คนละฟากฟัา - บทที่ 67
 


กลับจากกรุงเทพฯได้เพียงวันเดียวพราวพรายก็เข้าไปที่ทำงาน เธอมีเรื่องสำคัญต้องพูดกับจอห์น ก่อนที่จะไปหานิคที่เวียตนาม วันเสาร์เธอเข้าไปที่อพาร์ตเมนท์ของนิค ใช้เวลาอยู่ที่นั่นทั้งวันรวมทั้งนอนค้างที่นั่น แล้วบ่ายวันอาทิตย์เมื่อกลับจากบ้านของอรรณพในค่ายทหาร สุนิสาก็มีข่าวมาบอก

“พราว พี่ณพเพิ่งบอกเราเมื่อวานนี้เอง ว่าเขาจะต้องย้ายไปปราณบุรีเดือนหน้านี้ คำสั่งออกมาแล้ว”

“อ้าว แล้วแอ๋วจะทำยังไงล่ะ?” พราวพรายรู้สึกตกใจแทนเพื่อน
“พี่ณพขอให้เราไปอยู่กับเขาที่โน่น” สีหน้าของสุนิสาสดใส
“แล้วงานของแอ๋วทางนี้ล่ะ”

“ก็คงต้องลาออก ที่เราขอย้ายมาทำงานที่อุบลฯก็เพราะพี่ณพ ถ้าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่เราก็คงกลับบ้าน แต่ตอนนี้เขาขอให้เราไปอยู่ด้วย เราก็เลยต้องไป เราไปแล้วก็คงเป็นห่วงพราวมาก นี่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆเราคงไม่ตามพี่ณพไปหรอก”

แม้จะกำลังเผชิญกับปัญหาชีวิตที่หนักหน่วงที่สุด จนแทบไม่อยากจะคิดอะไรหรือรับรู้เรื่องของใครอีกแล้ว แต่พราวพรายก็ต้องรีบสลัดความรู้สึกส่วนตัวออกไปชั่วคราว เมื่อต้องตอบเพื่อน 

“แอ๋วไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเราหรอก พี่ณพเขาอยากให้แอ๋วไปอยู่กับเขาไม่ใช่หรือ?”

“ ใช่ ไปคราวนี้คงจะไปอยู่กับเขาในค่ายเลย ไม่ต้องไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอก”
“อ้าว เมียเขาล่ะ เขามิเอาเรื่องแย่เลยเหรอ”

อีกฝ่ายทำหน้าเจื่อนๆเมื่อบอกเพื่อนว่า “เขาคงไม่มายุ่งด้วยแล้วมั้ง เห็นพี่ณพบอกว่าตอนนี้เมียเขาไม่สนใจแล้ว เขาจะไปทำงานเมืองนอก บริษัทเขามีสาขาอยู่ที่อเมริกา ขอให้เขาไปช่วยงานทางโน้นสักปีสองปี เขาเลยตัดสินใจจะไป”

“หมายความว่ายังไง? เขาจะเลิกกันหรือ?”
“ไม่รู้สิ พี่ณพเล่าแค่นี้แหละ”

“ลูกเขาล่ะจะทำยังไง หรือจะมาอยู่กับพี่ณพ?”

“ไม่มาหรอก แม่ยายเขาไม่ยอมให้มา เขาจะเลี้ยงให้เอง ความจริงเขาก็ช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆแล้วละ มีหลานคนเดียวด้วยก็เลยไม่ยอมให้ไปไหน”

“หรือว่าเขาจะหย่ากัน? ไม่งั้นทำไมจะแยกกันอยู่เป็นปีล่ะ?”

คราวนี้สุนิสาตอบอ่อยๆว่า “คงไม่หรอก เขาคงไม่ยอมหย่าง่ายๆหรอก เรื่องอะไรจะหย่า เขาคงจะแกล้งคาทะเบียนไว้ยังงั้นไปเรื่อยๆมากกว่า”

“แบบนี้แอ๋วก็แย่น่ะสิ”’

“ช่างมันเถอะ ไหนๆก็หลวมตัวมากินน้ำใต้ศอกเขาแล้วนี่ จะทำอะไรได้ล่ะ”

สุนิสายิ้มเหมือนเยาะตัวเองก่อนจะกลับไปพูดเรื่องเดิม

“ถ้าเราไปแล้วพราวจะอยู่ได้ยังไงคนเดียว เอางี้ดีไหม คืนบ้านนี้ไปแล้วไปเช่าอพาร์ตเมนท์ดีดีสักแห่งหนึ่งแทน ปลอดภัยกว่ากันแยะเลย”

เห็นความเป็นห่วงของเพื่อนแล้วพราวพราย ซึ่งตอนแรกยังไม่คิดจะเล่าให้ใครฟังก่อนจะคุยกับนิค ตัดสินใจบอกสุนิสาว่า “แอ๋วไม่ต้องห่วงเราหรอกนะ เราเองก็คงจะต้องกลับไปอยู่บ้าน แม่เราไม่สบายไม่มีใครดูแล อีกอย่างเราก็มาทำงานไกลบ้านนานแล้ว กลับไปอยู่บ้านเสียทีก็ดีเหมือนกัน”

สุนิสาทำหน้าตื่นเต้น “อ้าว ตกลงพวกเราสามคนจะอำลาอุบลฯพร้อมกันเลยหรือ? แพตตี้ก็จะแต่งงานกับพี่เดชแล้วย้ายไปแพร่” เพื่อนทั้งสองรู้มาก่อนหน้านี้แล้ว ว่าอมรากับสุรเดชจะแต่งงานกันสิ้นปีนี้

“ส่วนเราอยู่ๆก็จะต้องไปอยู่กับพี่ณพ ยังกลุ้มใจเรื่องพราวอยู่เลย ว่าเรากับแพตตี้ไปแล้วพราวจะทำยังไง ตอนนี้โล่งอกไป พราวกลับไปบ้านไปทำงานที่กรุงเทพฯก็ดีเหมือนกัน เราจะได้หมดห่วง ว่าแต่พราวจะไปเมื่อไหร่ล่ะ?”

“เราคุยกับจอห์นและยื่นใบลาออกไปแล้ว ความจริงเราขอลาออกทันทีเลยแต่จอห์นขอร้องไว้ เขาขอให้เราช่วยงานเขาสักสองอาทิตย์”

“ก้หมายความว่าพราวจะย้ายกลับบ้านก่อนเราน่ะสิ เพราะเราลาออกสิ้นเดือนนี้แหละ ก็อีกประมาณสามอาทิตย์กว่าๆเท่านั้น”

“ไม่ใช่ยังงั้นหรอก เราตกลงกับจอห์นไว้แล้วว่าเราขอใช้พักร้อน ตั้งแต่พรุ่งนี้อีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ เพราะเรามีธุระ หลังจากนั้นจะกลับมาทำงานให้เขาสองอาทิตย์ตามที่เขาขอไว้ เราก็คงออกราวๆสิ้นเดือนเหมือนแอ๋ว”

“เหรอ ดีเหมือนกัน ไม่มีใครต้องห่วงใคร ไปพร้อมๆกันเลย” แต่แล้วสุนิสาก็มีคำถาม “หมายความว่าพรุ่งนี้พราวจะกลับไปกรุงเทพฯอีกหนึ่งอาทิตย์ แล้วกลับมาทำงานต่ออีกสองอาทิตย์งั้นหรือ? ทำไมต้องไปๆมาๆล่

อีกฝ่ายอึกอัก แต่ในที่สุดก็บอกเพียงว่า “เราต้องกลับไปดูแม่ก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงานต่อ”

ระหว่างที่กำลังนั่งคุยกันอยู่จันทนาก็ขับรถมาจอดหน้าบ้าน ทันทีที่เห็นหน้าพราวพราย หญิงสาวผู้นั้นก็ทักทายเสียงดังเหมือนแปลกใจ

“ต๊าย..พราว เป็นอะไรไปจ๊ะ หน้าตาหมองเชียว ได้ข่าวว่าไปกรุงเทพฯเพราะคุณแม่ไม่สบาย ตอนนี้คุณแม่เป็นยังไงมั่งล่ะ หายดีแล้วหรือยัง คงจะหายแล้วนะเพราะได้ลูกสาวไปดูแลตั้งเกือบสองอาทิตย์”

“เอ้อ ค่อยยังชั่วแล้วละค่ะ”

เห็นสายตาเหมือนมีคำถามของเพื่อน สุนิสาก็รีบบอกว่า “พี่จันทน์รู้จากเราเองแหละ พอดีเมื่อสักสองอาทิตย์ที่แล้ว พี่จันทน์แวะมาคุยด้วยแล้วถามหาพราว เราเลยบอกว่าพราวไปกรุงเทพฯเพราะคุณแม่ป่วย”

จันทนาถามขัดขึ้นมาว่า “คุณแม่ป่วยเป็นอะไรล่ะ พราว”

“ก็โรคธรรมดาของคนสูงอายุน่ะค่ะ พี่จันทน์ โรคหัวใจกับความดันสูง”

ผู้ฟังทำหน้าเห็นอกเห็นใจ “แม่พี่ก็ความดันสูงเหมือนกัน ต้องหาหมออยู่เป็นประจำ หมอสั่งห้ามเครียดด้วย เอ๊ะ..คุณแม่ก็อาการดีขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ? แต่ทำไมพราวถึงได้หน้าตาหมองๆแล้วก็โทรมไปยังงี้ล่ะ”

พราวพรายอ้อมแอ้มแก้ตัว จะให้ใครรู้ไม่ได้ถึงสาเหตุของความทรุดโทรมที่เกิดจากความทุกข์ ที่ไม่ได้เกี่ยวโดยตรงกับการไม่สบายของมารดา

“สงสัยจะนอนน้อยไปหน่อยมั้งคะ พราวห่วงแม่เพราะคุณพ่อไม่อยู่ เลยต้องเข้าไปนอนเป็นเพื่อน หลับๆตื่นๆทุกคืน เพราะต้องลุกไปดูแม่บ่อยๆ”

จันทนาหันไปคุยกับสุนิสาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาถามพราวพรายแบบทีเล่นทีจริงว่า “ไปกรุงเทพฯเที่ยวนี้ได้พบคุณเขตต์มั่งหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ คุณเขตต์เพิ่งย้ายไปใต้ได้ไม่นานนี่คะ คงยังไม่มีโอกาสเข้ากรุงเทพฯ”

“อ้าว แล้วเขาไม่ได้มาหาพราวบ้างหรอกหรือ ตอนแรกที่แอ๋วบอกว่าพราวไปกรุงเทพฯ พี่ยังนึกว่านัดพบกับคุณเขตต์ที่กรุงเทพฯเสียอีก แต่ไปๆมาๆกลายเป็นว่าไปดูแลคุณแม่”

เห็นหน้าซีดๆของอีกฝ่ายแล้ว จันทนาก็นึกหมั่นไส้จนต้องแกล้งถามว่า “เออ แล้วพราวไม่กลัวคุณเขตต์จะไปจีบสาวทางโน้นบ้างหรอกหรือ เพื่อนพี่บอกว่าผู้หญิงใต้สวยๆเยอะแยะ คุณเขตต์ก็ออกเนื้อหอม หรือไม่กลัว เพราะพราวก็เป็นสาวเนื้อหอมไม่ใช่เล่นเหมือนกัน”

แม้จะเห็นสีหน้าไม่ค่อยดีของอีกฝ่าย แต่จันทนาก็ยังไม่ยอมจบเรื่อง

“ นี่แน่ะ พราว พี่อยากจะเตือนเรื่องคุณเขตต์ไว้หน่อยนะ ในฐานะที่เคยแต่งงาน รู้เช่นเห็นชาติพวกผู้ชายมากกว่าพราว ผู้ชายน่ะไว้ใจไม่ได้หรอก บางทีไม่คิดจะเอาจริงแต่ก็มาหลอกให้ผู้หญิงรัก พอรู้ว่าเรารักเขาแน่แล้ว บางคนอาจจะไม่ใช่แค่รัก ให้อะไรเขาไปหมดแล้ว พอได้โอกาสเขาก็ตีจากไปหาคนใหม่ แต่บางคนก็ดี ถึงได้แล้วก็ยังอยากจะรับผิดชอบ แต่ผู้หญิงบางคนก็เหลือเกิน ทำตัวแย่มั่วกับใครต่อใครไม่เลือกหน้า พอรู้เข้าผู้ชายที่ไหนมันจะเอา จริงไหม?”

สุนิสามองหน้าจันทนาอย่างแปลกใจ ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเพื่อนรุ่นพี่คนนี้ จะมองคนอื่นในแง่ร้ายได้ถึงขนาดนี้ แต่เมื่อมองเลยไปถึงหน้าพราวพราย ก็เห็นสีหน้าของเธอซีดขาวราวกับกระดาษ

“โธ่ พี่จันทน์ พราวกับคุณเขตต์ไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย เขาคบกันแบบเพื่อนเท่านั้น ที่ค่อนข้างสนิทสนมกันก็เพราะทางบ้านเขารู้จักกัน” สุนิสารีบออกโรงปกป้องเพื่อนทันที

จันทนาทำหน้ายิ้มๆเหมือนรู้เท่า “แหม..แอ๋ว ช่วยออกตัวให้พราวใหญ่เลยนะ เจ้าตัวเขายังไม่เห็นพูดอะไรสักคำ แล้วอีกอย่าง พี่ก็หมายถึงผู้หญิงทั่วๆไป ไม่ได้หมายถึงพราวหรือแอ๋วสักหน่อย ร้อนตัวไปได้"

พราวพรายซึ่งสีหน้ายังซีดเผือด ไม่ได้ฟังคำพูดโต้ตอบระหว่างจันทนากับสุนิสา ความเครียดอย่างรุนแรงจากเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้าน ที่ทำให้นอนไม่หลับมาหลายคืน ทำให้เธอรู้สึกอ่อนเพลียอยากพักผ่อน ติดที่จันทนายังไม่ยอมลากลับไปเสียที

จันทนาซึ่งรู้สึกหมั่นไส้สุนิสาที่คอยปกป้องพราวพราย ทำหน้ายิ้มๆแกลังถามว่า
“แพตตี้จะแต่งงานกับคุณสุรเดชปลายปีนี้ แล้วแอ๋วกับพี่ณพล่ะจะแต่งกันเมื่อไหร่ หรือจะแอบๆซ่อนๆอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเมียเขาจะยอมหย่าให้ แต่พี่ว่ายากนะแอ๋ว เมียพี่ณพเขาไม่โง่หรอก เขาฉลาดจะตาย ผัวจะไปมีใครที่ไหนเขาก็ไม่สนใจ เพราะเขากุมทะเบียนสมรสเอาไว้แล้ว อีกอย่างเขาก็คงรู้ว่าพี่ณพเลิกกับเขาไม่ได้หรอก เขามีลูกด้วยกัน มิหนำซ้ำพ่อแม่เขาก็ร่ำรวย พี่ณพจะเลิกกับเขาได้อย่างไร จริงไหม?"

“แหม พี่จันทน์พูดน่าเกลียดจัง” สุนิสาพูดขัดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “พี่พูดยังกับว่าพี่ณพต้องเกาะเมียกินงั้นแหละ ระวังเถอะ ถ้าพี่ณพได้ยินจะมีเรื่อง พี่จันทน์ก็รู้จักพี่ณพดีไม่ใช่หรือว่าเวลาโกรธเขาเป็นยังไง”

จันทนายิ้มหวาน ไม่สะดุ้งสะเทือน “โอ๊ย จะมาโกรธพี่ได้ยังไง ใครๆเขาก็คิดแบบพี่ทั้งนั้นแหละ”

“เอาเถอะ เลิกพูดเรื่องพี่ณพกับแอ๋วได้แล้ว เก่าแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก” สุนิสาตัดบทอย่างไม่พอใจ

“งั้นพี่ถามพราวมั่งดีกว่า เมื่อไหร่จะแต่งงาน?” จันทนาจ้องหน้าจ้องตาถาม
“พี่จันทน์จะให้เขาแต่งกับใครล่ะ พราวเขายังไม่มีแฟนนี่”

อีกฝ่ายทำท่าคิดก่อนจะพูดหัวเราะๆทีเล่นทีจริงว่า “นั่นสิ คุณเขตต์ก็หนีไปเสียแล้ว ป่านนี้ยังไม่มีแฟนใหม่ แล้วเมื่อไหร่จะได้แต่งงานเหมือนเพื่อนๆล่ะ เอ๊ะ..หรือว่ากลับกรุงเทพฯเที่ยวนี้ แอบไปตกลงกับคุณเขตต์เงียบๆไม่บอกเพื่อนบอกฝูง กลัวจะต้องเลี้ยงโต๊ะจีน ปล่อยให้ใครต่อใครทางนี้นึกว่าเลิกกันแล้ว”’

“โอ๊ย วันนี้พี่จันทน์เป็นอะไรน่ะ” เป็นเสียงของสุนิสาตามเคย “เดี๋ยวหาเรื่องว่าแอ๋วเดี๋ยวค่อนพราว นี่ถ้าไม่รู้นิสัยใจคอกันบ้างแล้ว แอ๋วต้องคิดว่าพี่จันทน์อิจฉาเราสองคนแน่เลย”

“แหม แอ๋ว” จันทนาลากเสียงยาว “คิดมากไปได้ อิจฉงอิจฉาอะไรกัน พี่ก็พูดเรื่อยเจื้อยไปยังงั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอกน่า”

เห็นหน้าซีดๆของเพื่อนที่นั่งหลับตาอยู่ สุนิสาก็บอกอย่างเป็นห่วงว่า “พราวอดนอนดูแลคุณแม่มาหลายคืนแล้ว คงยังเพลียไม่หาย เข้าไปพักผ่อนเสียหน่อยดีกว่า”

จันทนายิ้มเยาะก่อนขยับตัวลุกขึ้นยืน “เออ จริงด้วย พราวหน้าซีดยังกะจะเป็นลมแน่ะ เข้าไปพักเสียเถอะ พี่จะกลับละ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเตี่ยให้แวะไปเอาของที่ร้านอากงหน่อย พี่ไปก่อนนะ แอ๋ว พราว”

ระหว่างขับรถกลับบ้าน จันทนาซึ่งตอนนี้ค่อนข้างมั่นใจ ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับพราวพรายแน่นอน ย้อนคิดไปถึงเรื่องราวต่างๆที่ได้รับรู้โดยบังเอิญ เริ่มต้นขึ้นเมื่อสองสามดือนก่อนหน้านี้

วันนั้นเธอมีโอกาสได้ต้อนรับเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยมที่ชื่ออรอนงค์ ที่มาหาเธอถึงบ้านเพื่อส่งการ์ดแต่งงาน ความจริงเธอกับเพื่อนคนนี้ไม่ได้สนิทสนมกันมากมาย อยู่กันคนละกลุ่ม จันทนามองไม่เห็นความจำเป็นที่อรอนงค์จะต้องส่งการ์ดให้เธอ เพราะความสัมพันธ์สมัยเรียนมัธยมเป็นไปในทำนองแข่งขันกันมากกว่า

อรอนงค์เรียนหนังสือเก่งและจัดอยู่ในประเภทเด็กเรียน ในขณะที่เธอไม่ค่อยสนใจการเรียนสักเท่าไหร่ ชอบแต่เรื่องสนุกสนานและสวยๆงามๆ แต่ผลการเรียนก็อยู่ในระดับดี ผลัดกันชิงตำแหน่งที่หนึ่งของห้องอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้จันทนาก็ไม่ชอบความโผงผางพูดจาไม่เกรงใจใครของอีกฝ่าย อรอนงค์ชอบค่อนขอดความรักสวยรักงามของเธออยู่เป็นประจำ

แต่เธอก็พอจะเดาออกถึงเจตนาของอรอนงค์ว่า ที่เชิญเธอไปร่วมงานแต่งงานก็เพื่อจะอวดว่ามีปัญญาหาแฟนดีดีได้เหมือนกัน ชีวิตแต่งงานของอรอนงค์กำลังจะเริ่มต้น ในขณะที่ของจันทนาจบไปแล้วอย่างไม่ค่อยจะสวยงามเท่าไหร่

จันทนานั้นแต่งงานเป็นคนแรกของรุ่น แต่แต่งได้ไม่นานก็หย่าร้างกันไปเพราะเรื่องผู้หญิงอีกคน ซึ่งแม้จะพยายามทำท่าว่าไม่แคร์ แต่ลึกๆลงไปในใจจันทนาก็รู้ว่ามันกลายเป็นปมด้อย หรือตราประทับที่จะติดตัวไปตลอดชีวิต เสียแรงทั้งรวยทั้งสวยระดับนางงาม แต่สามีกลับแอบไปมีหญิงอื่นที่ไม่มีอะไรเทียบเคียงเธอได้เลย

“มีธุระอะไรกับฉันหรือ อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงบ้าน ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยโผล่มา”

จันทนาแกล้งถามไปอย่างนั้นเอง เธอรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าอรอนงค์กำลังจะแต่งงานกับฝรั่ง

“มาส่งการ์ดแต่งงาน ถึงตอนที่เธอแต่งเธอจะไม่ได้เชิญฉันก็ตาม” อรอนงค์ลำเลิกด้วยสีหน้ายิ้มๆ

จันทนารับซองมาเปิดออกดูอย่างเสียไม่ได้ “อ้าว ทำไมเพิ่งจะมาแจกการ์ดล่ะ อีกอาทิตย์เดียวก็จะแต่งแล้ว” เธอทำหน้าไม่พอใจ “แบบนี้เขาเรียกว่าเชิญอย่างเสียไม่ได้ ใครจะไปเตรียมตัวทัน”

อรอนงค์ทำหน้ายิ้มๆอีก เธอจงใจเชียวละที่จะส่งให้จันทนาเป็นคนสุดท้าย ให้ใกล้วันงานที่สุด แม่อดีตนางงามหย่าผัวหรือผัวหย่าก็ไม่รู้คนนี้ จะได้รู้ตัวเสียบ้างว่าไม่ได้มีความสำคัญอะไรในสายตาเธอ แต่ที่ส่งการ์ดให้ก็เพื่อจะได้รู้ว่าเธอหาสามีได้ดีกว่าจันทนาเท่านั้นเอง จะไปร่วมงานหรือไม่ก็ไม่สำคัญ

“แหม จะต้องเตรียมตัวอะไรนักหนา ไม่ใช่เจ้าสาวสักหน่อย เสื้อผ้าก็คงไม่ต้องถึงขนาดตัดใหม่ไม่ใช่หรือ แต่ละชุดที่มีอยู่ก็หรูหราพอแล้วละ แต่ถ้าเธอไม่ว่างก็ไม่เป็นไรหรอกนะ เห็นเป็นเพื่อนกันมานานก็เลยต้องมาบอกกล่าวเป็นธรรมเนียมเท่านั้น”

อรอนงค์ถึอโอกาสเชือดเฉือนเสียเลย หมั่นไส้มานานแล้ว

“เธอก็รู้จักเฟรดแฟนฉันไม่ใช่หรือ เห็นเขาเล่าว่าเคยไปเที่ยวโขงเจียมด้วยกันครั้งนึง”

“อ๋อ เฟรดตัวดำๆที่เป็นนิโกรคนนั้นน่ะหรือเจ้าบ่าวของเธอ” ถึงทีของจันทนาบ้าง “แหม จะแต่งกับฝรั่งทั้งทีทำไมไม่เลือกฝรั่งขาวล่ะ ดูมีราศรีดีกว่ากันเยอะเลย แต่อย่างว่าแหละนะ เธอก็อายุมากแล้วนี่ แก่กว่าฉันตั้งเกือบสองปีไม่ใช่หรือ สามสิบแล้ว หมดเวลาเลือกแล้ว ใครโผล่เข้ามาก็ต้องคว้าเอาไว้ก่อน ดีกว่าต้องขึ้นคานจริงไหม?”

ผู้หญิงสองคนนี้จะจิกกัดกันอย่างนี้แทบทุกครั้งที่พบกัน อรอนงค์จึงไม่สะดุ้งสะเทือนกับคำพูดของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่มีวันเสียละที่จะไม่กัดตอบให้เจ็บๆคันๆเหมือนกัน

“ยังย่ะ ไม่ถึงสามสิบ แค่เกือบๆเท่านั้น เออ..เห็นเฟรดบอกว่าเธอรู้จักสนิทสนมกับเพื่อนของเขาที่ชื่อนิคไม่ใช่หรือ ฝรั่งขาวแบบที่เธอชอบไง ถ้าเขาไม่จีบเธอทำไมเธอไม่จีบเขาเสียเอง ตั้งแต่ตอนที่ไปเที่ยวด้วยกันล่ะ ไม่น่าปล่อยให้เขาไปจีบคนอื่นเลยนี่”

จันทนาตกใจเรื่องที่ชายหนุ่มคนที่เธอสนใจ กำลังจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ จนลืมโกรธคำพูดน่าเกลียดของอรอนงค์

“เธอรู้จักนิคด้วยหรือ?”

อรอนงค์ยิ้มอย่างสมคะเนที่ทำให้อีกฝ่ายร้อนรนได้ “อ้าว ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ รู้จักทั้งเขาทั้งแฟนของเขาเลยละ เมื่อสองสามวันก่อนเฟรดกับฉันยังชวนเขากับแฟนไปกินข้าวด้วยเลย เธอเองก็รู้จักสาวสวยคนนั้นนี่ รู้จักใช่ไหมล่ะ ผู้หญิงที่ชื่อพราวพรายน่ะ”

จันทนารู้สึกมึนตึ้บขึ้นมาทันที “พราวพราย?”

“ใช่ เธอก็รู้จักเขาไม่ใช่หรือ? ไม่รู้หรอกหรือว่าเขากำลังคั่วกับฝรั่งอยู่”

“เธอรู้ได้ไงว่าเขาสองคนเป็นแฟนกัน ยายพราวน่ะเขาเป็นแฟนกับปลัดอำเภอคนหนึ่ง อีกไม่นานก็คงจะแต่งงานกัน ทางบ้านเขาก็สนับสนุน อย่ามาอวดรู้หน่อยเลยถ้าไม่รู้จริง”

อรอนงค์ชักสงสัยท่าทางเป็นเดือดเป็นแค้นของจันทนา หรือว่ายายจันทน์จะชอบหนุ่มอเมริกันผิวขาวท่าทางดีที่ชื่อนิค

“ทำไมฉันจะไม่รู้จริง ในเมื่อแฟนฉันบอกว่าแขกที่เขาชวนมาให้ฉันรู้จักเป็นคู่รักกัน แล้วพอมาถึงนิคเขาก็แนะนำว่าผู้หญิงที่ชื่อพราวพรายเป็นแฟนเขา เขาใช้คำว่า ‘เกิร์ลเฟรนด์’ รู้ไม่ใช่หรือว่าแปลว่าอะไร ถ้าไม่รู้ก็แย่แล้วละ อุตส่าห์เสียเงินเสียทอง บินข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนหนังสือที่เมืองนอกตั้งสามสี่ปี”

ใจของจันทนาเต้นรัว ทั้งตกใจและโกรธ แม้จะยังไม่นึกเชื่อสักเท่าไหร่ก็ตาม คิดว่าคงจะต้องสืบหาความจริงต่อไป ตอนนี้เธอจำเป็นต้องรักษาหน้าเอาไว้ก่อน จะให้ผู้หญิงที่กำลังทำสีหน้าเป็นต่ออยู่ตรงหน้าคนนี้ รู้ไม่ได้เป็นอันขาดว่านิคเป็นผู้ชายที่เธอจองเอาไว้ แถมยังคิดเข้าข้างตัวเองอีกด้วยว่าเขาก็สนใจเธออยู่เหมือนกัน

“แล้วมาเล่าให้ฉันฟังทำไม ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับฉันสักนิด”

“ที่เล่าก็เพราะเห็นเธอรู้จักทั้งนิคทั้งผู้หญิงคนนั้นเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก”

แล้วอรอนงค์ก็เปลี่ยนเรื่อง “ถ้าว่างก็ไปงานฉันสิ เธออาจจะได้เห็นเขาสองคนควงกันมาที่งานก็ได้นะ เฟรดเขาส่งการ์ดให้สองคนนั่นแล้ว”

พูดกันอีกไม่กี่ประโยคอรอนงค์ก็บอกลา ทิ้งให้จันทนานั่งงงอยู่ตรงที่เดิม

หลังจากวันนั้นจันทนาก็หาเหตุไปพบสุนิสาสองสามครั้ง โดยคิดว่าน่าจะได้ข้อมูลอะไรบ้าง เพราะเป็นเพื่อนร่วมบ้านของพราวพราย ครั้งแรกหลังจากได้รับการ์ดแต่งงานของอรอนงค์ไม่นาน เธอขับรถไปรับสุนิสาถึงที่ทำงานหลังงานเลิก แล้วพาไปนั่งคุยที่คอฟฟี่ช็อปแห่งหนึ่ง ตั้งใจที่จะเลียบเคียงหาข่าวจากสุนิสา

แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรมาก เพราะหญิงสาวผู้นั้นยืนยันว่าเห็นมีแต่เขตต์คนเดียวที่ไปมาหาสู่พราวพราย ไม่เคยเห็นคนอื่นมาวอแวและอีกอย่างเพื่อนของเธอก็ยังไม่ได้ตกลงปลงใจกับ์ใคร แม้แต่ปลัดอำเภอหนุ่มคนนั้น นอกจากนั้นในงานแต่งงานของอรอนงค์กับเฟรด จันทนาก็พบว่านิคมาร่วมงานคนเดียว ไม่มีแม้แต่เงาของพราวพรายเคียงคู่มาด้วย เหมือนที่อรอนงค์ใส่ไฟเอาไว้

หลังจากสบายใจหายกังวลไปได้มากแล้วกับเรื่องที่รู้จากอรอนงค์ และได้ข้อสรุปว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพื่อนที่เป็นคู่แข่งกลายๆคนนั้นของเธอคงเข้าใจผิดไปเอง แต่แล้ววันหนึ่งหลังจากวันนั้นอีกเป็นเดือน เธอก็ได้รู้เห็นอะไรอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้แน่ว่า ข่าวของอรอนงค์ไม่ใช่ข่าวโคมลอย แถมมันยังมีอะไรที่หนักหนาสาหัสสำหรับเธอ มากกว่าเรื่องที่อรอนงค์เล่าหลายเท่าตัว

พิษณุซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายของเธอ เพราะมารดาของเขาเป็นพี่สาวแท้ๆของมารดาเธอ มาพักค้างคืนที่บ้านของเธอตามปกติ เหมือนทุกครั้งที่เดินทางจากศรืสะเกษที่เขาทำงานอยู่เข้ามาที่อุบลฯ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องราชการหรือเรื่องส่วนตัว ครั้งนี้เขาค้างอยู่สองคืนและกลับไปในเช้าวันต่อมา ปกติเวลามาอุบลฯชายหนุ่มมักจะมาตัวเปล่า ไม่มีกระเป๋าเดินทาง เพราะเขาเก็บเสื้อผ้าส่วนหนึ่งไว้ที่บ้านน้า เด็กรับใช้จะช่วยนำเสื้อผ้าใช้แล้วของเขาไปซักรีด แล้วนำมาแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าให้เขาได้ใช้ในครั้งต่อไป

ครั้งนี้ก็เช่นกัน เด็กรับใช้เข้ามาหยิบเสื้อกางเกงชุดที่พิษณุใส่คืนที่ผ่านมา เพื่อเอาออกไปซักที่ลานปูนหลังบ้าน ขณะที่กำลังหย่อนเสื้อเชิร์ตแขนสั้นตาสก็อตสีดำขาวลงในกาละมัง เด็กสาวก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าเสื้อที่นูนออกมาเล็กน้อยเหมือนมีอะไรบรรจุอยู่ เจ้าหล่อนรีบตาลีตาลานคว้าเสื้อ ที่ตอนนี้ส่วนชายเสื้อเปียกน้ำแล้วออกจากอ่าง ใช้มือสอดเข้าไปดึงของในกระเป๋าออกมา เมื่อพบว่าเป็นกระดาษพับเป็นรูปสี่เหลี่ยมก็คลี่ออกดู

จันทนาซึ่งเดินผ่านมาพอดีเห็นเด้กรับใช้กำลังอ่านอะไรอย่างหนึ่ง ที่หยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อที่เธอจำได้ว่าเป็นของพิษณุ ร้องถามว่า “นังแจ๊ว นั่นทำอะไรน่ะ อ่านอะไร?”

เสียงแหลมสูงที่ดังขึ้นข้างหลังทำสาวใช้วัยรุ่นสะดุ้งโหยง รีบแก้ตัวว่า “อะไรก็ไม่ทราบค่ะ อยู่ในกระเป๋าเสื้อคุณณุ หนูกำลังจะซัก พอดีเห็นกระดาษนี่”

เจ้าหล่อนยกกระดาษในมือชูให้อีกฝ่ายดู

“เอกสารอะไรของพี่ณุเขาละมัง แล้วเรื่องอะไรไปอ่านของเขาล่ะ”

เด็กรับใช้รีบแก้ตัวว่า “หนูไม่ได้อ่านหรอกค่ะ แค่จะคลี่ดูเท่านั้นว่ากระดาษเปล่าหรืออะไร จะได้เอาไปทิ้ง”

อีกฝ่ายยื่นมือออกมารับ “เอามานี่ ฉันดูเอง ถ้าเป็นเอกสารสำคัญแล้วเปียกน้ำละแย่เลย พี่ณุสวดไม่จบแน่”

หญิงสาวเดินผละจากที่ตรงนั้นขึ้นบันไดเข้าไปในห้องส่วนตัว นั่งลงบนเตียงก่อนจะคลี่กระดาษในมือ ที่ยึดมาจากเด็กรับใช้ออกอ่าน ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดแต่เพียงว่าถ้าเป็นจดหมายสำคัญหรือเอกสารทางราชการ ก็จะเอาเข้าไปวางไว้บนโต๊ะทำงานเล็กๆในห้องของพิษณุ เขาจะได้เห็นเมื่อมาค้างที่นี่ในครั้งต่อไป

แต่ทันทีที่เห็นข้อความทั้งหมดในกระดาษแผ่นนั้น จันทนาก็ตกใจจนหน้าถอดสี คิดว่าตาฝาดไปจนต้องก้มลงอ่านอีกสองสามรอบ เมื่อเข้าใจชัดเจนแล้วว่าอะไรเป็นอะไร หญิงสาวก็รู้สึกถึงความโกรธที่พุ่งพรวดขึ้นมา

ความหึงหวงที่ถูกแย่งชายที่หมายปอง ยังเทียบไม่ได้กับความรู้สึกว่าถูกหลอกโดยหญิงชายคู่นั้น ก็เมื่อเป็นสามีภรรยากันโดยถุกต้องแล้ว ทำไมต้องมาแสดงละครตบตาคนอื่น นี่หมายความว่าทุกคนตั้งแต่อรรณพ เพื่อนสนิททั้งสองคนของพราวพราย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตต์ ถูกหลอกกันทั้งนั้นเลยหรือ ถ้าถามถึงความเสียใจจันทนาก็ตอบได้ทันทีว่าไม่ได้เสียใจมากมายนัก เสียหน้าและเสียความรู้สึกมากกว่า เพราะเธอยังไม่ถึงกับรักนิค เพียงแต่ชอบเขามาก และถ้ามีโอกาสได้คบกันจริงจังเธอก็คงรักเขาได้ไม่ยาก

จันทนากำเอกสารสำคัญแผ่นนั้นเอาไว้ในมือ ใจเดือดพล่านเมื่อนึกถึงนิคกับพราวพรายที่ทำเหมือนคนแปลกหน้ากันต่อหน้าคนอื่น ทำให้เธอแสดงความสนใจต่อนิค จนทุกคนในกลุ่มรู้กันทั่วและยังสนับสนุนเสียด้วยซ้ำ จริงสิ..เธอนึกออกแล้วว่าเวลาอรรณพหรือคนอื่นๆล้อเธอเกี่ยวกับชายหนุ่มผู้นั้น พราวพรายจะเงียบกริบไม่เคยเอ่ยปากเป็นเชิงเห็นด้วย สีหน้าก็ค่อนข้างบึ้งแล้วบางครั้งก็ลุกขึ้นแยกตัวออกไปจากกลุ่มเสียเฉยๆ

ตอนนั้นจันทนาไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนเป็นอะไร แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าคงหึงแต่พูดไม่ออก จันทนากำลังสงสัยถึงเหตุผลที่คนคู่นั้นปกปิดเรื่องการแต่งงาน คิดอยู่นานแล้วความฉลาดก็บอกให้เธอสงสัยต่อไปว่า พ่อแม่ของพราวพรายคงไม่รู้เรื่องการแต่งงานครั้งนี้ เป็นไปไม่ได้หรอกที่ข้าราชการระดับสูงอย่างบิดาของพราวพราย จะยอมให้ลูกสาวแต่งงานโดยจดแต่ทะเบียนสมรส ไม่มีงานเลี้ยงรับรองให้สมกับเกียรติและฐานะ

หญิงสาวที่กำลังอาฆาตแค้นที่ถูกคนสองคนทำให้เสียหน้า ทำให้เหมือนตัวตลก ใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะจัดการอย่างไรต่อไปจึงจะหายแค้น ระหว่างที่ยังคิดไม่ออกจันทนาก็นำเอกสารแผ่นนั้นไปถ่ายสำเนาเก็บไว้ ส่วนแผ่นที่ยึดมาจากเด็กรับใช้ เธอเอาไปใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานในห้องของพิษณุ


ตอนนั้นจันทนาคิดแต่เพียงว่าคราวต่อไป ที่มีโอกาสได้พบนิคกับพราวพรายเวลาไปสังสรรค์กัน ก็จะแอบสังเกตท่าทีของคนทั้งสองโดยไม่ให้รู้ตัว ได้โอกาสเมื่อไหร่ก็จะเปิดโปง ประจานความหน้าไหว้หลังหลอกของคนคู่นั้นให้รู้กันไปทั่วเลย แต่ต่อมาเมื่อรู้จากอมราว่าพราวพรายเพิ่งเดินทางกลับไปบ้านที่กรุงเทพฯ จันทนาซึ่งตอนนี้คิดแผนสำคัญแผนหนึ่งได้แล้วก็ไปเยี่ยมสุนิสาที่บ้านพัก พูดคุยกันเรื่องทั่วๆไปอยู่พักหนึ่งก็เข้าเรื่องที่ต้องการ

“เห็นแพตตี้บอกว่าพราวไปเยี่ยมบ้านที่กรุงเทพฯ เมื่อไหร่กลับล่ะ?”

“ไม่รู้สิ เขาเพิ่งไปเอง แต่เขาลาพักร้อนไว้สองอาทิตย์ อาจจะอยู่ที่โน่นทั้งสองอาทิตย์ละมัง แม่เขาไม่ค่อยสบาย พี่จันทน์มีธุระอะไรกับพราวหรือ?”

“ไม่มีหรอก เออ..เขาก็มาทำงานอยู่ที่นี่นานแล้ว พ่อแม่เขาไม่มาเยี่ยมบ้างเลยหรือ?”

“คุณแม่พราวเคยมาครั้งนึง หลายเดือนแล้วละ”

จันทนายกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม ก่อนจะถามต่อไปเรื่อยๆเหมือนพูดคุยกันตามธรรมดาว่า “พราวมาอยู่ที่นี่ตั้งนานแม่มาหาแค่ครั้งเดียวเองหรือ ไม่ห่วงบ้างหรือ”
“แต่พราวเขาโทรศัพท์กลับบ้านทุกอาทิตย์นะ พี่จันทน์ แล้วเดือนสองเดือนเขาก็กลับบ้านเสียที”

“งั้นแอ๋วก็เคยพบแม่พราวแล้วละสิ”

สุนิสาส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ได้พบหรอก บังเอิญวันที่คุณแม่พราวมาแอ๋วไม่อยู่ แล้ววันรุ่งขึ้นคุณเขตต์ก็พาพราวกับคุณแม่ไปเที่ยวโขงเจียมสองสามวัน”

อีกฝ่ายทำเป็นหัวเราะ “สงสัยแม่พราวคงชอบคุณเขตต์น่าดูเลยนะ ช่างเอาใจ
เทคแคร์ดูแลขนาดนี้ แล้วคู่นี้เมื่อไรเขาจะแจกการ์ดกันเสียทีล่ะ หรือคุณเขตต์จะเป็นประเภทไปแล้วไปลับ” ตอนนั้นเขตต์เพิ่งย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ที่จังหวัดทางใต้

“ไม่รู้สิ “ สุนิสาอ้อมแอ้มไม่เต็มปากเต็มคำ “ แต่ความจริงเขาสองคนไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกนะ พี่จันทน์ พราวเขาไม่ได้ชอบคุณเขตต์แบบนั้น”

“เหรอ?” จันทนายิ้มในหน้า “งั้นเขาชอบใครล่ะ?”
“ไม่รู้อีกเหมือนกัน”

“ถ้าแอ๋วไม่รู้แล้วใครจะรู้ล่ะ อยู่บ้านเดียวกันจะไม่รู้ไม่เห็นอะไรบ้างเลยหรือ ไม่ต้องปิดพี่หรอกน่า เอ๊ะ..หรือว่าพราวเขาเป็นประเภทลึกลับซับซ้อน” เธอทำหน้ายิ้มๆเหมือนพูดเล่นแล้วรีบเปลี่ยนไปถามว่า “ได้ข่าวว่าแม่พราวดุมาก จริงหรือเปล่า?”

สุนิสานิ่งคิดถึงที่พราวพรายเคยเล่าให้ฟังแล้วชักจะเห็นด้วย “คงดุแหละ พราวเคยเล่าว่าลูกๆกลัวคุณแม่มากกว่าคุณพ่อ คุณพ่อพราวรู้สึกว่าจะเป็นคนเงียบๆ”

“เหรอ? พ่อพราวเป็นอธิบดีกรมอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับการค้าไม่ใช่หรือ? ชื่ออะไรแอ๋วรู้ไหม เผื่อพี่จะรู้จัก พี่เข้ากรุงเทพฯไปติดต่อพวกผู้ใหญ่เรื่องธุรกิจให้เตี่ยอยู่บ่อยๆ”

อีกฝ่ายนิ่งคิดก่อนจะตอบแบบพาซื่อไม่รู้เจตนาของจันทนาว่า “ไม่รู้หรอก รู้แต่คุณแม่พราว จำได้แม่นเพราะชื่อคล้ายๆแม่แอ๋ว แม่แอ๋วชื่อวิจิตรา ส่วนคุณแม่พราวชื่อคุณจิตรา” แล้วก็เสริมตามที่รู้จากเพื่อนว่า "คุณพ่อพราวตอนนี้เลื่อนขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวงแล้วละ พี่จันทน์"

จันทนาจดจำชื่อนั้นไว้ในสมองอย่างรวดเร็ว หลังจากชวนสุนิสาพูดคุยเรื่องอื่นต่อไปอีกพักใหญ่ หญิงสาวก็ลากลับ โดยมีสุนิสาเดินตามไปส่งถึงรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน พอสต้าร์ทรถเสร็จจันทนาก็ทำเป็นเหมือนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เธอกดปุ่มลดกระจกรถลง ยื่นหน้าออกไปพูดกับสุนิสา

“โอ๊ย ลืมสนิทเลย ว่าจะขอเบอร์โทรศัพท์บ้านพราว พรุ่งนี้พี่จะไปกรุงเทพฯ จะอยู่หลายวันหน่อย ถ้ามีเวลาว่าจะชวนพราวไปเป็นเพื่อนช้อบปิ้ง ไม่ชอบเดินคนเดียว แอ๋วมีเบอร์โทรศัพท์บ้านพราวไม่ใช่หรือ ช่วยจดให้หน่อยสิ”

ได้ข้อมูลที่ต้องการครบหมดแล้วจันทนาก้กลับบ้าน แล้วเย็นนั้นเธอก็ขึ้นเครื่องบินไปกรุงเทพฯ วันรุ่งขึ้นเธอโทรศัพท์เข้าไปถามสาวใช้ที่มารับสายถึงที่ตั้งบ้านของพราวพราย หลังจากนั้นก็ขับรถของน้าชายออกจากบ้าน โดยมีเด็กในบ้านของน้าชายติดรถไปด้วยคนหนึ่ง เมื่อขับรถวนเวียนจนหาบ้านหลังที่ต้องการจนพบแล้ว จันทนาก็ขับรถเลยไปจอดห่างออกไปสองบ้าน พูดกับเด็กที่พามาด้วยสองสามคำ ก่อนจะส่งซองจดหมายในมือให้ เธอรอดูจนแน่ใจว่าจดหมายฉบับนั้น ที่จ่าหน้าถึงมารดาของพราวพราย ถุกหย่อนลงตู้จดหมายตรงข้างๆประตูบ้านหลังนั้นเรียบร้อยแล้ว จึงขับรถพาเด้กของน้าชายกลับไปส่งบ้าน ส่วนเธอก็ไปทำธุระอื่นและรอฟังผล ที่จะเกิดขึ้นกับการกระทำครั้งนี้ต่อไป

แล้ววันนี้ทันทีที่เห็นสีหน้าหมองคล้ำท่าทางทรุดโทรม เหมือนคนกินไม่ได้นอนไม่หลับของพราวพราย จันทนาก็ยิ้มเหี้ยมๆอย่างสะใจกับตัวเอง แน่ใจว่าแผนการของเธอสำเร็จไปแล้วอย่างน้อยก็ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ที่จะต้องคอยดูก็คือหญิงชายคู่นั้นจะทำอย่างไรต่อไป จะแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างไร




Liturature Blog
 




Create Date : 05 พฤษภาคม 2566
Last Update : 9 พฤษภาคม 2566 16:53:55 น.
Counter : 543 Pageviews.

11 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณเริงฤดีนะ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสองแผ่นดิน, คุณRain_sk, คุณโอพีย์, คุณnewyorknurse, คุณหอมกร, คุณปัญญา Dh, คุณSweet_pills, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณwink99_th, คุณปรศุราม, คุณThe Kop Civil, คุณeternalyrs, คุณkae+aoe, คุณกิ่งฟ้า, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณ**mp5**, คุณNENE77, คุณชีริว

  
รักแท้ย่อมมีอุปสรรคค่ะคุณตุ้ย
นี่คือผลลัพธ์ขชองการโกหกด้วยค่ะ

โดย: หอมกร วันที่: 5 พฤษภาคม 2566 เวลา:18:46:22 น.
  
สงสารพราวที่สุดเลยค่ะ
กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ลุ้นๆว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย อย่างไร
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 5 พฤษภาคม 2566 เวลา:19:27:15 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด

มาอ่านนิยาย ที่น้องเขียนต่อจากตอนที่แล้ว จ้ะ อ่านไปแล้วก็อด
ไม่ชอบตัวละครใหม่ คือ ยายจันทนา จ้ะ คนอะไร ขี้อิจฉา ชอบยุ่ง
เรื่องชาวบ้าน ทำตัวไม่เป็นพี่ที่ดีเลย แถมคิดแผน ทำให้แพรวพราย
ผิดใจกับแม่ด้วย ร้ายกาจจริง ๆ จ้ะ คนแบบนี้ ต้องเจออย่างอรอนงค์
จึงจะสมน้ำสมเนื้อ ต่อปากต่อคำกัน เนาะ อิอิ

ลงบล็อกใหม่ มาชวนไปอ่านต่อ นะจ๊ะ

โหวดหมวด งานเขียน ฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 8 พฤษภาคม 2566 เวลา:17:36:27 น.
  
แวะเข้ามาทักทายครับ
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมที่ blog ครับ
โดย: wink99_th วันที่: 8 พฤษภาคม 2566 เวลา:18:20:50 น.
  
ผมอ่านจนจบเป็นครั้งแรกเลยครับ สนุกมาก ๆ นั่งลุ้นตาม จันทนาเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมากเลยนะครับ เดี๋ยวต้องกลับไปอ่านตอนต้น ๆ ละครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 9 พฤษภาคม 2566 เวลา:11:20:34 น.
  
สวัสดีครับคุณดอยสะเก็ด
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 9 พฤษภาคม 2566 เวลา:14:21:14 น.
  
คุณ the Kop Civil

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะ ดัใจที่มีชายหนุ่มเข้ามาอ่าน คิดว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ชอบอ่านนิยาย เพราะคิดว่านิยายเป็นเรื่องประโลมโลกย์ อ่านไปก็ไม่ได้ประโยชน์ เสียเาลาเปล่าๆ ทั้งๆที่ความจริงนิยายประ
เภทดราม่าจะเน้นหนักไปด้านการดำเนินชีวิตของตัวละครแต่แต่ละตัวที่แตกตางกันไป ดีบ้างไม่ดีบ้างแล่วแต่อุปนิสัยชองเขา ซึ่งผู้อ่านจะสามารถเก็บเกี่ยวเรื่องราวเอาไปใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตได้ไม่มากก็น้อย

หวังว่าคุณ Tfe Cop Civjl จะคิดตามอ่านต่อไปจนจบนะคะ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 9 พฤษภาคม 2566 เวลา:16:30:37 น.
  
สวัสดีค่ะ แวะมาอ่านแล้วค่ะ สงสารพราวพรายจังเมื่อไหร่เรื่องราวจะจบลงด้วยดีสักทีนะคะคราวนี้แผนของจันทนาคงสำเร็จ ทำเอาพราวพรายเือดร้อนแย่เลยค่ะ ใครมีเพื่อนแบบจันทนา คงโชคร้ายสุดๆ

โหวต Literature Blog

ขอบคุณที่ไปให้กำลังใจที่บล็อกตะพาบนะคะ

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 10 พฤษภาคม 2566 เวลา:21:32:46 น.
  
ขอบคุณที่เข้าไปเยี่ยมชมบล็อคค่ะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 11 พฤษภาคม 2566 เวลา:15:49:45 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 13 พฤษภาคม 2566 เวลา:12:35:11 น.
  
ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจ พรุ่งนี้อย่าลืมไปเลือกตั้งนะ
โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 13 พฤษภาคม 2566 เวลา:23:30:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
พฤษภาคม 2566

 
1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com