คนละฟากฟ้า - บทที่ 50


เย็นวันหนึ่งหลังเลิกงาน อมราและสุรเดชมาที่บ้านเช่าหลังเล็กของสุนิสากับพราวพราย โดยมีเขตต์ขับรถตามหลังมาด้วย อมราเอ่ยปากชวนพราวพรายไปกินข้าวนอกบ้านร่วมกับคนอื่นๆ โดยบอกว่าอรรณพจะไปรับสุนิสาจากที่ทำงาน แล้วไปพบกันที่สวนอาหารแห่งหนึ่ง ตอนแรกหญิงสาวคิดจะปฏิเสธเพราะเห็นว่าเขตต์จะไปด้วย ซึ่งพวกเพื่อนในกลุ่มก็คงหมายมั่นให้เธอเข้าคู่กับเขาเหมือนที่ผ่านมา เธอไม่อยากพาตัวเข้าไปสนิทสนมกับเขตต์เหมือนเดิม เกรงว่าเขาจะเข้าใจผิดเพราะไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่หญิงตัวเปล่าอีกแล้ว เธอกลายเป็นหญิงมีเจ้าของที่ต้องคอยปิดๆบังๆคนอื่น ความจริงพราวพรายอยากจะพูดกับเขตต์หลายครั้งแล้ว เรื่องที่เธอไม่สามารถจะรับไมตรีจากเขาได้ แต่ก็ยังหาเหตุผลมาบอกให้เขาเชื่อไม่ได้ ตอนนี้เธอก็ทำได้เพียงพยายามหลีกเลี่ยงเขา เท่าที่จะพอทำได้โดยไม่น่าเกลียดจนเกินไป


แต่เมื่ออมราอ้างว่าเป็นการเลี้ยงฉลองวันเกิดของคนในกลุ่ม พราวพรายก็ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะไม่รู้ว่าวันเกิดใครเพราะไม่มีใครยอมบอก อมราแย้มแต่เพียงว่าไปถึงร้านอาหารก็จะรู้เอง แวบแรกหญิงสาวคิดว่าหรือพวกเขาจะเลี้ยงวันเกิดให้เธอ แต่วันเกิดเธอก็ไม่ใช่วันนี้ พรุ่งนี้ต่างหาก คนที่รู้ดีก็คือเพื่อนทั้งสองของเธอ ส่วนนิคนั้นเธอไม่แน่ใจว่าเขาจะรู้หรือเปล่า เขาไม่เคยสนใจไต่ถาม ทำให้พราวพรายสรุปเอาเองอย่างน้อยใจว่าถึงรู้เขาก็คงไม่สนใจหรอก เพราะไม่มีใครหรืออะไรสำคัญสำหรับเขามากไปกว่างาน

อมรากับสุรเดชขอตัวไปก่อน อ้างว่าจะต้องรีบไปรับเพื่อนสาวคนสวยที่ชื่อจันทนาที่บ้าน พอคนทั้งสองขึ้นรถของอมราที่สุรเดชเป็นคนขับออกจากบ้านไป เขตต์ก็ออกไปนั่งรอพราวพรายอยู่ที่เก้าอี้หมู่หน้าบ้าน รอให้เธอเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อหญิงสาวปรากฏตัวออกมาอีกครั้งหนึ่งในชุดกระโปรงสีครีมเข้ารูป ต่อตรงสะโพกปลายบานย้วยและเสื้อตัดเข้ารูปเปลือยช่วงแขนสีเดียวกัน ผมหยิกหยักโศกสีน้ำผึ้งเข้มยาวสลวยปกคลุมหลังไหล่ แต่งหน้าอ่อนๆ เขตต์ก็มองอย่างพอใจ รู้สึกว่าพราวพรายดูสวยหวานเป็นผู้หญิงมากกว่าทุกครั้ง ที่เขามักจะเห็นเธอในกางเกงยืนส์กับเสื้อเชิร์ตหรือเสื้อยืดหลวมๆ

“คืนนี้คุณพราวสวยเป็นพิเศษ”

พราวพรายยิ้มเขินๆกับคำชมที่เธอรู้ว่าออกมาจากใจจริงของเขา เพราะรู้มาตลอดว่าเขตต์ไม่ใช่ผู้ชายปากหวาน

“ขอบคุณค่ะ ไปกันหรือยังคะ ป่านนี้ใครๆคงไปถึงกันแล้ว”

ปรากฏว่าทุกคนมาถึงกันหมดแล้วจริงๆ ผู้หญิงทุกคนแต่งตัวสวยโดยเฉพาะจันทนา ที่คืนนี้สวยเป็นพิเศษในชุดมินิเลยเข่าขึ้นไปหลายนิ้ว เผยให้เห็นช่วงขาอวบขาวผ่องในถุงน่องสีเนื้อเบาบาง เธอแต่งหน้าเข้มกว่าทุกครั้ง ผมดำตรงยาวเหยียดของเธอ ปรกหน้าปรกไหล่ดูเป็นสาวเซ็กซี่น่ามอง ทันทีที่สองหนุ่มสาวเดินเข้ามาถึง ทุกคนที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่มุมสวนสวย แวดล้อมด้วยต้นไม้ดอกไม้หลากสี ห่างไกลจากโต๊ะอื่นๆพอสมควร ต่างก็ปรบมือต้อนรับแล้วช่วยกันร้องเพลงแฮปปิ้เบิร์ทเดย์ให้พราวพราย ซึ่งทำท่าตกใจ

พอเพลงจบสุนิสาก็ส่งช่อดอกกุหลาบสีแดง ผูกริบบิ้นสีขาวหุ้มกระดาษแก้วช่อใหญ่ให้เขตต์ ซึ่งรับมาแล้วยื่นส่งต่อให้พราวพราย

“ทุกคนในที่นี้มอบหมายให้ผมเป็นตัวแทน มอบดอกไม้ช่อนี้แก่คุณพราว เนื่องในโอกาสวันเกิดพรุ่งนี้ ความจริงเราควรจะจัดพรุ่งนี้ แต่หลายคนไม่ว่าง ก็เลยเห็นพ้องต้องกัน ว่าควรจัดล่วงหน้าเพื่อจะเซอร์ไพรส์คุณพราว ขอให้คุณพราวของพวกเรา มีความสุขสมหวังในสิ่งที่ปรารถนานะครับ”

พราวพรายทำหน้าเก้อๆ “เอ้อ...ค่ะ ขอบคุณทุกคนนะคะที่มีน้ำใจ ความจริงไม่น่าต้องลำบากเลย ฉันไม่เคยมีงานวันเกิดเลยตั้งแต่โตขึ้นมา”

“ไม่ลำบากอะไรหรอกฮะ คุณพราว” สุรเดชเป็นคนตอบ “พวกเราแชร์ค่าใช้จ่ายกัน ไม่เท่าไหร่หรอกฮะ ต่อไปถ้าถึงวันเกิดใครเราก็จะทำแบบนี้อีก ถือโอกาสสังสรรค์กันไปในตัว”

“ไม่ใช่แค่อาหารเย็นและเค้กวันเกิดเท่านั้นนะ คุณพราว“ อรรณพเสริมขึ้นมาบ้าง “เดี๋ยวทานอาหารเสร็จเรามีโปรแกรมที่วิมานทองต่อ ต้องไปกันทุกคนเลยนะ ห้ามเบี้ยว”

“โอ๊ย! ไม่ยอมหรอก” เป็นเสียงของจันทนา “ครบคู่กันทุกคนเลย มีจันท์คนเดียวไม่มีคู่เต้นรำ จันท์ไม่ไปด้วยหรอก กินข้าวเสร็จก็จะกลับบ้านละ อิจฉา”

พราวพรายซึ่งลงนั่งเรียบร้อยแล้วบนเก้าอี้ติดกับสุนิสา ที่เขตต์เลื่อนให้แล้วลงนั่งอีกข้างหนึ่งของเธอ ได้ยินอรรณพบอกหญิงสาวผู้นั้นด้วยเสียงปนหัวเราะว่า “ไม่ต้องห่วง ผมจัดการให้แล้ว เดี๋ยวอีกสักครู่บอดี้การ์ดของคุณจันท์ก็จะมา เขาเพิ่งลงเครื่อง ต้องกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

ตอนนั้นพราวพรายฟังแล้วก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าบอดี้การ์ดที่อรรณพพูดถึงจะหมายถึงนิค แม้จะเคยเห็นท่าทางหวานหยาดเยิ้มเอาอกเอาใจ ของจันทนาต่อนิคมาก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม ที่นึกไม่ถึงก็เพราะชายหนุ่มผู้นั้นเพิ่งมาทำงานตามปกติที่อุบลฯ เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง กว่าจะมาอีกครั้งก็ต้องต้นเดือนหน้า

นั่งคุยสรวสเสเฮฮากันไปพลาง รับประทานอาหารที่สั่งมาจนเต็มโต๊ะกันไปพลางอยู่พักใหญ่ ในที่สุดนิคก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดลำลอง เสื้อยืดสีสุภาพและกางเกงยีนส์

อรรณพซึ่งดื่มเหล้าเข้าไปหลายแก้วจนหน้าแดง โบกมือให้นิคที่กำลังมุ่งหน้ามาที่โต๊ะ “มาแล้วไง บอดี้การ์ดที่สั่งอิมพอร์ตมาเป็นพิเศษสำหรับคุณจันท์ หวังว่าคงจะถูกใจ”

พราวพรายสะดุ้งเฮือกหน้าถอดสีไปทันใด ทั้งตกใจและกระอักกระอ่วนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร จะทักทายนิคอย่างไรโดยที่คนอื่นจะไม่รู้สึกผิดสังเกต นิคเองก็เพิ่งเห็นพราวพราย ตอนที่อรรณพชี้ให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่ตัวเดียวข้างจันทนา เขาตกใจไม่แพ้เธอเพราะไม่คาดว่าจะเจอเธอที่นี่ เขาคิดว่าอรรณพชวนมากินเหล้ากันเฉพาะพวกผู้ชายเท่านั้น เฮลิคอปเตอร์จากเวียตนามมาถึงสนามบินในฐานทัพอุบลฯประมาณห้าโมงเย็น อรรณพซึ่งมาทำธุระแถวนั้น เห็นเขากำลังจะขับรถออกจากค่ายก็โหวกเหวกทักทาย แล้วออกปากชวนเขา ไปร่วมสังสรรค์ดื่มเหล้ากันที่สวนอาหาร ที่เคยไปด้วยกันสองสามครั้งแล้วตอนหนึ่งทุ่ม

แต่นิคปฎิเสธโดยอ้างว่ามีธุระกับเพื่อนคนหนึ่ง ความจริงชายหนุ่มตั้งใจมาหาพราวพรายเพราะรู้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเธอ เขาไม่ได้บอกเธอล่วงหน้าว่าจะมาเพราะอยากทำให้เธอแปลกใจ แต่เมื่ออรรณพคะยั้นคะยอมากเข้านิคก็เลยต้องอ้อมแอ้มแบ่งรับแบ่งสู้ว่า ถ้าไม่พบเพื่อนก็จะตามไปสมทบที่สวนอาหารภายหลัง

เขาแวะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อพาร์ตเมนท์ ก่อนจะตรงดิ่งไปหาพราวพรายที่บ้านเช่า เพื่อรับเธอออกไปดินเนอร์ตามที่ตั้งใจเอาไว้ แต่ตอนไปถึงที่นั่นเขตต์เพิ่งขับรถพาพราวพรายไปที่สวนอาหาร คลาดกันเพียงสิบห้านาที นิคนั่งรออยู่นานในรถที่จอดห่างจากบ้าน เพราะคิดว่าเธออาจจะมีธุระ ยังกลับไม่ถึงบ้าน แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปอีกพักใหญ่เขาก็กลับเข้าไปที่หน้าบ้านเช่าหลังนั้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไม่พบเธออีกเขาก็เลยตัดสินใจแวะไปที่สวนอาหารตามคำชวนของอรรณพ โดยคิดว่าจะนั่งอยู่ไม่นานแล้วจะกลับไปดูพราวพรายอีกครั้งหนึ่ง แต่แล้วกลับปรากฏว่าเธออยู่ที่นี่ ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือเธอนั่งหน้าระรื่นในสายตาพาลๆของเขา อยู่เคียงข้างเจ้าปลัดอำเภอรูปงามคนนั้น

ชายหนุ่มกล่าวคำทักทายทุกคนที่โต๊ะอาหาร เขาก้มศีรษะให้พราวพรายที่นั่งตรงข้ามเล็กน้อย พอเป็นพิธีสำหรับคนเคยรู้จัก ก่อนจะยกแก้วเหล้าที่อรรณพชงส่งมาให้ขึ้นดื่มเงียบๆ รู้สึกฝาดเฝื่อนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นึกสังเวชตัวเองเต็มทีที่เมียนั่งอยู่ตรงหน้าแท้ๆ ยังไม่อาจแสดงตัวได้ว่าเป็นอะไรด้วย

“เออ..นิค ยังไม่ได้บอกคุณเลยว่าวันนี้เราเลี้ยงวันเกิดล่วงหน้าให้คุณพราว วันเกิดจริงคือพรุ่งนี้ แต่ไม่มีใครว่าง ผมกับแอ๋วจะเข้ากรุงเทพฯพร้อมปลัดเขตต์ นี่ก็กำลังพยายามชวนคุณพราวให้ไปด้วยกัน หยุดตั้งสามสี่วันจะอยู่คนเดียวไปทำไม น่าจะกลับไปเยี่ยมบ้านมั่ง ขากลับก็กลับพร้อมเขตต์ได้ เดินทางกลางคืนถึงนี่เช้ามืดก็ไปทำงานต่อได้เลย” แล้วเขาก็หันไปพยักเพยิดกับพราวพราย “ตกลงไหมคุณพราว? เราจะออกเดินทางตีห้าคืนนี้แหละ”

หญิงสาวอึกอักไม่กล้าเหลือบแลไปทางนิคเลย แต่ก็เห็นได้จากหางตาว่าเขากำลังมองเธออยู่เงียบๆ ความจริงเธอสองจิตสองใจมาหลายวันแล้ว ว่าจะร่วมเดินทางไปกรุงเทพฯด้วยดีหรือไม่ เพราะอยากจะไปเยี่ยมบิดามารดา เธอไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว ได้แต่โทรศัพท์ไปพูดคุยกับคุณจิตราสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง เพื่อไม่ให้มารดาเป็นห่วงจนต้องเดินทางมาดูถึงอุบลฯ ที่คิดว่าอาจจะไปช่วงนี้ก็เพราะเห็นว่า กว่านิคจะมาหาเธออีกครั้งก็อีกสองสัปดาห์ข้างหน้า แต่ตอนนี้เขามาแล้วและรู้แล้วด้วย ว่าจะมีการเดินทางไปกรุงเทพฯกัน ถ้าเธอตกลงไปกับเขตต์ซึ่งจะเอารถส่วนตัวไป แม้จะมีคนอื่นร่วมทางไปด้วย แต่นิคจะยอมเข้าใจหรือ ก็เธอรู้อยู่เต็มอกว่าเขาหึงเขตต์ ก็เพราะเจ้าความหึงของเขาไม่ใช่หรือที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น จนในที่สุดเธอต้องแอบไปจดทะเบียนสมรสกับเขา ต้องตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจนถึงทุกวันนี้

“เอ้อ..พราวยังไม่แน่หรอกค่ะ พี่ณพ” เธออ้อมแอ้มปฏิเสธ สีหน้าก็เผือดซีดไป “อาจจะไปไม่ได้”

“มีธุระอะไรหรือ? ไหนแอ๋วบอกว่าคุณพราวจะไปด้วยไง” อรรณพยังเซ้าซี้ไม่เลิก

ส่วนเขตต์ถามว่า “ถ้าไม่ไปแล้วคุณพราวจะฝากอะไรไปให้คุณป้ามั่งหรือเปล่า ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมรับอาสาจะเอาไปให้ เพราะถึงยังไงก็ต้องแวะไปเยี่ยมคุณลุงคุณป้าอยู่แล้ว”

“เอ้อ..ไม่เป็นไรค่ะ ยังไม่มีอะไรจะฝากไป”

“โธ่ คุณพราว ช่วยหาอะไรไปฝากทางบ้านหน่อยเถอะน่า คุณเขตต์จะได้ถือโอกาสเอาหน้าหาคะแนนให้ตัวเอง” อรรณพยังสนุกที่จะกระเซ้าเย้าแหย่หนุ่มสาวทั้งสองที่เขาเห็นว่าสมกันดี

สุนิสาซึ่งเห็นสีหน้าเพื่อนไม่ค่อยดี คิดว่าเธอคงจะเขิน ตัดบทขึ้นว่า “พี่ณพมัวแต่แซวพราวอยู่ได้ นิคคงจะเบื่อแย่แล้ว เปลี่ยนเรื่องพูดเถอะค่ะ”

นิคยกเหล้าในมือขึ้นดื่มต่อก่อนจะถามว่า “ค่าอาหารนี่แชร์กันใช่ไหม? ผมขอร่วมแชร์ด้วยแล้วกัน”

“ดีเลย แต่ต้องแชร์ค่าบาร์ด้วยนะ เพราะพอเสร็จจากที่นี่ คุณพราวตัดเค็กแล้วเราจะขยับขยายไปฉลองกันต่อที่วิมานทอง ตอนนี้ครบคู่หมดแล้วนี่” อรรณพหันไปเคาะหญิงสาวที่นั่งข้างนิคว่า “จริงไหม คุณจันท์ ตอนนี้คงไม่อิจฉาใครจนต้องรีบหนีกลับบ้านแล้วไม่ใช่หรือ?”

สาวสวยคนนั้นยิ้มหวานให้นิคที่หันไปมองเธอ “พี่ณพชวนฉันมา พอฉันบอกว่าไม่อยากมาเพราะกลัวจะเป็นส่วนเกิน พี่ณพเลยบอกว่าจะหาคู่เต้นรำให้ ไม่ยักรู้ว่าเป็นคุณนี่เอง ดีใจนะคะที่ได้พบคุณอีกครั้ง รู้สึกว่าจะไม่ได้เจอกันนานมากเลย ว่าแต่เต็มใจจะเป็นคู่เต้นให้ฉันหรือเปล่าคะ?”

พราวพรายรู้สึกขัดหูขัดตากับคำพูดและแววตาหวานเยิ้มของจันทนา แล้วเลยพาลหมั่นไส้นิคไปด้วย เมื่อเห็นเขายิ้มให้หญิงสาวคนนั้นด้วยประกายตาแพรวพราว ที่เคยทำกับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ก่อนจะตอบเหมือนเต็มอกเต็มใจเสียเต็มประดา โดยไม่เกรงใจเธอเลยว่า “ตรงกันข้าม ผมรู้สึกเป็นเกียรติด้วยซ้ำ ที่คุณจันทนาเลือกผมเป็นคู่เต้นรำ”

ว่าจะไม่มองแต่พราวพรายก็แอบเห็นจนได้ ว่านิคตักอาหารอย่างหนึ่งจากจานกลางใส่ลงไปในจานของจันทนา ส่วนเธอผู้นั้นก็ยิ้มหวานชะม้อยตาขึ้นสบตาเขา กล่าวคำขอบคุณอย่างอ่อนหวาน ไม่สนใจสายตายิ้มๆแกมล้อเลียนของใครต่อใครเลย พราวพรายหมดสนุกโดยพลัน นึกอยากกลับบ้านขึ้นมาทันที

ในที่สุดหลังจากพราวพรายตัดเค็กเสร็จ ร้องเพลงอวยพรวันเกิดกันอีกรอบ ก็มีการมอบของขวัญจากผู้ร่วมโต๊ะ ของขวัญดังกล่าวเป็นของอรรณพกับสุนิสากล่องหนึ่ง ของสุรเดชกับอมรากล่องหนึ่งและของจันทนากับเขตต์คนละหนึ่งกล่อง

“ไม่เป็นไรนะนิค คุณไม่รู้ล่วงหน้าเหมือนพวกเรา เลยไม่ได้เตรียมของขวัญ คุณพราวคงไม่ว่าอะไรมั้ง ใช่ไหม คุณพราว” อรรณพเป็นผู้พูดอีกตามเคย ที่ทำให้ทั้งนิคและพราวพรายหน้าเจื่อนไปด้วยกัน

“ถ้างั้นผมขอเป็นคนจ่ายค่าบาร์ทั้งหมดเองก็แล้วกัน ถือเป็นของขวัญวันเกิดจากผมให้คุณพราวพราย”

คณะพรรคต่างก็ปรบไม้ปรบมือให้กับความใจกว้างเป็นพิเศษของนิค ไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มคิดว่าเขาควรจะเป็นคนจ่ายเงิน เลี้ยงฉลองวันเกิดให้ผู้หญิงที่เป็นเมีย แทนที่จะให้คนอื่นมาช่วยกันออกให้แทน

ความจริงนิคมีของขวัญที่ตั้งใจหามาให้พราวพรายเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่อยู่ในฐานะจะมอบให้เธอได้ในตอนนี้ ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่เคยรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับเธอ ชายหนุ่มได้แต่ทำหน้ายิ้มๆ ทั้งๆที่ในใจรู้สึกอึดอัดขัดข้อง พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเหมือนน้ำท่วมปาก

ของขวัญของเขตต์ที่คนในโต๊ะช่วยกันร่ำร้อง ให้พราวพรายเปิดออกดูทันที ยิ่งทำให้นิครู้สึกบาดใจมากยิ่งขึ้น เจ้าหนุ่มคนนี้มันคิดว่าเป็นคู่รักกับเมียเขาหรืออย่างไร คิดอะไรกันแน่ถึงได้ให้สร้อยคอไข่มุกด์เม็ดเล็กๆสวยงาม ที่คงมีราคาแพงกับผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ตอนนี้นิคซึ่งใจเดือดปุดๆด้วยความหึง กำลังคอยดูว่าพราวพรายจะยอมรับของขวัญราคาแพงชิ้นนั้นหรือไม่

“โอย..คุณเขตต์ ฉันรับของราคาแพงอย่างนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”

หญิงสาวร้องขึ้นมาทันทีอย่างตกใจเมื่อเห็นของในกล่อง ขณะที่ผู้หญิงหลายคน ยื่นมือมาขอรับสร้อยไข่มุกด์แสนสวยเส้นนั้นไปเชยชม ดูแล้วก็พากันส่งเสียงอึงคะนึงชื่นชมกับความงามของมัน

“รับเอาไว้เถอะน่า คุณพราว คุณปลัดของเราเสียใจแย่เลยถ้าคุณพราวไม่ยอมรับ” อรรณพส่งเสียงเชียร์ขึ้นมาทันที ราวกับตั้งใจจะเป็นลูกคู่ของเขตต์

พราวพรายส่ายหน้าปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีก ที่จะไม่รับสร้อยไข่มุกด์เส้นนั้น แม้นิคจะไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น หญิงสาวก็ไม่คิดจะรับมันอยู่ดี มันคงแปลกพิกลถ้าเธอจะรับของขวัญราคาแพงอย่างนั้น จากผู้ชายที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นพิเศษกับเธอแบบเขตต์ แม้จะรู้ว่าเขาชอบเธอ แต่เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าไม่อยู่ในฐานะ ที่จะรับของขวัญชิ้นพิเศษแบบนี้จากชายอื่นที่ไม่ใช่สามี แม้แต่เพื่อนฝูงที่ร่วมโต๊ะอยู่ด้วยกันตอนนี้ก็เถิด พวกเขาต้องเข้าใจเหมือนกันหมดว่าเธอยอมตกลงเป็นแฟนกับเขตต์แล้ว ถ้าเธอยอมรับสร้อยเส้นนี้

สีหน้าเบิกบานด้วยความในใจของชายหนุ่มผู้นั้นพลันสลดลงไปทันที เมื่ออีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นที่จะไม่รับของขวัญชิ้นนั้นจากเขา เขตต์จำใจต้องรับสร้อยที่พราวพรายรับคืนมาจากอมรา ใส่มันลงไปในกล่องแล้วส่งคืนให้เขา

“โธ่ คุณพราว มันไม่ได้แพงอะไรนักหนาหรอก” เขตต์บอกเธอด้วยเสียงอ่อยๆ หน้าของเขาเสียจนใครต่อใครพากันสงสาร “ถ้างั้นไปกรุงเทพฯเที่ยวนี้ ผมจะหาของอื่นมาให้คุณพราว เป็นของขวัญวันเกิดแทนสร้อยเส้นนี้ก็แล้วกันนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ คุณเขตต์ แต่ความจริงก็ไม่จำเป็นเลย”

“อาจจะไม่จำเป็นสำหรับคุณพราว แต่สำหรับท่านปลัดของผม ทั้งจำเป็นและทั้งสำคัญเชียวนา” อรรณพแซวขึ้นมาอีก “เขาเอามาให้ก็รับๆไว้เถอะน่า คุณพราว ไม่งั้นท่านปลัดอาจจะหมดแรงทำงานที่อุบลฯ เผลอๆไปกรุงเทพฯเที่ยวนี้ไปวิ่งขอย้ายไปจังหวัดอื่นละแย่เลย”

ตลอดเวลาดังกล่าวนิคนั่งดื่มเหล้าอยู่เงียบๆ ฟังเรื่องที่โต้ตอบผ่านกันไปมา แม้ส่วนใหญ่จะพูดกันเป็นภาษาไทย แต่เขาก็พอเข้าใจว่าอรรณพพยายามจะให้พราวพราย รับสร้อยเส้นนั้นจากเขตต์ ส่วนรายละเอียดที่เหลือจันทนาช่วยสรุปเป็นภาษาอังกฤษ จนเขาสามารถเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด

แล้วในที่สุดก็ได้ฤกษ์เคลื่อนขบวนออกจากสวนอาหารไปที่บาร์วิมานทอง นิคเห็นชายหนุ่มที่ชื่อเขตต์ ก้มลงพูดอะไรสองสามคำกับพราวพราย ก่อนจะหอบของขวัญสามสี่กล่องไปใส่ไว้ในรถของเขา ในขณะที่หญิงสาวคนนั้นทำท่าละล้าละลังเหลียวซ้ายแลขวา เหมือนตัดสินใจไม่ตกว่าจะนั่งรถใคร นิคเดาว่าเธอคงมาที่สวนอาหารพร้อมเขตต์ และอาจจะนั่งรถเขาไปวิมานทอง หลังจากนั้นก็คงกลับบ้านด้วยกัน ไม่อย่างนั้นเขตต์จะขนของขวัญของเธอไปไว้ในรถของเขาทำไม แต่ตอนนี้ที่พราวพรายลังเลก็คงเพราะเกรงใจเขานั่นเอง สามีทั้งโดยนิตินัยและพฤตินัยที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงหน้า

อรรณพเป็นคนจัดการว่าใครจะนั่งรถใคร “นิค ฝากคุณจันท์ไปด้วยนะ คุณจันท์ไม่ได้เอารถมา คุณพราวไปกับคุณเขตต์ ที่เหลือก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าใครจะไปกับใคร ห้ามสับคู่”

เมื่อจันทนาลุกขึ้นยืนและมองหน้าเขาเหมือนจะบอกว่าเธอพร้อมแล้ว นิคก็เหลือบมองพราวพรายแวบหนึ่ง ก่อนจะชวนจันทนาเดินไปที่รถของเขาที่จอดอยู่หน้าสวนอาหาร สวนกับเขตต์ที่คงเดินกลับมารับพราวพรายที่ยังคอยอยู่ที่โต๊ะ ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันตามมารยาท

คนทั้งหมดเดินฝ่าความสลัวในบาร์ตามหลังพนักงานต้อนรับ เข้าไปที่โต๊ะใหญ่มุมห้อง เมื่อลงนั่งเรียบร้อยกันทุกคนแล้ว พราวพรายก็พบตัวเองนั่งอยู่ตรงข้ามกับนิคและจันทนา ส่วนเธอก็นั่งติดกับเขตต์ หญิงสาวยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นที่ต้องมานั่งเผชิญหน้ากับสามีตัวเอง แต่ต้องทำเหมือนคนแปลกหน้าต่อกัน อยากจะลุกขึ้นขอเปลี่ยนที่ ไปนั่งใกล้สุนิสาหรืออมราก็ทำไม่ได้ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรจะทำอะไรตามใจชอบอย่างนั้น

นิคนั่งดื่มเหล้าไปเรื่อยๆ ในขณะที่จันทนาซึ่งดื่มเบียร์มาหลายแก้วแล้วที่สวนอาหาร ก็ขยันชวนเขาพูดคุยไม่ขาดปาก จนบางครั้งพราวพรายอดไม่ได้ ต้องชำเลืองดูเธอผู้นั้นอย่างไม่สบอารมณ์ ที่ทำท่าเหมือนผูกขาดนิคเอาไว้คนเดียว

นานๆนิคก็เหลือบมองหน้าพราวพรายเสียทีหนึ่ง เขาเองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเธอสักเท่าไหร่หรอก เขากำลังนึกหมั่นไส้พราวพรายที่ยอมให้เขตต์ปรนนิบัติเอาอกเอาใจจนออกนอกหน้า ตักอาหารใส่จานให้บ้าง รินน้ำบ้างใส่น้ำแข็งบ้างลงในแก้วของเธอ แล้วก็ขยันกระซิบกระซาบชวนพูดชวนคุย ด้วยสีหน้าท่าทางราวกับเป็นคู่รักกันก็ไม่ปาน นี่ถ้าไม่กลัวว่าใครจะสงสัย นิคคงจะลุกขึ้นไปดึงมือพราวพราย แล้วพาไปที่อพาร์ตเมนท์ของเขาแล้ว ก็เธอเป็นเมียเขาไม่ใช่หรือเล่า ติดอยู่ตรงไอ้เงื่อนไขบ้าๆของเธอเท่านั้นแหละ ที่ทำให้เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งนิ่งเป็นไอ้บ้าใบ้ ต้องทนมองเมียตัวเองเฟลิตกับชายอื่นต่อหน้าต่อตา

หลังจากดื่มเหล้าดื่มเบียร์กันไปคนละแก้วสองแก้ว ยกเว้นพราวพรายคนเดียวที่ดื่มแต่น้ำเปล่า อรรณพกับสุนิสาและคู่ของสุรเดชกับอมราก็ชวนกันออกไปเต้นรำบนฟลอร์ที่ค่อนข้างแน่น และอีกเพียงครู่ต่อมาพราวพรายก็เห็นจันทนาลุกขึ้นยืนพูดอะไรกับนิคสองสามคำ ก่อนจะดึงแขนเขาอย่างสนิทสนมพากันเดินไปที่ฟลอร์ หายเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังเมามันกับจังหวะเต้นรำที่เร่าร้อน ตอนนี้ที่โต๊ะเหลือเพียงเขตต์กับพราวพรายเท่านั้น

“เต้นรำไหมครับ คุณพราว”

“อีกสักครู่ดีไหมคะ? ฉันยังรู้สึกอิ่มอยู่เลย” พราวพรายอ้าง ใจของเธอเริ่มเดือดปุดๆขึ้นมาบ้างแล้ว ที่เห็นผู้ชายของตัวเองพาหญิงอื่นออกไปเต้นรำโดยไม่สนใจเธอเลย

หญิงสาวนั่งนิ่งตาก็คอยมองเข้าไปในฟลอร์ แต่ก็ไม่เห็นว่านิคกับจันทนาเต้นรำกันอยู่ตรงมุมไหน สิบห้านาทีผ่านไปเมื่อดนตรีเปลี่ยนจังหวะ อมราและสุนิสากับคู่ของพวกเธอก็เดินกลับเข้ามาที่โต๊ะ

“พี่ณพกับพี่เดชสู้ไม่ไหว ยอมแพ้แล้วหรือครับ?” เขตต์ถามยิ้มๆ

อรรณพยักไหล่ “ทำไมจะไม่ไหว แต่ผมขี้เกียจเต้นสโลว์ มันเหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่รักกันใหม่ๆเท่านั้นแหละ นี่คู่นั้นยังไม่ออกมาเลย” พราวพรายรู้ว่าเขาหมายถึงนิคกับจันทนา “กำลังสโลว์ซบกันอยู่มั้ง”

หัวใจของพราวพรายเต้นรัวขึ้นมาทันที เอ๊ะ! นี่นิคลืมไปแล้วละมังว่าแต่งงานแล้ว นึกว่ายังเป็นหนุ่มโสดเหมือนแต่ก่อนหรืออย่างไร?

“อ้าว..คุณเขตต์ ทำไมไม่ชวนคุณพราวออกไปเต้นรำล่ะ ปล่อยให้เจ้าของวันเกิดนั่งเฝ้าโต๊ะได้ไง”

คราวนี้พราวพรายไม่ปฏิเสธเมื่อเขตต์ชวนออกไปเต้นรำ แม้จะเป็นจังหวะสโลว์ที่เธอไม่ชอบก็ตาม หญิงสาวบอกตัวเองว่านิคยังเต้นสโลว์กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่เธอได้เลย แล้วทำไมเธอจะต้องสงวนตัวไว้เต้นกับเขาคนเดียวด้วยเล่า? แต่เขตต์ก็เป็นผู้ชายที่สุภาพเหลือเกิน เขาแตะหลังและมือเธอเพียงหลวมๆ ไม่พยายามถือโอกาสรั้งเธอเข้าไปแนบชิดกับอกเขา เต้นกันเงียบๆอยู่ครู่หนึ่งพราวพรายก้เห็นนิคกับจันทนา แต่คนทั้งสองไม่เห็นเธอ หญิงสาวค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย เมื่อเห็นคนคู่นั้นเต้นกันห่างๆแบบเดียวกับคู่ของเธอ ไม่เห็นสโลว์ซบกันเหมือนที่อรรณพใส่ไฟเอาไว้เลย

ดนตรีเปลี่ยนจังหวะไปแล้วหลายจังหวะ กว่าที่พราวพรายจะบอกเขตต์ว่าเธอเหนื่อยอยากกลับไปที่โต๊ะแล้ว หญิงสาวยกแก้วน้ำเย็นที่เขตต์กุลีกุจอรินส่งให้ขึ้นดื่ม ก่อนจะมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นนิคกับจันทนาเธอก็นึกขุ่นใจขึ้นมาอีก เขาจะเต้นรำกับสาวสวยคนนั้นอีกนานแค่ไหนกันนี่? หนอย..เห็นทำท่าเคร่งมาดขรึมสนใจแต่งาน ไม่นึกเลยว่าที่แท้ก็เจ้าชู้ไม่ผิดจากอรรณพ

นั่งฟังเพลงเงียบๆอีกครู่หนึ่ง พราวพรายก็ทำเป็นถามอมราที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอว่า “พี่จันท์ถ้าจะชอบเต้นรำมากนะ ยังไม่เห็นเข้ามาพักเลย ไม่เหนื่อยมั่งหรือไง?”
“อ๋อ...พี่จันท์น่ะเหรอ เขากลับไปกับนิคแล้วนี่ กลับไปสักสิบนาทีแล้วมั้ง?”
“อ้าว!” แต่เมื่อนึกขึ้นได้พราวพรายก็รีบถามว่า “ไหนเมื่อกี้นิคบอกว่าจะเป็นคนจ่ายค่าบาร์ไง”
“เขาจ่ายแล้วละ พอดีพี่จันท์เขาบ่นปวดหัวอยากกลับบ้าน นิคเลยต้องไปจ่ายเงินก่อนแล้วไปส่งพี่จันท์” อมราอธิบาย

พอได้ฟังคำตอบของอมรา หญิงสาวก็นึกไม่พอใจที่นิคกลับไปกับสาวสวยเซ็กซี่คนนั้น ไม่สนใจไต่ถามสักคำว่าเธอจะกลับอย่างไร พราวพรายคิดแบบเข้าข้างตัวเองว่า แม้นิคจะคิดว่าเขตต์หรืออรรณพจะไปส่งเธอที่บ้าน เพราะคืนนี้สุนิสาจะไม่ไปค้างกับอรรณพ เธอต้องเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมตัวไปกรุงเทพฯพรุ่งนี้แต่เช้ามืด ส่วนเขตต์จะไปค้างกับอรรณพที่ค่ายแล้วมารับสุนิสาที่บ้านเช่า แต่นิคก็ควรจะรอกลับพร้อมคนอื่นๆสิ ยายพี่จันท์นั่นปวดหัวนิดๆหน่อยๆคงไม่ถึงตายหรอก ที่สำคัญคือปวดหัวจริงหรือเปล่า หรือแกล้งหาเหตุจะไปที่ไหนกันต่อ?

จากนั้นพราวพรายก็รู้สึกเซ็งขึ้นมาทันที เธอไม่ได้ออกไปเต้นรำกับเขตต์อีกเลย แล้วเมื่อเวลาสองยามมาถึงทุกคนก้แยกย้ายกันกลับ โดยเขตต์ไปส่งสุนิสาและพราวพราย ส่วนอรรณพกลับเข้าค่ายไปเตรียมห้องพักให้เขตต์ ก่อนที่จะกำชับชายหนุ่มรุ่นน้องผู้นั้นให้ตามไปทีหลัง

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จ สุนิสาก็นั่งจัดกระเป๋าเดินทางอยู่ในห้องส่วนตัว พราวพรายเดินเข้ามานั่งลงบนเตียงมองเพื่อนด้วยสีหน้าหมกมุ่น

“เป็นอะไรหรือ พราว หน้าตาบอกบุญไม่รับเลย” สุนิสาทัก
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร? แอ๋วจะไปกี่วันเนี่ย เอาเสื้อผ้าไปเยอะแยะ”
“ไม่แยะหรอก เราไปสามวันเท่านั้น ขากลับก็คงกลับพร้อมคุณเขตต์ แต่พี่ณพอาจจะกลับทีหลัง ยังไม่แน่”
“แอ๋วจะแวะไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่หรือเปล่า”
“ก็ว่าจะไปพักที่บ้านนั่นแหละ ไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว ป่านนี้พ่อแม่คงจำหน้าเราไม่ได้แล้วมั้ง”

“ความจริงเราอยากไปกับแอ๋วด้วยจัง”
“นั่นสิ แล้วทำไมไม่ไปล่ะ น่าจะไปด้วยกันนะ เออ..นี่พราว เราสงสารคุณเขตต์จัง พราวใจร้ายกับเขาไปหน่อยหรือเปล่า”
“ใจร้ายยังไง ที่ไม่ยอมรับของขวัญเขาน่ะหรือ?”

“ถามจริงๆเถอะ ทำไมไม่รับล่ะ เขาแอบกะซิบเราตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว ว่าเขามีของขวัญชิ้นพิเศษ ที่อุตส่าห์ไปเลือกสรรมาเป็นพิเศษเลยนะ พอพราวไม่ยอมรับหน้าเขาจ๋อยไปเลย ใครๆสงสารเขากันใหญ่”

“จะรับได้ไงล่ะ แอ๋ว สร้อยเส้นนั้นไม่ใช่ถูกๆ ถ้าเป็นแฟนกันก้ไปอย่าง เรากับเขายังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ใครจะไปกล้ารับล่ะ”

“อ้าว! แล้วทำไมไม่ยอมตกลงเป็นแฟนกับเขาเสียทีล่ะ เขาน่ารักจะตาย เป็นเราคงตกลงกับเขาไปนานแล้วละ”

พราวพรายถอนใจอีก รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก จะบอกเพื่อนได้อย่างไรว่าเรื่องระหว่างเธอกับเขตต์ไม่มีทางเป็นไปได้ มันสายเกินไปแล้ว “เฮ้อ เลิกพูดถึงเขาดีกว่า ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว”

อีกฝ่ายขมวดคิ้ว ถามอย่างสงสัยว่า “ทำไมถึงจะเป็นไปไม่ได้ หรือว่าพราวมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”

“ก้อ..ทำนองนั้น” หญิงสาวตอบไม่เต็มปากเต็มคำ
“มีอะไรหรือ? บอกเราได้ไหม?” สุนิสาชักสงสัยกับสีหน้าท่าทางของเพื่อน

“ไว้อีกหน่อยแล้วกันนะ แอ๋ว สักวันเราคงจะเล่าให้แอ๋วฟังเพื่อขอคำปรึกษาบ้าง ตอนนี้อย่าเพิ่งให้เราพูดอะไรเลยนะ”’

“ตามใจพราวแล้วกัน อยากเล่าเมื่อไหร่ค่อยเล่า” แล้วเธอก็เปลี่ยนเรื่อง “อยู่คนเดียวไม่เหงาแย่หรือ หยุดตั้งสามสี่วัน”

“ไม่เป็นไรหรอก เราอยู่ได้ ไม่ต้องห่วง”

คุยกันต่ออีกพักหนึ่งพราวพรายก็ขอตัวกลับเข้าห้องส่วนตัว พยายามจะนอนให้หลับแต่ก็ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน นึกถึงนิคกับจันทนาอย่างหงุดหงิด แล้วก็ยังไม่แน่ใจด้วยว่าพรุ่งนี้เจอกับนิค จะมีเรื่องต้องทะเลาะกันอีกหรือเปล่า ท่าทางเขาเหมือนจะไม่พอใจเรื่องเขตต์ ส่วนเธอก็มีเรื่องจันทนาที่จะตัองซักฟอกเขาเหมือนกัน








 




Create Date : 25 กันยายน 2565
Last Update : 25 กันยายน 2565 16:04:59 น.
Counter : 575 Pageviews.

6 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณหอมกร, คุณ**mp5**, คุณกิ่งฟ้า, คุณSweet_pills

  
ส่งกำลังใจไว้ก่อนครับ พี่ตุ้ย
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 25 กันยายน 2565 เวลา:21:34:01 น.
  
ตอนต่อไปเดือนตุลาใช่มัียคะคุณตุ้ย
นี่นานกว่านิตยสารรายปักษ์อีกนะคะ 55

โดย: หอมกร วันที่: 26 กันยายน 2565 เวลา:8:55:19 น.
  
ตอบคุณหนูหอมกรค่า

นิยายเรื่องน่ี้เป็นนิยายเก่าที่เคยเอามาลงให้สมาขิกอ่านมาหลายปีแล้ว และเป็นนิยายที่ได้รับรางวัลจากบอร์ดประพันสาส์นด้วย ที่เอามาลงอีกครั้งก็เพราะยังไม่มีไฟที่จะเขียนเรื่องใหม่ แต่ก็ไม่อยากจะทิ้งบล็อค ก็เลยนำมาปัดฝุ่นแล้วลงให้ผู้ที่ยังไม่เคยอ่านได้อ่านบ้าง ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าคงไม่มีใครเข้ามาอ่านมากนัก คิดจะเลิกเอามาลงหลายครั้งแล้ว แต่ปรากฏว่าการอัพครั้งนี้มีคนเข้ามาอ่านมากกว่าการอัพครั้งแรกค่อนข้างมาก ทำให้คิดว่าจะพยายามเข้ามาอัพจนถึงตอนจบ แล้วก็จะพยายามอัพให้เร็วขั้นตามที่คุณหนูต้องการค่ะ 555
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 26 กันยายน 2565 เวลา:13:40:38 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 30 กันยายน 2565 เวลา:15:32:04 น.
  
สวัสดีค่ะ กิ่งร้างบล็อกไปนานตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ เคยอ่านนิยายของคุณตุ้ยแล้ว วันนี้ลองแวะเข้ามาโชคดีที่คุณตุ้ยกลับมาเขียนนิยายลงให้อ่านอีก เยี่ยมมากค่ะ

ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะที่ชนะการประกวดได้รับรางวัลจากบอร์ดประพันธ์สาส์นด้วยค่ะ

โหวต Literature Blog


หลับฝันดีค่ะ

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 4 ตุลาคม 2565 เวลา:0:01:14 น.
  
รับทราบค่ะ

โดย: หอมกร วันที่: 7 ตุลาคม 2565 เวลา:11:44:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
กันยายน 2565

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com