี้เริ่มวันใหม่ด้วยเรื่องเก่า

พราวพรายถอนใจยาว ยังกังวลเรื่องที่นิคหายหน้าหายตาไป
“มอมมี้แม่ไม่รู้ว่าอังเคิลนิคจะมาหรือเปล่า เขาอาจจะยังไม่เสร็จธุระก็ได้”

“นิกกี้ไม่ให้อังเคิลนิคมีทู่ระนี่นา นิกกี้อยากหาอังเคิลนิคนี่”

หญิงสาวมองคิ้วที่เริ่มขมวดของลูกชาย บอกตัวเองว่าช่างเหมือนพ่อของเขาเสียเหลือเกิน เวลาที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เธอสมัยก่อน

“งั้นเดี๋ยวเราออกไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์กเก็ตกันดีมั้ย” เธอพยายามหันเหนิกกี้ออกจากการเรียกร้องหานิค

เด็กชายนิ่งคิดสักครู่ก็ส่ายหน้าปฎิเสธ “ม่าย นิกกี้ไม่ไปหลอก จาไปหาอังเคิลนิค นะมอมมี้แม่ ไปหาอังเคิลนิคกันดีก่า”

พราวพรายนิ่งคิดแล้วก็ชักจะเห็นด้วย เธอกับลูกน่าจะไปหาเขาที่โรงแรม ถ้าเขายังโกรธหรือคิดมากอะไรอยู่ เธอก็จะได้อธิบายให้เขาฟัง เขาคงอยู่ที่โรงแรมนั่นแหละ แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากไป เพราะชักไม่แน่ใจว่าเขาจะยังอยากพบเธออีกหรือเปล่า จากกันไปตั้งสี่ปีแล้วเขาก็มีผู้หญิงคนใหม่แล้วด้วย จะไปโทษว่าเขานอกใจเธอก็ไม่ได้ เพราะเขานึกว่าเธอกับเขาขาดกันไปแล้วทางกฏหมาย หญิงสาวทอดถอนใจเมื่อนึกถึงลูกชาย ที่ดูเหมือนจะต้องการพ่อเหลือเกิน ถ้านิคแต่งงานกับจูดี้จริงๆ เธอคงไม่ยอมให้เขาเอานิกกี้ไปหรอก แล้วนิกกี้จะเป็นอย่างไรต่อไป เขาจะกลายเป็นเด็กมีปัญหาเนื่องจากบ้านแตกหรือเปล่า

เสียงกริ่งโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้พราวพรายสะดุ้ง แวบแรกคิดว่าคงเป็นนิคโทร.มา ใจของเธอวาบขึ้นด้วยความดีใจ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเพราะไม่ใช่เสียงที่เธอคุ้นชิน

“คุณพราวหรือฮะ? ผมดิ๊กนะ”
“อ้อ..คุณดิ๊ก สวัสดีค่ะ มีอะไรหรือคะ?”
“เจ้านิคอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?”
“เอ้อ..เปล่าค่ะ ไม่อยู่” หญิงสาวอึกอัก
“อ้าว...มันยังไม่ได้มาหาคุณอีกหรือ? ไหนมันบอกผมว่ามันกับคุณพบกันแล้ว” ดิ๊กพูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง
“อ๋อ เมื่อวานเขามาค่ะ” พราวพรายตอบไม่เต็มเสียง
“มันโทรมาหาผมเมื่อคืน มีเรื่องอะไรไม่เข้าใจกันหรือเปล่า” ดิ๊กลองหยั่งเสียง
“เขาบอกคุณว่ายังไงล่ะคะ?”

“คุณพราว อย่าไปถือสามันเลยนะ มันคงเสียใจเรื่องนิกกี้ว่าไม่มีใครบอกมันเลยว่าเป็นลูกมัน โดยเฉพาะพี่สาวคุณ แต่ผมก็อธิบายไปแล้วว่าเพราะอะไร ผมว่าตอนนี้มันคงเข้าใจแล้วละ”

แล้วชายหนุ่มก็ถ่ายทอดคำพูดของนิคให้พราวพรายฟัง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คนทั้งสองเข้าใจกัน

“ผมอยากให้คุณพราวเห็นใจและเข้าใจมันหน่อย มันกดดันมาตลอดตั้งแต่กลับมา ก็เรื่องคุณพราวนั่นแหละ มันคิดว่าคุณแต่งงานใหม่ไปแล้ว มันเสียใจมาก”

แล้วเขาก็เสริมว่า “ผมกับมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก รู้ตื้นลึกหนาบางกันทุกอย่าง ผู้หญิงทุกคนที่มันคบมา มันไม่เคยรักใครเหมือนที่รักคุณหรอก อยากให้เชื่อผมแล้วปรับความเข้าใจกันเสีย กลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ว่างๆก็ชวนเจ้านิคมาเยี่ยมผมกับสมพรมั่งนะครับ เขาพูดถึงคุณพราวอยู่บ่อยๆ อยากเจออีกสักครั้ง”

ดิ๊กวางโทรศัพท์ไปแล้ว พราวพรายนิ่งตรองคำบอกเล่าด้วยความหวังดีของดิ๊กอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ตัดสินใจ “ถ้านิกกี้อยากพบอังเคิลนิคมาก มอมมี้แม่จะพาไปหาเขาที่โรงแรม ดีมั้ย?”

เด็กชายทำตาโตแล้วปรบมืออย่างดีอกดีใจ “เย้..ดีจัง ไปเลยนะ มอมมี้แม่ ไปเดี๋ยวนี้เลยนะ นิกกี้จาให้อังเคิลนิคพาไปสวนซาหนุกอีก”

“เมื่อวานก็เพิ่งไปมาหยกๆ จะไปอีกทำไมล่ะ”
“ก้อ..นิกกี้อยากไปอีกนี่” นิกกี้เริ่มทำตาคว่ำ

ทั้งสองไปถึงโรงแรมเมื่อเวลาประมาณสิบเอ็ดโมง พราวพรายเดินเข้าไปพูดกับพนักงานสาวหน้าตาเป็นคนเอเซีย ที่นั่งอยู่ตรงเคาเตอร์

“ช่วยต่อขึ้นไปที่ห้องแขกที่ชื่อแบรดเล่ย์หน่อยได้ไหมคะ? ฉันจะมาขอพบเขา”
พนักงานประจำเคาเตอร์ยิ้มให้เธอ “ตอนนี้เคอนัลแบรดเล่ย์ไม่อยู่ในห้องค่ะ"
หญิงสาวชักตกใจ “ไม่อยู่? เขาเช็คเอาท์ไปแล้วหรือคะ?”
“เปล่าค่ะ ยังไม่ได้เช็คเอาท์ ตอนนี้คงจะอยู่ที่ห้องอาหารทางด้านโน้นค่ะ”

หญิงสาวคนนั้นให้ข้อมูลอย่างมีน้ำใจ ที่เธอรู้เพราะก่อนที่จะพาจูดี้เข้าไปรับประทานอาหารเช้า นิคแวะมาถามว่ามีใครฝากข้อความไว้ให้เขาบ้างหรือเปล่า สั่งเอาไว้ด้วยว่าถ้ามีโทรศัพท์ถึงเขา ให้ตามเขาได้ในห้องอาหารของโรงแรม

พราวพรายมองตามมือของพนักงานคนดังกล่าว ที่ชี้ไปตรงซอกทางเดินเล็กๆใกล้กับเคาเตอร์ ที่คงจะไปทะลุห้องอาหารที่เธอบอก กล่าวคำขอบคุณแล้วพานิกกี้ไปนั่งที่เก้าอี้ชุดในบริเวณลอบบี้ ที่อยู่ไม่ไกลจากเคาเตอร์ ตั้งใจว่าจะคอยจนกว่าเขาจะออกจากห้องอาหาร นิคคงจะต้องเดินออกมาตรงนั้น ถ้าจะกลับขึ้นห้องพักเขาจะต้องเลี้ยวขวาผ่านหน้าเคาเตอร์ไป หรือถ้าจะออกจากโรงแรมเขาก็จะต้องเลี้ยวซ้าย หญิงสาวเลือกชุดเก้าอี้ที่อยู่ตรงมุมด้านในสุดเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจของใคร

“มอมมี้แม่ ไหนล่ะอังเคิลนิค” นิกกี้ถามอย่างสงสัย
“ตอนนี้อังเคิลนิคไม่อยู่ในห้อง แต่เดี๋ยวก็คงมา”
“เดี๋ยว..เดี๋ยว อยู่นั่นแหละ นิกกี้เบื่อแล้วนะ” เด็กชายเริ่มทำท่าไม่ได้ดังใจ
“ใจเย็นๆสิลูก” หญิงสาวพยายามปลอบ “นิกกี้นั่งรอเงียบๆนะ เดี๋ยวอังเคิลนิคก็คงเดินมาตรงเคาเตอร์นั่น นิกกี้คอยมองเอาไว้นะ”

นิกกี้มองตามมือของมารดาที่ชี้ไปตรงเคาเตอร์ของโรงแรม นับแต่วินาทีนั้นเด็กชายก็จ้องตาเป๋งไปที่เคาเตอร์อย่างใจจรดใจจ่อ สงบปากสงบคำไปทันทีเมื่อมีความหวัง

สองแม่ลูกนั่งรออยู่นานแต่ก็ยังไม่เห็นนิค เมื่อเหลือบดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือพราวพรายก็คิดว่ากลับก่อนดีกว่า นิคอาจจะแวะไปหาเธอที่อพาร์ตเมนท์ โดยที่เธอไม่ทันเห็น ตอนที่เขาเดินผ่านซอกทางเดินตรงนั้นออกมาก็ได้ เพราะเธอไม่ได้จ้องเขม็งอยู่ตลอดเวลาเหมือนนิกกี้ แต่แล้วในขณะที่ตัดสินใจว่าจะกลับเธอก็เห็นเขา

นิคเดินผ่านทางเดินนั้นออกมา แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว มีแหม่มสาวสวยท่าทางภูมิฐานเดินเคียงข้างมาด้วย ถึงจะเห็นในระยะไกล แต่พราวพรายก็รู้ว่าผู้หญิงที่มากับเขาจัดว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง ทั้งคู่เลี้ยวขวาแล้วหยุดตรงหน้าเคาเตอร์ หญิงสาวใจเต้นแรงเมื่อเห็นท่าทางสนิทชิดเชื้อของคนทั้งสอง

ขณะที่เธอกำลังคิดอย่างรวดเร็วว่าหญิงสาวผู้นั้นเป็นใคร นิกกี้ซึ่งกำลังจ้องมองคนทั้งคู่อยู่ก็โวยวายขึ้นมา

“มอมมี้แม่ นั่นไง๊ อังเคิลนิค อังเคิลนิคมาแล้ว อ้านตี้จูดี้ก้อมาด้วยละ” แล้วเขาก็ตะกายลงจากเก้าอี้ ทำท่าเหมือนจะวิ่งไปหา

พราวพรายตะครุบตัวลูกไว้ได้อย่างฉิวเฉียด ใจของเธอหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว ตอนที่ได้ยินนิกกี้บอกว่า ‘อ้านตี้จูดี้’ ก็มาด้วย

เด็กชายที่ถูกรั้งตัวไว้ หันมาทำหน้าตื่นเต้น “เร๊ว..มอมมี้แม่ ไปหาอังเคิลนิคกับอ้านตี้จูดี้กัน”

หญิงสาวกล้ำกลืนฝืนใจหลอกล่อลูกว่า “ค่อยๆหน่อย นิกกี้ อย่าพูดเสียงดัง อย่าเพิ่งให้อังเคิลนิคเห็นเรา ให้เขาขึ้นห้องไปก่อน แล้วเราค่อยไปเคาะประตูห้อง นิกกี้จะได้ ‘จ๊ะเอ๋’ ให้อังเคิลนิคตกใจไง ดีมั้ย?”

นิกกี้นิ่งฟังแล้วอมยิ้มจนแก้มตุ่ย ตาของเขาแวววับอย่างนึกสนุกไปด้วย

“ดี..ดี นิกกี้จาร้องจ๊ะเอ๋ให้ดังเลยนะมอมมี้แม่นะ อังเคิลนิคจาได้ตกกะใจ...ตาค้างเลย”

พราวพรายมองนิคกับจูดี้ที่กำลังพูดอะไรอยู่กับพนักงานเคาเตอร์ เธอรู้สึกโล่งใจที่พนักงานสาวคนที่เธอไปถามถึงนิคไม่ได้อยู่ตรงนั้น เจ้าหล่อนอาจจะออกเวรไปแล้วหรืออาจจะไปห้องน้ำ พนักงานที่นิคกำลังพูดด้วยเป็นหนุ่มใหญ่ชาวอังกฤษ หลังจากนั้นเธอก็เห็นคนทั้งสองเดินไปที่ลิฟต์ด้วยกัน แขนข้างหนึ่งของนิคโอบอยู่รอบบ่าของจูดี้ เขาคงจะขึ้นไปบนห้องพักด้วยกัน

หญิงสาวรอจนแน่ใจว่าคนทั้งสองขึ้นลิฟต์ไปแล้ว จึงบอกนิกกี้ว่า “เรากลับบ้านกันก่อนเถอะ”

สีหน้าที่สดชื่นมีชีวิตชีวาของเด็กชายสลดลงไปทันที “นิกกี้ไม่อยากกลับบ้าน นิกกี้อยากหาอังเคิลนิคนี่นา มอมมี้แม่บอกว่าจาไปจ๊ะเอ๋ ให้อังเคิลนิคตกกาใจตาค้างไง๊”

“ตอนนี้อังเคิลนิคคงไม่ว่าง เขามีเพื่อนมาด้วยนิกกี้ก็เห็นไม่ใช่หรือ เราค่อยมาใหม่อีกทีตอนที่อังเคิลนิคว่างนะลูกนะ”

แต่เด็กชายผู้ฉลาดเกินวัยแย้งว่า “ไม่มีเพื่อนมาหาอังเคิลนิคซักกาหน่อย มีแต่อ๊านตี้จูดี้เท่านั้น”

“นั่นแหละ อ๊านตี้จูดี้เป็นเพื่อนของอังเคิลนิคไง”
นิกกี้ส่ายหน้า “ม่ายช๊าย อ้านตี้จูดี้เป็นแฟนของอังเคิลนิคตังหาก มอมมี้แม่ไม่รู้หรือไง?”
“นิกกี้รู้ได้ยังไงว่าอ้านตี้จูดี้เป็นแฟนอังเคิลนิค?”
“อ้าว..ก้ออังเคิลนิคจูบอ้านตี้จูดี้แล้วเรียกอ้านตี้จูดี้ว่า ‘ฮันนี่’ ไง๊ แด็ดดี้ก็เรียกมอมมี้ว่า ‘ฮันนี่’ เหมือนกันไม่ช่ายเหรอ”

หญิงสาวหน้าสลด ดึงแขนนิกกี้ให้ลุกจากเก้าอี้ เดินออกไปจากโรงแรมไปขึ้นรถที่จอดอยู่ที่ลานจอดแล้วขับออกไป ท่ามกลางเสียงประท้วงไม่ขาดปากของเด็กชาย

“ขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวกันดีมั้ย”พราวพรายพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเขา

พอได้ยินว่าจะได้ไปเที่ยว นิกกี้ซึ่งนั่งฮึดฮัดอยู่ข้างหลังก็เสียงใสขึ้นมาทันที
"ไปเลย มอมมี้แม่ นิกกี้จาขี่เรือบินบรื๋อไปเที่ยว นะมอมมี้แม่นะ”

ก่อนออกรถพราวพรายโทรศัพท์ไปจองตั๋วเครื่องบินข้ามประเทศ ไฟลท์ที่เร็วที่สุดเท่าที่หาได้ และทันทีที่ถึงอพาร์ตเมนท์ที่พัก เธอก็จัดกระเป๋าเดินทางอย่างรวดเร็วเสร็จภายในสิบห้านาที ล็อคห้องพักแล้วลงมาที่เคาเตอร์ข้างล่าง สั่งเสียพนักงานที่นั่งอยู่ตรงนั้นสองสามคำ ก่อนจะพานิกกี้มาขึ้นรถ ขับตรงไปที่สนามบินโดยด่วน ไฟลท์ที่เธอจองเอาไว้อย่างกระทันหัน กำหนดจะออกจากท่าอากาศยานฮีโธร่ว์ ในอีกไม่เกินสองชั่วโมงข้างหน้า โชคดีที่ยังพอมีที่นั่งว่างเหลืออยู่บ้าง

ทันทีที่ถึงสนามบินเคลียร์เอกสารทั้งหมดเรียบร้อย หญิงสาวก็รีบร้อนพานิกกี้ผ่านด่านตรวจหนังสือเดินทาง เข้าไปในที่พักผู้โดยสารเตรียมขึ้นเครื่อง แม้จะรู้ว่าอีกเกือบชั่วโมง กว่าผู้โดยสารจะถูกเรียกขึ้นเครื่อง แต่เธอกลัวว่านิคอาจจะทิ้งจูดี้ไว้ที่โรงแรมชั่วคราวเพื่อมาหาเธอที่อพาร์ตเมนท์ และอาจจะตามมาถึงสนามบิน จะเพื่ออะไรเธอไม่รู้ รู้แต่เพียงว่ายังไม่อยากเห็นหน้าเขา ที่อาจจะตีสองหน้าทำไม่รู้ไม่ชี้เรื่องจูดี้ ไม่ว่าเขาจะมาเพื่อปรับความเข้าใจเรื่องเมื่อวาน หรือมาเพื่อพูดเรื่องของเขากับจูดี้ ที่อาจจะมาด้วยกันกับเขาตั้งแต่แรกหรือนัดหมายมาพบกันที่นี่ เธอก็ยังไม่พร้อมที่จะฟัง

ในที่สุดผู้โดยสารของเครื่องบินลำนั้น ก็ถูกเรียกขึ้นเครื่องตามกำหนดเวลา พราวพรายถอนใจยาวอย่างโล่งอก ขณะที่นิกกี้เพลิดเพลินกับการ์ตูนในโทรทัศน์จอใหญ่ หญิงสาวก็นั่งหลับตาคิดถึงภาพนิคกับจูดี้ ที่เดินเคลียคลอกันขึ้นลิฟต์หายไป สิ่งที่เธอข้องใจตอนนี้ก็คือทำไมจูดี้มาปรากฏตัวคู่กับเขาในลอนดอน นิคมีสิทธิจะนัดหรือพาจูดี้มาได้ แต่ไม่มีสิทธิที่จะมาตีสองหน้ากับเธอ

พราวพรายไม่ได้โกรธเรื่องที่นิคมีผู้หญิงคนใหม่ เพราะไม่ใช่ความผิดของเขา เขาก็เหมือนเธอที่เพิ่งจะรู้เรื่องการหย่าที่เป็นโมฆะเมื่อไม่กี่วันนี้เอง แต่ถึงอย่างไรเธอก็แน่ใจว่านิคจะไม่มีทางไปผูกสมัครรักใคร่กับจูดี้ หรือผู้หญิงคนไหนได้เป็นอันขาด ถ้าเขาได้รู้ความจริงสามเรื่องเสียตั้งแต่ตอนที่กลับมาทำงานใหม่ๆ ความจริงที่ว่าการสมรสของเธอกับเขายังมีผลตามกฏหมาย ความจริงที่ว่าเธอยังไม่ได้แต่งงานไปกับผู้ชายคนใหม่ คำตอบแบบคลุมเครือของเจิดจรัสทำให้นิคเข้าใจผิด และความจริงสุดท้ายคือนิกกี้เป็นลูกของเธอกับเขา

นอกจากนี้พราวพรายก็ยังเชื่อด้วยว่า ถ้านิครู้ความจริงเรื่องใดเรื่องหนึ่งแม้แต่เพียงเรื่องเดียวตอนที่กลับมาใหม่ๆ ไม่ต้องให้ครบทั้งสามเรื่องหรอก มีหรือที่คนอย่างเขาจะไม่ดั้นด้นตามหาเธอ แต่เมื่อเขาไม่รู้และเหตุมันเกิดขึ้นมาแล้ว โดยที่เขามีผู้หญิงคนใหม่ไปแล้ว เขาก็จะต้องตัดสินใจเอาเองว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับความยุ่งเหยิงนี้ โดยไม่ต้องนำเธอกับลูกเข้าไปเกี่ยวข้องให้วุ่นวายมากขึ้นไปอีก

สี่ปีที่ปราศจากเขาที่เธอต้องต่อสู้ดิ้นรนหลายอย่างด้วยตัวเอง รวมทั้งอายุที่มากขึ้น หล่อหลอมเธอให้กลายเป็นพราวพรายคนใหม่ที่เข้มแข็งขึ้น ใจเย็นและมีเหตุมีผลมากขึ้น การมาปรากฏตัวของจูดี้ทำให้เธอต้องปลีกตัวไปเสีย เพราะไม่ต้องการจะถูกดึงโดยสถานการณ์ ให้เข้าไปร่วมอยู่ในวงจรการต่อสู้แย่งชิงผู้ชายคนใด แม้ผู้ชายคนนั้นจะเป็นสามีโดยชอบของเธอก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้เป็นปณิธานที่มั่นคงและยึดมั่นมาตลอด ของพราวพรายตั้งแต่เริ่มเป็นสาว

ถ้าเธอกับลูกยังอยู่ในลอนดอนนิคก็ต้องมาหา ซึ่งจะทำให้เขาพะวักพะวนเปล่าๆ เธอจะไม่ยอมเข้าไปเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากับแพทย์สาวคนนั้นต้องเลิกกัน ถ้านิคจะเลิกกับจูดี้เขาก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเขาเอง และแม้เขาจะตัดสินใจเลือกจูดี้เธอก็คงจะไม่เสียใจมากมายนัก พราวพรายคนนี้ไม่ใช่พราวพรายคนเดิมเมื่อสี่ปีที่แล้ว แต่เป็นพราวพรายคนใหม่ที่จะทำทุกอย่างด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่ด้วยอารมณ์

หญิงสาวพยายามทำใจให้สงบ บอกตัวเองว่าอย่าไปสนใจเรื่องของนิคกับจูดี้เลย ปล่อยให้เขาสองคนตัดสินใจกันเอาเอง เธออยู่โดยไม่มีเขามาได้ตั้งสี่ปีกว่า ทำไมจะอยู่ต่อไปไม่ได้ หญิงสาวตั้งใจมั่นเอาไว้แล้วว่า เธอจะกลับไปอยู่กับนิคเหมือนเดิมได้ ภายใต้เงื่อนไขข้อเดียวเท่านั้น นั่นคือเขาต้องเลิกกับจูดี้โดยเด็ดขาดเสียก่อน ถ้านิคยังไม่กล้าตัดสินใจ ยังปล่อยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจูดี้คาราคาซังต่อไป เมื่อถึงเวลาหนึ่งเธอก็จะขอหย่าขาดจากเขาอีกครั้งให้ถูกต้อง โยนอดีตทั้งหมดทิ้งไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นแล้วเธอก็อยู่กับลูกและทำงานที่เธอรักต่อไป เมื่อไหร่ที่พบผู้ชายดีดีที่ไม่รังเกียจลูกของเธอ พราวพรายก็พร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง

ส่วนนิคนั้นเมื่อพาจูดี้ขึ้นไปถึงห้องพักก็ทำท่าจะปลีกตัว แต่จูดี้ผวาเข้ามากอดเขาก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร

“คิดถึงคุณจังเลยค่ะ นิค”

พอพูดจบเธอก็จูบเขา ชายหนุ่มซึ่งกำลังกังวลกับเรื่องพราวพรายและลูก หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ดันตัวจูดี้ออกห่างอย่างละมุนละม่อม 

“คุณพักผ่อนอยู่ในห้องนี้ไปก่อน ผมมีธุระต้องไปพบคนบางคน”

สีหน้าของจูดี้เปลี่ยนไปเมื่อเห็นท่าทางเหมือนกระอักกระอ่วนของนิค มิหนำซ้ำเขายังไม่จูบตอบเธอเสียอีก แต่หญิงสาวก็ยังไม่คิดอะไรมาก คิดว่าเขาคงมีธุระที่นัดเอาไว้ล่วงหน้า เขาคงไม่ได้คาดหมายว่าเธอจะเดินทางมาหาเขาถึงลอนดอนโดยไม่คุยกับเขาให้รู้เรื่องก่อน

“จะไปพบใครหรือคะ?”

นิคไม่ตอบและไม่มองหน้าเธอ เห็นแล้วจูดี้ซึ่งเริ่มสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วกับท่าทางแปลกๆของเขา ก็เลียบเคียงถามว่า “ฉันไปด้วยได้ไหมคะ?”

“อย่าเลย พักผ่อนเถอะ ผมมีเรื่องต้องคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว”

จูดี้ฝืนยิ้มทั้งๆที่รู้สึกน้อยใจ “ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร คุณไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะโทรศัพท์หาเพื่อนหน่อย เขาทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลในลอนดอนนี่เอง เราจะไปร่วมสัมมนาด้วยกัน”

เธอยิ้มหวานให้เขาเมื่อถามต่อว่า "คุณจะไปนานหรือเปล่าคะ”
“ยังไม่รู้เลย อาจจะนานหลายชั่วโมงก็ได้”
“ฉันจะรอทานมื้อเย็นกับคุณนะคะ นิค”

นิคชำเลืองดูนาฬิกาบนข้อมือ “อย่ารอดีกว่า ไม่รู้ว่าผมจะเสร็จธุระเมื่อไหร่ ถ้าตอนนั้นผมยังไม่กลับ คุณสั่งรูมเซอร์วิสก็ได้นี่”

“ตกลงค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ นิค”

หญิงสาวหน้าเสียไปอีกหน่อยแต่ก็พยายามกลบเกลื่อน แม้จะคบหากันสนิทถึงเพียงนี้แต่เธอก็สัมผัสได้ว่า นิคไม่เคยยอมให้เธอเข้าถึงหัวใจส่วนลึกของเขาได้ บางครั้งเธอไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ จะว่าเขารักเธอมากก็ไม่ใช่ ไม่รักเลยก็คงไม่ใช่อีกเหมือนกัน บางครั้งดูเขาเศร้าอยู่ลึกๆเหมือนโหยหาอะไรบางอย่าง หรือว่าเขายังลืมผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ ผู้หญิงเอเซียคนที่เขาเคยแต่งงานด้วยแต่เลิกร้างกันไปนานแล้ว ผู้หญิงคนที่เขาเคยเล่าให้เธอฟังวันที่เดินทางไปมิชิแกนด้วยกัน

ชายหนุ่มรีรออยู่อึดใจหนึ่งก็บอกเธอว่า “ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ แต่ตอนนี้ผมต้องรีบไป ไว้ผมกลับมาแล้วค่อยคุยกัน"

นิครีบร้อนออกจากห้องไปแล้วแต่จูดี้ยังยืนอยู่กลางห้อง รู้สึกแปลกๆกับท่าทางอึดอัดกระสับกระส่ายของเขา ค่อนข้างแน่ใจว่าเขาไม่ได้ดีใจที่พบเธอ เหมือนที่เธอวาดภาพเอาไว้ล่วงหน้าอย่างมีความสุข ขณะอยู่บนเครื่องบินที่มุ่งหน้ามาลอนดอน เขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดกับเธอ เรื่องอะไรกันแน่ สำคัญขนาดทำให้สีหน้าของเขาเคร่งเครียดเช่นนั้นเลยหรือ แล้วเธอล่ะ เธอเองก็มีเรื่องสำคัญจะพูดกับเขาเหมือนกันไม่ใช่หรือ แต่ถึงจะน้อยใจเพียงไรกับท่าทีของเขา หญิงสาวก็เชื่อว่าทันทีที่รู้ข่าวสำคัญของเธอ นิคจะดีใจจนลืมเรื่องอะไรก็ตามที่เขากำลังเครียดอยู่ขณะนี้ไปหมดสิ้น

เมื่อนิครีบร้อนขึ้นไปที่ห้องพักของพราวพราย เขากดออดแล้วรอกดแล้วรออยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตู ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัย เธอกับนิกกี้ออกไปไหน หรือว่าพราวพรายจะพาลูกออกไปเดินเล่นหรือไปสวนสาธารณะเหมือนเมื่อวาน เพราะวันนี้อากาศยังดีอยู่ มีแดดอ่อนๆ ไม่มีหิมะ

นิคกระสับกระส่ายเดินไปเดินมาอยู่พักใหญ่ ลองกดออดประตูอีกสองสามครั้ง เมื่อยังเงียบอยู่เหมือนเดิมชายหนุ่มก็ตัดสินใจลงลิฟต์ไปชั้นล่าง ตรงเข้าไปที่เคาเตอร์ซึ่งมีพนักงานชายนั่งอยู่คนหนึ่ง เมื่อสอบถามถึงเจ้าของห้องพักหมายเลข 412 เขาก็ได้คำตอบที่ต้องการ

“มิสพราวพรายห้อง 412 ไม่อยู่หรือครับ ผมขึ้นไปกดออดที่ห้องเธอหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีใครมาเปิดประตู”

“อ๋อ..ครับ เธอไปสนามบินครับ”
“ไปไหน? ไปอเมริกาหรือเปล่า?”
“ผมไม่ทราบหรอกครับ เธอบอกแต่เพียงว่าจะพาลูกไปส่ง”
“ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ชายผู้นั้นทำท่าคิดก่อนจะตอบว่า “ผมไม่แน่ใจ แต่ก็พักใหญ่แล้วละครับ”

นิคกล่าวคำขอบใจแล้วเดินแกมวิ่งลงจากอาคารอพาร์ตเมนท์แห่งนั้น เรียกแท็กซี่ที่จอดเป็นแถวตรงที่จอดใกล้ๆให้ไปส่งที่สนามบิน เช็ควุ่นวายอยู่พักใหญ่ก็รู้ว่าเครื่องบินที่บินไปสหรัฐฯสองลำ ออกเดินทางไปหมดแล้ว เหลือแต่ไฟลท์สุดท้ายที่จะออกจากลอนดอนในตอนดึก หลังจากติดต่อขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สายการบินแล้วรออยู่พักหนึ่ง ก็ได้ความว่าพราวพรายกับนิกกี้อยู่ในเครื่องบินลำที่สอง ที่เพิ่งจะออกจากสนามบินไปประมาณครึ่งชั่วโมง

ชายหนุ่มคิดอย่างเร่งรีบว่าจะทำอย่างไรต่อไป เขาไม่รู้ว่าทำไมพราวพรายรีบออกเดินทางกลับอเมริกา อย่างปัจจุบันทันด่วนเช่นนี้ เมื่อวานนี้เธอยังไม่เห็นพูดเรื่องจะกลับไปเลย มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ? หรือเธอรู้ว่าจูดี้มาหาเขาถึงที่นี่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเธอก็อาจจะคิดว่าที่เขาหายไป ไม่ได้กลับไปหาเธอก็เพราะจูดี้ เธออาจจะเข้าใจผิดจนเป็นเรื่องใหญ่โตที่ยากจะกลับมาคืนดีกันก็ได้ เขารู้ว่าเธอเป็นคนทิษฐิจัด แต่คิดไปคิดมาแล้วนิคก็ไม่เชื่อว่าพราวพรายจะรู้เรื่องที่จูดี้มาหาเขาถึงลอนดอน นอกเสียจากว่าเธอมาหาเขาที่โรงแรมแล้วเห็นเขากับจูดี้

ความร้อนใจกลัวว่าหญิงสาวจะเข้าใจผิด ทำให้นิครีบเข้าไปจองตั๋วเครื่องบินที่จะเดินทางไปสหรัฐฯ ในคืนนี้ ได้ตั๋วแล้วก็รีบกลับไปโรงแรมเพื่อเก็บกระเป๋า ตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้จูดี้ฟังทันทีเพื่อยุติความสัมพันธ์ทั้งหมด ไม่สามารถจะรอบอกเธอภายหลังได้เหมือนที่ตั้งใจเอาไว้ เขาจำเป็นต้องรีบกลับอเมริกาโดยด่วน เพื่อไปทำความเข้าใจกับพราวพรายก่อนที่เธอจะเข้าใจผิดไปใหญ่โต

แต่เมื่อนิคเดินผ่านหน้าเคาเตอร์ พนักงานที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็เรียกเขา พร้อมกับส่งโน๊ตแผ่นหนึ่งและกุญแจห้องให้ โน๊ตแผ่นนั้นมาจากจูดี้

‘ นิคคะ ฉันตามเพื่อนไปบาร์ทแล้ว โปรแกรมสัมมนามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทางผู้จัดต้องการให้ผู้เข้าสัมมนาได้พบกันอย่างไม่เป็นทางการก่อน คืนนี้จะต้องดินเนอร์ร่วมกันน่ะค่ะ ถ้าเสร็จธุระทางนี้แล้วอยากให้คุณตามไปคืนนี้หรือพรุ่งนี้เช้า ไม่แน่ใจว่าฉันจะถึงบาร์ทกี่โมง ถ้ายังไงโทร.หาฉันที่เบอร์ข้างล่างนี้ด้วยค่ะ รักคุณ จูดี้”

พออ่านจบชายหนุ่มก็ขอใช้โทรศัพท์ตรงเคาเตอร์ ต่อไปตามหมายเลขที่จูดี้ให้ไว้ “จูดี้ ผมไปหาคุณที่บาร์ทไม่ได้ ผมมีธุระสำคัญต้องกลับดี.ซี.ด่วนคืนนี้”

“อ้าว” น้ำเสียงของจูดี้ทั้งตกใจและผิดหวัง “ธุระอะไรบอกได้ไหมคะ”

นิคอึกอัก นึกสงสารเธอเหมือนกัน แต่นึกกังวลและเป็นห่วงเรื่องระหว่างเขากับพราวพรายมากกว่า

“คุณกลับไปที่โน่นแล้วผมจะไปหา มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ตอนนี้ผมรีบมาก แค่นี้ก่อนนะ ผมมีอะไรต้องเตรียมหลายอย่าง”

ความตั้งใจที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้จูดี้ฟังก่อนกลับสหรัฐฯ จำเป็นต้องล้มเลิกไปโดยปริยาย เรื่องส่วนตัวที่สำคัญเช่นนี้ไม่สมควรจะพูดกันทางโทรศัพท์



Create Date : 16 สิงหาคม 2566
Last Update : 16 สิงหาคม 2566 23:31:15 น.
Counter : 389 Pageviews.

9 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณเริงฤดีนะ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณ**mp5**, คุณปัญญา Dh, คุณปรศุราม, คุณnewyorknurse

  
โอ๊ยคุณตุ้ย ชีวิตคู่ของสองคนนี้วุ่นวายจริงหนอ

โดย: หอมกร วันที่: 17 สิงหาคม 2566 เวลา:7:11:14 น.
  
ไกล้จบแล้ว่ค่ะ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 17 สิงหาคม 2566 เวลา:23:12:01 น.
  
โดย: หอมกร วันที่: 18 สิงหาคม 2566 เวลา:7:07:04 น.
  
อ่านแล้วเหนื่อยจังค่ะ ทำไมวุ่นวายจังหนอ


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 18 สิงหาคม 2566 เวลา:8:03:26 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด

เฮ้อ ! อ่านบล็อกนี้แล้ว เกิดความรู้สึก เห็นถึงความสับสนวุ่นวาย
ภายในจิตใจของตัวละครทุกตัวเลย จ้ะ เริ่มตั้งแต่ ตัวแพรวพราย เมื่อมาถึงโรงแรมที่นิคพัก เจอนิคกับจู้ดี้ นิค เมื่อรู้ว่า แพรวพรายกับนิคกี้ไปอเมริกาแล้ว จิตใจเขาสับสนวุ่นวาย คิดกังวลไปสารพัด มาถึงตัวละครสุดท้าย คือ จูดี้ จิตใจเธอเริ่มเกิดความสับสนที่เห็นกิริยาของนิคที่เปลี่ยนไป ครูกำลังคาดเดาต่อไปว่า สิ่งที่เธออยากจะบอกนิค มันคืออะไร ที่จะทำให้นิคดีใจ มันสำคัญมาก เดาว่า หมอจูดี้ท้องเหรอ อุย ถ้าเดาถูก ปัญหาใหญ่เลย จะแก้ปญหาอย่างไร หนอ รออ่านต่อจ้ะ

โหวดหมวด งานเขียน ฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 18 สิงหาคม 2566 เวลา:9:40:00 น.
  
สวนกันไปสวนกันมา
นางเอกก็คิดมากเกิน..เหตุ
ยาวไป

โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 18 สิงหาคม 2566 เวลา:13:06:12 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 18 สิงหาคม 2566 เวลา:14:14:30 น.
  
สวัสดีครับ

แวะมาอ่านครับ
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 18 สิงหาคม 2566 เวลา:15:43:20 น.
  
ขอบคุณพี่ตุ้ยสำหรับกำลังใจค่ะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 19 สิงหาคม 2566 เวลา:0:47:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
สิงหาคม 2566

 
 
1
2
4
5
6
8
9
10
12
13
14
15
17
18
19
21
23
24
26
28
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com