* + * + * + * รีวิวอุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (อุทยานร.๒) * + * + * + *








สวัสดีค่ะ



หลังจากคราวที่แล้วพาไปไหว้พระกันที่วัดบางกุ้ง (คลิกเพื่ออ่าน)เรียบร้อยแล้ว










ต่อไปจะพาไปยังอุทยานร.๒ หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กันบ้างนะคะ

ซึ่งอุทยานแห่งนี้ก็เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยของมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ค่ะ โดยที่ที่ใช้ก่อสร้างอุทยานแห่งนี้ เจ้าอาวาสวัดอัมพวันเจติยารามเป็นผู้น้อมเกล้าฯ ถวายค่ะ และที่บริเวณนี้มีความสำคัญเพราะเป็นที่พระราชสมภพ (ที่เกิด) ของรัชกาล ที่ 2 ด้วยค่ะ








หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มเดินเข้าไปข้างในค่ะ

แต่ที่สงสัยคือป้ายอันนี้แหละค่ะ มันเป็นไงเนี่ย หอยดองสูตรมะขาม





















แล้วก็ตรงแถวๆ อาคารนี้อีกเหมือนกันที่มีห้องน้ำให้เข้าค่ะ (แต่จำไม่ได้แล้วว่าซ้ายหรือขวา แบบว่า...ดองไว้นานจัด )





















บัตรสำหรับเข้าค่ะ ราคาคนละ 20 บาท

อุทยาน ร.2 เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น.

พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น.





















ส่วนด้านหลังบัตรก็จะเป็นแผนที่ในการเดินทางมาที่นี่ค่ะ





















ได้ตั๋วแล้วก็เดินเข้าไปกันค่ะ มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจและแง้บๆ (เจาะบัตร) อยู่นะคะ


พอเดินเข้าไปปุ๊บ ก็จะเจอสวนกล้วยไม้อยู่ทางขวามือค่ะ มีกล้วยไม้สวยๆ เพียบเลย




















เอามาฝากคนรักดอกไม้ เอามาแค่บางส่วนนะคะ ไม่งั้นจะเยอะเกินไป แหะๆ






























แต่ต้นนี้ชื่อแปลกค่ะ เราไม่เคยได้ยินมาก่อนง่ะ





















ที่นี่จะค่อนข้างกว้างมากๆ เลยนะคะ แล้วก็มีหลายๆ อาคารด้วยค่ะ ไอ้เราก็มีงงๆ บ้าง แหะๆ

อย่างอาคารหลังนี้อยู่ทางขวามือนะคะ ด้านล่างจะมีของขายอยู่ค่ะ

แต่ไม่ได้แวะเข้าไปดูค่ะ เราเดินตรงเข้าไปด้านในกันก่อนน่ะ





















เดินเข้าไปยาวๆ ค่ะ ร้อนได้เรื่องเหมือนกัน แม้ว่าข้างทางจะมีดอกไม้ดอกไร่ให้ดูบ้างก็เถอะค่ะ

ผ่านสนาม (ลาน) ทางด้านซ้ายไป เห็นบึงบัวอยู่ไกลๆ ด้วยหละค่ะ





















ถึงแล้ว อาคารกลุ่มนี้ (เรียกคำลักษณนามถูกมั้ย?) แหละค่ะที่เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์























ตรงใกล้ๆ ด้านหน้าของทางขึ้นอาคาร จะมีมะพร้าวไฟที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงปลูกไว้ด้วยนะคะ





















ก่อนจะขึ้นไปชมด้านบน ก็ต้องถอดรองเท้าก่อนด้วยนะคะ

ซึ่งจะเอารองเท้าฟองน้ำของที่นี่ใส่ขึ้นไปก็ได้ หรือจะเท้าเปล่าขึ้นไปก็ได้ค่ะ

แต่ฟองน้ำนี่ ใส่ได้เฉพาะที่นอกชานนะคะ





















ข้อห้ามค่ะ ห้ามถ่ายรูปภายในห้องทุกห้องนะคะ





















อาคารทรงไทยกลุ่มนี้มีทั้งหมดด้วยกัน 4 หลังนะคะ จะมีทั้งหอนอนชาย หอนอนหญิง (ห้องนอนแหละค่ะ) ห้้องครัว ห้องน้ำ ฯลฯ ภายในห้องก็จะมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ด้วยค่ะ



















ตรงหน้าห้องนี้มีที่ขายหนังสือด้วยค่ะ เราได้มาสองเล่ม แต่...ยังหาไม่เจอจนบัดนี้ว่า..มันอยู่ไหนหว่า




















จากนั้นก็ลอดซุ้มประตูนี้ไปยังอาคารอีกหลังค่ะ




















จากอาคารหลังนี้จะเห็นอาคารกลางน้ำด้วยนะคะ


อาคารหลังนี้เคยเป็นหอสมุดค่ะ แต่ไฟไหม้ พอสร้างใหม่ก็เลยมีส่วนหนึ่งที่เก็บหนังสือที่เป็นพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๒ ค่ะ




















ส่วนชานเรือน ก็จะมีพวกไม้ดัด ไม้ประดับต่างๆ ตามแบบที่คนสมัยก่อนนิยมกันด้วยค่ะ



















ลงจากพิพิธภัณฑ์ คราวนี้เราก็เดินตรงต่อเข้าไปอีกค่ะ มุ่งตรงไปทางแม่น้ำหละนะคะ

ก็จะเห็นอาคารอีกกลุ่มทางขวามือตามรูปเลยค่ะ





















อาคารหลังนี้ด้านล่างจะเป็นนิทรรศการค่ะ แต่เราเดินเลยไปก่อน ยังไม่ได้แวะดู




















เดินตรงไปต่อค่ะ ระหว่างทางเห็นรูปปั้นเรื่องไกรทอง ซึ่งเป็นหนึ่งในพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๒ ด้วยนะคะ



















นอกจากนั้นใกล้ๆ กันนี้ก็มีเรือค่ะ แล้วก็รูปปั้นตรงนี้นี่ เราจำไม่ได้แล้วว่าเกี่ยวกับพระราชนิพนธ์เรื่องอะไรค่ะ

คือตอนแรกนึกว่าเป็นสังข์ทอง แต่ว่า..เห็นตัวที่อยู่ข้างหลังเลยไม่แน่ใจอะค่ะ




















เรือลำนี้ชื่อว่า ประพาสอุทยานนะคะ

เรือลำนี้สร้างด้วยไม้สักทั้งลำนะคะ เป็นเรือ 2 ชั้นที่จุผู้โดยสารได้ 80 คน ชั้นบนเป็นห้องโถงค่ะ ส่วนชั้นล่างมีห้องน้ำ ห้องโถง ห้องสมุด และห้องครัวค่ะ
















ถัดจากเรือประพาสอุทยานไปก็จะเป็นแม่น้ำแม่กลองแล้วค่ะ

เห็นบางคนล่องเรือมาขึ้นที่นี่เหมือนกัน ซึ่งก็มีจุดจำหน่ายบัตรตรงฝั่งนี้ด้วยนะคะ





















ซึ่งตรงใกล้ๆ นี้ก็มีศาลาเอนกประสงค์ด้วยค่ะ แต่มีโซ่กั้นไว้ ห้ามขึ้นเลยน่ะค่ะ แหะๆ




















ระหว่างทางเจอต้นไม้ต้นนี้ด้วยค่ะ มีเก้าอี้นั่งอีกต่างหาก น่ามาถ่ายรูปลงปกนิตยสารเป็นอันมาก






















จากนั้นเราก็เดินกลับไปยังอาคารที่มีนิทรรศการอยู่ชั้นล่างค่ะ






















นอกจากนั้นก็มีของจำหน่ายด้วยค่ะ เป็นของมูลนิธิฯ นะคะ แต่ราคาสูงอยู่เหมือนกันค่ะ



















จากนั้นก็ถอดรองเท้าเพื่อขึ้นไปชมชั้นบนค่ะ

ข้อควรปฏิบัติสำหรับอาคารนี้นะคะ




















ตรงอาคารหลังนี้ ก็จะมีห้องที่จัดแสดงเครื่องดนตรี มีพระบรมรูปของสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และห้องที่มีการจัดแสดงข้าวของต่างๆ ค่ะ





ที่อาคารกลุ่มนี้ มีเจ้าหน้าที่เช่นกันนะคะ เจอเจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกเล่าข้อมูลให้ฟังด้วย ซึ่งจริงๆ ควรทำทุกอาคารและทุกห้องค่ะ เพราะถ้าให้เดินชมเอง + อ่านแล้วนี่ เราว่าไม่ค่อยเหมาะกับคนไทยเท่าไหร่ (เดี๋ยวจะเพิ่มเติมในตอนท้ายแล้วกันนะคะ)

















จากนั้นก็เดินกลับแล้วค่ะ ผ่านอาคารหลังนี้ เห็นว่ามีป้ายบริการนวดฝ่าเท้าด้วย (ก็เหมาะอยู่นะคะ เพราะเดินเยอะพอควรเหมือนกัน เหอๆ)




















ระหว่างเดินกลับก็เลยเห็นอ่างบัว ที่มีชื่อที่สะดุดใจค่ะ (นอกจากบัวชมพูแล้วอะนะคะ ) นั่นก็คือมีบัวที่ชื่อ ครูจูหลิงด้วย แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงได้ชื่อนี้นะคะ






















สรุปสำหรับที่นี่นะคะ



คือ..โดยตัวพื้นที่มันมีความสำคัญนะคะ แต่เราว่า การจัดการหลายๆ อย่างยังไม่ดีน่ะค่ะ เรื่องของพิพิธภัณฑ์อะไรต่างๆ นี่ ควรที่จะมีเจ้าหน้าที่บรรยาย หรือมีสื่ออะไรเสริมให้คนที่มาไ้ด้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเพิ่มขึ้น หรืออย่างเรื่องข้าวของเครื่องใช้อะไรต่างๆ นี่ ถ้ามีมัลติมีเดีย อธิบายเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ เช่น การรีดผ้าสมัยก่อนต้องทำยังไง ชีวิตผู้หญิงสมัยก่อน จะทำงานบ้านงานเรือนอะไรเป็นยังไงบ้าง อย่างสมมติเรื่องของการมวนบุหรี่ด้วยกลีบบัว การคว้านเมล็ดผลไม้ต่างๆ ฯลฯ อย่างนี้อะค่ะ (อาจจะมีปุ่มกดให้เลือกว่าอยากรู้เรื่องไหน อะไรอย่างนี้) น่าจะทำให้น่าสนใจกว่านี้ค่ะ


พอเป็นลักษณะที่ว่าเดินชม + อ่านเอง แล้วบางทีก็เดินดูๆๆ อย่างเดียวนี่ มันก็เลยทำให้คนไปเข้าชมรู้สึกไม่ค่อยอินกับสถานที่ แล้วประกอบกับการเดินเยอะเข้าไปอีก (น่าจะมีให้เช่าจักรยาน หรือเซกเวย์ หรือมีรถรางแล่นระหว่างสถานที่ต่างๆ อะไรประมาณนี้) ก็เลยทำให้ที่นี่มันดูโหวงๆ ไม่น่าสนใจน่ะค่ะ ซึ่งน่าเสียดายเป็นอันมากกับพื้นที่ที่มีนะคะ (อย่างเรื่องพระราชนิพนธ์นะ ถ้ามีจอ กดแล้วมีการแสดงบางตอนในเรื่องนั้นๆ ให้ดูเนี่ย จะเก๋มากเลยค่ะ แหะๆ)


หรือถ้าไม่มีงบประมาณ อย่างน้อยมีเจ้าหน้าที่ประจำจุด บรรยาย หรือจับเป็นกลุ่มๆ รอบๆ พาบรรยายเดินชม เราก็ว่าน่าจะทำให้เพิ่มมูลค่าความน่าสนใจได้มากยิ่งขึ้นนะคะ














ก็หวังว่าคงพอจะเป็นข้อมูลให้กับท่านที่จะเดินทางไปที่นี่ได้บ้างนะคะ




















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

758000+23456/6095/532








Create Date : 23 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2553 18:42:24 น. 29 comments
Counter : 4705 Pageviews.

 
แวะมาเจิมBlogก่อนค่ะ


โดย: Miacara วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:10:50 น.  

 
มอร์นิ่งค่ะ คุณสาวไกด์
อุทยานร.2 บ้านเราขับรถผ่านบ่อยนะคะ แต่ว่าผ่านแล้วผ่านเลย
ไม่เคยได้แวะเข้าไปชมด้านในสักครั้งค่ะ
วันนี้ก็เลยขอเดินตามคุณสาวไกด์ต้อยๆชมเรือนแต่ละหลังและสวนสวยไปด้วยพลางๆ

สำหรับเรื่องไกด์กับสถานที่อย่างนี้ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะว่าควรต้องมี
เหตุผลเป็นอย่างคุณสาวไกด์ว่าจริงๆ บางครั้งก็ขี้เกียจอ่านบ้างอะไรบ้าง
ทำให้อาจจะไม่ค่อยอินตามไปด้วยเท่าไหร่
ที่สำคัญอากาศบ้านเราร้อนอบอ้าว
มาเดินในที่กว้างใหญ่อย่างนี้ หลายครั้งยุ้ยก็รีบๆชมอ่ะนะคะ
เพราะว่ามันร้อนจริงๆ คริคริ

xoxo ขอบคุณคุณสาวไกด์ที่ชอบบล๊อคยุ้ยนะคะ ดีใจๆ

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตและการเป็นเพื่อนบล๊อคที่ดีที่มีให้กันเสมอมา ขอบคุณมากๆค่ะ


โดย: nLatte วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:12:30 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณสาวไกด์..aha..กล้วยไม้สวยจัง...เห็นแล้วคิดถึงที่บ้านค่ะ...อุทยานร.2 เปิ้ลเคยไปนานมากแล้ว น่าจะสัก5-6 ปีก่อนค่ะ...ที่บ้านชอบไปแม่กลองกัน..คิดถึงปลาทูแม่กลองจังค่ะ....


โดย: Miacara วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:14:53 น.  

 
..ไปอัมพวา ก้ไปเดินแต่ตลาดน้ำ
..555อุทยาน ร.2 เคยไปตอนเด้กๆแค่ครั้งเดียวเอง


โดย: pinkypunch วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:28:27 น.  

 
ตกลงเลยไม่ได้ลองแวะดูหอยดองน้ำมะขามเลย แอบลุ้นว่าจะได้ดู 55555

เอ๋เห็นด้วยนา ว่าถ้าไม่มีไกด์ ไม่มีคำบรรยายมันไม่ค่อยอิน หรืออีกทีก็คือนทท.ต้องขยันอ่านแผ่นพับโบรชัวร์อ่ะค่ะ ถึงจะอิน อย่างเอ๋นี่แบบว่า ชื่นชมความงามของสถานที่และสถาปัตยกรรมอย่างเดียวเลย แต่ถ้าไปกับเจ้าบู ขานั้นจะชอบอ่านก่อนแล้วค่อยเดินเข้าไปดูๆ + บรรยายให้ ^^

แต่ตอนที่เอ๋ไปุอุทยานร.2 นั่นไม่มีเจ้าบูไปด้วย เลยดูความสวยอย่างเดียว...และเห็นด้วยค่ะ ร้อนมากกกก ^^"

ไม่ลืมค้าาาาา เมษาแล้วเหรอ
มาช่วงไหนคะ ต้นหรือปลาย เพราะดูเหมือนเมษาตอนต้นเดือนเอ๋จะไปปักหลักอยู่ฮ่องกง ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ ส่วนร้านหลักสาเอ๋ว่าน่าจะรสชาติเหมือนกัน เพราะจริงๆ แล้วเค้ามีสาขาอยู่ที่อื่นด้วยค่ะ แต่จูเชียตนี่เหมือนเป็นสาขาต้นตำรับของเค้าเลย


โดย: adaytrip วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:48:00 น.  

 
กล้วยไม้เป็นดอกไม้ที่ขึ้นกล้อง
มากๆเลยว่าไม๊คะ
ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจว่า
ทำไมเค้าตั้งชื่อว่าหัวใจล้านดวง
พอไปดูใกล้ๆถึงอ๋อ
จำได้ว่าจะมีอยู่ช่วงหนึ่งใช่ไม๊
เอ่ยที่เค้าจะมีออกร้า้นขายขนม
ไทยโบราณที่ทำเป็นประจำทุกปี
ถ้าไปช่วงนั้นคงยิ่งน่าสนุกเนอะ
เห็นด้วยกับข้อสรุปทุกประการจ้า
ปล.ข้อดีของการที่ขับรถไม่เป็น
คือเราไม่ต้องขับตลอดไปอิ อิ
(คุณแฟนเราชอบให้เราขับ แต่บางครั้งเราก็ขี้เกียจขับอ่ะ)


โดย: hellojaae (hellojaae ) วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:51:07 น.  

 
เห็นแล้วคิดถึงเลยค่ะ
เมื่อก่อนมิลไปบ่อยมาก ชอบบรรยากาศของอัมพวา กับสวนส้มโอ มาก ^^แต่เสียดายรูปภาพสมัยนั้นหายหมดเลยมะได้ลงคอมไว้
มีแต่ที่ไปล่าสุด แวะมาหาแมวเหมือนเคยค่ะ อิอิ


โดย: มิลเม วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:51:54 น.  

 

เห็นภาพแล้วพี่อุ้มนึกย้อนไป
เมื่อ 5 ปีที่แล้วที่มาที่นี่
ชอบบรรยากาศร่มรื่นมาก
มีความสุขกับต้นหมากรากไม้
กล้วยไม้ที่นำมาประกวด
และบ้านเรือนไทยที่สวย
ชอบไปหมดจ้าน้องไกด์


โดย: อุ้มสี วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:05:54 น.  

 
ไปอัมพวามาเดือนก่อน

ลืมไปตรงนี้

คนขับรถไม่ยอมพาไปเลย บอกคนเยอะๆๆ

เอาแต่ไปตลาดน้กหน่ะ แหะๆ

ต้องขับรถไปเองก็ได้

ภาพสวย ๆค่ะ


โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:29:05 น.  

 
คุณเต้ย พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์อีกแล้ว
แต่ดูจากบรรยากาศ ให้เดินไปมาเองแบบนี้
เราล่ะพาลนึกไปถึงพวกเมืองโบราณน่ะ
(ทั้งๆ ที่ก็ไม่เคยไปเองหรอกนะ)
คืออารมณ์คงคล้ายๆ กันป่ะ
เดินดูนู่นนี่แบบเอ้าท์ดอร์เอง
เพราะปกติพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในร่มอ่ะ


โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:59:12 น.  

 
สวัสดียามบ่ายค่ะ คุณสาวไกด์
ส้มขอตามมาเที่ยวอุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (อุทยานร.๒)ด้วยคนค่ะ
บรรยากาศดีจัง
ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะคะ


โดย: iamorange วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:15:51 น.  

 
เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ เย็นไว้น้าโยม เดี๋ยวอารายๆ ก็จะดีเองเนาะ ^__^

ขอบคุณน้าาาที่ถามเรื่องราคา เพราะเอ๋เองก็ลืมไป เลยกลับไปแก้เรียบร้อย มันจะอยู่ที่ชิ้นละ 8-12 SGD แล้วแต่วัตถุดิบอ่ะค่ะ ซื้อ 10 อันขอ loyalty card ก็จะได้เพิ่มฟรีอีก 1 อันด้วย ^^


โดย: adaytrip วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:20:10 น.  

 

เอ..มางงตัวเองค่ะว่าเขียนว่า เกือบเจ็ด หรือกว่าเจ็ด คริ คริ
วาจำลางว่าของคุณสาวไกด์มีเลขหกนำหน้าน่ะคะ

ได้ไม่ได้ยังไง ก็ดีใจนะคะที่เพื่อนมาให้กำลังใจ กัน

วาชอบเดินอุทยานค่ะ สบายใจดี ได้เห็นแต่อะไรๆ สวย
แถมถือเป็นการออกกำลังกายไปด้วย สำหรับคนไม่ชอบออกกำลังกายแบบเราคริ คริ



โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:20:48 น.  

 
ชอบสถานที่และบรรยากาศจังเลยค่ะ สวยๆทั้งนั้นเลยถ้าได้ไปคงจะวนๆเวียนๆอยู่กับดอกไม้แน่ๆเลยเห็นอยากไปจัง

อ่างดอกบัว"ครูจูหลิง"อาจจะเกี่ยวกับครูจูหลิงที่ถูกโจรใต้ทำร้ายจนเสียชีวิตก็เป็นได้นะคะ สรุปแล้วชอบบรรยากาศมากเลยค่ะ


โดย: sarah@kw วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:43:05 น.  

 

.....ผ่านเป็นร้อยรอบ...


.....ไม่ยักกะเคยเข้าไปอ่ะ...


...^-^...


โดย: saraburitrebor วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:07:55 น.  

 
พี่ก็เคยไปนะ นานมากเลย แต่ไม่แน่ใจว่าเข้าไปอาคารพิพิธภัณฑ์รึป่าว ดูไม่คุ้น...เดี๋ยวไปดูรูปใหม่

แต่ละจุดคงใช้เวลาดู เวลาอ่านพอสมควรเลยเนาะ

ไม่ได้ไปอัมพวา นานมาก สงสัยต้องปัดฝุ่นละ

คนเพชรแท้ๆ ยังไม่รู้เลยเนาะ หอยดอง สูตรน้ำมะขาม...

นี่ก็เป็นอีกอย่างที่ไม่กล้ากินจ้ะ หอยดอง...

ชอบจ้ะ กล้วยไม้ มาเลยลงไปเลยเต็มๆ เยอะๆ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:42:35 น.  

 
น่าจะใช่ค่ะเลยถือโอกาสตั้งชื่อ บัวครูจูหลิง เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แกอ่ะเนอะ
หัวใจล้านดวงนี่เคยเห็นบ่อยค่ะแต่เพิ่งรู้จักชื่อจากบล๊อกนี้นี่เอง สงสัยชื่อนี้คงตั้งชื่อตามรูปลักษณะของใบ แต่น่ารักไม่เบาเลยค่ะ นี่ถ้าเอาพันธุ์ไม้ต่างๆมาลงคงไม่ไปไหนแน่ๆเลยอิอิ


โดย: sarah@kw วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:06:29 น.  

 
มาเที่ยวแม่กลองด้วยคนค่ะ
ใช่ค่ะ บัวครูจูหลิง ตั้งชื่อเพื่ออุทิศแด่ ครูจูหลิง จริงๆแหละค่ะ ดอกสวยมากเลยนะคะ เสียดายช่วงนี้ไม่ใช่ฤดู ^^


โดย: Panino วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:39:45 น.  

 
เคยผ่านไปครั้งนึงวันธรรมดาค่ะ แต่เห็นเงียบๆ ไม่มีคนเลยไม่แน่ใจเค้าเปิดให้ชมรึเปล่า

พิพิธภัณฑ์หรือสถานที่สำคัญๆ ส่วนมากน่าจะทำแบบพี่เต้ยว่าไว้นะคะ บอกตรงๆ ว่าคนไทยหรือแม้แต่ตัวส้มเองก็ได้แต่มองๆ แล้วก็ถ่ายรูปอย่างเดียว ไอ้ครั้นจะมายืนอ่านก็ขี้เกียจอ่ะค่ะ บางที่มีแต่ชื่อแต่ไม่มีประวัติความเป็นมาอีก คนไทยยังหาหนังสือมาอ่านได้บ้างแต่ต่างชาตินี่คงดูแล้วไม่มีข้อมูลอะไรก็ไม่สนใจแล้วล่ะค่ะ


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:54:54 น.  

 
แม่กลองนี่วัดเยอะมาก ยังไม่ได้เริ่มเก็บเลย ก๋วยเตี๋ยวเนื้อมีสองเจ้า อย฿่หน้าวัดมหาธาตุครับ


โดย: VET53 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:14:06 น.  

 
ว้าว..คุณสาวไกด์ข่าวกระชับฉับไวมั่กๆ ขอบคุณนะคะ
ยุ้ยก็นั่งเล่นบล๊อคอยู่ แต่ไม่เคยสังเกตุตรงนั้นเลยอ่ะค่ะ แหะแหะ

ใกล้มื้อเย็นแล้ว เดินทางกลับบ้านปลอดภัยนะคะ
เดี๊ยวจะหม่ำๆข้าวเย็นแล้วล่ะค่ะ
วันนี้ทำไข่ลูกเขย ต้มยำปลา แล้วก็ผัดบล๊อคโครี่กุ้งทานน่ะค่ะ
คุณสาวไกด์หม่ำมื้อเย็นอร่อยๆนะค้า


โดย: nLatte วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:26:58 น.  

 
ซีรีย์นี้คงเป้นนิยายเรื่องยาว ไม่ใช่แค่เพียงวัด ยังมีที่ท่องเที่ยวมากมายริมสายเจ้าพระยา กลัวแต่คนเขียนจะไม่อึดพอ หนีไปเรื่องอื่นซะก่อน


โดย: VET53 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:28:28 น.  

 
เรือนไทยสวยทุกหลังเลยครับ


โดย: kirofsky วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:49:33 น.  

 
กล้วยไม้สวยนะคะ


โดย: primwaran วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:05:52 น.  

 


พอคุณสาวไกด์บอกว่า ร้อนน่าดูเลย
วาเลยคิดแล้วอุ่นขึ้นมาเลยค่ะ
ที่นี่หนาวแล้ว แย่จัง
แต่ถ้าไปเจอร้อนจริงๆ ก็น่าดูเลยจริงๆ แหละคะ
วาเคยไปสวนหลวงแต่นานมากๆ แล้วค่ะ
ดอยตุงไปมาเมื่อปีที่ผ่านมา
ดอกไม้สวยมากๆ เลยค่ะ ได้เดินอากาศดีมากๆ เลย




โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:21:31 น.  

 
น่าสนใจนะค่ะสถานที่นี้ .. เนื่องด้วยว่ามิได้อยู่
ในเมืองกรุงหรือว่าใกล้่กรุง บางสถานที่
ยอมรับเลยว่า .. หาโอกาสไปยากจริงๆ ค่ะ
เห็นแล้วก็ได้แต่คิดว่าโอกาสมีเมื่อไหร่ก็ต้องไป
กันเมื่อนั้นเลยล่ะค่ะ .. น่าสนใจจริงๆ


บรรยากาศเรียกว่าได้เลยนะค่ะเพราะว่า
ดูโล่ง โปร่งและก็ร่มรื่นดีจังแต่ก็นั่นแหละค่ะว่า
บ้านเราก็ติดปัญหาเรื่องอากาศร้อนๆ นี่ล่ะค่ะ
เลยทำให้บั่นทอนความโสภาไปได้หน่อย
ยิ่งถ้าหากว่าไม่มีรถรา .. บริการแล้วเดินเยอะๆ
แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:27:06 น.  

 

คุณถ่ายรูปสวยจังเลย
เก็บทุกรายละเอียด
เรื่องการจัดการที่ยังบกพร่อง ก็ด้วยงบประมาณอย่าคุณว่านั่นเลยค่ะ
การส่งเสริมด้านนี้จากทุกรัฐบาล ก็ไม่ต่างกันหรอกค่ะ
ยกตัวอย่าง นี่ถ้าหากโอนให้ อบจ.จัดการ เหมือนเช่นงานลอยกระทงนี้
ก็คงจะหรูหรากว่านี้ แต่...... หึหึ

ขอบคุณนะคะทั้งที่อัพบล็อกนี้ และที่แวะไปเยี่ยม



โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:01:56 น.  

 
เคยไปเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้รีวิวละเอียดแบบนี้
คุณสาวไกด์ขยันมากเลย เอมเปิดเมลล์ทุกเช้าก้อเจอบล็อกใหม่ เป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: ชะเอมหวาน วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:23:20:35 น.  

 
ตอนอยู่เมืองไทยขับผ่านไปเที่ยวบ่อยเลยค่ะ แต่ไม่เคยแวะจริง ๆ จัง ๆ สักทีค่ะ รอบที่แล้วที่กลับไทยก็ไปอัมพวามาด้วยค่ะ ไปตลาดที่เวลารถไฟวิ่งผ่านแล้วเปิดร่มด้วยค่ะ ทำท่าจะแวะ แต่เห็นคนน้อย นึกว่าเค้าไม่เปิดทำการ แหะๆๆ ได้เห็นคุณสาวได์นำเที่ยวแบบนี้แล้วอยากไปเที่ยวด้วยสักครั้งค่ะ


โดย: Madame Kp IP: 85.69.33.134 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:3:34:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
23 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.