วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร
วัดสระเกศ หรือ วัดภูเขาทอง มีทางเข้าวัดที่สะดวก คือไปตามถนนจักรพรรดิพงษ์ ซึ่งทอดผ่านด้านหน้าวัด มีซุ้มประตูใหญ่ติดถนน
รถส่วนบุคคลและรถตู้สามารถผ่านเข้าออกได้สบาย แต่ไม่สะดวกสำหรับรถบัส ต้องจอดให้ผู้โดยสารลงที่หน้าซุ้มประตูวัด
แล้วเดินเข้าไปตามถนนเพียง ๑๐๐ เมตร ก็ถึงซุ้มประตูกำแพงแก้ว ตรงด้านขวามีป้ายชี้ทางเข้าสู่พระอุโบสถ
วัดสระเกศเปิดบริการให้นักท่องเทียวต่างประเทศ เข้าชมฟรีทุกวัน ระหว่างเวลา ๐๘.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น.
การเข้าชมวัดแต่ละวัดนั้นไม่เพียงแต่เราได้เห็นได้ชมพุทธสถาปัตยกรรมและพุทธศิลป์อันงามวิจิตร ที่บรรดาช่างฝีมือตั้งใจประดิษฐ์ขึ้นด้วยศรัทธา
เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาเท่านั้น เรายังได้รับความรู้แนวคิด ความเชื่อและปรัชญาในพุทธธรรม เกิดปัญญาและประสบการณ์ในชีวิตของเราเพิ่มขึ้นอีกด้วย
//www.watsraket.com/history-watsrakes.html
พระระเบียงพุทธเจดีย์
สร้างตามคตินิยมคล้ายกับพระระเบียงเพื่อล้อมรอบพุทธสถานสำคัญ การบูรณปฏิสังขรณ์วัดสระเกศในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระระเบียงพุทธเจดีย์รายรอบอยู่ชั้นในกำแพงแก้ว
ศิลปะการสร้างพระระเบียงพุทธเจดีย์ในสมัยรัตนโกสินทร์นี้ ช่างนิยมสร้างเจดีย์แบบสี่เหลี่ยมย่อไม้สิบสองตามแบบศิลปะอยุธยา
จากภาพบน ประตูทางเข้า พระอุโบสถ
พระระเบียง รอบพระอุโบสถวัดนี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับการปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ
ประกอบด้วยซุ้มประตู ๔ ทิศ เหนือซุ้มประตูมีมุขยื่นหลังคาลดหลั่นกัน ที่หน้าบันสลักลายกระหนกลายก้านขดประดับกระจก
ลายอ่อนช้อยรับกับใบระกา ช่อฟ้า หางหงส์ ที่ประดับบนหลังคา และสอดรับกลมกลืนกับหลังคาพระอุโบสถ
เพดานพระวิหารคดทาสีแดง ประดับรูปดาวราย ภายในตั้งแท่นประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นประดับทองคำเปลวที่
รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาจากหัวเมือง พระพุทธรูปปางต่างๆ ที่ประดิษฐานรายรอบทั้งสี่ด้านนับรวมได้ ๑๖๓ องค์
พระอุโบสถ ประดิษฐานบนลานกระเบื้องสีเหลืองนวลรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วชั้นนอกและพระระเบียง
เป็นศาลาแบ่งเขตกับพระวิหารพระอัฏฐารสฯ รอบพระอุโบสถมีซุ้มพัทธสีมาตั้งรายรอบอยู่ ๘ ทิศ
พัทธสีมาคู่ประดิษฐานในซุ้มทรงกูบช้างที่ประดับกระเบื้องลายวิจิตร ผีมือช่างจากเมืองจีน ซุ้มพัทธสีมาแห่งนี้ได้รับคำชมว่างามแปลกตามาก
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า องค์ที่ ๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสรรเสริญว่า
ซุ้มพัทธสีมาวัดสระเกศ วิจิตสวยงามมาก ควรถือเป็นแบบอย่างได้
หน้าบันพระอุโบสถทั้งด้านหน้าและด้านหลังสลักลายกระหนกลายก้านขดประดับกระจกสี
ตรงกลางประดับรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์จักรี
ลายกระหนกก้านขดทอดลายงดงามรับกับเครื่องหลังคาที่ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ดูอ่อนช้อยกลมกลืนกัน
ซุ้มประตูหน้าต่างแบบบันแถลง บานประตูเขียนรูปทวารบาลเป็นรูปชาวต่างประเทศ ส่วนหน้าต่างเขียนรูปลายรดน้ำสีสดตระการตา
ภายในพระอุโบสถกว้าง ประดิษฐานพระประธานปางสมาธิองค์ใหญ่ปิดทองคำเปลวสะท้อนสีทองสุกอร่าม
พระประธานองค์นี้ รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างครอบพระประธานองค์เดิมที่เล็กกว่าไว้ พระพุทธศิลป์ฝีมือสกุลช่างรัตนโกสินทร์
พระประธานประดิษฐานบนฐานชุกชีที่พอดีกับระดับสายตา
เมื่อกราบท่านแล้วแหงนมองพระพักตร์ท่านและดูรอบ ๆ พระอุโบสถจะได้ความรู้สึกอิ่มตาสบายใจ
ผนังรอบพระอุโบสถประดับภาพจิตรกรรม เบื้องบนเขียนภาพเทวดาและท้าวจตุโลกบาล ด้านตรงข้ามกับพระประธานเป็นภาพพุทธประวัติตอนมารวิชัย
ระหว่างซุ้มหน้าต่างวาดเป็นภาพทศชาติของสมเด้จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้านหลังพระประธานเป็นภาพไตรภูมิกถา
ภาพจิตรกรรมฝาผนังได้รับการซ่อมต่อจากสมัยรัชกาลที่ ๑ หลายครั้งอาทิ สมัยรัชกาลที่ ๓ รัชกาลที่ ๗
และล่าสุดเมื่อครั้งท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) ครั้งทรงสมณศักดิ์เป็น
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์และเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ได้ซ่อมเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๑
ไว้มีโอกาสคราวหน้าจะมาถ่ายภาพ จิตรกรรมทศชาติชาดก ระหว่างซุ้มหน้าต่างอีกรอบค่ะ
เดินออกมาจากพระอุโบสถ ออกมาทางซุ้มประตูด้านพระระเบียงพุทธเจดีย์ จะเจอพระศรีมหาโพธิ์
โพธิ์ต้นนี้เป็นพันธุ์พระศรีมหาโพธิ์ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่ในรูปสี่เหลี่ยมประมาณวาเศษ ด้านกว้างประมาณสามวาเศษ
มีประวัติว่า เมื่อรัชกาลที่ ๒ ปีจอ ฉศก จุลศักราช ๑๑๗๖ ตรงกับพุทธศักราช ๒๓๕๗ โปรดให้เลือกพระภิกษุผู้ชอบเที่ยวธุดงค์
ได้พระอาจารย์ดีกับพระอาจารย์เทพ เป็นหัวหน้าเป็นสมณทูตออกไปลังกาทวีป สมณทูตไปอยู่เป็นเวลาสามปี
ครั้นกลับมาได้นำต้นโพธิ์ลังกาพันธุ์พระศรีมหาโพธิ์เมืองอนุราธบุรีมาถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๓ ต้น
โปรดให้ปลูกไว้ที่วัดมหาธาตุต้น ๑ วัดสระเกศต้น ๑ วัดสุทัศน์เทพวรารามต้น ๑ ปรากฏอยู่จนทุกวันนี้
รูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ประดิษฐานใต้ต้นโพธิ์
พระพุทธเจ้าน้อย
โรงเรียนพระปริยัติธรรม อยู่นอกกำแพงแก้ว ฝั่งตรงข้ามกับพระอุโบสถ เป็นอาคารคอนกรีตสูงสองชั้น ประกอบด้วยหลังคาจัตุรมุขมุงกระเบื้อง
มีช่อฟ้าใบระกา หางหงส์ หน้าบันมีอักษรย่อของเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ญาโณทยมหาเถร
ทรงสร้างขณะดำรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๑
ป้ายสีน้ำเงิน บอกทางไปพระอุโบสถ
๐๙.๔๘ น. วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ กำแพงโรงเรียนพระปริยัติธรรม มีการจัดแสดงประวัติความเป็นมาวัดสระเกศ
ไปพระวิหารแล้ว พระอุโบสถแล้ว ต่อไปก็พระเจดีย์ภูเขาทองค่ะ
บันไดทางขึ้นบรมบรรพต ๓๑๘ ขั้น
แวะดูวิวมุมสูง
ยังไม่สูงมาก... มองเห็น วัดพระแก้ว วัดสุทัศน์ วัดอรุณ
ศาลาเมรุ และพระวิหารพระอัฏฐารส
ไหว้พระตรงนี้ค่ะ ใส่รองเท้าเข้ามาได้เลย
พระบรมสารีริกธาตุ
บรมบรรพต นามพระราชทาน ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เปลี่ยนชื่อเดิมคือ พระเจดีย์ภูเขาทอง
แต่ชาวไทยนิยมเรียกง่าย ๆ กันว่า เจดีย์ภูเขาทอง พระเจดีย์องค์นี้ นับเป็นพุทธสถานที่สำคัญของวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
เหมือนกับพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร นับเป็นสัญลักษณ์ของวัดที่คนทั่วโลกรู้จักกันมากกว่าพุทธสถานรอบวัด
อ่านต่อที่นี่ค่ะ
มุมนี้ มองเห็นวัดราชนัดดาด้วยค่ะ
วัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวัง
วัดสุทัศน์ โรงเรียนเบญจมราชาลัย วัดอรุณ
สะพานพระราม ๘
มารอบนี้ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ มีฟรี wifi บนนี้ด้วยค่ะ
ใส่รองเท้าขึ้นมาได้ถึงข้างบนเลยค่ะ
พระบรมสารีริกธาตุ
ขาลงจากเจดีย์ภูเขาทอง ลงมาอีกทาง
ใกล้ ๆ กับแร้งวัดสระเกศ -- รอยพระพุทธบาทจำลอง
พระวิหารหลวงพ่อโต
หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปหล่อ ปิดทอง ในสมัยรัชกาลที่ ๓ หน้าตักกว้าง ๗ ศอก ๑ คืบ ส่วนสูง ๑๐ ศอก หลวงพ่อโต หันพระพักตร์ไปทางคลองมหานาค ที่ขุดผ่านบริเวณวัด หันหลังให้ภูเขาทอง มีพระวิหารทำด้วยไม้ มีฝากั้นทำด้วยไม้เช่นกัน
ส่วนฐานก่อนอิฐถือปูนสูงกว่าพื้นดินประมาณ ๓ เมตร เมื่อยังไม่มีห้องแถวฝั่งตรงกันข้ามคงจะมองเห็นเด่นชัด และสวยงาม เพราะมีคลองคั่นอยู่ด้วย
ประวัติหลวงพ่อโตที่พอจะนำมาอ้างได้ปรากฏอยู่ในหมายรับสั่ง ร.๓ เล่ม ๕ จ.ศ. ๑๒๑๒ มีความองค์ตอนหนึ่งว่า
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงพระราชศรัทธาให้สร้างพระพุทธปฏิมากรพรองค์หนึ่ง หน้าตักกว้าง ๗ ศอกเศษ ๒
๑๑.๐๖ น. ออกจากวัดสระเกศ เดินกลับออกมาทางสะพานมหาดไทยอุทิศ
คลองมหานาค
พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ป้อมมหากาฬ
พระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์
กรมศิลปากรบูรณะปิดทองโลหะปราสาท วัดราชนัดดาเสร็จแล้ว บางส่วน
คาดว่าจะปิดทองแล้วเสร็จครบทุกยอดในปี พ.ศ. ๒๕๖๐
ผมเคยไปที่นี่ครั้งเดียว
น่าจะตอนอยู่ ป.4 ครับ
เป็นวัดใหญ่ที่มีอะไรให้เที่ยวชมมากมายเลยนะครับ