Group Blog
 
All blogs
 
วัดกุฎีดาว พระนครศรีอยุธยา





ก่อนจะไปอยุธยาครั้งล่าสุดนี้ คุ้นๆ ว่า ได้ซื้อหนังสือเที่ยวอยุธยามาด้วย พอจะอัพบล็อก หาหนังสืออยู่นาน จำไม่ได้ว่าวางไว้ไหน 

.... เพิ่งหาเจอค่ะ เป็นหนังสือจากสำนักพิมพ์มิวเซียมเพลส ราคาปก ๑๒๐ บาท มี ๘๐ หน้า

ภาพประกอบ เนื้อหา ข้อมูล เชิงวิเคราะห์ น่าสนใจ น่าอ่าน ถ้าสนใจลองหาดูนะคะ












วัดกุฎีดาว



วัดกฎีดาวมีสภาพเป็นวัดร้าง ตั้งอยู่นอกเกาะเมืองทางทิศตะวันออก ในตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ทิศเหนือติดกับทางเข้าวัดประดู่ทรงธรรม และวัดจักรวรรดิ (ร้าง)

ทิศใต้ติดกับถนนเข้าหมู่บ้านราษฎร

ทิศตะวันออกติดกับถนนที่ตัดมาจากวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม ตรงข้ามกับทางเข้าวัดมเหยงคณ์

ทิศตะวันตก ติดกับชายป่าละเมาะ ซึ่งเป็นที่ดินของวัดประดู่

กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๕๒ ตอนที่ ๗๕ ลงวันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๘

วัดกุฎีดาวเป็นวัดขนาดใหญ่สมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ในเขตที่เชื่อกันว่าเป็น “อโยธยา” ตอนเหนือ ฝั่งนอกเกาะกรุงศรีอยุธยา ด้านตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก

ซึ่งเชื่อกันว่าคือชุมชนเมืองโบราณก่อนที่จะมีการสร้างกรุงศรีอยุธยา บริเวณแถบนี้ยังคงเต็มไปด้วยซากอาคารและเจดีย์ของวัดสมัยอยุธยา

โบราณสถานของวัดกุฎีดาวมีสภาพที่ดีมากที่สุดแห่งหนึ่งของอยุธยา ที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน

อยุธยา มีชื่อแรกเริ่มว่า "อโยธยา" หมายถึงเมืองของพระราม จากคติเรื่องรามายณะของชนชั้นปกครองอยุธยา

ซึ่งเชื่อว่ากษัตริย์เป็น "พระราม" ผู้เป็นพระนารายณ์อวตารลงมาปราบยุคเข็ญ จึงมีการตั้งพระนามกษัตริย์ว่า  "พระรามาธิบดี"

ส่วนเมืองลูกหลวงซึ่งทรงส่งพระโอรสไปครอง ก็ตั้งชื่อตามคตินี้เช่นกัน นั่นคือ "ลพบุรี"  ซึ่งหมายถึงเมืองของพระลพ พระโอรสของพระรามนั่นเอง

นักวิชาการบางท่านเสนอว่า หลังจากการเสียกรุงครั้งที่ ๑ แล้ว ได้มีการแก้เคล็ดด้วยการเปลี่ยนชื่อเมืองเสียใหม่

เป็น  "อยุธยา" หมายถึง เมืองที่ใครก็เอาชนะไม่ได้









บริเวณนอกเขตพุทธาวาสของวัดมเหยงคณ์และวัดกุฎีดาว มีอาคารรูปร่างคล้ายกันแบบหนึ่ง เป็นอาคารก่ออิฐ ยกพื้นสูง คล้ายตึกสองชั้น เดิมชั้นบนปูพื้นด้วยไม้

บางท่านสันนิษฐานว่า อาคารทั้งสองหลังนี้ น่าจะเป็นพระตำหนักของพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ และพระอนุชา (ต่อมาคือพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ)

ที่ใช้ประทับระหว่างกำกับการปฏิสังขรณ์วัดทั้งสองแห่งนี้ ซึ่งในพงศาวดารได้กล่าวว่า การปฏิสังขรณ์ต้องใช้เวลานานถึง ๓ ปี

และพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระก็มักเสด็จฯ มาทอดพระเนตรอย่างสม่ำเสมอ บางครั้งได้แปรพระราชฐานมาประทับ ณ วัดมเหยงคณ์เป็นเวลานาน ๑ - ๒  เดือน

คาดว่าพระอนุชาซึ่งทรงรับหน้าที่ควบคุมการปฏิสังขรณ์วัดกุฎีดาว ก็น่าจะเสด็จมาประทับ ณ พระตำหนักวัดกุฎีดาว เพื่อติดตามงานบูรณะด้วยเช่นกัน

กระทั่งเมื่อปฏิสังขรณ์วัดเสร็จสิ้นแล้ว คงเปลี่ยนให้อาคารทั้งสองหลังนี้เป็นที่ประทับเพื่อทรงศีล หรือไม่เช่นนั้นก็อาจถวายเป็นกุฏิแก่พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ต่อไป

*** อาคารรูปแบบนี้ ยังพบได้อีกที่วัดเจ้าย่า และวัดพุทไธศวรรย์






พระตำหนักวัดมเหยงคณ์ ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของวัด  (***  เข้าใจว่าน่าจะเป็นภาพนี้ ถ้าผิดพลาด ขออภัยด้วยค่ะ  ***)





ตำหนักกำมะเลียน








ช่างอยุธยาได้เรียนรู้วิทยาการจากเปอร์เซีย ซึ่งนิยมทำหน้าต่างโค้งแหลม

ด้วยการเรียงอิฐตั้งสันขึ้นไปบรรจบกัน ทำให้น้ำหนักจากผนังที่กดลงมาแผ่กระจายไปตามผนังได้ดี









ตำหนักกำมะเลียน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด ยาว ๓๐ เมตร กว้าง ๑๔.๖ เมตร

มีบันไดทางขึ้นอยู่ด้านข้างผนังด้านยาวเจาะช่องหน้าต่างชั้นบนด้านละ ๑๑ ช่อง เป็นทรงโค้งแหลม ส่วนชั้นล่างเจาะช่องหน้าต่าง ๑๐ ช่อง

บริเวณกึ่งกลางของชั้นล่างเจาะช่องประตูทางเข้าด้านละ ๑ ช่อง ผนังสกัดทั้ง ๒ ด้าน ชั้นบนเจาะช่องประตู ๓ ประตู ประตูกลางมีขนาดใหญ่ที่สุด

ส่วนชั้นล่างมีการเจาะช่องประตูขนาดเล็กเพียงช่องเดียวเชื่อมต่อระหว่างมุขและภายในอาคาร ภายในอาคาร มีเสา ๒ แถวๆ ละ ๑๐ ต้น แต่เหลือเพียงฐาน






วัดกุฎีดาวเป็นเสมือนวัดคู่แฝดกับวัดมเหยงคณ์

เพราะต่างก็ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งสำคัญในรัชสมัยพระเจ้าท้ายสระ (ครองราชย์ พ.ศ. ๒๒๕๒ - ๒๒๗๕)

วัดมเหยงคณ์ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของวัดกุฎีดาวนั้นบูรณะโดยกษัตริย์

ส่วนวัดกุฎีดาวบูรณะโดยพระอนุชาซึ่งดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราช หรือวังหน้า

และได้เป็นกษัตริย์องค์ต่อมา คือ พระเจ้าบรมโกศ (ครองราชย์ พ.ศ. ๒๒๗๕ - ๒๓๐๑)

วัดกุฎีดาวเริ่มการบูรณะหลังการบูรณะวัดมเหยงคณ์ ๒ ปี คือเริ่มบูรณะในปี พ.ศ. ๒๒๕๔ และบูรณะเสร็จในอีก ๓  ปีถัดมา

 วัดกุฎีดาวเป็นวัดที่ได้รับการบำรุงรักษา และมีความสำคัญในทั้ง ๒ รัชสมัย ทั้งสมัยพระเจ้าท้ายสระ และสมัยพระเจ้าบรมโกศ อันเป็นยุคที่บ้านเมืองสงบสุข

เป็น “ยุคทอง” สมัยอยุธยาตอนปลาย เมื่อสิ้นรัชสมัยพระเจ้าบรมโกศ ก็เป็นระยะเวลาเพียง ๑๐ ปี ก่อนการเสียกรุงครั้งที่ ๒

เหตุนี้ วัดกุฎีดาวจึงยังคงมีสภาพของโบราณสถานที่ดีกว่าวัดอื่นๆ ในแถบนี้


ข้อมูลจาก //www.ayutthayastudies.aru.ac.th/content/view/777/72/












ซุ้มประตูสมัยอยุธยาตอนปลาย





พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดยาว ๒๗.๘๐ เมตร กว้าง ๑๕.๔๐ เมตร ตั้งอยู่บนฐานบัวลูกแก้วอกไก่

ทางด้านทิศใต้มีการทำบัวลูกแก้วอกไก่ ๒ ชั้น มีมุขด้านหน้าและด้านหลังยื่นออกมาจากตัวอาคารและมีบันไดทางขึ้นด้านข้างทั้ง ๒ ทาง

ฐานของมุขเป็นฐานสิงห์สภาพส่วนใหญ่ค่อนข้างสมบูรณ์










ผนังของอาคารเหลือเพียงสามด้าน คือด้านทิศเหนือ ตะวันออก และทิศใต้ ส่วนทางด้านตะวันตกได้พังทลายลงมา

ผนังด้านเหนือ - ใต้ มีการเจาะช่องหน้าต่างจริงสลับกับหน้าต่างหลอก ซึ่งมีร่องรอยลงรักสีดำรวม ๘ ช่อง






ซุ้มหน้าต่างเป็นทรงบันแถลงรองรับซุ้มด้วยฐานสิงห์ ซุ้มหน้าต่างส่วนมากพังทลาย แต่ยังมีบางซุ้มที่ยังเหลือสภาพค่อนข้างสมบูรณ์








ฐานชุกชีภายในพระอุโบสถมีการขยายให้ใหญ่ขึ้น

แสดงถึงการก่อสร้างมีมากกว่าหนึ่งครั้ง มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่บางช่วงถูกขุดเจาะทำลาย




มีประตูทางเข้า ๓ ประตู ทั้งทางด้านหน้าและหลัง ประตูกลางก่อเป็นซุ้มทรงประสาทมีขนาดใหญ่กว่าประตูด้านข้าง









ภายในมีเสากลม ๒ แถว ปัจจุบันเหลือเพียง ๖ ต้น





บัวหัวเสาเป็นรูปบัวโถ ส่วนหลังคาได้พังทลายลงมาหมด













มหาเจดีย์ หรือเจดีย์ประธาน  เหลือเพียงชั้นฐานขององค์ระฆังเป็นเจดีย์ทรงลังกา ฐานย่อมุม มีบันไดทางขึ้นด้านทิศตะวันออก ๒ บันได

สภาพชำรุด และมีซากของฐานเจดีย์ทิศทั้ง ๔ มุม มีลักษณะเป็นทรงระฆังกลมบนฐานแปดเหลี่ยม









ตัวองค์เจดีย์ประธานที่ความสูงเท่าที่เหลือทั้งหมด ๑๔.๕๐ เมตร ฐานประทักษิณทุกด้านจะมีรอยแตกเป็นแนวยาวแสดงถึงการทรุดตัวของเจดีย์

ลวดลายขาสิงห์ที่ประดับฐานประทักษิณขององค์เจดีย์ แข้งสิงห์มีการทำรอบหยัก ๒ หยัก ซึ่งมีลักษณะแปลกกว่าที่อื่น






ศ. ดร.สันติ เล็กสุขุม เสนอว่า หากการบูรณะเจดีย์โดยกรมศิลปากรไม่มีอะไรผิดพลาด ก็ถือว่าเจดีย์นี้มีรูปแบบที่น่าสนใจ

เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับเจดีย์มอญพม่า โดยเฉพาะที่ฐานเจดีย์ซึ่งทำเป็นชั้นเอนลาด ซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไปรับองค์ระฆัง

และไม่มีการทำ "บัลลังก์" เหนือองค์ระฆังเหมือนเจดีย์มอญพม่าอีกด้วย

สิ่งนี้ถือเป็นหลักฐานอย่างหนึ่งที่ช่วยสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับมอญพม่า





บนลานประทักษิณพบหลักฐานการปูพื้นด้วยแผ่นหินสีเขียวอ่อน-เทา เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมขนาดต่างๆ กัน มีระเบียงล้อมรอบลายประทักษิณ

ปัจจุบันพังหมดแล้ว เหลือเพียงเสาหัวเม็ดทรงมัณฑ์ตรงมุมด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศตะวันตกเฉียงใต้


















พบต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่บนลานประทักษิณด้านทิศเหนือ






อาคารขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าเป็น วิหาร (ขนาด ๑๒ × ๔๐ เมตร) ประตูทางเข้าด้านหน้ามี ๓ ประตู ประตูกลางมีขนาดใหญ่กว่าประตูข้าง








ส่วนด้านหลังมี ๒ ประตู กรอบประตูเป็นซุ้มสามเหลี่ยม เหนือกรอบประตูเป็นลายปูนปั้นรูปมณฑปยอดปรางค์

(ในปัจจุบันได้รับการบูรณะให้มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์)



















































เก็บตกภาพรวมๆ ค่ะ

















ภาพสุดท้ายค่ะ ปะป๊าถ่าย....เค้ามาถ่ายแบบชุดไทย ด้านในตำหนักกำมะเลียน












Create Date : 31 สิงหาคม 2558
Last Update : 31 สิงหาคม 2558 5:10:23 น. 24 comments
Counter : 8745 Pageviews.

 
เมืองเก่าหลายที่ยังไม่เคยเที่ยวเลยค่ะไว้มีโอกาสจะตามรอยบ้างนะคะ


โดย: mariabamboo วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:5:50:27 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Travel Blog ดู Blog
ได้มาชม ในสมัยนี้ ยังสวยขนาดนี้ ^^
สมัยก่อน ก้อ คงจะ สวยมากๆ แน่ๆ เลยนะคะ พี่หนู ^^
โปสการ์ด มีสเนห์ ตรง ลายมือ กับ ใจที่เขียน ลงไป จริงๆ ค่ะ^^


โดย: kwan_3023 วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:7:01:39 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ

เห็นบล็อกพี่หนู
ใจผมคิดไปถึงแชมป์แฟนพันธุ์แท้กรุงศรีฯ
ที่เป็นไกด์หนุ่มหล่อ

เขาตอบคำถามเกี่ยวกับวัดกุฎีดาวด้วย

กรุงเก่าของไทยเรา
วัดเยอะจริงๆนะครับ

ถ้าไม่ถูกเผาไปในยุคก่อน
ตอนนี้คงเป็นเมืองที่อลังการมากๆเลย




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:7:39:28 น.  

 
ตามเที่ยวชมร่องรอยซากโบราณสถานในอยุธยาจากภาพคุณหนูคะ
ทำให้เห็นความสวยงามในยุคนั้นได้พอประมาณ น่าสนใจมากๆ
ดูยิ่งใหญ่มาก น่าเสียดายกับการเปลี่ยนแปลงทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
คุณหนูพาชมได้ละเอียดเหมือนไปเดินชมด้วยเลย
ยังไม่เคยไปที่นี่เลยคะ ...ขอบคุณคะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog


โดย: Tui Laksi วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:9:31:20 น.  

 
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
เสียดายสิ่งที่เห็นมีแต่เพียงซากของความรุ่งเรือง
ในอดีตนะคะคุณหนู เข่าน่าจะจำลองภาพกราฟฟิคไว้ให้ดู
เปรียบเทียบว่าในยุครุ่งเรืองมีภาพเป็นอย่างไรนะคะ



โดย: หอมกร วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:11:09:57 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog

--------------------

เต็มอิ่ม จุใจมากเลย เดี๋ยวนี้พี่หนูมีผู้ช่วยด้วยนี่คะ อิอิ
เหมือนเดินตามนักสำรวจโบราณคดี เห็นซากปรักหักพัง
แต่ก็ยังดูสวยงามทรงคุณค่ามาก ๆ

นึกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน ณ แผ่นดินนี้ไม่เพียงซากโบราณสถาน
แต่ยังหมายถึงชีวิตผู้คนอีกมากมายนับไม่ถ้วน แหะ ๆ

"อยุธยา" หมายถึง เมืองที่ใครก็เอาชนะไม่ได้
แล้วคำว่า "กำมะเลียน" นี่แปลว่าอะไรคะ ไม่น่าเป็นคำไทย ๆ
จะเพี้ยนมาจาก "กำมะลอ" ก็ไม่น่าใช่ อยากรู้จริง ๆ แฮ่ ๆ

บล็อกใหม่ฟ้าใสวันนี้ เป็นเรื่องที่พี่หนูขอไว้ชาติหนึ่งมาแล้ว
วันนี้จัดให้นะคะ อิอิ



โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:12:06:59 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เป็ดสวรรค์ Funniest Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
พรไม้หอม Health Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ญามี่ วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:13:55:41 น.  

 
เห็นเสาแต่ละต้นนี่อลังการมาก
จินตนาการไม่ถูกเลยว่า ถ้ายังดีนี่จะใหญ่โตขนาดไหน


โดย: ผู้ชายในสายลมหนาว วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:14:57:25 น.  

 
ถ้าเรารู้หน้าที่ของตนเอง
และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ผมว่าปัญหาจะลดน้อยลงไปเยอะเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:15:56:51 น.  

 
มีคู่มือแบบนี้ก็เหมาะเลยค่ะ
โบราณสถานที่หลงเหลืออยู่นี่ผนังก่ออิฐถือปูนยังรูปทรงเดิมอยู่มากนะคะ
เหลือแต่ฐานรากและผนังเท่านั้นเองค่ะ หลังคาเนี่ยไปหมดเลย
โครงสร้างหลังคาไม่แข็งแรงเลยเนอะพี่



โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:16:46:17 น.  

 
นึกออกละ วัดนี้ร้อนฝุด ๆ

เต้าเจียวออกเค็มหวาน
ตอนทานเข้าใจว่าเอาเม็ดเต้าเจี้ยวใส่น้ำตาลปี๊บ
ไปอ่านดูเขาว่าหมักเต้าเจี้ยวในน้ำส้มค่ะ เติมหวานนิดหน่อย
วันนี้หมดโควต้าแล้วจ้า


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:16:55:37 น.  

 
วัดนี้ใหญ่โตดูน่าเกรงขามมากเลยค่ะ
มีความรู้สึกว่าอลังการไม่แพ้โบราณสถานของเมืองนอกเลย
เห็นแล้วอยากไปเที่ยวชมซักครั้งจัง
วันนี้คุณหนูลงรูปแบบจัดเต็มชมกันเพลินเลยค่ะ

ทะเลทางใต้เราเคยไปเที่ยวบ้างค่ะ
สวยงามสุดๆเลย น้ำงี้ใสแจ๋ว
หาดทรายก็สะอาด แต่ไปนานมากแล้ว
ไม่รู้ตอนนี้ยังสวยเหมือนเดิมหรือเปล่านะคะ




โดย: mambymam วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:18:48:57 น.  

 
น่าไปจังเลยค่ะพี่หนู ชื่อเรียกสถานที่ก็เพราะ


โดย: sawkitty วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:19:02:50 น.  

 
สวัสดีค่ะ ตามพี่หนูไปเมื่องกรุงเก่าเมืองนี้เป็นภาพในใจคนไทยตลอดอ่านตรงอยุธยาเมืองนี้ ใครๆก็เอาชนะไม่ได้ - -"
ความเชื่อเรื่องการตั้งชื่อนี่มีมาตั้งแต่สมัยนานมาแล้ว แพมว่ามุมมองการถ่ายภาพของพี่หนูสุดยอดสวยคมงดงามสุดอ่ะ มองแล้วคิดถึงจังเคยไปตั้งแต่ยุเกษตรศาสตร์ปี1โอ้นานมากๆ

ปล..จริงดั่งพี่หนูว่า"ที่คุมยาก แก้ยาก คงเป็นนิสัยเสียๆของผู้คนเนี่ยล่ะ แต่ขยะไปเที่ยวที่ไหนก็เจอ ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ควบคุมดูแลจัดระบบให้ดีๆ สงสัยต้องฝึกกันแต่เด็กน้อยเลย โตมาจะลืมมั้ยก็ว่าไปนะค่ะ ^^
..........
จุ๊ฟๆๆๆๆ
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนบ้านป่า Pet Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



โดย: mastana วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:21:14:08 น.  

 
เป็นอีกหนึ่งวัดที่ไปทุกครั้งครับ ที่นี่เป็นหนึ่งในวัดที่ผมได้เอาโมเดลไปถ่ายทำด้วยในบล็อกชวนเที่ยวอยุธยา แต่คราวนั้นไม่ได้จัดเต็มเท่าไหร่ ถ้าไปอีกต้องจัดเต็มให้มากกว่านี้

+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:23:03:35 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 1 กันยายน 2558 เวลา:2:13:33 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณหนู

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Tristy Food Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

วันนี้ทำขนมชวนคุณหนูไปชิมกันค่ะ



โดย: mambymam วันที่: 1 กันยายน 2558 เวลา:6:49:44 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่หนู



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กันยายน 2558 เวลา:7:18:59 น.  

 
เป็นเมืองที่สถานที่ท่องเที่ยวสวยจริงๆครับ

สายหมอกและก้อนเมฆ Travel Blog ดู Blog


โดย: PZOBRIAN วันที่: 1 กันยายน 2558 เวลา:10:56:33 น.  

 


โดย: หอมกร วันที่: 1 กันยายน 2558 เวลา:19:18:38 น.  

 
เล่มนี้ผมมีครับ ชอบด้วย ละเอียดดีเหมือนกัน ^^ ของมิวเซียมเพรสรับประกันคุณภาพอยู่แล้ว
วัดกุฎีดาวเป็นวัดที่ผมชอบที่สุดในบรรดาวัดฝั่งอโยธยาเลยนะ ชอบยอดเจดีย์ที่หักลงมาและฝังลงบนพื้น คนไม่จอแจแบบวัดมเหยงคณ์ด้วย
ตำหนักมเหยงคณ์คืออันนี้ถูกต้องแล้วครับ อยู่อีกฝั่งของถนน ใกล้วัดช้าง


โดย: ชีริว วันที่: 1 กันยายน 2558 เวลา:21:59:32 น.  

 
จริงครับพี่หนู

ลูกๆดูพ่อแม่เป็นต้นแบบจริงๆครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กันยายน 2558 เวลา:22:29:44 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณหนู
เห็นแล้วก็อดจะคิดถึงความรุ่งเรืองเมื่อครั้งอดีตกาลไม่ได้นะคะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 2 กันยายน 2558 เวลา:0:48:59 น.  

 
ไปอยุธยาหลายครั้งก็ขับรถผ่าน
เคยเข้าไปครั้งหนึ่ง บ้านข้างวัดมีจัดงานบุญ เลยเกรงใจ ไม่ได้เข้าไปถ่ายรูป
ชมภาพจากบล็อกพี่หนูก็เหมือนได้ไปเองครับ แหะๆ


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 8 กันยายน 2558 เวลา:0:17:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.