Group Blog
 
All blogs
 
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม....ตอนที่ ๑








วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตอนที่ ๑




สวัสดีวันพฤหัสบดีค่ะ เราชอบสวัสดีตามวัน...ด้วยความที่ไม่ได้ทำงานประจำกับเค้า...เลยเอาไว้เช็ควันไปด้วย วันดีคืนดี เราก็ใส่ข้างขึ้น ข้างแรมพร้อม...วันนี้...แถวบ้านฝนตกทั้งวันเลยค่ะ ตกหนัก ตกเบา สลับกันไป ผ้าก็ไม่แห้ง นึกขอบคุณบรรดาผงซักฟอกที่เค้าโฆษณาว่า ไม่มีกลิ่นอับ...ไม่ต้องง้อแดด...และบรรดาน้ำยาปรับผ้านุ่มทั้งหลายแหล่ ถ้าเป็นสมัยก่อนอากาศแบบนี้ผ้าคงเหม็นอับอย่างแรง...เอามาซักใหม่กลิ่นอับก็ยังอยู่ยงคงกระพันอีก....

ตามที่บอกไว้ค่ะ...วัดพระแก้ว เพิ่งเช็ครูปที่ทำไว้ อย่าตกใจนะคะ ๑๒๐ รูปค่ะ แบ่งให้เหมาะ ให้พอดี น่าจะ ๓ ตอน...เริ่มเดินกันต่อเลยเนอะ










เดินจากพระบรมมหาราชวังหาทางเข้า...จนมาเจอตรงนี้ จุดจำหน่ายบัตรค่ะ










เข้าไปส่องดูใกล้ๆ จริงๆ อยากรู้ราคาว่า...ชาวต่างชาติที่เค้ามาเที่ยวต้องซื้อบัตรราคาเท่าไหร่...

เห็นเวลาปิดพระอุโบสถ วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ปิด ๑๔.๐๐ น. เหลือบดูนาฬิกาข้อมือ บ่ายโมง ๕๖ นาทีแล้วค่ะ รีบจ้ำ....










ส่วนพวกเรา "ชาวไทย" เข้าช่องนี้ค่ะ
















จ้ำแล้ว...ไม่ทันค่ะ บ่ายสองพอดีเป๊ะ คุณยายเสื้อขาว ที่เจ้าพนักงานหิ้วปีกได้เข้าไปคนเดียวค่ะ

คงกรณีพิเศษ...อาจจะเดินทางมาไกล ญาติอาจไปขอให้....คิดเอาเองนะคะ










คนยังออกันเต็มหน้าพระอุโบสถอยู่เลยค่ะ










ตรงนี้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งแบบฝึกหัดของคนชอบถ่ายรูปทั้งหลาย...










ด้านข้างพระอุโบสถค่ะ




















พระศรีรัตนเจดีย์ ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งอยู่บนฐานไพทีทางทิศตะวันตก สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๘ โดยจำลองแบบมาจากเจดีย์ในวัดพระศรีสรรเพชญ์ที่พระราชวังกรุงศรีอยุธยา องค์เจดีย์มีความสูงประมาณ ๔๐ เมตร ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อสมัยแรกสร้างนั้นยังมิได้มิได้มีการประดับกระเบื้อง ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) จึงได้มีการประดับกระเบื้องโมเสคสีทองทั้งองค์เจดีย์






















ภาพนี้จะเห็นชัดว่าโมเสคสีทองละเอียดมากค่ะ





























มองกลับไปที่พระอุโบสถค่ะ










อสูรวายุภักษ์ ท่อนบนเป็นยักษ์สวมมงกุฎ ท่อนล่างเป็นนก สองมือกุมกะบองเกลียว ตั้งอยู่บนลานทักษิณชั้นบน






















อีกมุม...อสูรวายุภักษ์ รูปหล่อโลหะเป็นรูปสัตว์หิมพานต์ค่ะ










ยักษ์ทวารบาลค่ะ หรือเราคิดไปเอง...เหมือนหน้าเศร้าๆ เลยค่ะ
















พระมณฑปค่ะ













พระมณฑป ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งอยู่บนฐานไพที ตรงกลางระหว่างปราสาทพระเทพบิดร และพระศรีรัตนเจดีย์ เป็นมณฑปยอดปราสาทเจ็ดชั้น ฝาผนังภายนอกประดับลวดลายนูนต่ำปิดทองประดับกระจกเป็นรูปเทพพนมภายในกรอบสี่เหลี่ยม บานประตูทั้งสี่ทิศเป็นประตูลายมุก ส่วนของฐานนั้นทำเป็นชั้น โดยชั้นบนเป็นรูปเทพบุตรนั่งประนมกรเรียงระหว่างซุ้มประตู ส่วนด้านล่างเป็นรูปครุฑและคนธรรพ์นั่งสลับกัน ส่วนภายในเป็นที่ประดิษฐานตู้พระไตรปิฎกประดับมุก และปูพื้นด้วยเสื่อสานด้วยเส้นลวดที่ทำจากเงิน














































พระบรมราชสัญลักษณ์ทั้ง ๙ รัชกาล ประดิษฐานบนบุษบก แต่เดิมเรียกว่า "บุษบกตราแผ่นดิน" นั้น มี ๓ บุษบก ตั้งอยู่บนไพที ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของพระมณฑป ๑ ด้านตะวันออกเฉียงใต้ ๑ และด้านด้านตะวันตกเฉียงใต้ ๑

พระบุษบกทั้ง ๓ องค์ ตั้งอยู่บนฐานหินอ่อนรูปสี่เหลี่ยม รอบฐานทั้ง ๔ ด้านมีรูปช้างที่สำคัญที่คู่พระบุญญาธิการของพระมหากษัตริย์แต่ละรัชกาล แสดงให้เห็นว่า ในรัชกาลใดทรงได้ช้างสำคัญคู่พระบารมีกี่เชือกด้วย

บุษบกทั้ง ๓ องค์นี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นเครื่องแสดงถึงพระบรมราชศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๕ รัชกาล จึงได้ทรงสร้างพระบรมราชสัญลักษณ์ของพระองค์ไว้เป็นพุทธบูชา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม




























รูปสลับกันไปมาค่ะ
























นครวัดจำลอง อยู่ทางด้านหลังของปราสาทพระเทพบิดร อยู่บนลานพระมณฑป รัชกาลที่ ๔ โปรดให้จำลองไว้


































หมายเหตุ ที่มาข้อมูล : จากวิกิพีเดีย มีหลายคำไม่แน่ใจว่าเขียนถูกมั้ย เราเอามาจากวิกิพีเดียทั้งหมดเลย...

คำว่า "กะบองเกลียว" ไม่แน่ใจเขียนว่าถูกมั้ย

คำว่า "ช้างสำคัญคู่พระบารมีกี่เชือก" ไม่แน่ใจว่าใช้คำว่า "เชือก" มั้ย

วานผู้รู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะคะ...ช่วยกันค่ะ






เดี๋ยวต่อตอน ๒ บล็อกหน้าค่ะ




ชมพระบรมมหาราชวัง และ วัดพระศรีรัตนศาสดารามแบบเสมือนจริงค่ะ





ขอบคุณที่แวะทักทายกันค่ะ




ขอบคุณเฮดบล็อกและบีจีคุณญามี่ค่ะ














Create Date : 21 กรกฎาคม 2554
Last Update : 22 กรกฎาคม 2554 13:48:35 น. 31 comments
Counter : 9681 Pageviews.

 
ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ ภาพสวยมาก


โดย: ลำตะคอง วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:06:33 น.  

 
โหยยยยยยยยยย


เป็นปลื้มๆๆๆๆครับพี่หนู
พี่หนูอ่านละเอียดมากจริงๆ

ขอบคุณครับพี่
ผมแก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ


ปล.ครั้งที่แล้วลงไปกรุงเทพ
เคยไปถ่ายรูปที่วัดพระแก้ว
แต่ยังไม่สะใจเลยครับพี่

ถ้ามีโอกาสไปแก้มือ
สงสัยต้องขนเลนส์ลงไปให้ครบเลยครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:14:42 น.  

 
มาชื่นชมความสวยงาม
ของวัดพระแก้วด้วยคนค่ะ พี่หนู

ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทยบนผืนแผ่นดินไทย
ซึ่งมีสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างที่ทรงคุณค่า
และงดงามอย่างเช่นวัดพระแก้วและอีกหลายๆแห่งค่ะ

xoxo วันนี้ที่บ้านฝนก็ตกหยุด ตกหยุดมาตั้งแต่เช้าเหมือนกันค่ะ
ดีใจที่มีน้ำยาปรับผ้านุ่มเหมื๊ยนกัน อิอิ


โดย: nLatte วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:16:01 น.  

 


*~*~*~*..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..*~*~*~*

..HappY BrightDaY..



โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:32:20 น.  

 
แวะไปดูไก่ที่ปล่อยไว้ในบล็อกพี่หนูแล้วค่ะ
มาสารภาพบาป


โดย: namfaseefoon วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:26:56 น.  

 
เชื่อมั้ยคะ ว่าตอนเขียนตอนนั้น ยังคิดอยู่เลยว่าจะพิมพ์ชื่อผิด สลับกับพี่แมวมั้ย แต่ก็ไม่ได้ดูให้ละเอียดอีกที... พลาดประจำ^^
แต่รับรอบว่าตั้งใจคอมเมนต์ในบล็อกพี่หนูแน่นอนค่ะ


โดย: namfaseefoon วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:38:49 น.  

 
ครอบครัวนี้หม่ำๆมื้อเย็นแล้วมังครับ
คุณแม่คนเก่งออกเดินสายได้แล้ว



โดย: คนบ้า(น)ป่า (nulaw.m ) วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:56:20 น.  

 
แฮ่ๆ ทั้งสองคำถาม เข้าใจว่า ถูกต้องแล้วค่ะน้องหนู

ยักษ์ทวารบาล หน้าเศร้า เพราะปวดฟัน
ก็พี่นาถไปชวนทานปลาหมึกย่างแสนอร่อย
เคี้ยวกันเพลินไปหน่อย
เลยปวดฟันหนึ่งตนกะหนึ่งคนค่ะ ... เอิ๊ก เอิ๊ก


ดูสิ มาตรงนี้ ก็ยังพูดถึงเรื่องกิน...เฮ้อ
กำลังหม่ำไอติมทุเรียน อร่อยสุดใจ
ซื้อมากิโลนึง จวนหมดละ...




โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:03:13 น.  

 
ตามมาไหว้พระครับ..
อ้อลืมไปน่าจะเป็นตอนหน้าเน๊าะ

ภาพสวยครับ.


โดย: wicsir วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:01:18 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ขอบคุณค่ะ ที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อก ออกตัวก่อนค่ะ ไม่ค่อยจะเขียนบรรยายเท่าไหร่ หนักไปทางรูปมากกว่า หลังๆ มาจะพยายามบรรยายแล้วค่ะ

เรื่อง serch ชื่อจาก google ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ถ้ากลับไปดูบล็อกใหม่ สังเกตมั้ยคะ ว่าเพิ่งเขียนบล็อกเหมือนกัน (วันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมานี้เอง) สารภาพว่างมๆ เหมือนกันค่ะ แล้วไม่รู้ด้วยว่า บล็อกตัวเองหาจาก google ได้หรือเปล่า ต้องขอโทษด้วยนะคะ ทุกครั้งก็ไม่ได้ ล็อกอินด้วย ใช้วิธี ให้เครื่องจำทั้งชื่อ ทั้งพาสเวิร์ดเลย เพราะเดิมๆ ก็ไม่ค่อยได้ใช้ pantip ด้วย ยังงกๆ เงิ่นๆ อยู่เลยค่ะ


เมื่อ พฤศจิกายน 5, 2009 8:34 หลังเที่ยง, ตฤณ แต่งงาม เขียนว่า:

สวัสดีครับคุณแม่น้องเมฆและน้องหมอก...
เข้าไปเยี่ยมชมบล็อกมา หลังทานข้าวอิ่มใหม่ๆ ยิ่งอิ่มตาอิ่มใจเข้าไปใหญ่ รูปสวยๆทั้งน้านเลยครับ ถ่ายได้ใจผมมากๆ แต่ดูเหมือนคุณแม่จะเขียนไม่ค่อยเก่งนะ หรือว่าถ่อมตัวก็ไม่รู้ ผมเองก็เพิ่งหัดทำบล็อก ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรกับเขาหรอก นั่งงมๆกับลูกชายมาหลายวันแล้ว ก็ไม่ได้เรื่องทั้งคุณพ่อคุณลูก เมื่อคืนลองตั้งสมาธิทำๆดู เห็นเรื่องโผล่ขึ้นมา แต่ไม่เห็นมีรายการชื่อคนเขียนบล็อกใหม่ขึ้นเลย ผมใช้นามแฝง "ปลายแป้นพิมพ์" ลองเข้าไปดูในกูเกิ้ล ไม่เห็นชื่อขึ้นเลย ต้องทำอย่างไรครับชื่อจึงจะขึ้นในกูเกิ้ล...หากคุณแม่น้องเมฆน้องหมอกพอจะให้ความรู้กับผมได้บ้าง ก็ยินดีครับ....จากผมคนรู้น้อย

มาแล้วครับ บันทึกแห่งความทรงจำ ในระยะแรกคลอดของผม ไม่รู้จะไปถามใคร ไปปิ๊งคุณหนูเข้าให้ก่อนใครอื่น

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ขวบปีกว่า เราต่างเป็นเพื่อนบล็อกที่แสนดีต่อกัน คุณหนูยังถ่อมตัวเหมือนเดิม ไม่เคยเปิดเผยตัวตนให้ใครเห็น

แต่ฝีมือการทำบล็อก หาใครเทียบยากโดยเฉพาะบล็อกนำเที่ยวสถานที่สำคัญต่างๆ รูปจุใจมากที่สุด

วันนั้นบล็อกผม แช่นาน 15 วัน มีคนมาด้อมๆมองไม่ถึงสิบคน แต่ถ้าเป็นวันนี้แช่นานแบบนั้น เสร็จแน่ๆ ต้องโหลดยากชะมัด

แต่ด้วยปณิธาน ต้องทำให้วันนี้ดีกว่าทุกวันที่ผ่านมา

เห็นไหม..ผมไม่เคยลืมเลย เมลล์ก็ไม่ลบออกด้วย จริงใจนะเนี่ย


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:05:47 น.  

 
วันนี้สีทองเลยค่ะพี่
ชอบรูปที่ถ่ายแล้วเห็นท้องฟ้าาด้วยอะค่ะ อลังการค่ะ

PS.แพทขำที่พี่เขียนอะค่ะ นึกภาพตาม ก้มๆเงยๆ ของแพทน่ะแย่กว่าค่ะนั่งๆนอนๆ


โดย: blueberryblossom วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:07:09 น.  

 
สวัสดีค่ะ หายหน้าไปหลายวัน คุณหนูสบายดีนะคะ พักนี้ยุ่งนิดหน่อยเลยหายหน้าไป ต้องแอบดองบล็อคนานนิดนึง ไว้อัพบล็อคใหม่แล้วจะแวะมาบอกนะคะ

รู้สึกว่าบล็อคคุณหนูต่อเนื่องกับบล็อคเรานะเนี่ย ขอบคุณที่พาเที่ยววัดพระแก้วนะคะ เราเคยไปเที่ยววัดพระแก้วอยู่ไม่กี่หนเองค่ะคณหนูถ่ายภาพได้งามจริง ๆ ยิ่งเห็นภาพที่ถ่ายแบบโคลสอัพแบบนี้ ยิ่งเห็นได้ชัดเลยว่าคนโบราณฝีมืองดงามวิจิตรขนาดไหน ขอบคุณมาก ๆ ที่่เก็บภาพมากฝากกันนะคะ


โดย: haiku วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:15:36 น.  

 
สวัสดียามค่ำคืนค่ะ คุณพี่หนู
ขอตามมาเดินชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามด้วยคนค่ะ
บรรยากาศดีจังเลยค่ะ พี่คุณหนู
ได้ไหว้พระทำบุญ ด้วย
คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ


โดย: iamorange วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:19:09 น.  

 
สวัสดีตอนค่ำๆ ครับพี่หนู .....

ฟ้าสวยใสอากาศดีเหมือนเดิมนะครับ แต่ภาพดูจะแน่นๆ ไปหน่อย อาจจะเป็นเพราะพื้นที่จำกัด ถอยห่างๆ มาถ่ายมุมกว้างๆ ได้ยากหรือเปล่าก็ไม่รู้ ลองถอยเลนส์ Ultrawide มาใช้ซักตัว จะรู้สึกว่าถ่ายภาพสถาปัตยกรรมสนุกขึ้นอีกเยอะเลยครับ .....



โดย: NET-MANIA วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:49:19 น.  

 
สวัสดีค่าพี่หนู มีรูปสวยๆมาลงอีกแล้ว

เรื่องที่ฟังเพลงในบล็อกแน๋วไม่ไ่ด้ บางทีของแน๋วก็เป็นเหมือนกันค่ะ แต่แน๋วใช้เบราเซอร์หลายตัว พอตัวนึงเปิดไม่ได้ก็จะลองเปิดอีกตัวนึงก็เปิดได้ค่ะ แปลกดีเหมือนกัน บางทีตอนแรกเปิดมาฟังได้ พอรีเฟรชเปลี่ยนหน้ากลับมาใหม่ฟังไม่ได้ซะงั้นก็มี่ค่ะ

แต่ฟังเพลงไม่ได้ไม่เป็นไรค่า แค่แวะเข้ามาทักทายในบล็อกแน๋วก็ดีใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ



โดย: ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:09:18 น.  

 
สวัสดียามค่ำค่ะ

ฟ้าสวยจังค่ะ

เห็นชอบเที่ยวและถ่ายรูป landscape กับสถาปัตยกรรม แนะนำเหมือนคุณ NET เลยค่ะ ลองถอยUltrawide มาใช้ดู สนุกแน่ๆ ได้เห็นมุมสวยๆ และถ่ายรูปสนุกขึ้นอีกเยอะค่ะ




แวะเอาผีเสื้อมาฝากค่ะ



โดย: luckyfarm6662 วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:23:03:46 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่หนู...เห็นภาพวัดพระแก้วแล้ว สถาปัตยกรรมของไทยเรายิ่งใหญ่..ไม่แพ้ชาติใดในโลกเหมือนกัน

ช่วงนี้ฝนตกๆ หยุดๆ ตลอด...หนุ่มกะทิไม่ได้วิ่งมา 2 วัน แล้วเหงาหงอย วันนี้เลยพาไปวิ่งทั้งๆ ที่สนามแฉะนั่นแหละค่ะ กลับมาก็ต้องอาบน้ำให้อีก...แต่ก็ดีใจที่เห็นเขามีความสุขค่ะ

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: Maew-Tua-Lek วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:23:49:53 น.  

 
ตามมาเที่ยววัดพระแก้วค่ะพี่หนู
อร๊ายยย เห็นราคาชาวต่างประเทศ 350 บาท ขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
สี่ปีก่อนเอิงพาคุณพ่อคุณแม่สามี ไปชมเสีย 250 เองค่ะ
(จริงๆ ไม่เป็นไรหรอก ฝรั่งเค้าจ่ายได้ สถานที่สวยงาม คุ้มค่า)
เป็นของดีบ้านเรา น่าชื่นชมและประทับใจจริงๆ
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ ค่ะ


โดย: diamondsky วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:1:15:00 น.  

 
เข้ามาชมภาพยักษ์ใหญ๋หน้าเศร้าซะเพลินเลยค่ะพี่หนู

55+ แอบคำพี่เอิง ข้างบนค่ะ อยากรู้ว่าถ้าหน้าตาแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง พม่า ลาว อินโด ฟิลิปปินส์ แล้วไม่ได้มากับคณะทัวร์เดินมั่วๆไปช่องคนไทย จนท.จะจับได้ไหม๊น๊า


โดย: Tick Juntavaro วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:1:44:12 น.  

 
ทุกรูปสวยมากครับ แต่ว่าตำนาน
ของพระแก้วมรกต ไม่เคยอยู่ที่นครวัดครับ
ขออภัยด้วยครับ ผมอาจจะจำผิดไปก็ได้


โดย: The Bravesky IP: 99.18.145.206 วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:4:50:37 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่หนู








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:6:32:18 น.  

 
เเวะมาเยี่ยมครับพี่หนู

ใช่แล้วครับบ น้องสาวคนเล็กที่ไปเที่ยวเกาหลีนั่นแหละครับ

วันทำงานวันสุดท้ายของอาทิตย์แล้ว
เย้..............เย้ HAppy วันสุข ครับ



หอยทาก เจ้าเอ๋ย
ชีวิตที่เดินช้าๆๆ ของเจ้า
มีสักครั้งไหมน้า ที่อยากจะเร็วกว่าใคร
มีสักครั้งไหม ที่จะเร่งรีบ
" ไม่จ๊ะ ฉันอยู่ของฉันดีแล้ว และ มีความสุขดี"
ู^_^
ปล.เอามาจากเฟสของตัวเองครับ รำพึงรำพันเป็นวันๆๆ ไป


โดย: Sleeping_prince วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:7:24:16 น.  

 
สวยงามมากๆค่ะพี่หนู


โดย: kwan_3023 วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:11:50 น.  

 
ร้องไห้....ฟ้าสดใส....แต่ไม่มีใครไปวัดด้วยเลย....แงงงงงง


โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:9:15:52 น.  

 
สวัสดีค่าพี่หนู

แวะมาทักทายค่า

ใกล้มื้อเที่ยงแล้วค่ะ ท้องชักเริ่มจะร้องแล้วสิ อิอิ

ขอให้มีความสุขสดชื่นแจ่มใสตอลดวันค่าพี่หนู
lozocat
lozocat


โดย: ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:11:16 น.  

 
สติกำหนดลมหายใจเข้าออก
อันผู้ใดไม่อบรมให้บริบูรณ์ ทั้งกายทั้งจิตของผู้นั้นก็หวั่นไหว

ดำเนินชีวิตด้วยความสุข โดยปราศจากความหวั่นไหว ตลอดไป...นะคะ

Photobucket


โดย: พรหมญาณี วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:20:51 น.  

 
หนูชอบวัดพระแก้วค่ะ งามมลังเมลืองดี

เมื่อวานที่พี่หนูถาม ยังไม่ถึงบ้านค่า หนูไปฟังเทศน์เลยกลับดึกเลยแหะๆ



ขอบคุณที่ไปโหวตให้นะคะพี่


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:12:29:41 น.  

 


จากคอมเมนท์ที่ 20 คุณ The Bravesky

ขอบคุณที่่ทักท้วงค่ะ

ไม่แน่ใจกับข้อมูลเหมือนกันค่ะ เพราะค้นจากกูเกิ้ล วันนี้เลยลองไปหาเพิ่มเติมดู...



แวะชมสมบัติศิลป์ นครวัดจำลองที่วัดพระแก้ว



สายสุนีย์ สิงหทัศน์...เรื่อง

อิทธิพล พุฒิโภคิน ททท....ภาพ

ได้รับความเอื้อเฟื้อจากอนุสาร อ.ส.ท.

ที่มา : อนุสาร อ.ส.ท. ปีที่45 ฉบับที่ 10 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548


นครวัดเป็นชื่อปราสาทขอมที่ใหญ่ที่สุด งดงามที่สุด และได้รับการอนุรักษ์ไว้ด้วยดีที่สุด จนได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งหนึ่งในจำนวน 7 สิ่งของโลก แต่เดิมทีเดียวปราสาทหินแห่งนี้มีชื่อว่าปราสาทวิษณุเทพ ต่อมาเมื่อเมืองพระนคร นครหลวงของขอมโบราณอันยิ่งใหญ่มาหลายสมัยต้องร้างลงเช่นเดียวกับเมืองสุโขทัยปัจจุบัน ได้มีพระภิกษุสงฆ์เข้ามาจำพรรษาเป็นจำนวนมาก จึงเรียกติดปากกันต่อมาว่านครวัด หรืออังกอร์วัดตามภาษาเขมร ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต

ผู้สร้างปราสาทนครวัดคือพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1650 เพื่อเป็นที่ฝังพระศพของพระองค์เอง กล่าวกันว่า ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น 37 ปี มีช่างควบคุมการก่อสร้าง 500 นาย แรงงาน 1,000.000 คน ใช้หินทั้งหมดรวม 600,000 ลูกบาศก์เมตร ใช้ช้างลากหิน 5,000 เชือก ใช้แพบรรทุกหินจากพนมกุเลนล่องลงมาทางลำน้ำเสียมเรียบถึง 7,000 แพ มีภาพวาดและภาพจำหลักอันวิจิตรงดงามตลอดระเบียง โดยใช้ช่างฝีมือกว่า 5,000 คน แกะสลักอยู่นานกว่า 40 ปี และมีภาพจำหลักนางอัปสรไม่ซ้ำแบบกันจำนวนถึง 1,700 นาง

ด้วยเหตุที่นครวัดมีความสำคัญดังกล่าว ประกอบกับในสมัยรัชกาลที่ 4 ยังเป็นช่วงที่เมืองเสียมราฐอันเป็นที่ตั้งปราสาทหินนครวัดขึ้นอยู่กับสยามประเทศ รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระราชประสงค์จะให้ช่างไปรื้อปราสาทหินแห่งใดแห่งหนึ่งมาสร้างใหม่ที่กรุงเทพฯ เพื่อให้ราษฎรไทยได้ชม เพราะทรงเห็นว่าที่เมืองพระนครมีปราสาทหินมากมายถึง 72 แห่ง และเป็นของแปลก แต่เมื่อขุนนางไทยไปถึงเมืองเสียมราฐกลับพบว่า ปราสาทหินแต่ละแห่งนั้น มีขนาดใหญ่โตมหึมา เกินกำลังที่จะย้ายเข้ามาสร้างในเมืองไทยได้ ความทราบถึงรัชกาลที่ 4 จึงโปรดให้พระสามภพพ่ายไปจำลองนครวัดมาสร้างไว้ทางด้านเหนือ ใกล้กับมุขเหนือปราสาทพระเทพบิดรที่พระองค์โปรดให้สร้างขึ้นในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วแทน โดยใช้ซีเมนต์เป็นวัสดุก่อสร้างด้วยฝีมืออันประณีตยิ่ง แต่การก่อสร้างยังไม่ทันแล้วเสร็จก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน รัชกาลที่ 5 ได้โปรดให้ดำเนินการก่อสร้างต่อจนเสร็จทันการเฉลิมฉลองกรุงเทพฯ 100 ปี

ภายหลังจากนั้นไม่นาน ไทยก็เสียเมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ให้แก่ฝรั่งเศสที่เข้ามายึดดินแดนกัมพูชาเมื่อปี พ.ศ. 2431 เพื่อแลกเปลี่ยนกับอำนาจศาล เมืองด่านซ้าย และจังหวัดตราด ตามสัญญาลงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2450 นครวัดจึงตกอยู่ในความครอบครองของฝรั่งเศสอีกวาระหนึ่ง อย่างไรก็ตาม นครวัดจำลองที่วัดพระแก้วก็ยังเป็นสิ่งเตือนใจให้คนไทยรำลึกว่า นครวัดเป็นสิ่งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่คนไทยควรจดจำไว้ และสำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสไปชมถึงเมืองกัมพูชา ก็สามารถชมนครวัดจำลองแห่งนี้ได้ที่วัดพระแก้ว ซึ่งถึงแม้จะมีขนาดเล็กมาก แต่ก็จำลองแบบมาจากของจริง

การสร้างปราสาทขอมจำลองมาไว้ในประเทศไทยนั้น มิใช่จะมีแต่เพียงปราสาทนครวัดจำลองเท่านั้น แม้แต่ในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา ก็เคยโปรดให้สร้างปราสาทนครหลวงที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยามาแล้ว เพื่อเป็นอนุสรณสถานที่ระลึกว่า ประเทศกัมพูชาได้กลับมาขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตามประวัติศาสตร์ปรากฏว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น ประเทศกัมพูชาเคยตกเป็นประเทศราชของไทยหลายครั้ง เช่น ในสมัยเจ้าสามพระยา สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองดังกล่าว

การก่อสร้างปราสาทนครหลวงในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมมีปรากฏอยู่ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาตอนหนึ่งว่า “ลุศักราช 993 ปีมะแมตรีศก ทรงพระกรุณาให้ช่างออกไปถ่ายอย่างพระนครหลวง และปราสาทกรุงกัมพูชาประเทศเข้ามา ให้ช่างกระทำพระราชวังเป็นที่ประทับร้อน ตำบลริมวัดจันทร์ สำหรับจะเสด็จขึ้นนมัสการพระพุทธบาท จึงเอานามเดิมซึ่งถ่ายมาให้ชื่อพระนครหลวง”

ปราสาทนครหลวงเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนเนินดินสูงเป็นชั้น ๆ ขึ้นไป มีบันไดทางขึ้นสู่ตัวศาสนสถานทั้งสามชั้น ตรงมุมปราสาทมีปรางค์ทั้งสี่ด้าน แต่พระปรางค์องค์กลางยังไม่ทันได้สร้าง เนื่องจากมีการสู้รบกับพม่า ปัจจุบันปราสาทนครหลวงได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นวัด โดยทำเป็นมณฑปอยู่ตรงกลางแทนที่พระปรางค์ เพื่อเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธบาทสี่รอย ซึ่งถ่ายแบบมาจากจังหวัดเชียงราย

ปราสาทนครวัดจำลองและปราสาทนครหลวงที่พระมหากษัตริย์ไทยโปรดให้สร้าง รวมทั้งปราสาทหินหลายแห่งที่ขอมสร้างในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นปราสาทหินพิมายซึ่งสร้างก่อนนครวัด 100 ปี ปราสาทหินเขาพนมรุ้ง และปราสาทหินเมืองต่ำ ล้วนเป็นสมบัติศิลปะที่คนไทยควรชื่นชม รู้คุณค่าทางประวัติศาสตร์ และอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่สืบไป

ข้อมูลการเขียน

1. สุภัทรดิศ ดิศกุล, ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้า. ศิลปะขอม เล่ม 1, 2, 3. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว, 2533.

2. กรมศิลปากร. ประวัติศาสตร์โบราณคดี-กัมพูชา. กรุงเทพฯ : กระทรวงศึกษาธิการ, 2536.

3. องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. คู่มือนำชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม. กรุงเทพฯ : บำรุงนุกูลกิจ, 2520









โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:13:14:59 น.  

 
พูด ได้ คำเดียว ว่าสวยสด งดงาม
ตามแบบ ไทย จริง ๆ ค่ะ คุณ หนู..
สวัดดี ตอนบ่าย ค่ะ..



โดย: tifun วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:14:12:05 น.  

 





ขอบคุณพี่นาถ - sirivinit


ช่วยเช็คคำตอบให้ทั้งสองข้อค่ะ










โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 22 กรกฎาคม 2554 เวลา:17:50:58 น.  

 
ที่นี่ค่าเข้าแพงจริงๆ ครับสำหรับชาวต่างชาติ มีอยู่ช่วงหนึ่งจำได้เลยว่าขายควบกับพระที่นั่งอนันตสมาคมด้วย เรียกว่าบังคับขาย แล้วที่นี่มันไฟต์บังคับที่คนต่างชาติต้องมาด้วย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 กรกฎาคม 2554 เวลา:0:13:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.