วัดราชนัดดารามวรวิหาร
ที่ตั้ง เลขที่ ๗๐ ถนนมหาไชย แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
อาณาเขต
ทิศเหนือ จรด ถนนราชดำเนินกลาง
ทิศใต้ จรด คลองวัดเทพธิดาราม
ทิศตะวันออก จรด ถนนมหาไชย
ทิศตะวันตก จรด ถนนซอยวัดราชนัดดาราม ถนนบ้านดินสอ ประวัติ
วัดราชนัดดารามวรวิหาร เป็นพระอารามชั้นตรี ชนิดวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติแก่ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี (ต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็นพระอัครมเหสีองค์แรกของรัชกาลที่ ๔ มีพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดีบรมราชเทวี) จึงทรงพระราชทานนามว่า วัดราชนัดดาราม เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๓๘๖
รัชกาลที่ ๓ ทรงโปรดให้ เจ้าพระยายมราช (บุญนาค) เป็นผู้ออกแบบแผนผังการสร้างวัด กำกับการสร้างพระอุโบสถ พระวิหาร และศาลาการเปรียญ เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างโลหะปราสาท พระยามหาโยธา เป็นผู้สร้างกุฏิสงฆ์ พร้อมทั้งกำแพงและเขื่อนรอบ ๆ วัด
โลหะปราสาทนี้ หลังจากสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ แล้ว ยังไม่แล้วเสร็จ คงมีแต่โครงเหล็กและศิลาแลงเท่านั้น แต่จากห้องกลางมีบันไดเวียนไปจนถึงชั้นบน เข้าใจว่ามีการปฏิสังขรณ์ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ โดยประสงค์จะทำให้ขึ้นไปจนถึงชั้นบนของปราสาท ส่วนชั้นล่างคงปล่อยไว้ให้ค้างตามเดิม
รัชกาลที่ ๕ โปรดให้สร้างต่อจนเสร็จ แต่ก็เกือบจะทำลายแบบแผนที่แท้จริงของโลหะปราสาทสมัยรัชกาลที่ ๓ ไปหมด ต่อมาได้มีการซ่อมแซมวัดราชนัดดาอีกครั้งหนึ่งในสมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้พยายามรักษาแบบแผนเดิมของโลหะปราสาท สมัยรัชกาลที่ ๓ ให้มากที่สุด
ปัจจุบันหลังจากรื้อถอนศาลาเฉลิมไทยแล้ว เพื่อเป็นการเปิดมุมมองทางเข้าเกาะรัตนโกสินทร์จากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
พระอุโบสถวัดราชนัดดารามวรวิหาร ตั้งอยู่ระหว่างพระวิหารและการเปรียญ ลักษณะขวางดวงตะวัน จากทิศเหนือไปทิศใต้
เจ้าพระยายมราช (บุนนาค ยมนาค) กำกับการก่อสร้าง
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า และสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระมเหสีของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ขณะเมื่อดำรงพระอิสริยยศ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงก่อพระฤกษ์พระอุโบสถ
เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๓๘๙ และยกชื่อพระอุโบสถ วันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๘๙
ลักษณะสถาปัตยกรรม เป็นอาคารทรงไทยก่ออิฐถือปูน ศิลปกรรมสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ฐานสูงยกพื้น ๒ ชั้น
ฐานล่างตั้งเสาระเบียงสี่เหลี่ยมจตุรัสย่อมุขขนาดใหญ่รองรับเชิงชาย หน้าจั่วและหลังคา ด้านหน้าและด้านหลัง ด้านละ ๕ ต้น
ด้านข้างด้านละ ๑๒ ต้น มีทางเดินเวียนรอบ ฐานชั้นที่ ๒ ยกพื้นสูง ประตูทางเข้าภายใน ๒ ประตู หลังคาชั้นลด ๑ ชั้น
มุงกระเบื้องสีน้ำเงินสลับสีเหลือง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
ภายในพระอุโบสถมีดาวเพดานเขียนสี ส่วนบนของภาพนี้เป็นภาพแสดงนรกภูมิ
ส่วนฝาผนังอีก ๓ ด้าน เป็นภาพแดนสวรรค์และภาพเทพชุมนุม
ภาพเหล่านี้เขียนด้วยสีฝุ่นทำให้ชำรุดลบเลือนได้ง่าย
ฝาผนังตรงข้ามพระประธานมีรูปเหมือนของเจ้าอาวาสองค์ที่ ๕
ภายในประดิษฐานพระพุทธปฏิมาประธาน ปางมารวิชัย พระนาม พระพุทธเสฏฐุตมมุนินทร์ มีความหมายว่า
พระพุทธองค์ผู้ทรงประเสริฐสูงสุดยิ่งใหญ่เหนือกว่าพระมุนีใดในโลก
หน้าตักกว้าง ๗ ศอก หล่อด้วยทองแดงที่ขุดได้จากตำบลจันทึก เมืองนครราชสีมา
ในรัชกาลที่ ๕ ได้ลงรักปิดทองแล้วเชิญเศวตฉัตร ๕ ชั้นขึ้นกางกั้น
จิตรกรรมฝาผนัง ด้านหน้าและด้านหลัง เป็นเรื่องพุทธประวัติตอนเสด็จโปรดพุทธมารดาและเสด็จจากดาวดึงส์
ด้านข้างเขียนภาพหมู่ดาวฤกษ์และดาวนพเคราะหห์ ๒๗ กลุ่ม แวดล้อมด้วยหมู่เทวบุตรและเทวธิดา บานหน้าต่างเขียนภาพเทวดานพเคราะห์
ตู้บริจาค แน่นหนาเลย
ศาลาการเปรียญ
การเปรียญแห่งนี้ สมัยโบราณคือสถานที่แสดงธรรม ตั้งอยู่ด้านเหนือของพระอุโบสถ
ลักษณะสูงใหญ่ หากแต่ลดขนาดจากพระอุโบสถและพระวิหาร ตามประโยชน์การใช้สอย
เสาอาคารด้านหน้า ๕ ต้น ด้านระเบียง ๔ ต้น ก่ออิฐถือปูน หลังคาชั้นลด ๓ ชั้น
มุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันลงรักปิดทอง ประดับกระจกซุ้มประตูหน้าต่างตกแต่งลายปูนปั้น
ผนังภายในเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง ลายดอกไม้ร่วง
พระวิหาร เป็นอาคารทรงโรง สูงใหญ่ขนาดไล่เลี่ยกับพระอุโบสถก่ออิฐถือปูน หลังคาซ้อน ๒ ชั้น มี ๓ ตับ
ตับล่างเป็นปีกนกรอบ หลังคามุงด้วยกระเบื้องเกล็ด หน้าบันด้านหน้าและด้านหลังมีลวดลายเหมือนกันคือ
ลายดอกพุดตาน ประดับด้วยกระจกสีปิดทอง เช่นเดียวกับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นลายปูนปั้นดอกพุดตานปิดทองที่ดอกลาย บานประตูหน้าต่างมีภาพเขียนสี ฐาน ๒ ชั้น
โลหะปราสาท ลักษณะสถาปัตยกรรมสร้างตามแบบศิลปกรรมไทย เป็นอาคาร ๗ ชั้น ลดหลั่นกันขึ้นไป
อาคารชั้นล่าง ชั้นที่ ๓ และชั้นที่ ๕ เป็นคูหาและระเบียงรอบ ส่วนชั้นที่ ๒ ชั้นที่ ๔ และชั้นที่ ๖ ทำเป็นคูหาจตุรมุข
มียอดเป็นบุษบกชั้นละ ๑๒ ยอด และ ชั้นที่ ๗ เป็นยอดปราสาทจตุรมุขสำหรับประดิษฐานพระบรมธาตุ รวมเป็น ๓๗ ยอด
การขึ้นสู่ปราสาทแต่ละชั้น จะมีบันไดวนตั้งอยู่ตรงกลางโลหะปราสาท โดยใช้ซุงขนาดใหญ่ยึดเป็นแม่บันได
ตั้งแต่พื้นล่างตลอดจนถึงชั้นบน นับแต่ขั้นบันไดจนรอบต้นซุงได้ ๖๗ ขั้น
ภาพชุดนี้ถ่ายมาตั้งแต่วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตอนนี้น่าจะปิดทองครบทุกยอดแล้วมังคะ
ซุ้มประตู
ออกจากวัดราชนัดดาไปต่อที่วัดเทพธิดารามค่ะ
สวัสดียามเช้าครับพี่หนู
โลหะปราสาทสวยงามมากจริงๆ
ผมว่าเป็นสีดำก็สวยไปอีกแบบ
อุโบสถมีลักษณะเฉพาะ
การวางเสาสูงแบบนี้ไม่ค่อบพบในวัดทางภาคเหนือด้วย
โหวต Photo blog ครับพี่