* = * * = * * = * รีวิวไหว้พระ 9 วัด ณ อยุธยา วัดพนัญเชิง (ปิดทริป) * = * * = * * = *
สวัสดีค่ะ
หลังจากพาไปเที่ยววัดและสถานที่ต่างๆ ในจ.พระนครศรีอยุธยามาแล้วดังนี้
1. วัดสุวรรณดาราราม (คลิกเพื่ออ่าน)
2. วัดมหาธาตุ (คลิกเพื่ออ่าน)
3. วัดธรรมิกราช (คลิกเพื่ออ่าน)
4. วัดหน้าพระเมรุฯ (คลิกเพื่ออ่าน)
5. วิหารหลวงพ่อมงคลบพิตร (คลิกเพื่ออ่าน)
6. วัดพระศรีสรรเพชญ (คลิกเพื่ออ่าน)
7. ศาลากลาง (หลังเก่า) จ.พระนครศรีอยุธยา (คลิกเพื่ออ่าน)
8. ศาลหลักเมือง จ.พระนครศรีอยุธยา (คลิกเพื่ออ่าน)
9. โรตีสายไหม หน้าร.พ.อยุธยา (คลิกเพื่ออ่าน)
10. วัดใหญ่ชัยมงคล (คลิกเพื่ออ่าน)
สำหรับวันนี้ก็จะเป็นรีวิวที่เที่ยวที่สุดท้ายแล้วค่ะของทริปนี้ ซึ่งก็จะพาไปอีกวัดที่เรียกได้ว่าเป็นวัดฮอตฮิตอีกที่ของอยุธยานะคะ (นอกจากวิหารหลวงพ่อมงคลบพิตร) ที่เรียกได้ว่า ส่วนใหญ่คนที่ไปอยุธยาก็จะไปกัน นั่นก็คือวัดพนัญเชิงวรวิหารนั่นเองค่ะ
สำหรับที่ตั้งของวัดนี้นะคะ อยู่นอกเกาะเมืองอยุธยาเช่นเดียวกับวัดใหญ่ชัยมงคลค่ะ (เพราะงั้นถ้าใครจะไปวัดใหญ่ชัยมงคล ก็เลยไปอีกหน่อยก็จะเจอวัดพนัญเชิงแล้วหละค่ะ) กล่าวคือ ถ้าให้วัดใหญ่ฯ อยู่ทางซ้ายมือ วิ่งตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอวัดพนัญเชิงอยู่ทางขวามือ ตามแผนที่เลยค่ะ
วิ่งผ่านป้ายวัดไป ก็จะเห็นวิหารต่างๆ ทางด้านขวามือตามภาพแล้วค่ะ
ที่หลังคาสูงที่สุดนั่นคือที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตนะคะ
เอาหละค่ะ มาอ่านประวัติของวัดนี้กันบ้างนะคะ
วัดพนัญเชิง ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง ตามหนังสือพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง และพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์กล่าวไว้ว่า ได้สถาปนาพระพุทธรูปพุทธเจ้าพแนงเชิง เมื่อปี พ.ศ. 1867 ซึ่งก่อนพระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปีเลยหละค่ะ
จากข้างบนนี้ขอเล่าเพิ่มในส่วนของเจ้าชายสายน้ำผึ้งนะคะ มีตำนานเล่าว่า สมัยหนึ่งไม่สามารถหากษัตริย์ที่จะปกครองเมืองได้ บรรดาเสนาอำมาตย์ทั้งหลายก็เลยปรึกษากัน เอาเรือล่องไปตามแม่น้ำ อธิษฐานว่า หากพบผู้มีบุญญาธิการเหมาะแก่การเป็นกษัตริย์ปกครองเมือง ก็ขอให้เรือหยุด ณ ที่นั้น ปรากฏว่า เรือไปติดอยู่ที่ฝั่งๆ หนึ่ง แล้วไม่ยอมแล่นออกต่อไปอีก
มองไปบนฝั่งก็มีแต่เพียงกลุ่มเด็กเลี้ยงวัวมุงรุมล้อมกันอยู่ บรรดาเสนาอำมาตย์ก็เลยตัดสินใจไปดูที่กลุ่มเด็กนั่น ปรากฏว่าพบเด็กชายคนหนึ่งท่าทางฉลาดเฉลียว พูดจาฉะฉาน ดูโหงวเฮ้งแล้ว น่าจะเป็นผู้มีบุญญาธิการ ก็เลยอัญเชิญไปปกครองเมืองค่ะ
ท่านก็ปกครองเมืองมาจนวันหนึ่งล่องเรือไปกัน แล้วปรากฏว่าเรือไปติดที่ท่าวัด (อันนี้ขอไม่เฟิร์มนะคะ เป็นความทรงจำเลาๆ อะค่ะ) เรือออกไม่ได้ (อีกแล้ว) เจ้าชายท่านก็เลยอธิษฐานว่าหากเรามีบุญญาธิการจริง ขอให้น้ำผึ้งจากรวงรังที่อยู่ตรงชายคาช่วยหยาดลงมาหล่อให้เรือสามารถแล่นต่อไปได้ ก็ปรากฏว่า น้ำผึ้งนั้นก็ไหลลงมาหล่อลื่นให้จริงๆ ค่ะ นับแต่นั้นมาท่านก็เลยได้ชื่อว่าเจ้าชายสายน้ำผึ้งนั่นเองงงงงงง
พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่และใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา หน้าตักกว้าง 20 เมตรเศษ สูง 19 เมตร เคยได้รับความเสียหายในสมัยเสียกรุง แต่ก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาโดยตลอด
จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. 2497 ได้โปรดเกล้าให้บูรณะใหม่หมดทั้งองค์ และพระราชทานนามใหม่ว่า พระพุทธไตรรัตนนายก หรือที่รู้จักกันในหมู่พุทธศาสนิกชนชาวไทยเชื้อสายจีนว่า หลวงพ่อซำปอกง
คำว่า พแนงเชิง มีความหมายว่า นั่งขัดสมาธิ ฉะนั้น คำว่า วัดพนัญเชิง / วัดพระแนงเชิง หรือ / วัดพระเจ้าพแนงเชิง จึงหมายถึงวัดแห่งพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัยคือ หลวงพ่อโต หรือ พระพุทธไตรรัตนนายก นั้นเอง หรืออาจสืบเนื่องมาจากตำนานเรื่องพระนางสร้อยดอกหมาก คือ เมื่อพระนางสร้อยดอกหมากกลั้นใจตายนั้น พระนางคงนั่งขัดสมาธิ เพราะชาวจีนนิยมนั่งขัดสมาธิมากว่านั่งพับเพียบจึงนำมาใช้เรียกชื่อวัด บางคนก็เรียกว่า วัดพระนางเอาเชิง ตามสาเหตุที่ทำให้พระนางถึงแก่ชีวิต ฉะนั้น ถ้าเรียกนามวัดตามความหมายของคำว่า วัดพนัญเชิง ก็ย่อมหมายความถึงวัดที่มีพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิ คือหลวงพ่อโต (อ้างอิงจากประวัติวัดพนัญเชิงข้อมูลของทางวัดในปัจจุบัน )
ในส่วนของหลวงพ่อซำปอกงนั้น เคยมีหนังสือบางเล่มบอกว่า หมายถึงขันทีที่ยิ่งใหญ่ของจีนท่านหนึ่ง (ที่บางคนเชื่อว่า ท่านพบอเมริกาก่อนโคลัมบัสซะอีกค่ะ) นั่นก็คือ เจิ้งเหอนั่นเอง
ข้อมูลต่อไปนี้จากวิกิฯ นะคะ
เจิ้งเหอเดิมทีนั้นเจิ้งเหอมีชื่อว่า "ซานเป่า" แซ่หม่า เกิดที่มณฑลยูนนาน ซึ่งเป็นเขตแดนของมองโกลทางตอนใต้ของประเทศจีน เมื่อปี ค.ศ. 1371 มีชื่อมุสลิมเป็นภาษาอาหรับว่า มูฮัมมัด อับดุลญับบารฺ เกิดในตระกูลขุนนางมุสลิม เซมูร์
แต่ก่อนแซ่หม่าเรียกว่าหม่าเหอ เจิ้งเหอมีพี่น้อง 5 คนเป็นชาย 1 คน หญิง 4 คน เมื่อหม่าเหออายุได้ 12 ปี ตรงกับช่วงที่กองทัพของจักรพรรดิหงหวู่หรือจูหยวนจาง ปฐมราชวงศ์หมิงนำกำลังทัพเข้ามาขับไล่พวกมองโกลที่มาตั้งราชวงศ์หยวนออกจากประเทศจีน ทำการยึดครองยูนานเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรหมิงได้สำเร็จ ในเวลานั้นหม่าเหอได้ถูกจับตอนเป็นขันทีมีหน้าที่รับใช้เจ้าชายจูตี้ จนได้รับความไว้วางใจอย่างสูง ช่วงสงครามแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างเอี้ยนหวังจูตี้กับหมิงฮุ่ยตี้ กษัตริย์ที่สืบราชบัลลังก์ต่อจากหมิงไท่จู่ เจิ้งเหอมีส่วนสำคัญช่วยให้จูตี้ได้รับชัยชนะขึ้นสู่บัลลังก์เป็นจักรพรรดิหมิงเฉิงจู่ มีชื่อรัชกาลว่า "หย่งเล่อ" และได้รับการสนับสนุนเป็นหัวหน้าขันที ต่อมาได้รับพระราชทานแซ่เจิ้ง จึงเรียกขานว่า "เจิ้งเหอ" แต่ชื่อที่รู้จักกันดีก็คือ "ซันเป่ากง" หรือ "ซำปอกง"
การเดินเรือสำรวจทางทะเลในระยะเวลา 28 ปี กองเรือของเจิ้งเหอออกสำรวจทางทะเลรวม 7 ครั้ง เดินทางมากกว่า 50,000 กิโลเมตร ท่องต่างแดนมากกว่า 37 ประเทศ เริ่มต้นเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1405 (พ.ศ. 1948) ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราชแห่งราชวงศ์อู่ทองปกครองกรุงศรีอยุธยา เจิ้งเหอทำหน้าที่ผู้บังคับกองเรือสำเภาขนาดใหญ่ เรียกว่า "เป่าฉวน" แปลว่า "เรือมหาสมบัติ" ต่อขึ้นที่เมืองนานกิง อดีตเมืองหลวงอันเก่าแก่ของจีนเป็นอีกสถานที่หนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของ "อู่ต่อเรือ" ใช้ในการเดินเรือของเจิ้งเหอ เรือมหาสมบัติของเจิ้งเหอยาว 400 ฟุต ขนาดใหญ่กว่าเรือซานตา มาเรีย ของโคลัมบัสที่ยาวเพียง 85 ฟุต ถึง 5 เท่า
ตอนเราไปเขากำลังทำพิธีห่มผ้าองค์พระกันอยู่เลยค่ะ เขาจะเอาชายผ้ามาให้คนที่อยู่หน้าองค์พระได้คลุมหัวและอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
ถ้าใครสนใจ ถ้าหันหน้าเข้าองค์พระ ก็ขวามือค่ะ มีผ้าให้บูชาสำหรับห่มให้ท่านนะคะ
ผืนละ 140 บาทค่ะ
เมื่อหันหน้าเข้าองค์พระเรียบร้อยแล้ว หันไปทางซ้ายมือ จะเป็นที่สำหรับบูชาพระค่ะ จำได้ว่าตอนประถมที่มาที่นี่ครั้งแรก แม่บูชาเหรียญไปให้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ไหนแล้วหละค่ะ
ติดกันก็มีที่สำหรับรับใบเซียมซีและบริจาคค่ะ
นอกจากนั้นก็ยังมีการยกช้างเสี่ยงทายด้วยค่ะ
ที่จริงก็รู้ว่า วิถีนี้ไม่ใช่พุทธแท้ๆ อะนะคะ แต่ขอ (กระซิบ) บอกว่า เท่าที่ผ่านมา เราเคยถามที่วัดพระพุทธบาทสระบุรีแล้วก็ที่ไหนอีกก็ไม่รู้อะค่ะ ขอบอกว่า "แม่นมากมายยยยยย" แหะๆ
ก็เลยขอบอกวิธีเสี่ยงทายไว้ตรงนี้เลยแล้วกันนะคะ
ที่จริงแล้วสิ่งที่น่าสนใจและสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมากนะคะ แต่เนื่องด้วยวันนั้นเสียเวลาไปค่อนข้างเยอะแล้วก็เลยไม่ได้ไปค่ะ รีบออกมาก่อน ก็เลยไม่ได้เก็บภาพมารีวิวเลยค่ะ
ตรงกำแพงรอบๆ ตัวอาคารทั้งหลาย เพิ่งเห็นว่าเป็นภาพนูนต่ำเรื่องรามเกียรติ์ด้วยค่ะ
สำหรับทริปไหว้พระเก้าวัด ก็คงจบแต่เพียงเท่านี้นะคะ แต่ว่าที่จริงยังมีรีวิวโรงแรมตอนไปพักจริงอีกค่ะ ทว่า...บล็อกหน้าขอพาไปหม่ำๆ กันบ้างนะคะ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชโน่นอะค่ะ อิอิ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ
925385+53617+17431+5188+44977=1,046,598/6717/619
Create Date : 08 กันยายน 2554 |
|
60 comments |
Last Update : 8 กันยายน 2554 8:01:26 น. |
Counter : 10872 Pageviews. |
|
|
|
ขอตามมาไหว้พระทำบุญด้วยคนค่ะ
ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะคะ