* = * * = * * = * รีวิวพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ตอนที่ ๑ * = * * = * * = *






สวัสดีค่ะ






วันนี้จะพาทุกท่านไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์กันบ้างนะคะ ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เรารู้จักเป็นครั้งแรกจากบล็อกพี่หนู (สายหมอกและก้อนเมฆ) ก็เลยทำให้หมายมาดว่าจะไปในสักวันหนึ่งให้ได้ แล้วเผอิญว่ามีพี่ที่ทำงานทำโครงการไปที่นี่ ก็เลยได้ติดสอยห้อยตามเค้าไปด้วยค่ะ (ซึ่งโชคดีมาก เพราะทำให้มีวิทยากรในการบรรยายให้ข้อมูลเราด้วยค่ะ)



เว็บไซต์ของที่นี่นะคะ
//www.kingprajadhipokmuseum.org/home/




สำหรับที่ตั้งของที่นี่อยู่ที่ถนนราชดำเนิน ถ้ามาจากทางหลานหลวงก็จะอยู่ทางด้านซ้ายมือตรงหัวมุมก่อนข้ามสะพานผ่านฟ้าค่ะ ซึ่งจะมีสองส่วน จะผ่านส่วนตรงนี้ก่อนนะคะ เป็นอาคารเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยค่ะ





















ซึ่งอาคารนี้จะเรียกว่าอาคารรำไพพรรณี มีรายละเอียดตามป้ายเลยค่ะ





















แต่เราวนมาที่ด้านหน้ากันก่อนค่ะ ยังไม่เข้าไปในอาคารด้านหลัง โดยจอดรถได้ตรงทางขวามือนะคะ
(เมื่อหันหน้าเข้าพิพิธภัณฑ์ค่ะ)





















เป็นอาคารสามชั้นค่ะ ที่จริงมีเหมือนหอกระโจมที่ด้านบนสุดด้วย แต่ไม่ได้ขึ้นไปค่ะ





















ที่นี่ปิดวันจันทร์นะคะ เปิด 09.00-16.00 น.ค่ะ























เข้าประตูไปปุ๊บก็ต้องเลี้ยวขวาไปก่อนค่ะ

จะเห็นว่ามีที่จำหน่ายบัตรเข้าชมแล้วก็ล็อกเกอร์สำหรับฝากของด้วยนะคะ

ที่นี่ให้ถ่ายรูปได้ แต่ห้ามขาตั้งกล้องและห้ามใช้แฟลชค่ะ























แต่ช่วงที่เราไปยังอยู่ในช่วงโปรโมชั่น เข้าฟรีอยู่ค่ะ ฮี่ๆ





















ตรงด้านหน้าเคาน์เตอร์ขายบัตรมีโบรชัวร์ภาษาต่างๆ ให้หยิบด้วยค่ะ























นอกจากนั้นที่นี่ยังมีภาพยนตร์ฉายให้ดูโดยมีตารางบอกด้วยค่ะว่าเดือนไหนมีอะไรฉายในวันไหนบ้างนะคะ




















โอ้ มีกระทั่งภาพเหตุการณ์ 14 ตุลาด้วยค่ะ ไม่ธรรมดานะนี่





















วิทยากรพาเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองก่อนค่ะ ถ้าเลี้ยวซ้ายขึ้นไปก็จะไปยังที่ฉายภาพยนตร์

แต่วิทยากรพาเลี้ยวขวาขึ้นไปค่ะ




















ตรงบันไดที่แยกซ้ายขวานี่จะมีพระบรมฉายาลักษณ์ (หรือสาทิสลักษณ์? จำไม่ได้แล้วว่ารูปถ่ายหรือวาดค่ะ) ของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ ด้วยค่ะ






















เอาหละค่ะ เลี้ยวขวาขึ้นบันไดไปก็เลี้ยวซ้ายเข้าห้องไปเล้ยยยย ก็จะเจอพระบรมฉายาลักษณ์ค่ะ วิทยากรให้ดูรูปนี้แล้วถามว่า ทราบมั้ยว่าองค์ไหนคือรัชกาลที่ ๗ (ทายกันถูกมั้ยคะ? ) คือองค์ที่ทรงพระเยาว์ที่สุดน่ะค่ะ

จากนั้นวิทยากรก็ให้ข้อมูลว่า พระนามของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ คือศักดิเดช เกิดเมื่อปีพ.ศ. 2436 เป็นพระราชโอรสองค์สุดท้องของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ค่ะ ลำดับที่ 76 จาก 77 พระองค์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ามีภรรยา (ขอใช้ศัพท์สามัญนะคะ) ทั้งสิ้น 153 คนนะคะ























หลังจากเล่าประวัติเริ่มต้นคร่าวๆ แล้ว จากนั้นก็เดินตรงไปเลี้ยวขวาเพื่อดูรายละเอียดในแต่ละช่วงชีวิตของท่านค่ะ






















ก็จะขยายความจากรูปรวมๆ เมื่อกี๊น่ะนะคะ นับตั้งแต่พระราชสมภพเลยค่ะ





















นอกจากภาพและข้อมูลแล้วก็จะมีของจริงอย่างพวกชุดของพระองค์ท่านให้ดูด้วยค่ะ





















นอกจากนั้นก็มีรูปตอนท่านศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยวุลวิชด้วยนะคะ

จะเห็นว่าพระองค์ท่านจะมีพระวรกายเล็กกว่าเพื่อนร่วมรุ่นอย่างเห็นได้ชัด

วิทยากรถามว่าทราบมั้ยว่าเพราะอะไร ก็ตอบกันไปว่ากรรมพันธุ์ของคนเอเชียบ้าง เรื่องอาหารบ้าง

วิทยากรบอกว่า นอกจากที่ตอบมาแล้ว ส่วนหนึ่งคือการแต่งงานกันภายในเชื้อพระวงศ์ด้วยกันเอง ทำให้มีผลต่อความแข็งแรงของร่างกายด้วยเช่นกัน (ซึ่งเราก็งงเล็กน้อยว่า เตี้ย แปลว่า ร่างกายอ่อนแอเหรอ ใช่ปะเนี่ย )






















นอกจากนั้นท่านก็ศึกษาที่วิทยาลัยอีตันด้วยค่ะ (ที่เดียวกับคุณอภิสิทธิ์ อดีตนายกฯ อะค่ะ)

วิทยากรบอกว่าวิทยาลัยนี้ถือว่าเป็นวิทยาลัยของเจ้านายหรือชนชั้นสูงค่ะ

ซึ่งของไทยเองก็ประมาณโรงเรียนวชิราวุธอะค่ะ





















แล้วก็มีข้อมูลตอนที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ เสด็จสวรรคตด้วยค่ะ























วิทยากรก็ยังได้เล่าว่ารัชกาลที่ ๗ บวชที่วัดพระแก้ว แล้วก็ไปจำพรรษาที่วัดบวรฯ ค่ะ เพราะเจ้า (พระบรมวงศานุวงศ์) ต้องบวชในวัดพระแ้ก้วเสมอ แต่จะจำพรรษาวัดไหนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งนะคะ





















ส่วนนี่จะเป็นรูปของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสค่ะ

ซึ่งที่เกี่ยวกันกับล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ ก็คือ ท่านได้ขอให้รัชกาลที่ ๗ อยู่ผนวชเสียเพราะเป็นน้องคนเล็ก ยังไงก็คงไม่ได้ตำแหน่งสำคัญ แต่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ ท่านบอกว่าไม่ได้ เพราะตอนนั้นท่านติดหญิงซะแล้วค่ะ ตามรูปที่ถ่ายมาเลย























และนี่หละค่ะ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี งามนะคะ

มีเอกสารที่น่าจะเป็นใบทะเบียนสมรสด้วยค่ะ เก๋เนาะ

ถ้าจำไม่ผิด วิทยากรบอกว่า เป็นการจดทะเบียนสมรสครั้งแรกของไทยด้วยค่ะ

โดยมีพยานในการจดทะเบียนทั้งสิ้น 13 ท่านนะคะ (ถ้าตามกฎหมายจริงๆ ใช้แค่ 2 คนค่ะ)







ซึ่งล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ ทรงแต่งงานกับพระนางเจ้ารำไพพรรณีหลังจากลาผนวชไม่นานนะคะ

ตอนท่านแต่งท่านอายุ 25 ขณะที่พระนางเจ้ารำไพพรรณีนั้นมีอายุ 14 ปีค่ะ

แล้วก็ตอนแต่งงานนี่ ปกติจะหลั่งน้ำพระพุทธมนตร์อย่างเดียว แต่ในครั้งนั้นมีการเพิ่มการสาบานตนแบบคริสต์ประมาณว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตน่ะค่ะ

















ส่วนนี่ก็คือวังศุโขทัยค่ะ เป็นการสะกดแบบชื่อเฉพาะนะคะ (วิทยากรเค้าว่างั้นนะคะ แหะๆ)






















ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 เวลา 01.01 น.ค่ะ (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ สวรรคตตอน 01.00 น.) กล่าวคือ เมื่อกษัตริย์องค์ก่อนหน้าสวรรคตปุ๊บ องค์ที่ถูกวางตัวไว้ก็จะขึ้นครองราชย์ทันทีค่ะ

ส่วนการที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ ขึ้นครองราชย์ได้อย่างไรนั้น ก็เนื่องด้วยพินัยกรรมตามรูปข้างล่างนะคะ ซึ่งเป็นเหมือนคำสั่งที่ทำให้ท่านปฏิเสธไม่ได้นั่นแหละค่ะ





















จากนั้นเราก็เดินขึ้นไปชั้นสามกันค่ะ ที่จริงที่นี่มีลิฟท์ด้วยนะคะ สำหรับให้คนพิการได้ใ้ช้บริการค่ะ

ชั้นสามจะเป็นตอนที่ท่านเสด็จเถลิงราชสมบัติค่ะ






















ในการขึ้นครองราชย์จะมีเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์นะคะซึ่งได้แก่

1. พระมหาพิชัยมงกุฎ (หนัก 7.5 กก.ค่ะ ไม่อยากจะคิดว่าอยู่บนศีรษะแล้วจะหนักแค่ไหน )
2. พระแสงขรรค์ชัยศรี - พระราชภาระในทางทหารเพื่อปกป้องประเทศ
3. ธารพระกร - แสดงอำนาจทางพลเรือน
4. ฉลองพระบาทเชิงงอน - สัญลักษณ์ทางพระบารมี (แต่วิทยากรบอกว่าแสดงถึงความหนักแน่นค่ะ)
5. วาลวิชนี - ความร่มเย็น



































นอกจากนั้นก็มีภาพของอภิรัฐมนตรีด้วยค่ะ ประกอบด้วยล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ และพระวรราชชายา

กรมพระจันทบุรี - จะดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ภาษา เป็นตาของพระนางเจ้ารำไพพรรณีค่ะ

กรมพระนริศฯ - ดูแลเรื่องสถาปัตย์ฯ การก่อสร้างต่างๆ

กรมหลวงนครสวรรค์ - ดูแลทหารสี่เหล่าทัพ แล้วก็สนใจเรื่องกล้วยไม้

กรมพระยาภานุพันธ์ - ดูแลเรื่องการสื่อสาร ไปรษณีย์ โทรเลข























หลังจากนั้นก็เดินตามวิทยากรไปยังห้องถัดไปค่ะ

จะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองบ้างแล้วนะคะ








ในส่วนของการปกครองระบอบประชาธิปไตยนะคะ วิทยากรก็ให้ข้อมูลว่า เป็นการปกครองที่อำนาจมาจากประชาชน แล้วก็บอกว่า ไทยเองก็มีลักษณะนี้มาตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ ในช่วงร.ศ.127 ที่ให้มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ส่วนในสมัยรัชกาลที่ ๖ ก็มีการตั้งโครงการดุสิตธานีที่พระราชวังพญาไท ซึ่งมีดำริว่า หากสำเร็จก็จะไปตั้งที่จังหวัดหนึ่งคือ จังหวัดสมุทรสาครค่ะ ทั้งนี้เพราะ

1. เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย (จขบ. - น่าจะทำให้เริ่มได้ง่ายค่ะ)

2. ติดกรุงเทพฯ

3. มีการตั้งสุขาภิบาลขึ้นแล้ว น่าจะพอรู้เรื่องได้ง่าย


ซึ่งที่จริงแล้วการจะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยนั้น จะต้องให้การศึกษาก่อน แต่เนนื่องจากโครงการดุสิตธานีไม่เวิร์ค ซึ่งการที่ประเทศของเราเองรีบเปลี่ยนในตอนนั้นอันตรายด้วยความใจร้อนและรีบทำเกินไปค่ะ

วิทยากรให้ข้อมูลต่อว่า เมื่อปี พ.ศ. 2475 ประชากรในประเทศมี 7 ล้าน มีแค่ 1 ล้านคนที่อ่านออกเขียนได้ และมี 1 พันคนที่เรียนที่ต่างประเทศ ดังนั้นความพร้อมถือว่ายังไม่เพียงพอต่อการที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองค่ะ



นอกจากนั้นในสมัยนั้นก็ได้มีการเริ่มในส่วนของกิจกรรมสหกรณ์ด้วยนะคะ โดยเริ่มที่จังหวัดพิษณุโลก เรียกว่า สหกรณ์วัดจันทร์ไม่จำกัดสินใช้ โดยตั้งเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2459 ค่ะ โดยมาตราที่ 50 กรรมการสหกรณ์จะต้องมี 15 คน ให้ 1 คนเป็นประธานและ 14 คนเป็นกรมการค่ะ และทั้ง 15 คนต้องมาจากการเลือกตั้งของสมาชิก ซึ่งจะเห็นว่าตรงกับระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบันค่ะ


นอกจากนั้นตรงโซนนี้จะมีร่างรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับให้ดูด้วยนะคะ ฉบับที่ 1 โดยพระยากัลยาณไมตรี ฉบับที่ 2 เป็นฉบับของเรมอนด์ บี สตีเวนส์และพระยาศรีวิสารวาจา แต่ไม่ได้พระราชทานเพราะทรงเห็นว่าประชาชนยังไม่พร้อม กรมพระยาดำรงราชานุภาพก็คัดค้านด้วยค่ะ

















ใกล้ๆ กันจะมีตัวสะพานพุทธจำลองให้ดูด้วย รูปลูกศร (ดูออกมั้ยคะ?) มีความหมายว่าจะนำความเจริญทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจจากพระนครไปยังฝั่งธนฯ ค่ะ แล้วก็เป็นการเฉลิมพระนามของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ ด้วยค่ะ ทั้งนี้เพราพระนามของท่าน ศักดิเดช วิทยากรบอกว่าเดชแปลว่าลูกศรค่ะ




นอกจากนั้นวิทยากรก็เล่าเพิ่มเติมด้วยค่ะว่า ในเรื่องรามเกียรติ์ มีตอนที่หนุมานขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์พระรามแล้วเก้าอี้ร้อน (ประมาณว่าบารมีไม่ึถึง - ฮา) หนุมานทนไม่ไหว ก็เลยไปปรึกษาพระราม ท่านก็เลยยิงศรไป แล้วบอกว่าหากลูกศรไปตก ณ ที่ไหน ก็ให้เป็นเมืองของหนุมานค่ะ (น่าจะเป็นการให้รางวัลที่รบชนะหรือเปล่าเนี่ย?) ซึ่งเรื่องนี้เราก็คุ้นๆ ว่า คล้ายๆ กับตำนานการเกิดเมืองลพบุรีนะคะ แล้วก็ยังบอกว่า ลูกศรได้ทำให้พื้นดินไหม้ ทำให้ลพบุรีมีดินสอพองเยอะน่ะค่ะ 555




จากนั้นวิทยากรก็ถามว่า แล้วรู้ไหมว่า สะพานข้ามแม่น้ำแห่งแรกของไทยคือที่ไหน อันนี้หลายๆ คนน่าจะรู้นะคะ นั่นก็คือสะพานพระราม ๖ นั่นเองค่ะ ซึ่งเดิมเป็นสะพานให้รถไฟข้ามและถนน แต่ ณ ปัจจุบันเป็นสะพานข้ามสำหรับรถไฟสายใต้อย่างเดียวแล้วค่ะ


แล้ววิทยากรก็บอกว่าพระองค์ท่านได้สร้างสิ่งที่เป็นของขวัญให้กับประชาชนทั้งสิ้นสามสิ่ง ได้แก่

1. สะพานพุทธ

2. อนุเสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

3. โรงภาพยนตร์เฉลิมกรุง (รัชกาลที่ ๗ ทรงโปรดภาพยนตร์อย่างมากค่ะ สร้างโรงภาพยนตร์ติดแอร์แห่งแรกของเอเชียเลยทีเดียว)

นอกจากนั้นวิทยากรยังเล่าเพิ่มด้วยว่า แหล่งผับสมัยก่อนก็ืคือแถวๆ วังบูรพานั่นเองหละค่ะ (เกิดไม่ทัน ได้แต่ฟังไว้เป็นข้อมูลค่ะ แหะๆ)



















นอกจากนั้นก็ยังมีในส่วนของพระราชลัญจกร และบันทึกลับต่างๆ ในช่วงนั้นมาให้อ่านกันด้วยค่ะ

ดูตามภาพไปเลยแล้วกันนะคะ



























ในส่วนของบันทึกลับของเจ้าพระยามหิธรนี่ ขอเอาลงบางส่วนแล้วกันนะคะ

อยากอ่านเต็มๆ ก็ไปเที่ยวที่นี่แล้วกันนะคะ แฮ่.. (ไม่ใช่อะไร รูปเยอะมากๆ สงสารคนเน็ตเต่าอะค่ะ)



























วิทยากรเล่าสภาพการณ์ ณ ขณะนั้นให้ฟังว่า เนื่องจากสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ ๗ นั้น เศรษฐกิจแย่มาก ทำให้ต้องปลดคนจำนวนมาก คณะราษฎร์ไม่พอใจ จึงทำการปฏิบัติค่ะ ซึ่งตอนที่ทำการปฏิวัตินั้น พระองค์ท่านอยู่ที่วังไกลกังวล แต่ก็ตัดสินใจกลับพระนคร (ซึ่งจะลี้ภัยหรือสู้ก็ได้) และเลือกที่จะกลับโดยรถไฟ ไม่กลับกับเรือที่ทางคณะราษฎร์ส่งมาค่ะ

และถ้อยคำ ความคิดของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวค่ะ อ่านแล้ว...สะท้อนใจเหมือนกันนะคะ






นอกจากนั้นวิทยากรได้ให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคำว่า ปฏิัวัติ รัฐประหาร และขบถค่ะ นั่นก็คือ ปฏิวัติคือการเปลี่ยนทั้งหมด ทั้งระบอบเลย ขณะที่รัฐประหาร คือ รูปแบบปกครองเดิม แต่รัฐเปลี่ยน (อย่างกรณี กันยา 49) ขณะที่ขบถนั่นก็คือการที่จะทำ แต่ทำไม่สำเร็จน่ะค่ะ



















ภาพตอนพระองค์ท่านพระราชทานรัฐธรรมนูญค่ะ

วิทยากรบอกว่าจะเห็นว่าท่านแต่งเต็มยศนะคะ

เป็นการลาออกจากการเป็นกษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชเป็นกษัตริย์ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยค่ะ





















เอาหละค่ะ บล็อกนี้ยาวมากๆ แล้ว โหลดรูปกันแย่แล้ว เดี๋ยวบล็อกหน้าจะพาไปชมต่อนะคะ (คาดว่า พิพิธภัณฑ์แห่งนี้น่าจะรีวิวทั้งหมด 3 เอนทรี่อย่างต่ำ เพราะมีสองตึกค่ะ นี่ตึกแรกยังไม่หมดเล้ยยยยย เหอๆ)





















ปฏิทินธรรม







วันจันทร์ (ทุกวันจันทร์)

เรียนอภิธรรมเบื้องต้น บรรยายโดยพระครูสมุห์ทวี เกตุธมฺโม
ณ บ้านอารีย์ เวลา ๑๗.๓๐-๑๙.๓๐ น.

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net






วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2554

1. ฟังธรรมโดยพระครูโอภาสวุฒิกร (พระอาจารย์โสภณ โอภาโส) วัดบึงลัฏฐิวัน จ. พระนครศรีอยุธยา
เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี บ้านอาีรีย์

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net







วันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2554

1.เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหาร และฟังการแสดงธรรม
เมตตารับบาตร โดย พระครูพุทธิสารสุนทร (หลวงพ่อบุญกู้ อนุวฑฺฒโน) วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพฯ
เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี บ้านอารีย์

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net





วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2554

1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหาร และฟังการแสดงธรรม
เมตตารับบาตร โดย หลวงพ่อมิตซูโอะ คเวสโก วัดป่าสุนันทวราราม จ.กาญจนบุรี
เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี บ้านอารีย์

ฟังธรรมเวลา 16.00 น. ณ ศาลาปันมี บ้านอารีย์

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net





2. (ทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน)
ร่วมปฏิบัติธรรมบูชา ณ โลหะปราสาท กับยุวพุทธิกสมาคมฯ
สวดมนตร์ถวายพระพร ปฏิบัติธรรมและสักการะพระบรมสารีริกธาตุ
วัดราชนัดดารามวรวิหาร เวลา 13.30-16.30 น.

สอบถามเพิ่มเติมที่คุณมนัสวิน, คุณอดุล 02-4554525 ต่อ 2208, 4214


เว็บไซต์ยุวพุทธิกสมาคม
//www.ybat.org/v4/index.asp




3. ฟังธรรมจากหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี วัดมเหยงค์ จ.พระนครศรีอยุธยา
เวลา 14.00-16.00 น.
ณ ศาลาไตรสิกขา บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2


การเดินทาง
รถประจำทางที่ผ่าน สาย 157, 123, ปอ.พ.79
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ 02-448-3392
เวลาทำการ 9.00 – 18.00 น. หยุดวันพุธ


เว็บไซต์บ้านจิตสบาย
//www.jitsabuy.com/index.php?optio





วันจันทร์ที่ 26 กันยายน 2554

1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหาร และฟังการแสดงธรรม
เมตตารับบาตร โดย พระครูสมุห์ทวี เกตุธมฺโม วัดราชสิทธารามฯ กรุงเทพฯ
เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี บ้านอารีย์


ฟังธรรมโดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี วัดมเหยงค์ จ.พระนครศรีอยุธยา
เวลา 18.00 น. ณ ศาลาปันมี บ้านอารีย์

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net





วันอังคารที่ 27 กันยายน 2554

1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหาร และฟังการแสดงธรรม
เมตตารับบาตร โดย พระอาจารย์จากมูลนิธิหลวงปู่มั่น
เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี บ้านอารีย์


ฟังธรรมโดยพระอาจารย์ประสพ การุณิโก วัดป่าเกาะสำราญใจ จ.ยโสธร
เวลา 18.00 น. ณ ศาลาปันมี บ้านอารีย์

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net







วันพุธที่ 28 กันยายน 2554

1. ฟังธรรมโดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
ณ หอประชุมพุทธคยา ตึกอมรินทร์พลาซ่า ชั้น 22

18.30 น. - สวดมนต์ ทำวัตรเย็น / 19.00-21.00 น. - นั่งสมาธิ และ ฟังธรรม (เน้นการปฏิบัติ ตามแนวมหาสติปัฏฐาน 4)






วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม 2554

1. ยุวพุทธิกสมาคมฯ ขอเชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฏก
ณ ยุวพุทธิกสมาคม ซ.เพชรเกษม 54 อาคารธรรมนิเวศ ชั้น 4
เวลา 07.00-16.00 น.


การสาธยายพระไตรปิฎก
การจัดสาธยายพระไตรปิฎกที่ยุวพุทธฯ จัดขึ้นในครั้งนี้ไดคัดสรรจากพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย แลวเรียบเรียงเป็นคำบาลีสลับกับคำแปลภาษาไทย เพื่อใหสาธุชนไดเขาใจความหมายในบทที่สาธยาย โดยทานพระมหาประนอม ธัมมาลังกาโร จากวัดจากแดง จ.สมุทรปราการ ไดนำเนื้อความจากพระไตรปิฎกรวบรวมมาจัดพิมพไวในเลมเดียวกัน เพื่อใหใชประโยชนในการจัดสาธยายพระไตรปิฎกใหจบภายใน ๑ วัน


การสาธยายพระไตรปิฎกในครั้งนี้ ประกอบดวย

๑. วินัยปฎก
- ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร

๒. สุตตันตปฎก
- มหาสติปัฎฐานสูตร
- มหาสมยสูตร

๓. อภิธัมมปฎก
- มหาปัฎฐาน





อานิสงสของการสาธยายพระไตรปิฎก

๑. บุคคลใดไดนำเอาพระไตรปิฎกมาสาธยายจะเขาถึงความเป็นอริยบุคคล คือ ไดมรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ ในภายหนา

๒. บุคคลใดไดสาธยายพระไตรปิฎกจะชวยปิดประตูอบายภูมิ ๔ คือ เปรต อสุรกาย สัตวเดรัจฉาน และสัตวนรก

๓. บุคคลใดไดสาธยายพระไตรปิฎกแลว ไดนอมจิตตามพระธรรม อาจบรรลุธรรมชั้นหนึ่งชั้นใดในบรรดาโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต ไดตามอุปนิสัยที่สรางมา

๔. บุคคลใดที่เป็นมิจฉาทิฎฐิ เมื่อไดสาธยายพระไตรปิฎกจะกลายเป็นสัมมาทิฎฐิ

๕. การสาธยายพระไตรปิฎกมีผลทำใหประเทศชาติไมเกิดภัยพิบัติ ทำใหประเทศชาติ มีแตความรมเย็นมีสันติสุข ผูสาธยายจะมีแตความสุข ความเจริญกาวหนาปราศจากโรคภัย

๖. บุคคลใดไดสาธยายพระไตรปิฎกและไดฟังธรรมมีอานิสงสหาประมาณมิได




เว็บไซต์ยุวพุทธิกสมาคม
//www.ybat.org/v4/index.asp

















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

925385+53617+17431+5188+58016=1,059,637/6746/623





Create Date : 22 กันยายน 2554
Last Update : 22 กันยายน 2554 7:12:22 น. 51 comments
Counter : 5258 Pageviews.

 
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจมากๆเลยค่ะพี่เต้ย น่าไปจัง


โดย: sawkitty วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:7:47:00 น.  

 
มีโอกาสจะลองไปมั่งครับ


โดย: คนเคยผ่านมหาสมุทร วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:8:11:19 น.  

 
ไม่เคยไปที่นี่เลย น่าสนใจมาก

เป็นคนชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์น่ะค่ะ


โดย: Love At First Click วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:9:14:01 น.  

 
นี่ล่ะนะค่ะ .. บล็อกน่าสนใจเลยทำให้เรา
อ่านแล้วทำให้เราได้เปิดกว้าง เห็นแล้ว
ได้ไอเดียในการท่องเที่ยว ไปดูอะไรน่าสนใจ
พออ่านแล้วอยากก็ลงมือได้เลย

เสียดายของเราอยู่ไกล .. บางทีเห็นอะไรที่
เมืองกรุงเค้าน่าสนใจก็อยากแต่ว่าไกลเกินค่ะ
ถ้านั่งรถสักชั่วโมงยังโอเค จะได้ไปเยือน
มันอาทิตย์เว้นอาทิตย์เชียวค่ะ เพราะอยากไปเก็บภาพ
กรุงเทพในบางมุมที่ยังไม่เคยไป

เฮ้อ เมื่อไหร่จะได้ไปเยือนกรุงเทพอีกน๊า


โดย: JewNid วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:9:51:52 น.  

 
สาธุ โข ปณฺฑิโต นาม น เตฺวว อติปณฺฑิโต
อันว่าบัณฑิตนั้นดีแน่ แต่ว่าบัณฑิตเลยเถิดไปก็ไม่ดี

มีความสุขกับการดำเนินชีวิตด้วยวิถีแห่งมัชฌิมา ตลอดไป...นะคะ



เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าไปเที่ยว ศึกษาหาความรู้มากแห่งหนึ่ง..นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:9:54:15 น.  

 
อ่านตามได้ทราบถึงประวัติอย่างละเอียด
สนุกมากๆ


โดย: pragoong วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:10:50:43 น.  

 
ไปเที่ยวด้วยคนนะครับ


โดย: devilmanb วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:10:51:51 น.  

 
สวัสดีค่ะ..คุณสาวไกด์

การไปเที่ยวพิพิธภัณฎ์ทำให้เราได้รับความรู้กลับมาเพียบเลยนะคะ

แต่ก็ต้องมีเวลามากหน่อยเนอะ
จะได้ค่อยละเลียด และซึบซับความรู้ต่างๆ
ที่เค้าตั้งใจทำให้พวกเราได้ชมกัน

อ่านถึงตอนที่ ร.7 เลือกตัดสินใจว่า
จะลี้ภัยหรือจะกลับกรุงเทพฯ
คงเป็นช่วงเวลาที่ตัดสินใจยากเต็มที
แต่แล้วท่านก็เลือกเสด็จกลับกรุงเทพ
จนทำให้พวกเราได้เปลี่ยนแปลงการปกครอง
แม้ตอนนี้จะไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างก็ตาม

สำหรับทริปเมียร์มาร์ 35,000 บาท
มีไปทั้งย่างกุ้ง หงสา อินทร์แขวน พุกาม มัณฑะเลย์ และอินเลค่ะ
เป็นทริปที่น่าสนใจจริงๆ แต่ต้องมีเวลามากหน่อย

วันนี้หนึ่งอัพบล็อคเมียร์มาร์ตอน 2 แล้วค่ะ

ตามมาชมกันนะคะ



โดย: chenyuye วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:11:10:16 น.  

 
มาตามสาวไกด์ด้วยอีกคนครับ ดีมากๆครบผม อิอิ ^^

ที่ ร.พ. กำลังฝนตกหนักครับ เอิ๊กๆๆ



โดย: วนารักษ์ วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:11:49:07 น.  

 
เอาไว้ว่างๆจะแวะไปเยี่ยมชม
ขอบคุณครับ
+++++++++++
Nikon D90 Black Friday
Nikon D3100 Black Friday


โดย: babooloo วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:12:46:12 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่สาวไกด์

กรุงเทพฯ น่าจะเป็นเมืองพิพิธภัณฑ์นะค่ะ เห็นหลายคนแวะไปหลายที่แล้ว และไม่ค่อยซ้ำกันซะด้วย แล้วก็มีเรื่องราวมากมายที่นำมาถ่ายทอด

แต่คนส่วนใหญ่ได้แต่นั่งรถผ่านไปมา ไม่เคยได้แวะหรือหยุดดูกันเลย คงเพราะมัวแต่เร่งรีบจนมองข้ามไป น่าเสียดายจริง ๆ



โดย: oa (rosebay ) วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:13:34:23 น.  

 
น่าไปมากๆเลยค่ะคุณสาวไกด์ เดี๋ยววันนี้โหวตให้อีกนะคะ รายละเอียดเยี่ยมมากๆค่ะ


โดย: LoveParadise วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:14:44:06 น.  

 
สวัสดีตอนบ่ายค่ะ
มีกาแฟมาเสริฟคะ


โดย: pantawan วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:15:55:08 น.  

 

พี่ก็รู้สึกเหมือนเต้ยเลย ตอนอ่านบันทึกลับเจ้าพระยามหิธร ยืนอ่านอยู่นานสองนาน ช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองนี่แหละ มีส่วนหนึ่งที่เป็นลายพระหัตถ์พระองค์ท่านด้วย คาดว่าเต้ยน่าจะไม่พลาด...

ไปมาสองครั้งแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าดู+อ่านยังไม่ทั่ว...

เห็นฟรีแบบนี้ตลอดเลยจ้ะ แต่ไม่ยักกะมีคนไปเท่าไหร่เนอะ

ชอบข้อมูลของเต้ยวันนี้ด้วยจ้ะ มีเรื่องที่พี่อ่านข้ามๆ ไปก็เยอะ รู้จากบ้านนี้นี่แหละ


สวัสดีวันสีส้ม...เช่นกันจ้ะ





โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:15:58:36 น.  

 

Rainy Season Scraps, glitter, and pictures
GoodLightscraps.com


ฝนตก ระวังเป็นหวัดนะคะ


โดย: kochpon วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:15:59:50 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณสาวไกด์
เคยแต่ไปยืนถ่ายรูปด้านหน้า
แต่ก็ไม่ได้เข้าไป
วันนี้ตามมาเที่ยวข้างในกับคุณ
สาวไกด์ ละเอียดดีค่ะ


โดย: hellojaae (hellojaae ) วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:16:34:16 น.  

 
มาเยี่ยมชมครับ ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีดีสถานที่ดีดีมีคุณค่าน่าแวะชมมาฝาก


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:16:35:54 น.  

 

พิพิธภํณฑ์นี้ชอบตั้งแต่ตัวตึกด้านหน้าเลยจ้าน้องเต้ย
แหล่ม


โดย: อุ้มสี วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:16:57:07 น.  

 
แวะทักทายตอนค่ำๆค่ะคุณสาวไกด์
อ่านจนจบเลยค่ะ ได้ความรู้มากมายกลับบ้านไปด้วย สุขใจจริงๆ


โดย: phunsud วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:18:44:25 น.  

 
จะรออ่านทุกๆตอนนะคะ


โดย: LoveParadise วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:19:43:17 น.  

 
แวะมาบอกว่า ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

พรุ่งนี้เช้าค่อยแวะมาอ่าน และ vote ให้นะคะ วันนี้ง่วงนอนแล้ว bye


โดย: pantawan วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:0:45:41 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่สาวไกด์


กลบทกินนรรำ



โดย: ญามี่ วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:1:23:53 น.  

 
แวะมาทักทาย เยี่ยมชมนะครับ
เว็บบอร์ดปราจีนบุรี


โดย: เพื่อนปราจีน วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:3:05:42 น.  

 



โดย: Kavanich96 วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:7:50:35 น.  

 
อุชฺฌตฺติพลา พาลา
นิชฺฌตฺติพลา ปณฺฑิตา

ขุมกำลังของคนพาล คือการจ้องหาโทษของคนอื่น
ขุมกำลังของบัณฑิต คือการไตร่ตรองโดยพินิจ

ไตร่ตรองทุกสิ่งด้วยความมีสติ ตลอดไป...นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:10:34:08 น.  

 
คณะราษฎร์อาจจะตัดสินใจพลาดก็ได้นะสำหรับตอนนั้นที่รีบร้อนเกินไป

แนวคิดของ ร.7 เรื่องต่างชาติแทรกแซง มาถึงตอนนี้ก็ยังทันสมัยสำหรับแนวคิดนี้ ดังนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรถ้าบอกว่าเรียกร้ององค์กรต่างประเทศ ผมไม่เห็นด้วยเลย นอกจากเรื่องช่วยเหลือผู้ประสพภัย

ที่นี่ยังไม่เคยไปเลยครับ เห็นจากบล็อกพี่หนูเหมือนกัน รีวิวหลายบล็อกอยู่เหมือนกัน ตอนนั้นพี่หนูให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องเวลาด้วยว่าใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ แน่นอนว่าต้องคำนึงถึงการที่เราจะอ่านประวัติ รวมไปถึงการถ่ายภาพด้วย

สำหรับคนที่ชอบการเมือง ประวัติศาสตร์น่าจะอยู่ที่นี่ได้นานเลยทีเดียว

ตอนนี้ยังฟรี มีโอกาสต้องไปชม (ยังไม่มีโอกาสได้ไปเลย) จะว่าไป กทม. พิพิธภัณฑ์เยอะนะครับ เคยดูสารคดี ชิ้นหนึ่ง กทม.จัดได้ว่าเป็นเมืองที่มีพิพิธภัณฑ์มากที่สุดในโลก ลองจากเมือง (จำชื่อไม่ได้แล้ว) ประเทศอเมริกา

ถึงจะเขียนเรื่องเดียวกัน แต่ให้อารมณ์ที่ต่างกัน และมีแง่มุมบางอย่างที่ต่างกัน อ่านเอนที่นี้ได้ข้อมูลเพิ่มอีกหลายอย่างเลยทีเดียว

เอนทรี่นี้ถูกใจมาก จนต้องตะโกนดังๆ เลยว่า โหวต

+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:11:26:17 น.  

 
ไม่ได้ไปแน่ ๆ เลย ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:12:02:09 น.  

 
สวัสดีวันศุกร์ค่ะคุณสาวไกด์ มีความสุขมากๆค่ะวันนี้


โดย: LoveParadise วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:12:57:45 น.  

 
จะมาโคราช
มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะคะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:13:55:02 น.  

 
สวัสดีค่ะ แวะมาตามสัญญาบ่ายๆอากาศร้อนมีไอศครีมมาฝากด้วยค่ะ


โดย: pantawan วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:14:19:20 น.  

 

ที่ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการพี่ว่าเค้าไม่ได้ปรับปรุงนะเต้ย เคยเห็นยังไงก็อย่างนั้น อาทิตย์ถัดมาพี่ไปฟาร์มจระเข้ที่สามพรานที่โน่นน่าไปมากกว่า ห้องน้ำก็สะอาดกว่า ที่สมุทรปราการขายโชว์จระเข้ ส่วนที่สามพรานขายโชว์ช้าง อลังการดี คนละจุดขายมั้ง




สุขหรรษาวันหยุดจ้ะเต้ย






โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:14:32:20 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะครับ ^^


โดย: วนารักษ์ วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:16:35:27 น.  

 
ถ้าได้ไปเอง คงยืน เดินได้ทั้งวันเลยค่ะคุณเต้ย
สบายดีนะคะช่วงนี้


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:19:27:56 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
----------------------
เวลาไปพาหุรัดจะผ่านพิพิธภัณฑ์ทุกครั้ง แต่ยังไม่เคยได้เข้าไปชมสักครั้งเลยค่ะ ขอบคุณ คุณเต้ยมากที่นำภาพมาให้ชมกันค่ะ


โดย: เกศสุริยง วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:20:01:34 น.  

 
สวัสดียามคํ่าๆค่ะคุณสาวไกด์ วันนี้เอายำแหนมมาฝากค่ะ เพิ่งได้เข้าครัว อร่อยๆด้วยกันนะคะ




โดย: LoveParadise วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:20:30:06 น.  

 
ยังมีอีก 4 ตอนเหรอครับ? ถ้าโควต้าไม่เต็มซะก่อน น่าจะเก็บเรียบนะครับ แจ้งล่วงหน้าไว้เลย (เซ็งชะมัด โหวต 1 หมวดต่อ 1 ล็อคอิน ได้ไม่เกิน 5 บล็อกต่อเดือน)


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:21:04:46 น.  

 
แวะมาขอบคุณสำหรับโหวตค่ะคุณพี่สาวไกด์ ^^

แปลกใจ ว่าคุณพี่สาวไกด์อัพเรื่องราวพิพิธภัณฑ์ด้วย
ทุกครั้งที่จินมา จินจะเห็นพี่ให้คะแนน
ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก ค่ะ
รึจินมาไม่บ่่อย แหะ แหะ

เห็นที่จะต้องมาบ่อย ๆ ซะละเนอะ ^^
อันที่จริง พิพิธภัณฑ์ทุกที่
ถ้ามีโอกาสจินก้อยากจะไปมาก ๆ ค่ะ
แต่ไปทีหนึ่ง ก็ต้องมีใจให้
มีเวลาที่จะสึกษา ละเลียดกับมัน
ถึงจะซึมซับ และคุ้มค่ากับการที่ได้ไป
เพราะเรื่องราวในพิพิธภัณฑ์แต่ละที่
มีคุณค่าเกินประเมินได้

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ค่ะพี่


โดย: JinnyTent วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:21:12:24 น.  

 
หลับฝันดีค่ะพี่สาวไกด์



* กลบทกินนรรำ *

ประดุจด่ำประจำจินต์ถวิลหวาน
พยานย่ำระกำกล่อมถนอมหนาว
กระจายจิตสนิทนึกระลึกราว
ผะเผาผ่าวกะกราวเกรียว ณ เปลี่ยวปราย

ตระหนักนิ่งประวิงไว้ไฉนหนอ
พะนอหนาวกะด่าวดิ้นจะสิ้นสาย
ณ จันทร์แจ่มแฉล้มลอยจะคล้อยคลาย
มลายหลอนจะจรจากกะพรากเพลิน

ละออเอยเฉลยล้ำกะย่ำเยี่ยม
จะละเหลี่ยมกะเหนียมใน ณ ไขเขิน
ฉะนั้นเหนือจะเบื่อโบยกะโดยเดิน
ณ ช้อยเชิญเผดิมด่ำกระทำเทียว

ระร้อยรักประจักษ์จิตประสิทธิ์เสริม
คละพานเพิ่มระเริ่มรสสะกดเกี่ยว
สดับดื่มปะปลื้มปอยระรอยเรียว
สนิทเหนี่ยวประเดี๋ยวดลกมลเมียง

จรุงรบสงบงาม ณ ท่ามเที่ยว
กะอุ่นเอี้ยวละเลี้ยวลดจะบดเบี่ยง
ณ หอมห้วงกะสรวงสรวลระอวลเอียง
ปะพานเพียงจะเรียงรับประทับทอ


โดย: ญามี่ วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:0:12:22 น.  

 
สวัสดีค่ะ พักผ่อนสุขสุดกับวันหยุดนะคะ




โดย: pantawan วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:0:24:22 น.  

 
สวัสดีคะพี่เต้ย
วันนี้วันเสาร์แต่มิ้มก็ยังคงต้องทำงานอีกเช่นเคย

ดีจังเลยนะคะ ได้เข้าฟรีด้วย มีกำหนดมั้ยคะว่าจะฟรีถึงเมื่อไร จะได้รีบไป (ชอบของฟรี อิอิ)
หายากนะคะพิพิธภัณฑ์ที่ให้ถ่ายรูปได้ แถมยังมีเอกสารลับเต็มเลย
อ่านพระดำริของพระองค์แล้วก็สะท้อนใจจริงๆ

ชวนพี่เต้ยไปเที่ยวภูหินร่องกล้า-ภูทับเบิก ด้วยกันคะ


โดย: strawberry banana&cream วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:9:21:00 น.  

 
สวัสดีค่ะ วันนี้วันหยุดมีอาหารไทยมาเสริฟ
ส้มตำค่ะ



โดย: pantawan วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:11:31:50 น.  

 
สุดยอดเลยค่ะ ให้ความรู้ดีมาก ๆ เลย

อ่านแล้วน่าไปชมบ้างเลยล่ะค่ะ ^^


โดย: :D keigo :D วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:12:09:34 น.  

 


นำ มะระ พลุแตก จากสวน มาเสริฟ ^^



โดย: โสมรัศมี วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:19:46:55 น.  

 
ได้เห็นพิพิธภัณฑ์นี้ครั้งแรกที่บล็อกคุณเต้ยนี่แหละค่ะ ที่จริงเพิ่งจะได้ยินชื่อเป็นครั้งแรกน่ะ รู้สึกว่าจะนั่งรถผ่านแล้วเห็นอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ เห็นแล้วอยากไปจัง ไว้ต้องหาโอกาสไปให้ได้สักหน

ขอบคุณมากแนะนำสถานที่ดี ๆ แบบนี้นะคะ


โดย: haiku วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:21:03:45 น.  

 
คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย]
เอาดอกไม้มาฝาก อัฟblogไว้แต่วันวาน เพิ่งจะได้มาเยี่ยมค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะคุณเต้ย


โดย: เกศสุริยง วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:22:18:26 น.  

 
หลับฝันดีราตรีสวัสดิ์ค่ะ



โดย: pantawan วันที่: 25 กันยายน 2554 เวลา:1:38:33 น.  

 
สวัสดีวันหยุดพักผ่อนให้เต็มที่นะคะ เที่ยงแล้วไปทานอาหารกลางวันกันนะ



โดย: pantawan วันที่: 25 กันยายน 2554 เวลา:12:21:05 น.  

 
สอบเสร็จหวานเย็นไปบ้างดีกว่าค่ะ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 25 กันยายน 2554 เวลา:18:48:22 น.  

 
ภาพสวย ข้อมูลเพียบ
โหวตค่ะ


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 25 กันยายน 2554 เวลา:22:50:47 น.  

 
ฝันดีตลอดคืน เตรียมพร้อมรับวันใหม่ที่สดชื่น




โดย: pantawan วันที่: 26 กันยายน 2554 เวลา:0:14:09 น.  

 
อ่านเพลินเลยค่ะ ขอบคุณจิงๆค่า ~~~


โดย: NaPa IP: 124.122.26.8 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2555 เวลา:17:16:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
22 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.