คนละฟากฟ้า - บทที่ 54
เฟรดกับคู่ควงของเขานั่งรออยู่แล้วที่โต๊ะมุมห้อง เมื่อนิคโอบไหล่พราวพรายพาเดินมาถึงโต๊ะ เฟรดก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนจะแนะนำผู้หญิงของเขาให้ผู้มาใหม่รู้จัก

“ยินดีมากที่ได้พบคุณอีก ขอแนะนำให้รู้จักคู่หมั้นผม เธอเป็นผู้หญิงไทยเหมือนคุณ ชื่ออรอนงค์ เรียกเธอว่าอรก็ได้” แล้วเขาก็หันไปบอกคู่หมั้นว่า “ที่รัก รู้จักนิคเพื่อนผมกับเกิร์ลเฟร็นด์ของเขาหน่อย เธอชื่อพราวพราย”

หลังจากทักทายกันเรียบร้อยนิคและพราวพรายก็ลงนั่งคู่กัน บนเก้าอี้ตรงข้ามกับคู่หมั้นทั้งสอง เฟรดเรียกบริกรมาสั่งเครื่องดื่มให้เธอ ส่วนนิคก็ดื่มเบียร์กับเจ้าภาพ พราวพรายเหลือบมองผู้หญิงสาวท่าทางหยิ่งๆอย่างสำรวจตรวจตรา ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำเช่นเดียวกัน อรอนงค์เป็นสาวใหญ่ท่าทางคล่องแคล่ว ผิวของเธอขาวผ่องตาเรียวยาวเหมือนลูกครึ่งจีน หน้าตาเก๋มากกว่าสวย แต่งกายในเสื้อผ้าลูกไม้สีชมพูอ่อนทั้งชุด ผมเกล้าเป็นมวยต่ำๆไว้ตรงต้นคอ สวมต่างหูมุกด์ล้อมเพชรเม็ดจิ๋วๆ มีแหวนทองคำขาวหัวฝังเพชรเม็ดย่อมๆ ส่องประกายวูบวาบบนนิ้วข้างซ้าย

พราวพรายรู้จากคำบอกเล่าของอรอนงค์ว่าเธอเป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด แต่เนื่องจากบิดามารดาเสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงต้องมาอยู่ในความอุปการะของน้าชายและน้าสะใภ้ ที่ตั้งรกรากอยู่ในอุบลฯ เธอพบกับเฟรดเมื่อหกเดือนที่แล้วผ่านทางงานของน้าชายของเธอ ซึ่งทำธุรกิจจัดหาจัดส่งสินค้าประเภทเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ฝ่ายเสบียงอาหารในฐานทัพที่พราวพรายทำงานอยู่ เธอมีโอกาสได้สนิทสนมกับเฟรดตอนที่ไปช่วยงานของน้าชาย เพราะช่วงนั้นเฟรดได้รับมอบหมายให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องจัดซื้อเสบียงสำหรับทหาร

แม้อรอนงค์จะพูดจากับเธออย่างดี แต่พราวพรายก็อ่านออกว่าเป็นไปตามมารยาทสังคมเท่านั้น มีหลายครั้งที่หญิงสาวคนนั้นชำเลืองมองเธออย่างพินิจพิจารณา เหมือนพยายามจะประเมินสถานภาพทางสังคมของเธอ ทำให้พราวพรายอดระแวงไม่ได้ ว่าอรอนงค์อาจจะคิดว่าเธอเป็นเมียเช่าของนิค

อรอนงค์พูดภาษาอังกฤษเก่งพอควร เธอพูดคุยกับนิคอย่างสนิทสนมราวกับรู้จักกันมานาน ส่วนเฟรดก็หันมาชวนพราวพรายพูดคุย เขาอาจจะเห็นเธอนั่งเงียบๆ ทานอาหารไปเรื่อยๆ ก็ได้ บางครั้งเขาก็อมยิ้มเมื่อเห็นนิคคอยเลื่อนหรือตักอาหารใส่จานให้เธอ หลังจากร่วมวงกันได้พักใหญ่ พราวพรายก็ได้ข้อสรุปว่าอรอนงค์เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างถือตัว และมองอะไรแตกต่างจากเธอมาก

ตอนหนึ่งของการสนทนา เฟรดเล่าให้พราวพรายฟังว่า เขากับอรอนงค์กำลังจะแต่งงานกัน

“แต่งแบบไทยหรือเปล่าคะ?”

เธอก็แค่ถามเฟรดไปตามมารยาทเท่านั้น ไม่ได้สนใจใคร่รู้อะไรหรอก

ผู้ที่ตอบแทนคืออรอนงค์ “เราจะเข้าโบสถ์ค่ะ ไม่เอาหรอกพิธีแต่งงานแบบไทยน่ะ ยืดยาดมีขั้นตอนมากเกินไป น่าเบื่อ ไหนจะต้องเลี้ยงพระ รดน้ำ ไหว้ญาติผู้ใหญ่ อะไรต่ออะไรอีกเยอะแยะ วุ่นวายเปล่าๆ”

“แล้วทางบ้านเห็นด้วยหรือคะ?” พราวพรายชักอยากรู้

อีกฝ่ายยักไหล่ “น้าชายฉันไม่ว่าอะไร ตามใจทุกอย่าง แต่น้าสะใภ้ไม่ค่อยชอบใจนัก อยากให้ทำพิธีแบบไทยๆ ถ้าไม่รดน้ำก็อยากให้ผูกข้อมือตามประเพณีทางนี้ แต่ฉันไม่เอาหรอก เข้าโบสถ์ เลี้ยงรับรอง จดทะเบียนแค่นี้ก็พอแล้ว” แล้วเธอก็เล่าต่ออีกหน่อยว่า “น้าสะใภ้ไม่อยากให้คบกับเฟรดตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ กลัวชาวบ้านจะคิดว่าฉันเป็นเมียเช่าของเขา ก็อย่างว่าแหละ พวกเมียเช่าทำให้ผู้หญิงดีๆเสียชื่อไปตามๆกัน ใครเดินควงกับฝรั่งหน่อยก็ถูกเหมาให้เป็นเมียเช่าไปหมด”

ขณะที่เธอนิ่งฟังอยู่เงียบๆหญิงสาวคนนั้นก็ถามโพล่งขึ้นมาว่า “เวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน คุณไม่เคยถูกคนมองว่าเป็นเมียเช่าของนิคบ้างหรอกหรือ?”

พราวพรายสะดุ้งตกใจ ส่วนสองหนุ่มซึ่งกำลังคุยกันเอง ไม่รู้เรื่องว่าผู้หญิงสองคนกำลังคุยอะไรกันอยู่เพราะพวกเธอใช้ภาษาไทย

“ฉัน..เอ้อ..” พราวพรายอึกอักออกมาได้เพียงเท่านั้น

อรอนงค์ลดเสียงให้เบาลงเล็กน้อยเมื่อกล่าวต่อไปว่า “ความจริงเมียเช่าหลายคนก็โชคดีนะ ไม่รู้ไปทำอีท่าไหน ทหารบางคนยอมจดทะเบียนสมรสด้วย อยู่ๆ ก็กลายเป็นคุณนายไปเลย ผู้หญิงบางคนก็ยอมท้อง คงหวังจะใช้เด็กเป็นเครื่องมือให้ผู้ชายยอมจดทะเบียนด้วย บางคนก็สมหวัง แต่ส่วนใหญ่ผิดหวัง ทหารพวกนี้เวลาย้ายกลับไปประเทศของเขาก็ไม่ได้เอาไปด้วย ผู้หญิงอยู่ทางนี้ก็ต้องเลี้ยงลูกไปเองตามมีตามเกิด คอยดูเถอะ พอสงครามจบประเทศเราคงมีเด็กหัวเหลืองหัวแดงเต็มบ้านเต็มเมือง กลายเป็นปัญหาสังคมที่แก้ไม่ตก”

“เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจให้ท้องก็ได้นะคะ” พราวพรายอดแย้งไม่ได้ “เพียงแต่ไม่ได้ระวังตัวหรือป้องกันเท่านั้นเอง พอท้องขึ้นมาก็เลยปล่อยเลยตามเลย”

แต่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย “ไม่จริงหรอกค่ะ ข้างบ้านฉันไง มีเมียเช่าสารรูปดูไม่ได้อยู่คน ผัวงี้รูปหล่อเชียว สุภาพเรียบร้อยอีกต่างหาก อยู่กันสักสี่ห้าเดือนเท่านั้นแหละแม่คนนี้ก็ป่องขึ้นมาเฉยๆ” อรอนงค์เล่าต่อไปอย่างมีอารมณ์ราวกับมีส่วนได้ส่วนเสียด้วย “เผอิญฉันกับเขาเคยพูดจากันสองสามครั้ง ฉันก็เลยถามเขาว่าทำไมไม่ป้องกัน คุณรู้ไหมเขาตอบฉันว่าไง เขาบอกว่าเขาตั้งใจให้ท้องเองแหละ เผื่อจะได้จดทะเบียนเป็นเมียแล้วจะได้ไปอยู่เมืองนอกตอนที่ผู้ชายย้ายกลับบ้าน แล้วยังงี้จะว่าไม่ได้ตั้งใจยังไง”

พราวพรายอึ้งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะตอบอย่างเป็นกลางๆ ว่า “ก็น่าเห็นใจเขาเหมือนกันนะคะ ใครๆ ก็มีสิทธิจะเสี่ยงเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ เพราะถ้าฝรั่งคนนั้นเกิดสงสารเขาและเด็กในท้อง ยอมจดทะเบียนพากลับไปใช้ชีวิตครอบครัวที่อเมริกา ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาก็คงจะดีขึ้น”

แต่อรอนงค์ไม่ยอมแพ้ “อ้าว แล้วทำไมไม่คิดในมุมกลับบ้างล่ะ ว่าถ้าฝรั่งไม่เล่นด้วยจะเกิดอะไรขึ้น เด็กนั่นก็คงเป็นได้แค่ลูกเมียเช่าที่ไม่มีพ่อ นอกจากเด็กจะมีปมด้อยแล้วสังคมก็ยังต้องมีปัญหาอีกด้วย แล้วอีกอย่าง ทำไมผู้หญิงพวกนี้ถึงยอมไปเป็นเมียเช่าล่ะ จะมาอ้างว่าเป็นอาชีพสุจริต พูดยังกับว่าบ้านเรามีอาชีพสุจริตอยู่อาชีพเดียว อาชีพสุจริตอื่นๆมีอีกตั้งมากมาย เช่นเป็นคนใช้ตามบ้าน ทำงานโรงงาน ขายของ อะไรพวกนี้ก็ได้ จริงไหม? ฉันว่าผู้หญิงพวกนี้รักความสบายอยากเป็นคุณนายมากกว่า”

คงจะเพราะพูดไม่ขาดปากจนคอแห้ง อรอนงค์เลยต้องก้มลงดูดน้ำส้มคั้นในแก้วตรงหน้า ทำให้พราวพรายลอบถอนใจยาวอย่างโล่งอก ที่ไม่ต้องฟังเรื่องเมียเช่ากับปัญหาสังคมต่อไป

แต่โล่งอกไปได้ไม่ถึงนาทีเธอผู้นั้นก็เจื้อยแจ้วต่อว่า “อีกอย่างนะ ฉันว่าผู้หญิงพวกนี้ฝันเฟื่องเกินไป คิดจะเอาแต่ได้ท่าเดียว บางทีฉันก็นึกสมน้ำหน้า ที่ต้องกลายเป็นนางฟ้าตกสวรรค์”

เห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ อรอนงค์ก็รีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ จะไม่ตกสวรรค์ได้ไงล่ะคะ ก็ที่เขาไม่พากลับไปบ้านด้วยก็เพราะเขามีลูกมีเมียรออยู่แล้วไง เรื่องนี้ฉันรู้จากเฟรด เขาบอกว่ามีเรื่องแบบนี้เยอะแยะ ความจริงฉันว่าเมียเช่าพวกนี้ไม่น่าจะหวังอะไรลมๆแล้งๆแบบนั้น เขาก็แค่เช่ามานอนเท่านั้น เงินค่าเช่าก็จ่ายให้ทุกเดือน ยังอ้อนขอให้เขาซื้อสร้อยซื้อแหวนให้อีก แล้วยังยอมท้องขึ้นมาเพื่อจะให้เขายอมจดทะเบียนพากลับอเมริกา แบบนี้มีเยอะแยะ ไม่เชื่อคุณก็ลองถามนิคดูสิ”

พราวพรายนึกเบื่อที่จะเถียงแทนพวกเมียเช่า เพราะอีกฝ่ายมีอคติเสียแล้ว เถียงไปก็เปล่าประโยชน์ ท่าทางอรอนงค์จะเป็นคนประเภทถือเอาความคิดเห็นของตัวเองถูกต้องไปเสียทุกอย่าง คนอื่นที่คิดแตกต่างจากเธอผิดไปหมด หญิงสาวเลยพยายามเปลี่ยนเรื่องพูด

“เห็นนิคบอกว่าเฟรดกำลังจะย้ายกลับไปอเมริกา ยังงี้คุณอรก็คงต้องตามไปด้วยสิคะ”

“ค่ะ เราจะไปด้วยกัน ตอนนี้นอกจากเตรียมงานแต่งงานแล้ว ยังต้องวุ่นวายเตรียมตัวไปอยู่ที่โน่นด้วย” อรอนงค์ เล่าอย่างเต็มอกเต็มใจด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มกว่าเก่า “บอกตรงๆนะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าทางบ้านเฟรดเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าจะต้องไปเจอแม่สามีแบบไหน”

“เดี๋ยวตอนวันแต่งงานก็จะได้เจอแล้วไม่ใช่หรือคะ?”

อีกฝ่ายยักไหล่ “พ่อแม่เขาไม่มาหรอก คงต้องไปเจอเขาที่โน่น แต่ไม่มาก็ดีแล้วละ ฉันยังไม่อยากเจอพวกเขาตอนนี้ ไม่มีเวลาว่างจะมาเทคแคร์ใคร ลำพังวิ่งส่งการ์ดแต่งงานก็แทบไม่มีเวลาจะทำอะไรอยู่แล้ว”

พราวพรายฟังเงียบๆ ไม่รู้จะออกความเห็นว่าอย่างไร แต่แล้วอรอนงค์ซึ่งคงกำลังติดลมก็พูดต่อว่า “เฟรดเขาอยากมีลูกเร็วๆ ฉันเองยังไม่อยากมีหรอก อยากจะอยู่กันสองคนสักปีสองปี แต่อย่างว่าแหละ ฉันก็เกือบสามสิบแล้ว ถ้ามีช้าเกินไปอาจจะมีปัญหา ก็เลยแล้วแต่เขา”

“คุณอรนับถือศาสนาคริสต์หรือเปล่าคะ?” พราวพรายลองถาม เมื่ออรอนงค์พูดเรื่องลูกขึ้นมา

“ยังค่ะ ตอนนี้ยังเป็นพุทธอยู่ แต่อีกหน่อยก็จะเปลี่ยนไปเป็นคริสต์ตามเฟรดแล้วละค่ะ”

“อ้าว ทำไมต้องเปลี่ยนล่ะคะ?” อีกฝ่ายชักไม่เข้าใจ “ หรือว่าเฟรดขอให้คุณเปลี่ยนไปนับถือคริสต์ตามเขา”

“เขาไม่ได้ขอหรอก ไม่ได้ว่าอะไรด้วย เพราะเขาเองก็สนใจศาสนาพุทธของเรามาก เขาอ่านหนังสือพวกนี้เยอะแยะ ฉันเองแหละที่คิดจะเปลี่ยน”

“ทำไมล่ะคะ?”

“จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันทีหลังไงคะ ถ้ามีลูกขึ้นมาจะทำยังไง พ่อนับถือคริสต์ แม่นับถือพุทธ ลูกงงแย่เลย ฉันเห็นมาหลายคู่แล้ว เด็กสับสนเปล่าๆ สู้เปลี่ยนๆไปเสียเลยไม่ดีกว่าหรือ เพราะอันที่จริงฉันก็ไม่เคร่งศาสนาสักเท่าไหร่ คุณคิดว่าไงคะ?”

พราวพรายอึกอักแต่ก็พยายามตอบแบบกลางๆว่า “ฉันว่าจะนับถือศาสนาอะไรก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ เพราะทุกศาสนาสอนให้เราเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น”

“ใช่ ฉันก็บอกน้าสะใภ้แบบนี้แหละ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ไม่เห็นด้วย แต่ฉันไม่สนใจหรอก น้าแท้ๆฉันยังไม่ว่าอะไรเลย คนอื่นจะมาวุ่นวายด้วยทำไม จริงไหม?”

ฟังอรอนงค์นานๆเข้าพราวพรายก็เริ่มรู้สึกว่า เธอผู้นี้คงจะไม่ค่อยถูกกับน้าสะใภ้นัก และคงจะเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก ดูเธอทำอะไรพูดอะไรโพล่งๆ โดยไม่คิดถึงความรู้สึกของคนอื่นเลย เธออาจเหมาะที่จะแต่งงานกับคนอเมริกันแบบเฟรดและนิคก็ได้ ที่พูดอะไรตรงไปตรงมา ความเห็นของพ่อแม่พี่น้องไม่มีความหมาย ช่างแตกต่างกับตัวเธอเองโดยสิ้นเชิง ที่จะทำอะไรสักอย่างก็ไม่กล้า ถ้าทำลงไปก็ทำอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทำไปแล้วก็ต้องพยายามปิดบังไม่ให้ทางบ้านรู้ เช่นในกรณีที่แอบจดทะเบียนกับนิค หญิงสาวคิดว่าถ้าอรอนงค์เป็นเธอ ป่านนี้เรื่องต่างๆคงจะเรียบร้อยไปนานแล้ว ไม่คาราคาซังอย่างทุกวันนี้

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ หนุ่มสาวทั้งสี่ก็เข้าไปเต้นรำฟังเพลงกันต่อในส่วนที่จัดเป็นคลับเล็กๆ มีแกรนด์ปิอาโนและเครื่องดนตรีอื่นอีกเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ก็สามารถบรรเลงเพลงได้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง ขณะนั้นนักร้องนิโกรสาวใหญ่กำลังครวญเพลงในยุคซิกซ์ตี้ ด้วยเสียงแหบพร่าที่ทรงเสน่ห์ พราวพรายสังเกตเห็นด้วยความโล่งใจตั้งแต่ตอนที่อยู่ในห้องอาหารแล้ว ว่าแขกเกือบทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติแทบทั้งนั้น มีคนไทยปะปนอยู่ด้วยไม่กี่คน แต่ละคนก็ไม่ใช่คนคุ้นหน้า

เฟรดพาคู่หมั้นสาวออกไปเต้นรำ นิคนั่งดื่มเบียร์อยู่เงียบๆ ในขณะที่พราวพรายมองออกไปที่ฟลอร์เต้นรำเล็กๆข้างหน้า ที่มีคนเต้นรำกันอยู่หลายคู่ หญิงสาวรู้สึกพอใจกับบรรยากาศรอบตัวที่ดูเรียบง่าย ดนตรีก็ไม่ได้แผดสนั่นจนแสบแก้วหูเหมือนคลับบาร์ทั่วไป

“ชอบไหม?” นิคถาม
พราวพรายพยักหน้า “ชอบมากเลย ไม่ยักรู้ว่ามีคลับน่ารักแบบนี้ด้วย ถ้ารู้คงชวนเพื่อนมาเสียนานแล้ว”
“คุยอะไรกับแฟนเฟรด เห็นคุยกันนานสองนาน”

“เขาก็เล่าเรื่องงานแต่งงานแล้วก็เรื่องทางบ้านเขา “ พอนึกขึ้นได้เธอก็พูดต่อไปโดยเร็วว่า “พ่อแม่เขาตายหมดแล้วเลยต้องมาอยู่กับน้า คิดว่าถ้าพ่อแม่เขายังอยู่คงไม่ได้แต่งงานกับเฟรดง่ายๆแบบนี้หรอก”

“ทำไม?” ความจริงนิครู้คำตอบของพราวพรายอยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากจะถาม

“อ้าว พ่อแม่เขาก็อาจจะเหมือนพ่อแม่ฉันก็ได้ คงไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนต่างชาติแล้วต้องย้ายไปอยู่ประเทศอื่น นานๆ จะได้เจอกันที”

“ไม่แน่ อาจจะไม่มีปัญหาแบบคุณก็ได้” นิคทำหน้ายิ้มๆแล้วบอกเธอว่า “เขาเชิญเราไปงานเขาด้วยนะ ตอนเช้าทำพิธีที่โบสถ์ ตอนเย็นเลี้ยงฉลองที่โรงแรม”

พราวพรายตอบทันทีว่า “คุณไปเถอะค่ะ นิค ฉันคงไม่ไปหรอก เขาคงเชิญพี่ณพด้วย ถ้าฉันไปกับคุณคนอื่นคงสงสัยแน่ จริงไหมคะ?”

ชายหนุ่มไม่ตอบ ทำหน้าเซ็งๆ กับเหตุผลซ้ำๆ ซากๆ ของเธอ ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มก่อนจะถามว่า “เต้นรำไหม?”
“ดีเหมือนกัน”

ระหว่างที่เต้นรำกันอยู่ในจังหวะสโลว์ นิคโอบตัวเธอเอาไว้หลวมๆ ทำให้พราวพรายชักสงสัย เพราะปกติเขาจะกอดเธอแน่นกว่านี้ เธอเลยเบียดตัวเข้าไปหาเขาทำให้เขาก้มลงมองเธออย่างสงสัย

“เกิดอะไรขึ้น ทุกทีไม่ยอมเต้นแบบนี้นี่”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้เขา “ก็เห็นคุณไม่ค่อยจะอยากกอดฉันเหมือนทุกครั้ง ก็เลยต้องบังคับให้คุณกอดฉันแน่นๆ ไม่ดีเหรอ?”

“ดีน่ะมันดีหรอก แต่..” เขาชะงักแล้วเปลี่ยนเรื่องทันที “มากินข้าวกับเพื่อนผมสนุกไหม?”

พราวพรายพยักหน้า “สนุกสิ ฉันชอบเฟรด ท่าทางเขาเป็นคนดีนะ สุภาพมากด้วย เออ..นิคคะ ทำไมเฟรดไม่ค่อยดำเท่าไหร่ล่ะ คนไทยหลายคนยังดำกว่าเขาเสียอีก”

“มันเป็นลูกครึ่งอเมริกันนิโกร พ่อเป็นอเมริกันขาว แม่เป็นนิโกรแต่ก็ไม่ดำมาก เฟรดเลยแค่คล้ำๆเท่านั้น”

“ส่วนมากผู้ชายฝรั่งชอบผู้หญิงเอเซียดำๆ ไม่ใช่หรือคะ นิค แต่แฟนเฟร็ดขาวพอๆกับพี่จันทน์เลย” แล้วเธอก็แขวะเขาจนได้ “แล้วคุณล่ะ ไม่ชอบผู้หญิงขาวๆมั่งหรือ? ผู้หญิงดำๆ ไม่เห็นสวยเลย ผิวฉันคล้ำจะตาย พี่สาวฉันสิ ขาวผ่องพอๆกับแฟนเฟร็ดเลย”

ชายหนุ่มทำหน้ายิ้มๆ ก้มลงตอบว่า “สายไปแล้วมั้ง ตอนนี้จะชอบขาวหรือดำก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะผมแต่งงานกับคุณแล้ว”

พราวพรายค้อนขวับ นึกขุ่นใจขึ้นมาหน่อยๆที่เขาไม่ตอบว่า 'ผมชอบผู้หญิงผิวคล้ำๆอย่างคุณ' “เชอะ เปลี่ยนใจอยากได้แฟนใหม่ขาวผ่องเมื่อไหร่ก็บอกนะ จะหย่าให้”

“พูดจริงหรือเปล่า?”
“ก็คอยดูไปสิ”

เต้นรำกันไปได้พักหนึ่ง นิคก็ถามว่า “คุณอยากได้รถเล็กๆสักคันไหม?”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย “ฉันจะเอารถไปทำอะไร?”

“ขับไปทำงานไง ทุกวันนี้คุณต้องขึ้นสามล้อบ้างรถสองแถวบ้างไม่ใช่หรือ? มีรถขับเองจะได้สะดวก คุณขับรถได้ไม่ใช่หรือ?”

“แต่ทุกวันนี้ฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่คะ ขึ้นสามล้อหน้าบ้านแล้วไปต่อรถเมล์เล็กหน้าค่าย สะดวกจะตาย”

“เฟรดจะขายรถที่ใช้อยู่ตอนนี้ เพราะอีกไม่นานก็จะย้ายกลับบ้านแล้ว มันถามผมว่าสนใจไหม ผมเห็นว่ารถมันเล็กๆเหมาะกับผู้หญิงก็เลยอยากซื้อให้คุณ มันเพิ่งซื้อมาไม่ถึงปี สภาพดีมาก โฟล์คเต่าน่ะ สนใจไหม?”’

พราวพรายส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่เอาหรอก ฉันจะบอกแอ๋วกับแพตตี้ว่ายังไง อยู่ๆก็มีรถขับปร๋อ เขาต้องสงสัยแน่ว่าฉันเอารถมาจากไหน ขี้เกียจต้องแต่งเรื่องมาหลอกเพื่อน แล้วรถคันหนึ่งไม่ใช่ถูกๆ ถึงจะเป็นรถมือสองก็เถอะ”

อีกฝ่ายถอนใจ รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องพูดอย่างนี้ “งั้นก็ตามใจคุณ แต่ผมก็คงต้องซื้ออยู่ดี ตกลงกับเฟรดไว้แล้ว รถคันนี้สภาพดีมาก ราคาก็โอเค อยากจะช่วยมันด้วย เพราะมันกำลังรวบรวมเงินเอากลับไปบ้าน เห็นว่าจะซื้ออพาร์ตเมนท์ใหม่เล็กๆ ใกล้ที่ทำงาน”

“ถ้าซื้อคุณก็เอาไว้ใช้เองก็แล้วกัน แต่ความจริงคุณก็มีรถจิ๊ปอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? จะซื้อมาให้เสียเงินทำไมล่ะ?”

“เอาไว้พาคุณไปเที่ยวไกลๆไง ไม่ดีหรือ?”

พราวพรายยักไหล่ “ตามใจคุณก็แล้วกัน แต่ฉันคงไม่ใช้หรอก คุณน่าจะเอาไปใช้ที่โน่นนะ”

“ผมจะจอดทิ้งไว้ที่อพาร์ตเมนท์ แต่บอกก่อนนะว่าผมจะซื้อในชื่อคุณ จะมีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่า?”

“ความจริงน่าจะซื้อในชื่อคุณมากกว่า แต่เอาเถอะตามใจคุณ ดีเหมือนกันจะได้แอบขายเอาเงินมาใช้เสียเลย”

คืนนั้นพราวพรายรู้สึกมีความสุข การได้ออกไปพบปะคนอื่นๆนอกกลุ่มเดิมๆของเธอ และเป็นคนที่เธอไม่จำเป็นต้องปิดบังความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับนิคมากจนเกินไป ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายลงได้มาก แถมยังคิดด้วยว่าต่อไปจะพยายามพบเพื่อนๆของนิคให้มากขึ้น แต่แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งวาบหัวใจหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม กับคำบอกเล่าของเฟรดตอนที่กำลังร่ำลากัน

“ลืมบอกคุณพราวไป ว่าแฟนผมเป็นเพื่อนกับคุณจันทนาและแพตตี้ด้วย เห็นว่าเคยเรียนหนังสือที่เดียวกันมาหลายปี”

อรอนงค์เสริมว่า “ค่ะ ฉันกับจันทน์และแพตตี้ เรียนโรงเรียนเดียวกันมาหลายปี แพตตี้เขารุ่นน้องฉันกับจันทน์หนึ่งปี แต่ความจริงก็ไม่ค่อยสนิทสนมกันเท่าไหร่ แพตตี้เขาลูกเศรษฐี ส่วนยายจันทน์ก็ประเภทนางงามสวมมงกุฎ ไอ้เรามันประเภทจับกังไม่มีพ่อมีแม่ เพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่าคุณกับสองคนนั่นรู้จักกัน” แล้วเธอก็คะยั้นคะยอต่อว่า "คุณต้องไปงานฉันให้ได้นะ จะได้เจอสองคนนั่นด้วย อีกสองสามวันฉันจะไปส่งการ์ดเชิญให้พวกเขา จะไม่เชิญก็ไม่ได้ ไหนๆก็เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกันมาตั้งหลายปี"

เฟรดกับอรอนงค์ขึ้นรถขับหายไปนานแล้ว แต่พราวพรายยังหยุดคิดเรื่องที่ได้ยินไม่ได้ เริ่มวิตกจริตขึ้นมาอีกแล้ว กลัวว่าอรอนงค์จะไปเล่าให้จันทนาหรืออมราฟัง เรื่องที่เธอกับนิคเป็นแฟนกัน สำหรับอมราเธอไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เพราะอมราเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องของใคร หรือถ้าเกิดสงสัยขึ้นมาก็คงจะถามตรงๆให้เธอมีโอกาสปฏิเสธได้ แต่ถ้าจันทนารู้ นอกจากจะโกรธเหมือนถูกแย่งผู้ชายคนที่เธอพอใจแล้ว อาจจะนำเรื่องไปแฉโพยให้ใครต่อใครฟังก็ได้ แม้จะไม่รู้เรื่องทั้งหมดก็ตาม แล้วเมื่อมีคนรู้เสียแล้ว โอกาสที่เรื่องจะไปถึงบิดามารดาของเธอก็ยิ่งสูงขึ้น

หญิงสาวร้อนใจจนต้องพูดกับนิคว่า “นิคคะ ถ้าแฟนเฟรดเขาเอาเรื่องของเราไปเล่าให้พี่จันทน์หรือแพตตี้ฟังล่ะคะ ถ้าพี่จันทน์รู้ คนอื่นๆหรือแม้แต่พี่ณพก็ต้องรู้ แล้วเราจะทำยังไง?”

ฝ่ายยักไหล่ “ไม่เห็นต้องทำยังไงเลย เขาอยากพูดก็คงต้องปล่อยให้พูดไป เราจะไปห้ามปากคนได้ยังไง”

“คุณก็พูดแบบนั้นได้สิ ถ้าเรื่องรู้ไปถึงหูพ่อแม่ฉันล่ะ ฉันมิแย่หรือ”

“ผมถึงได้บอกไงว่าทางที่ดี เราควรจะไปสารภาพกับพ่อแม่คุณเสีย ให้พวกท่านรู้จากปากเราไม่ดีกว่าหรือ เราแต่งงานกันมาก็นานพอสมควรแล้วนะ ยิ่งทิ้งเวลาให้ผ่านไปโดยไม่ทำอะไรจะยิ่งมีปัญหา”

พราวพรายถอนใจยาวยืด แม้จะรู้ว่านิคพูดถุกทุกอย่าง แต่เธอยังทำใจให้กล้าพอที่จะพานิคไปพบคุณพนัสและคุณจิตราไม่ได้ แล้วคืนนั้นหญิงสาวก็นอนไม่หลับเกือบทั้งคืน กระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมาจนสว่าง ส่วนนิคนั้นก็เข้านอนเงียบๆ แล้วหลับไปในที่สุด โดยไม่ได้พยายามจะแตะต้องเธอเลย รวมทั้งอีกสองคืนก่อนจะ
กลับเวียตนามด้วย



Create Date : 05 มกราคม 2566
Last Update : 5 มกราคม 2566 7:30:42 น.
Counter : 540 Pageviews.

10 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณRain_sk, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณเริงฤดีนะ, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณปัญญา Dh, คุณtuk-tuk@korat, คุณอุ้มสี, คุณกะว่าก๋า, คุณSweet_pills

  
สวัสดีปีกระต่ายร่าเริงครับ พี่ตุ้ย
ขอให้พี่ตุ้ยสุขภาพแข็งแรงครับ

พบพ่อแม่พราวพรายก็ใกล้จบแล้วใช่ไหมครับ
โดย: สองแผ่นดิน IP: 122.154.179.170 วันที่: 5 มกราคม 2566 เวลา:8:26:06 น.
  
ยังไม่ยอมจบง่ายๆหรอกค่า 555
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 5 มกราคม 2566 เวลา:19:14:03 น.
  
สวัสดีปีใหม่ครับผม
โดย: =[]=!!! (Rain_sk ) วันที่: 6 มกราคม 2566 เวลา:3:50:22 น.
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
จองที่ไว้ก่อน..
แล้วจะกลับมาค่อยๆอ่านยะคะ
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 6 มกราคม 2566 เวลา:4:40:23 น.
  
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
อยากอ่านตอนต่อไปเร็ว ๆ จังค่ะ

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 6 มกราคม 2566 เวลา:18:10:23 น.
  
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๖ ครับ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่บล็อกด้วยครับ
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 6 มกราคม 2566 เวลา:19:12:54 น.
  
ขอบคุณที่แวะมาส่งกำลังใจนะคะ
โหวตหใดเดียวแวะมาใหม่นะคะ
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 6 มกราคม 2566 เวลา:22:40:00 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 มกราคม 2566 เวลา:6:11:01 น.
  
นานมากไม่ได้เข้ามาอ่านค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 7 มกราคม 2566 เวลา:23:57:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
มกราคม 2566

1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com