คนละฟากฟ้า - บทที่ 45



ในที่สุดนิคกับพราวพรายก็จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อย โดยหญิงสาวยึดทะเบียนฉบับที่เป็นของเขาไปเก็บไว้เองทันทีที่ขึ้นรถ โดยให้เหตุผลว่าเธอไม่ไว้ใจกลัวว่าเขาจะเอาไปให้ใครดู เธอสั่งเขาไว้ล่วงหน้าแล้วก่อนจะไปจดทะเบียน ว่าห้ามบอกให้ใครรู้เป็นอันขาดเรื่องการจดทะเบียนครั้งนี้ ซึ่งนิคก็ไม่ได้โต้แย้งว่าอย่างไร เห็นว่าเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นั้นเอง ยอมๆเธอไปเสียบ้าง เธอจะได้ไม่อารมณ์เสียจนอาจจะกระทบกระทั่งถึงสุขภาพของลูกในท้องได้

ตอนนี้หลังจากจดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มซึ่งกำลังดีใจที่ได้ทั้งเมียทั้งลูกโดยไม่คาดฝัน ยังไม่นึกอยากกลับเวียตนาม เพราะความจริงเขาอยู่ได้อีกหนึ่งวันเต็มๆ พยายามคิดหาวิธีว่าทำอย่างไรจึงจะให้เธอยอมไปที่อพาร์ตเมนท์กับเขา โธ่..ก็วันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มต้นชีวิตคู่ เขาก็อยากจะอยู่ใกล้ๆเธออีกสักครึ่งวัน แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเธอแล้วเขาก็รู้ว่าคงไม่มีหวัง แต่ก็ขอลองดูก่อนเผื่อฟลุก

“พราว นี่ก็เพิ่งบ่ายโมงเอง กลับไปบ้านคุณก็ต้องอยู่คนเดียว เพื่อนคุณก็ไปทำงาน ผมเองก็ต้องรอเครื่องบินตอนเย็น เราซื้ออาหารกลับไปกินกันที่อพาร์ตเมนท์ดีไหม ก่อนขึ้นเครื่องผมจะไปส่งคุณที่บ้าน อ้อ..คุณจะได้ไปเอาแหวนด้วยไง แหวนที่ฝากไว้ที่ห้องผมน่ะ”

อีกฝ่ายค้อนขวับ “ใครว่าฝาก คืนให้ต่างหากล่ะ จะเอาไปให้ใครก็เอาไปเถอะ ฉันไม่อยากได้”

นิคดีใจที่เธอพูดแต่เรื่องแหวน ไม่เห็นพูดอีกเลยว่าจะกลับบ้าน จะไม่ไปที่อพาร์ตเมนท์ เมื่อได้โอกาสเขาจึงทำไม่รู้ไม่ชี้ พารถไปจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ลงไปซื้ออาหารที่เธอเคยบอกว่าชอบ หลังจากนั้นก็กลับไปอพาร์ตเมนท์ กุลีกุจอจัดอาหารที่ซื้อมาใส่จานตั้งโต๊ะเรียบร้อย ขณะที่พราวพรายซึ่งยังกังวลไม่เลิกกับเรื่องการตั้งครรภ์ ซ้ำเติมด้วยการจดทะเบียนสมรสโดยไม่บอกกล่าวบิดามารดาเข้าไปอีก เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมารำไร แต่เมื่อนิคคะยั้นคะยอให้ลุกขึ้นไปทานอาหาร หญิงสาวซึ่งเริ่มหิวก็ลงนั่งรับประทานและพบด้วยความประหลาดใจ ว่าเธอรับประทานได้มากกว่าทุกวัน

พราวพรายไม่รู้หรอกว่านั่นเป็นเพราะความโล่งใจ ที่สามารถแก้ปัญหาไปได้บ้าง แม้จะยังไม่ทั้งหมดก็ตาม ความจริงที่เธอยอมมาที่นี่กับเขาก็เพราะไม่อยากอยู่คนเดียว คิดเรื่องปวดสมองที่เพิ่งเกิดขึ้น สุนิสาบอกไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ว่าคืนนี้เธอกับอรรณพจะไปร่วมงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ของนายทหารรุ่นน้องของอรรณพที่สโสรนายทหาร และอาจจะเลยไปค้างคืนกับเขาในค่ายด้วย

ชายหนุ่มที่คอยชำเลืองดูสีหน้าของพราวพรายอยู่บ่อยๆ เพื่อสังเกตอารมณ์ เห็นเธอกลับมานั่งเอนๆกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ยาว หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็บอกเธอว่า

“พักสักหน่อยดีไหม เข้าไปนอนในห้องผมก็ได้” พอเห็นเธอทำตาเขียวมองมาเขาก็รีบบอกว่า “ผมไม่เข้าไปกวนหรอกน่า จะนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างนอกนี่แหละ”

เมื่อเธอไม่ตอบและไม่ขยับเขยื้อน นิคก็มีข้อเสนอใหม่ “หรือจะอาบน้ำก็ได้ จะได้หายเครียด ท่าทางคุณดูเครียดๆนะ”

“อาบได้ไงล่ะ พูดยังกับว่าฉันมีเสื้อผ้าสำรองอยู่ที่นี่งั้นแหละ”
“อาบแล้วใช้เสื้อคลุมอาบน้ำของผมก็ได้ ผมมีเสื้อคลุมตัวสั้นด้วย”

นิครีบลุกเข้าไปเปิดเครื่องปรับอากาศในห้องนอน หยิบเสื้อคลุมตัวที่ว่าออกมาส่งให้ พราวพรายรับมาแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนอน

ก่อนจะลับตัวเข้าประตูไปเธอหันมาปรามชายหนุ่มที่กำลังมองตามเธออยู่ว่า
“แล้วไม่ต้องทำลูกไม้หาโอกาสเข้ามาในนี้ล่ะ ฉันปวดหัวอยากจะหลับสักชั่วโมง”

แม้จะถูกห้าม แต่ชายหนุ่มทนอยู่ได้เพียงชั่วโมงเดียวก็แอบย่องเข้าไปในห้องนอน เห็นพราวพรายในเสื้อคลุมอาบน้ำตัวบางของเขานอนหลับตาอยู่บนเตียง มีผ้าห่มคลุมตั้งแต่อกลงมา นิคยืนมองเธอด้วยความรู้สึกทั้งเป็นห่วงและสงสารยิ่งนัก นึกเสียใจกับความบ้าระห่ำของตัวเองในคืนนั้น แต่อีกใจที่เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่เมื่อรักผู้หญิงคนหนึ่งจนหมดหัวใจแล้ว ก็ย่อม อยากจะเป็นเจ้าของครอบครองเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะนึกดีใจที่เหตุการณ์ในคืนนั้นทำให้เธอยอมจดทะเบียนสมรสกับเขา นิคเดินอ้อมเตียงไปล้มตัวลงนอนใกล้พราวพราย เธอขยับตัวลืมตาขึ้นมองเขา

“เข้ามาทำไม ไหนว่าจะนั่งอ่านหนังสือข้างนอกไง?”
“ผมเป็นห่วงเลยเข้ามาดูคุณว่าเป็นยังไงบ้าง หายปวดหัวหรือยังล่ะ?”
“ค่อยยังชั่วบ้างแล้วละ แต่ก็ยังไม่หาย"
"เอายาแก้ปวดไหม?" แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ "ว่าแต่คนท้องกินยาเหมือนคนปกติได้หรือเปล่า จะมีผลกระทบต่อลูกไหม?"
"ไม่รู้" เธอตอบอ่อยๆ "แต่ฉันไม่กินยาหรอก ได้หลับสักครู่คงหาย"
"คุณคงเครียดมากไปหน่อย อย่าคิดมากเลยนะ จำไว้ว่าไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมก็จะปกป้องคุ้มครองและอยู่เคียงข้างคุณเสมอ"

พอพูดจบเขาก็จูบหน้าผากเธอหนึ่งที ด้วยความรู้สึกที่อ่อนโยนทะนุถนอม รักและสงสาร ดึงตัวเธอให้หันมานอนซุกอกเขาแล้วกอดเธอเอาไว้หลวมๆ

"หลับเสียนะ ตื่นมาจะได้สบาย"

พราวพรายหลับตาและพยายามที่จะหลับ ทั้งๆที่ในสมองยังครุ่นคิดกังวลอยู่กับเรื่องการตั้งครรภ์และการแอบจดทะเบียนสมรสกับชายต่างชาติ ความกลัวมารดาที่ฝังรากลึกมาตลอดชีวิตทำให้เธอรู้สึกเครียดอย่างมาก แต่ความอนาทรห่วงใยของนิคที่แสดงให้เห็นว่า พร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอต่อสู้กับเรื่องต่างๆเพื่อเธอ และอกของเขาที่เธอกำลังซุกซบอยู่ ทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยและคลายความกังวลลงไปได้บ้าง แล้วก็หลับลงไปได้ในที่สุด

ระหว่างขับรถไปส่งพราวพรายที่บ้านพักก่อนไปขึ้นเครื่องกลับเวียตนาม นิคซึ่งกำลังเห่อกับชีวิตใหม่ที่มีทั้งลูกและเมียถามว่า “เมื่อไหร่จะเปิดเผยเรื่องของเราให้ใครๆรู้ซะทีล่ะ?”

“ทำไมจะต้องเปิดเผย” เสียงของเธอซึ่งตอนแรกยังปกติดีอยู่เริ่มขุ่นขึ้นมาทันที
“อ้าว..ถ้าไม่เปิดเผยแล้วท้องคุณโตขึ้นมาเรื่อยๆล่ะ คุณไม่อายใครหรือ? ไหนเห็นกลัวโน่นกลัวนี่อยู่เรื่อย”
พราวพรายนิ่งไปครู่ก่อนจะตอบว่า“เอาไว้ให้รู้แน่เสียก่อนว่าท้อง ค่อยคิดกันอีกที”

“งั้นถ้าหมอบอกว่าคุณท้องจริง คุณต้องพาผมไปพบพ่อแม่คุณนะ” นิคย้ำอีก

หญิงสาวหันขวับมาถามทันทีอย่างไม่พอใจ “ทำไมจะต้องไปพบพ่อแม่ฉันอีกล่ะ คุณก็รู้นี่ว่าฉันยังไม่อยากให้ท่านรู้เรื่องของเรา”

นิคถอนใจ รู้สึกเหนื่อยที่จะพูดกับเธอ “ผมรู้ แต่นี่มันสถานการณ์คนละแบบกัน ตอนนั้นคุณไม่ได้ท้อง แต่ตอนนี้ท้องแล้ว ยังไงก็ต้องบอกให้ท่านรู้ พอรู้แล้วเราจะได้จัดการแต่งงานกันให้เป็นเรื่องเป็นราวเสีย”

“อะไรนะ? จะจัดอะไรอีกล่ะ จดทะเบียนกันแล้วยังไม่พออีกหรือ?”

“ผมอยากทำทุกอย่างให้ถูกต้องไม่ให้คุณต้องอายใคร ผมก็พอจะรู้ธรรมเนียมของคนไทยอยู่มั่งเหมือนกัน ว่าจดทะเบียนสมรสอย่างเดียวไม่พอหรอก ถึงมันจะสมบูรณ์แล้วในทางกฏหมาย แต่พ่อแม่คุณก็คงต้องการให้สังคมรับรู้อย่างเป็นทางการด้วยไม่ใช่หรือ?”

พราวพรายขมวดคิ้ว “หมายความว่าไง?”

“ก็จัดงานฉลอง เชิญพรรคพวกเพื่อนฝูงมาร่วมงานไง เขาจะได้รู้ว่าเราแต่งงานกันแล้ว หรือคุณคิดว่าเวลามีใครสงสัยไม่แน่ใจว่าแต่งงานกันหรือยัง คุณจะงัดทะเบียนนั่นมาโชว์ได้ทุกครั้ง”

“บ้า พูดบ้าๆ” นิ่งคิดอยู่เดี๋ยวหนึ่ง “ไว้ค่อยคิดอีกทีแล้วกัน”
“อ้อ..แล้วเราควรจะเข้าโบสถ์ด้วย ดีไหม?” นิคฝันต่ออย่างมีความสุข
“เอ๊ะ..นี่คุณคิดบ้าอะไรน่ะ? เดี๋ยวจะจัดงานเลี้ยง เดี๋ยวจะเข้าโบสถ์ ไปกันใหญ่แล้ว”

ชายหนุ่มหน้าเสีย “ทำไมล่ะ ก็ธรรมเนียมทางผมต้องเข้าโบสถ์นี่ ถ้าคุณจะทำพิธีแบบไทยด้วยก็ได้นะ”

“อะไรนะ?”

“อ้าว..ก็พิธีทางศาสนาของคุณไง ตักบาตร เลี้ยงอาหารพระน่ะ ลูกน้องผมที่แต่งงานกับผู้หญิงไทยเขาก็ทำยังงี้แหละ”

หญิงสาวถอนใจเฮือก “พอทีเถอะ ไม่จัดอะไรทั้งนั้นแหละ” แล้วพอนึกขึ้นได้เธอก็ถามต่อว่า “ไอ้เรื่องเข้าโบสถ์ของคุณน่ะ มันสำคัญนักหรือไง”

“สำหรับผมก็ถือว่าสำคัญ ไม่งั้นผมคงไม่รู้สึกว่าแต่งงานแล้วจริงๆสักเท่าไรหรอก”

“หมายความว่าไง?” เธอคาดคั้นเอาคำตอบอย่างเริ่มโมโห หนอยแน่ะ..มีหน้ามาบอกว่าคงรู้สึกเหมือนยังไม่ได้แต่งงาน

นิคยักไหล่ คิดในใจว่าไม่ควรพูดเลยตู “ก็..ไม่มีอะไร ไม่จัดก็ไม่จัด”


“นี่..นิค ถ้าคุณคิดจะทำไม่ให้ฉันต้องอายใคร อยากจะทำพิธีอย่างถูกต้องครบถ้วนตามประเพณีของฉัน คุณต้องเริ่มต้นด้วยการให้พ่อแม่คุณมาสู่ขอฉันกับพ่อแม่ฉันให้เป็นเรื่องเป็นราว ทำพิธีหมั้นอย่างเป็นทางการ รอสักพักหนึ่งค่อยแต่งงานกัน เริ่มด้วยพิธีทางศาสนาของทางคุณหรือทางฉันก็ได้ ต่อด้วยรดน้ำ จดทะเบียนสมรสแล้วจบด้วยเลี้ยงฉลอง แต่นี่มันตรงกันข้าม คุณเริ่มต้นด้วยการล่วงเกินฉัน ทำให้ฉันท้องขึ้นมา ทำให้ฉันไม่มีทางเลือก ต้องยอมจดทะเบียนกับคุณเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้ แล้วตอนนี้จะมาเพ้อเจ้อเรื่องพิธีบ้าบออะไรอีกก้ไม่รู้ บ้าที่สุด”

พราวพรายพูดอย่างโมโห ไม่พยายามเข้าใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อยว่าทุกอย่างที่เขาเสนอมานั้น ล้วนเป็นไปเพื่อให้เกียรติเธอและครอบครัวของเธอทั้งสิ้น

ส่วนนิคนั้นเมื่อเห็นพราวพรายโกรธก็เลยเงียบไป ทั้งๆที่น้อยใจอยู่เหมือนกัน ว่าเขาพยายามที่จะทำทุกอย่างให้ถูกต้องเพื่อเธอ ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ เพราะไหนๆก็จดทะเบียนสมรส ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของการแต่งงานไปเรียบร้อยแล้ว เป็นขั้นตอนที่รับรองสิทธิอันสมบูรณ์ของทั้งสองฝ่ายในฐานะคู่สมรส ที่ไม่มีใครหรืออะไรจะมาโต้แย้งหรือหักล้างได้


ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าพราวพรายช่างเป็นผู้หญิงที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเอง บางครั้งก็ไร้เหตุผล ถือความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ยอมคิดถึงจิตใจของเขาบ้างเลย ความจริงเขาเองก็เป็นคนแข็งและเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ชอบให้ใครโดยเฉพาะผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนหรือเมียมาชี้นิ้วบงการไปเสียทุกเรื่อง แต่ก็เพราะความรักอย่างเดียวเท่านั้น ที่ทำให้เขายอมเธอมาตลอด แม้เธอจะชอบทำอะไรประหลาดๆ ทำเหมือนกดขี่ข่มเหงเขาอยู่บ่อยๆ แต่เขาก็อภัยให้เพราะเห็นว่าเธอเด็กกว่าเขามาก เธอเหมือนคนเก็บกด ที่เมื่อมีโอกาสจะระบายความเก็บกดนั้นออกมา กับคนที่เธอสามารถระบายได้เธอก็ไม่รีรอแม้แต่น้อย แต่ยิ่งยอมเธอก็ยิ่งได้ใจ แล้วจะมีบ้างไหมวันที่เขาอาจจะทนไม่ไหวกับการบังคับบัญชาของพราวพราย จนต้องลุกขึ้นประท้วงหรือตอบโต้ให้เธอรู้สำนึกเสียบ้างน่ะ


นิคอดคิดต่อไปไม่ได้ว่าพราวพรายจะรู้บ้างหรือไม่ ว่าเธอโชคดีแค่ไหนที่มาเจอผู้ชายอย่างเขา ที่บังเอิญไม่ถือสากับพฤติกรรมต่างๆที่ขวางโลกของเธอ ต่อต้านสังคม ฉุนเฉียวขี้โมโห นึกอยากจะทำอะไรก็ทำโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง นอกจากเพราะความรักแล้ว ที่เขาไม่ถือสาเก็บเอามาเป็นอารมณ์ก็เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียว ที่ทำให้เขารู้จักความรื่นรมย์ของชีวิต ในอีกแง่มุมหนึ่งที่ไม่เคยพบมาก่อน มันทำให้เขาสดชื่นมีชีวิตชีวาจนเหมือนวัยถอยหลังตามเธอไปหลายปี


โดยพื้นฐานจริงๆของนิค เขาเป็นคนใจร้อนแต่สุขุมรอบคอบและเอาจริงเอาจัง ปกติเขาไม่ใช่คนที่จะพูดจาเล่นหัวกับใครง่ายๆ ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิท ชีวิตเขามีแต่งาน..งาน..แล้วก็งานที่ทำให้เขาเจริญก้าวหน้าโดดเด่นกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน เขาเป็นพันตรีเมื่ออายุยังไม่เต็มสามสิบ ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นส่วนใหญ่ยังเป็นแค่ร้อยเอกหรือร้อยโท เขาไม่ชอบเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระหรือคนไร้สาระ โดยเฉพาะผู้หญิง

ผู้หญิงในอดีตของเขาแต่ละคนล้วนแล้วแต่ทรงภูมิและมีมาด เป็นผู้หญิงเก่งที่ช่วยตัวเองได้ มีวุฒิภาวะ ไม่มากรีดกราดใส่เขาอย่างไร้เหตุผล การคบหาเป็นไปในแบบเสมอภาคให้เกียรติซึ่งกันและกัน เมื่อคบกันไปได้พักหนึ่งแล้วอยากจะเลิกคบกัน ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องกลายเป็นศัตรูกัน แต่เมื่อได้มาพบพราวพราย ผู้หญิงต่างชาติที่ตอนแรกเขาไม่เคยสนใจแล้วยังนึกดูถูกเสียด้วยซ้ำ เขากลับค่อยๆสนใจเธอ เมื่อได้รู้จักตัวตนจริงๆของเธอเขาก็เริ่มรักเธอโดยไม่รู้ตัวทีละเล็กทีละน้อย เหมือนน้ำจากก็อกที่หยดลงแก้วทีละหยดๆจนเต็มแล้วล้น แม้จะเสียน้ำที่ล้นไปบ้าง แต่เมื่อก๊อกน้ำก็ยังเปิดอยู่ตลอดเวลาน้ำในแก้วจึงยังเต็มอยู่ได้ นอกเสียจากว่าเขาหรือใครจะปิดก๊อกนั้นเสีย

ปกติเขาไม่ใช่ผู้ชายอ่อนหวานนุ่มนวลคอยเอาอกเอาใจผู้หญิง แต่พราวพรายสอนเขาทางอ้อมให้เอาชนะความแข็งกระด้าง มองโลกในแง่ร้ายของเธอได้ด้วยความนุ่มนวล อ่อนโยนและอ่อนหวาน ที่นิคไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนอย่างเขาก็ทำเป็นเหมือนกันและทำด้วยความเต็มใจอีกด้วย

 




Create Date : 19 มีนาคม 2565
Last Update : 19 มีนาคม 2565 22:08:33 น.
Counter : 624 Pageviews.

4 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSweet_pills, คุณหอมกร

  
เริ่มรำคาญนางเอกแล้วค่ะ 555
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 19 มีนาคม 2565 เวลา:22:30:05 น.
  
มาอ่านต่อครับ
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 19 มีนาคม 2565 เวลา:22:56:34 น.
  
แฟนคลับรอนานมากค่ะคุณตุุ้ย



โดย: หอมกร วันที่: 20 มีนาคม 2565 เวลา:19:21:10 น.
  
สวัสดีึีครับ
ทักทายครับๆ
โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 22 มีนาคม 2565 เวลา:12:03:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
มีนาคม 2565

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com