คนละฟากฟ้า - บทที่ 22




หลังจากสลัดหลุดจากวิชชาวิ่งหนีเขาออกมาจากบ้านได้ พราวพรายก็วิ่งข้ามถนนไปอย่างรวดเร็ว เดินเข้าซอยแยกเล็กๆที่เยื้องกับตัวบ้านไปแอบอยู่ตรงมุมมืด ตาก็จ้องมองไปที่บ้านเพื่อคอยดูวิชชาว่าออกจากบ้านกลับไปหรือยัง เธอแอบมองอยู่นานก็ไม่เห็นเขาออกมา เห็นแต่เงาตะคุ่มของเขายืนอยู่หลังม่าน ต่อมาก็เห็นเขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้แถวนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะยอมออกจากบ้านไปง่ายๆ หญิงสาวคิดอย่างร้อนรนว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะกลับเข้าบ้านก็ไม่ได้ กลับเข้าไปก็ต้องไปเผชิญหน้ากับวิชชาซึ่งกำลังเมาทั้งเหล้าและเมาทั้งอารมณ์ ที่ถูกเธอปฏิเสธขับไสอย่างไม่มีเยื่อใย


พราวพรายตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าวิชชาคนที่เธอเคยรักได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่แต่เพียงหัวใจเท่านั้น แม้แต่พฤติกรรมของเขาก็เปลี่ยนไป เธอไม่เคยเห็นเขาแตะต้องเครื่องดองของเมาแบบนี้มาก่อนเลย หลายปีในต่างแดนและผู้หญิงคนหนึ่ง คงหล่อหลอมเขา จากเด็กหนุ่มผู้สุภาพเรียบร้อยคงแก่เรียน ให้กลายมาเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เห็นแก่ตัว หยาบคายและก้าวร้าว เธอแน่ใจว่าถ้าหนีออกมาไม่ทันเธอคงจะต้องเสียทีวิชชาอย่างแน่นอน เพราะวิชชาในยามเมาจนขาดสติ กลายเป็นผู้ชายใจเหี้ยมที่พร้อมจะปลุ กปล้ำทำร้าย หรือแม้แต่ข่มขืนเธอ

น้ำตาแห่งความแค้นไหลรินออกมาช้าๆ หญิงสาวกัดฟันแน่น รู้สึกแค้นเคืองอย่างที่สุด เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่ เขาคิดหรือว่าถ้าพลาดท่าเสียทีเขาไปแล้วเธอจะยอมตกบันไดพลอยโจนยอมเป็นเมียน้อยเขา วิชชายังรู้จักเธอน้อยไป คนอย่างพราวพราย ต่อให้เสียตัวไปแล้วก็อย่าหมายว่าจะยอมเป็นเมียน้อยกินน้ำใต้ศอกใคร ไม่มีวันเสียละ

หญิงสาวรู้สึกเจ็บใจวิชชาจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือด นอกจากเขาจะพยายามปลุกปล้ำขืนใจเธอแล้ว เขายังเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ภรรยาของเขาพาตัวมาเผชิญหน้า มาทำสีหน้าดูถูกเหยียดหยามด่าเธออยู่ในเชิงอย่างผู้ดี ราวกับเธอเป็นหญิงไร้ยางอายที่จ้องจะขโมยสามีเขา ผู้หญิงที่กำลังจะละเมิดสิทธิโดยชอบของผู้หญิงอีกคนหนึ่งด้วยกา รลักลอบติดต่อกับสามีเขา ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น บอกตัวเองว่าคงให้อภัยเขาไม่ได้ตลอดชีวิตนี้ พราวพรายไม่แน่ใจว่าวิชชาจะยังรอเธออยู่ในบ้านอีกนานแค่ไหน เขาอาจจะรออยู่อย่างนั้นทั้งคืนก็ได้ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเพื่อนของเธอไม่อยู่บ้าน จะกลับมาก็เย็นวันอาทิตย์ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เธอคงจะต้องหาที่พักสักแห่งหนึ่ง ในที่สุดก็นึกถึงอมราขึ้นมาได้ คงต้องไปขออาศัยนอนกับอมราสักคืนเสียแล้ว

หญิงสาวเดินลัดเลาะเข้าไปในซอยเล็กนั้นประมาณห้านาที ก็พบสามล้อคันหนึ่งแล่นผ่านมา เธอรีบโบกมือเรียก ขึ้นไปนั่งแล้วสั่งให้ไปส่งที่บ้านอมรา เมื่อถึงบ้านอมรา สาวใช้ที่มาเปิดประตูแจ้งว่าหญิงสาวผู้นั้นไม่อยู่บ้านและสั่งเอาไว้ว่าจะกลับดึก พราวพรายเดินต่อไปเรื่อยๆ อากาศที่เริ่มเย็นลงเพราะฝนกำลังตั้งเค้าทำให้ต้องยกมือขึ้นกอดอก แล้วก็เริ่มตระหนักว่าเครื่องแต่งกายของเธอค่อนข้างไม่เหมาะสม ที่จะออกมาเดินตุหรัดตุเหร่อยู่คนเดียวในความมืดเช่นนี้ วันนี้เธอสวมกางเกงขาสั้น แม้จะไม่สั้นมากแต่ก็สั้นพอที่จะอวดช่วงขาเรียวงาม เสื้อสีขาวที่สวมอยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเอวของมันลอยห่างจากขอบกางเกงประมาณสองนิ้ว เห็นเนื้อขาวๆบริเวณนั้นวับๆแวมๆ นอกจากนี้ก็ยังยับยุ่งยู่ยี่จากการดึงทึ้งของวิชชา โชคยังดีที่มันไม่ขาดออกมา

พราวพรายซึ่งสมองกำลังตึงเครียดกับเรื่องของวิชชา เดินไปเรื่อยๆโดยไม่มีจุดหมายอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งเห็นสายตาของใครต่อใครที่มองเธออย่างแปลกใจ รวมทั้งเสียงผิวปากและสายตาโลมเลียมของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ที่นั่งกินเบียร์กันอยู่ ทำให้หญิงสาวฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเดินอยู่อย่างนี้ในเวลาวิกาลเช่นนี้น่าจะไม่ปลอดภัย เมื่อไม่มีที่จะไป อย่างน้อยก็น่าจะลองกลับไปแอบดูแถวบ้านว่าวิชชายังอยู่ในบ้านหรือเปล่า ขณะนั้นสองทุ่มกว่าแล้ว และเธอก็ออกจากบ้านมากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ป่านนี้เขาอาจจะยอมล่าถอยกลับไปแล้วก็ได้

เมื่อคิดได้หญิงสาวก็เรียกสามล้อ สั่งให้โฉบผ่านไปใกล้บ้าน แต่แล้วก็ต้องรีบบอกคนขี่สามล้อให้วกรถกลับ ทันทีที่มองไปแต่ไกลพบว่าขณะนี้วิชชาได้ออกมานั่งที่เก้าอี้หน้าบ้านแล้ว เขานั่งอย่างสบายและดื่มเหล้าไปด้วย เธอไม่รู้ว่าเขาไปเอาเหล้ามาจากไหน แต่ก็พอจะเดาได้ไม่ยาก เพราะเลยบ้านพักของเธอไปไม่ไกลมีร้านขายของชำเล็กๆที่ขายสินค้าหลายชนิด รวมทั้งเหล้าเบียร์ด้วย วิชชาอาจคิดจะนั่งรอเธออยู่ตรงนั้นทั้งคืนก็ได้ พราวพรายสั่งสามล้อให้ถีบไปเรื่อยๆ ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป นึกขอบใจตัวเองที่ไม่ลืมคว้ากระเป๋าสตางค์ใบเล็ ก ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ประตูทางออกติดมือมาด้วย ไม่งั้นเธอคงไม่มีเงินแม้แต่จะจ่ายค่าสามล้อ

ระหว่างที่สามล้อวิ่งไปเรื่อยๆ เข้าถนนเส้นนี้ไปออกเส้นโน้น ฝนที่ตั้งเค้าอยู่ก็เริ่มโปรยปรายลงมา คนถีบสามล้อหันรีหันขวาง เขาหักแฮนด์รถเพื่อให้รถเหเข้าข้างทาง เธอเดาว่าเขาคงพยายามจะหาที่จอดรถ เพื่อกางประทุนขึ้นกันฝนให้เธ อ ซึ่งตอนนี้เริ่มเปียกมะล่อกมะแล่กแล้ว แต่ทันทีที่เขาเหหัวรถออกจากกลางถนน ก็เจอเข้ากับรถที่แล่นอยู่ด้านซ้าย คนขับรถจิ๊ปเบรครถอย่างกระทันหันเสียงดังลั่น รถหยุดได้จริงแต่ก็ในระยะกระชั้นชิด จนหน้าหม้อรถคันนั้นกับด้านข้างของรถสามล้อเกยกันสนิท แม้แรงปะทะจะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้ล้อรถที่บอบบาง ด้านที่อยู่ตรงกันข้ามกับที่พราวพรายนั่งอยู่ยุบตัวลง คนขับในชุดพรางซึ่งกระโดดลงจากรถอย่างรีบเร่ง เข้ามาตรงที่เธอนั่งตัวสั่นอยู่ด้วยความตกใจ

“มิส เป็นอะไรหรือเปล่า” แล้วเขาก็เห็นเธอพร้อมๆกับที่เธอเห็นเขา “อ้าว คุณเองหรือ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
พราวพรายส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไร”

เธอพยายามจะปีนลงจากรถด้วยแข้งขาที่ยังสั่นอยู่ นิคเห็นเช่นนั้นก็ยื่นมือมาให้จับ พยุงเธอลงจากสามล้อที่ล้อพังไปข้างหนึ่ง ส่วนคนขี่สามล้อซึ่งเป็นผู้ชายชาวบ้านหน้าตาซื่อๆ ที่หล่นจากอานลงมานั่งบนถนน ตอนนี้ลุกขึ้นได้แล้ว หน้าของเขาซีดเผือด เบิกตามองนิคกับพราวพรายอย่างตื่นๆ ยิ่งเมื่อเห็นคู่กรณีเป็นทหารต่างชาติเขาก็ยิ่งตกใจมากขึ้น เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดที่ขี่รถตัดหน้ารถจิ๊ป

พราวพรายรู้สึกสงสารคนขี่สามล้อวัยกลางคนผู้นั้น ถึงเขาจะเป็นฝ่ายผิดแต่เธอก็รู้ว่าเพราะเขาเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเปียกฝน เขาคงรีบร้อนจนไม่ทันมองรถจิ๊ปที่แล่นอยูข้างหลังทางด้านซ้าย แม้ใจหนึ่งจะรู้สึกเซ็งกับความโชคร้ายของตัวเอง ที่ต้องเจอเรื่องบ้าๆ ที่ไม่คาดคิดหลายเรื่องในวันเดียวกัน และหนึ่งในนั้นคือต้องมาเจออุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนที่มีปากมีเสียงกันบ่อยๆ แต่อีกใจหนึ่งก็นึกดีใจที่คู่กรณีรถชนเป็นนิค เธอคิดว่าคงพอจะพูดจาขอร้องเขาได้บ้าง

“เอ้อ..นิคคะ ฉันรู้ว่าคนขี่สามล้อเป็นฝ่ายผิด ที่ขี่รถตัดหน้ารถคุณ แต่เขาไม่ได้เจตนา ไม่ได้ประมาทหรือคะนอง เขารีบร้อนเพราะคงกลัวว่าฉันจะเปียกฝน ถ้าไงคุณ...”

หญิงสาวพูดไม่ทันจบ นิคก็พูดขัดขึ้นมาว่า “กลัวผมจะเอาเรื่องเขาหรือไง เห็นผมใจดำขนาดนั้นเลยหรือ”

พราวพรายทำตาปริบๆไม่กล้าพูดอะไรต่อ ในขณะที่ชายหนุ่มผู้นั้นหันไปถามคนถีบสามล้อเป็นภาษาไทยแปร่งๆว ่า “เป็นอะไรหรือเปล่า? เจ็บตรงไหนบ้างไหม?”

ชายวัยกลางคนส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเกรงๆ แล้วเดินเข้าไปสำรวจรถสามล้อ มีนิคเดินตามเข้าไปด้วย คุยกันด้วยภาษาไทยและภาษามือครู่หนึ่ง ก็ช่วยกันขยับสามล้อคันนั้นออกจากรถจิ๊ปที่ประกบติดอยู่ แล้วเข็นไปไว้ข้างทาง พราวพรายเห็นนิคเดินเข้าไปสำรวจรถของเขา ก่อนจะเดินกลับไปหาคู่กรณี ซึ่งกำลังนั่งยองๆ พยายามจะถอดล้อรถออก เธอเห็นนิคพูดอะไรกับชายผู้นั้นอีกสองสามคำ ควักกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วยื่นเงินให้เขาปึกหนึ่ง คนขี่สามล้อยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณ หลังจากนั้นนิคเดินมาหาเธอ ซึ่งยังยืนงงอยู่ข้างถนนใกล้รถจิ๊ป

“คุณกำลังจะไปไหน ผมไปส่งให้ก็ได้”
เห็นพราวพรายอึกอัก ชายหนุ่มก็ปีนขึ้นนั่งตรงที่คนขับ “ขึ้นมาก่อนแล้วกัน ผมจะได้ขยับรถออกจากตรงนี้ รถคันอื่นจะได้ผ่านได้สะดวก”

หญิงสาวปีนขึ้นนั่งบนรถอย่างงงๆ ยังไม่รู้ว่าจะบอกเขาว่าอย่างไร นิคขับรถไปเรื่อยๆ หลังจากชำเลืองดูสภาพเปียกปอนของเธออย่างสงสัย ตั้งสองสามทุ่มแล้วเธอมาทำอะไรอยู่คนเดียวแถวนี้

“จะให้ผมไปส่งบ้านไหม?” เขาถามเมื่อเห็นเธอเงียบกริบ
“อย่า เอ้อ ไม่ต้อง ส่งฉันลงตรงถนนข้างหน้านั่นก็ได้” พราวพรายตะกุกตะกักบอก เมื่อเห็นถนนสายที่มีไฟสว่างข้างหน้าซึ่งคาดว่าคงจะมีคนพลุกพล่านพอสมควร

นิคเหลือบมองเสื้อผ้าเปียกปอนของเธอ “คุณจะลงไปเดินบนถนนนั่นทั้งเปียกๆน่ะหรือ ตอนนี้ฝนก็ยังตกอยู่ อย่างน้อยก็น่าจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน”


พราวพรายเม้มปากอย่างโกรธๆกับความวุ่นวายของเขา ในที่สุดตัดสินใจบอกเขาว่า “ฉันยังกลับบ้านตอนนี้ไม่ได้”

“อ้าว ทำไม” แล้วเขาก็ยิ้มนิดๆเมื่อพูดต่อว่า “หรือว่าคุณลืมเอากุญแจบ้านติดตัวมาด้วย แล้วเผอิญวันนี้เพื่อนคุณมีธุระไม่กลับบ้าน คุณเลยเข้าบ้านไม่ได้ ต้องตระเวนไปบนถนนหรือไง”


สุ้มเสียงแกมเยาะของเขาที่พาดพิงไปถึง ‘ธุระ’ ของสุนิสา ทำให้พราวพรายนึกเดือดขึ้นมาอีก แต่ก็ต้องกล้ำกลืนเอาไว้เพราะเธอกำลังพึ่งพาเขาอยู่ 


“ไม่ใช่อย่างที่คุณพูดหรอก แต่ฉันกลับไปบ้านตอนนี้ไม่ได้ มีคนรอพบฉันอยู่”

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว มองเธออย่างแปลกใจ “คุณหนีไม่อยากพบคนๆ นั้นงั้นหรือ?”

“ก็ทำนองนั้น” เธอคิดออกแล้วว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป “คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมล่ะ”
“ได้ จะให้ช่วยอะไรก็บอกมา”

“ฉันอยากกลับไปดูว่าเขาไปหรือยัง ถ้าไปแล้วฉันจะได้เข้าบ้าน”


“ถ้าเขายังอยู่ล่ะ จะให้ผมทำไง ลงไปไล่เขาดีไหม” นิคพูดยิ้มๆ แน่ใจว่าเขาคนนั้นคงเป็นผู้ชาย ที่อาจจะเป็นแฟนของพราวพราย ก็คงจะเรื่องแง่งอนธรรมดาตามประสาหนุ่มสาว


“ไม่ต้อง แค่ไปดูเฉยๆก็พอ”


“โอเค” พูดจบชายหนุ่มก็เลี้ยวรถกลับ มุ่งไปในทิศทางไปสู่บ้านพักของพราวพราย

รถจิ๊ปซึ่งด้านข้างที่เป็นผ้าใบเอาขึ้นหมดทุกด้านเพื่อกันฝนที่ตอนนั้นกำลังตกแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้วิชชาซึ่งยังนั่งดื่มเหล้าอยู่ตรงที่เดิมมองไม่เห็นพราวพราย นิคมองชายหนุ่มหน้าอ่อนรูปร่างผอมสูงที่นั่งอยู่ตรงหมู่ม้าหินหน้าประตูเข้าตัวบ้าน ก่อนจะหันมาถามหญิงสาวที่นั่งข้างๆ

“ตกลงคุณจะเอายังไง จะลงไปหาเขาไหม ท่าทางเขาคงจะรอคุณทั้งคืน ถ้าทะเลาะอะไรกันก็น่าจะลงไปคุยกันเสียให้รู้เรื่อง ปรับความเข้าใจแล้วก็คืนดีกันเสียไม่ดีกว่าหรือ”

นิคแนะนำด้วยสีหน้ายิ้มๆ นึกในใจว่ายายหัวฟูนี่ก็รู้จักหาแฟนเหมือนกัน ผู้ชายที่คงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอคนนั้นท่าทางไม่เลวเลย แถมยังนึกต่อไปอีกด้วยว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ท่าจะเป็นไก่อ่อน คงยังไม่รู้ฤทธิ์เดชยายหัวฟูคนนี้ดีพอ

“ไม่รู้อะไรแล้วอย่ามาทำสั่งสอนหน่อยเลย” พราวพรายกระชากเสียงตอบอย่างเคืองๆ
“อ้าว ถ้าไม่ลงไปพูดกันให้รู้เรื่อง คุณจะทำยังไง จะอยู่นอกบ้านทั้งคืนเลยหรือ”

หญิงสาวนิ่งคิดสักครู่ก็บอกเขาเสียงอ่อยๆว่า “คุณช่วยอีกหน่อยได้ไหม ช่วยไปส่งฉันที่บ้านอมราหน่อยสิ เมื่อตอนหัวค่ำฉันไปหาเขาทีนึงแล้ว แต่เด็กที่บ้านบอกว่าเขาไปข้างนอก จะกลับดึกหน่อย ป่านนี้เขาอาจจะกลับมาแล้วก้ได้”

“คุณจะไปค้างกับเขาหรือ?”

“ฮื่อ ถ้าเขากลับมาแล้ว”

“ถ้าเขายังไม่กลับล่ะ คุณจะทำยังไง?”


พราวพรายมองหน้านิคอย่างเคืองๆ “ยังไม่ต้องคิดล่วงหน้าหรอก พาฉันไปก่อน”

ชายหนุ่มยักไหล่ “คุณนี่ทำอะไรชุ่ยๆตลอด ไม่รู้จักวางแผนล่วงหน้าบ้างหรือไง”

“ช่างฉัน” ว่าจะไม่โกรธแล้วเชียวนา แต่เจ้าหมอนี่ก็ชอบพูดจาขัดหูอยู่เรื่อย “ฉันไม่ใช่เสนาธิการทหาร ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องวางแผนบ้าๆอะไรนั่นหรอก”
“เป็นงั้นไป”

ปรากฏว่าแม้ขณะนั้นจะใกล้สี่ทุ่มแล้วอมราก็ยังไม่กลับบ้าน เมื่อนิคซึ่งเป็นคนเดินตากฝนไปกดกริ่งถามหาอมรา เดินกลับมาบอกพราวพรายที่รถ หญิงสาวซึ่งเริ่มเกรงใจเขา เพราะรู้สึกว่าใช้เขามากเกินไปแล้ว เหลียวหน้าเหลียวหลังมองหาอะไรบางอย่างในรถ

“หาอะไร”
“คุณมีร่มหรือเสื้อกันฝนติดรถมาบ้างไหม?”
นิคมองหน้าเธออย่างสงสัย “ไม่มีหรอก คุณจะเอาไปทำอะไร?”
พราวพรายไม่ตอบคำถามของเขา “งั้นก็ไม่เป็นไร ฉันลงตรงนี้ก็แล้วกัน”
“ตัดสินใจจะกลับบ้านแล้วใช่ไหม? ดีแล้วละ กลับไปคุยกันให้รู้เรื่อง คุณไม่ต้องลงตรงนี้หรอก เปียกฝนเปล่าๆ ผมจะไปส่งให้ถึงตัวแฟนคุณเลย”
“บ้า ฉันไม่กลับไปหรอก เอาละ ฉันลงตรงนี้แหละ คุณจะได้กลับบ้านเสียที มาติดอยู่กับฉันนานแล้ว”
“ผมจะไปส่งให้”

พอพูดจบเขาออกรถทันที ทำให้พราวพรายไม่สามารถจะลงจากรถได้ตามที่ตั้งใจเอาไว้ เมื่อมองเห็นทิศทางที่นิคพารถวิ่งไป หญิงสาวก็ฝืนใจบอกเขาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทั้งๆกำลังโกรธ

“อย่าพาฉันไปส่งบ้านให้เสียเวลาเลย ถ้าเขายังอยู่ที่บ้านฉันก็ไม่ลงหรอก ฉันกับเขาไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ทุกอย่างจบสิ้นไปแล้ว ถ้าคุณจะช่วยก็ช่วยหาโรงแรมดีๆให้ฉันนอนสักคืนดีกว่า อ้อ..แล้วก็ให้ฉันยืมเงินค่าโรงแรมด้วย ฉันมีเงินติดตัวมาไม่มากนัก”

เสียงเรียบๆของพราวพราย ทำให้นิครู้ว่าไม่ใช่เรื่องตระแหน่แง่งอน ธรรมดา คงมีเรื่องอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น ที่เขาซึ่งเป็นคนนอกไม่รู้และไม่สมควรรู้ 


“คุณไปอยู่ที่ห้องผมสักพักก็ได้ สักห้าทุ่มค่อยกลับไปดูเขาอีกครั้ง ตอนนั้นเขาอาจจะกลับไปแล้วก็ได้ เป็นผู้หญิงไปพักโรงแรมในเมืองนี้คนเดียว คงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร ่ ทหารต่างชาติทั้งผิวขาวผิวดำพักอยู่เต็มทุกโรงแรม คุณเองก็แต่งตัวแบบนี้ด้วย เปียกโชกอีกต่างหาก”

ความจริงพราวพรายเข้าใจว่าเขาเจตนา ดีแต่ก็อดโกรธไม่ได้ ที่เขามาจี้จุดเรื่องเสื้อผ้าของเธอที่ตอนนี้เปียกฝน เสื้อยืดหลวมๆเอวลอยของเธอรัดแนบเนื้อจนต้องยกมือขึ้นกอดอกบังเอาไว้ ขากางเกงที่ปกติไม่สั้นมากนัก ตอนนี้มันเลิกสูงขึ้นไปกว่าเก่า แล้วพรายพรายก็คิดถึงเสื้อเชิร์ตสีเปลือกมะนาวที่ทิ้งไว้ในห้องพักของเขาขึ้นมาได้

“เสื้อตัวนั้นของฉันยังอยู่หรือเปล่า” หญิงสาวแข็งใจถามถึงเสื้อตัวที่เขาถอดออกจากตัวเธอโดยพลการ ตอนที่เธอเมาจนหมดสติ
“เสื้อตัวไหน อ๋อ..ตัวนั้น” เขายิ้มเต็มที่อย่างขันๆ ทำให้หน้าดุๆของเขาดูอ่อนโยนขึ้น “อยู่สิ ผมซักเก็บไว้ให้นานแล้ว ไม่รู้จะคืนให้คุณได้ยังไง”
“งั้นก็ช่วยพาฉันไปเปลี่ยนเสื้อหน่อย”
“ได้เลย”

รถวิ่งต่อไปไม่ไกลก็เลี้ยวเข้าลานจอดรถของอพาร์ตเมนท์แห่งนั้น เมื่อเข้ามาในห้อง นิคเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อของเธอที่เขาซักพับเก็บเอาไว้ออกมาส่งให้ พราวพรายรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้องน้ำ หยิบเสื้อยืดเอวลอยติดมือออกมาด้วย เพื่อเอากลับไปบ้าน

นิคซึ่งยืนอยู่ตรงบาร์เล็กๆมุมห้อง รินเหล้าหรืออะไรอย่างหนึ่งลงในแก้วแล้วนำ
มาส่งให้เธอ “บรั่นดีเท่านั้นแหละ ไม่ใช่วิสกี้หรอก ดื่มเสียสิจะได้หายหนาว”

หญิงสาวรับแก้วซึ่งมีบรั่นดีอยู่ประมาณหนึ่งนิ้ว “บรั่นดีแน่นะ ไม่ใช่เหล้าหรืออะไร ที่คุณจะมอมฉันนะ”

นิคส่ายหน้าอย่างระอา นึกหมั่นไส้ว่าพอหมดเรื่อง ไม่ต้องกลับไปเผชิญหน้ากับแฟน ก็ทำท่าจะหาเรื่องคนอื่นขึ้นมาทันที

“ผมน่ะหรือจะมอมเหล้าคุณ มีแต่คุณที่มอมเมาตัวเองอยู่บ่อยๆ ถ้าไม่อยากดื่มก็ไม่ต้องดื่ม อยากทำอะไรก็ตามสบายเถอะ ผมขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนละ นั่งดูวีดีโอฆ่าเวลาไปพลางๆก็ได้ พอห้าทุ่มผมจะพาคุณออกไปดูผู้ชายคนนั้นอีกที”

เมื่อออกจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นในอีกยี่สิบนาทีต่อมา นิคพบว่าพราวพรายไม่ได้ดื่มบรั่นดีที่เขาส่งให้ แต่กลับนั่งดื่มเหล้า ที่วางทิ้งอยู่บนบาร์ของเขาเข้าไปเพียวๆหล ายแก้วแล้ว

ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ ถามด้วยสีหน้าดุๆคิ้วขมวดมุ่นว่า “นึกยังไงถึงไปค้นเหล้ามาดื่ม ดื่มเข้าไปกี่แก้วแล้ว” เขาเหลือบดูขวดชีวาส ที่ก่อนหน้านี้มีเหล้าเหลืออยู่ค่อนขวด ตอนนี้มันพร่องไปมากพอควร “อะไร? นี่คุณดื่มเหล้าเพียวๆ เข้าไปมากขนาดนี้เลยหรือ?”


“แล้วไง? เหล้าแค่นี้ก็หวงด้วยเหรอ” 

พราวพรายแหงนหน้าขึ้นมองเขา ตาของเธอเริ่มหยาดเยิ้ม คงจะเป็นเพราะเหล้าหลายแก้วที่ดื่มเข้าไป ตอนนี้หญิงสาวเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง เมื่อเหล้าเริ่มออกฤทธื์ เพราะมันทำให้ความแค้นหลายอย่าง ทั้งต่อพฤติกรรมที่อุกอาจของวิชชา และการถูกด่าอย่างผู้ดีโดยเมียของเขา ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน ภายในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เลือนลงไปได้บ้างชั่วคราว

“ไม่ได้หวงหรอก แค่ไม่อยากให้คุณเมาเหมือนคืนนั้นเท่านั้น”


พราวพรายฉุดมือนิคให้นั่งลงบนเก้าอี้ใกล้กับเธอ “ไม่เมาหรอกน่า ฉันอยากดื่มเพราะกำลังกลุ้ม”
“กลุ้มอะไรอีกล่ะ เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมชอบมีเรื่องกลุ้มอยู่เรื่อย”


“เชอะ ฉันโตแล้วย่ะ ไม่ใช่เด็กอย่างที่คุณว่าหรอก คุณอยากรู้เหรอว่าฉันกลุ้มเรื่องอะไร อยากรู้ก็ต้องกินเหล้าเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ แล้วจะเล่าให้ฟัง”

ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เอาละ อยากกินก็กินไปคนเดียว แต่ให้กินได้อีกแก้วเดียวเท่านั้นนะ มากกว่านี้เดี๋ยวคุณก็เมาแล้วอ้วกออกมาอีก ผมขี้เกียจตามเช็ด” เขายังสยองกับสภาพของเธอในคืนนั้นไม่หาย

แต่พราวพรายไม่ฟังเสียง ยกแก้วเหล้าในมือขึ้นจ่อปากเขาจนได้
“ดื่มเข้าไปเร็ว เรื่องอะไรจะเอาเปรียบให้ฉันเมาคนเดียวล่ะ”

เมื่อเธอไม่ยอมเอาแก้วออกจากที่จ่อปากเขาอยู่ นิคก็เลยต้องจำใจดื่มจนหมด ทำให้พราวพรายหัวเราะชอบใจ รินเหล้าลงไปในแก้วแล้วส่งให้เขาอีก แต่นิคไม่รับ

“พอแล้ว เดี๋ยวผมต้องทำงานต่ออีกหน่อย”
“ดีละ งั้นฉันจะดื่มให้หมดขวดเลย คุณจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ฉันดื่มคนเดียวได้”

พอเห็นพราวพรายจะเอาเหล้าเข้าปาก นิคก็เลยต้องยื่นมือไปดึงแก้วเหล้าออกจากมือเธอ แล้วดื่มเข้าไปเอง เพราะไม่ต้องการให้เธอดื่มอีกแล้ว เขาเห็นแล้วว่าเธอเริ่มเมา พอเห็นเช่นนั้นพราวพรายก็เลยตั้งหน้าตั้งตารินเหล้าส่งให้เขาใหม่ ขู่ว่าถ้าเขาไม่ดื่มเธอจะดื่มเอง ชายหนุ่มก็เลยต้องจำใจดื่มเข้าไปหลายแก้ว เวลาผ่านไปอีกเพียงครู่เดียวพราวพรายก็หลับสนิทอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น นิคเห็นเธอเมาหลับไปแล้วก็เลิกดื่ม เอาขวดเหล้าที่มีเหล้าเหลืออยู่อีกไม่มากไปซ่อนไว้ เพราะกลัวว่าพราวพรายอาจจะตื่นขึ้นมาแล้วดื่มมันเข้าไปอีก



NO VOTE


ไม่ต้องโหวตนะคะ เป็นนิยายเก่าที่เอามาปัดฝุ่นใหม่

อัพต่อจากครั้งสุดท้าย (บทที่ 21) เพราะมีเพื่อนหลายคนถามถึง

นิยายเรื่องนี้ที่ยังอัพไม่จบ ก็เลยตัดสินใจเอามาอัพต่อให้จบ

ขอบคุณผู้ที่ติดตามอ่านค่ะ





Create Date : 18 เมษายน 2561
Last Update : 18 เมษายน 2561 22:09:36 น.
Counter : 991 Pageviews.

16 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณALDI, คุณหอมกร, คุณmastana, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณmambymam, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSweet_pills, คุณRain_sk, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณเนินน้ำ, คุณ**mp5**, คุณTurtle Came to See Me

  
ดีใจมากมายที่ได้เห็นอัพต่อ
คิดถึงด้วยนะคะ อย่าหายไปนานแบบนี้อีกเลย
หรือถ้าติดต่อกันอีกที่ไหนได้ก็บอกกันด้วยค่ะ

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 19 เมษายน 2561 เวลา:14:07:11 น.
  
ตามอ่านต่อครับ พี่ตุ้ย
ใกล้ถึงตอนโล้สำเภา อิอิ
ขอบคุณสำหรับโหวตครับ

สวัสดีปีใหม่ไทยครับ

โดย: สองแผ่นดิน (สองแผ่นดิน ) วันที่: 19 เมษายน 2561 เวลา:16:36:48 น.
  
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 19 เมษายน 2561 เวลา:16:37:31 น.
  
สวัสดีปีใหม่ไทยย้อนหลังด้วยครับ
โดย: moresaw วันที่: 19 เมษายน 2561 เวลา:18:43:05 น.
  
พี่ตุ้ยกลับมาอัพนิยายต่อแล้วนะคะ คิดถึงจังค่ะ

ขอบคุณพี่ตุ้ยมากค่ะสำหรับกำลังใจ
หวังว่าพี่ตุ้ยคงสบายดีนะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 19 เมษายน 2561 เวลา:20:55:21 น.
  
สวัสดีค่ะ
มาตามอ่านนิยายสนุก ๆ ต่อนะคะ
พี่สบายดีนะคะ
โดย: ALDI วันที่: 19 เมษายน 2561 เวลา:23:06:41 น.
  
สวัสดีครับคุณตุ้ย หายไปนานเลย... ขอบคุณครับที่แวะไปเยือน
ที่บล๊อก

ดีใจมากครับที่กลับมาเขียนบล๊อกต่อ
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 20 เมษายน 2561 เวลา:5:56:23 น.
  
อ่านมาถึงบทนี้แล้ว สงสัยไหมคะว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ลุ้นให้กิดหรือไม่ให้เกิดคะ ช่วยบอกหน่อย คนเขียนอยากรู้ค่ะ 555
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 20 เมษายน 2561 เวลา:7:21:42 น.
  
ต้องโหวตซิคะ ของเก่ายังไม่ได้โหวตนี่นาคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 20 เมษายน 2561 เวลา:7:56:51 น.
  
ลุ้นให้เกิดค่ะ อิอิ
ส่งกำลังใจด้วยนะคะ จะได้มีกำลังใจอัพบล็อกต่อไว ๆ ค่ะ

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 20 เมษายน 2561 เวลา:21:30:31 น.
  
คอกถึงนิคกับพราวพรายจังค่ะ ไม่ได้อ่านนานเลย
ขอบคุณพี่ตุ้ยที่นำมาฝากกัน
ดีใจที่กลับมาเขียนบล็อกอักนะคะ

ขอบคุณที่แวะส่งกำลังใจค่ะ

โดย: mambymam วันที่: 21 เมษายน 2561 เวลา:5:14:29 น.
  
กลับมาอ่านแล้วค่ะ รีบเขียนต่อนะคะ
กำลังต้องลุ้นมากๆเลย
น้องๆโหวตกันได้ พี่ก็โหวตได้น่า เนอะ

โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 24 เมษายน 2561 เวลา:10:57:39 น.
  
หายไปนานเลยนะคะ
ดีใจที่เห็นกลับมาเขียนต่อ
ส่งกำลังใจให้ด้วยค่ะ
โดย: เนินน้ำ วันที่: 24 เมษายน 2561 เวลา:13:02:32 น.
  
ส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 24 เมษายน 2561 เวลา:18:43:36 น.
  
สวัสดีค่ะ แวะมาด้วยคนค่ะ
โดย: kae+aoe วันที่: 25 เมษายน 2561 เวลา:10:48:01 น.
  
เย่ๆๆๆคิดถึงคุณตุ้ยนะคะหายไปเกือบครึ่งปีหรือเกือบปีเลยนะคะ
โดย: เกศสุริยง วันที่: 26 เมษายน 2561 เวลา:13:47:04 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
เมษายน 2561

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com