#### รีวิวเที่ยวเกาะหลีเป๊ะแบบ One Day Trip - ตะรุเตา เกาะไข่ หลีเป๊ะ หินงาม อาดัง ร่องน้ำจาบัง ####
สวัสดีฮ้าบบบบ
หลังจากรีวิวทริป Meet the Bloggers Chapter 2 ณ ตรังและสตูลมาแล้วดังนี้
วันนี้จะพาไปเที่ยวหลีเป๊ะแบบ One Day Trip กันบ้างนะคะ ร้อนๆ แบบนี้มันต้องทะเลเซ่...ชิมิชิมิ เป็นเอนทรี่ที่เข้าร่วมโครงการ ร่วมกิจกรรม "บล็อกแก๊ง...สวัสดีปีใหม่ไทย" อีกหนึ่งเอนทรี่นะคะ เพราะการหนีร้อนสำหรับเรา..ทะเลก็เป็นเป้าหมายแรกเสมอ เย้ๆ (นี่ไปตรัง-สตูลเพิ่งกลับมา คิดถึงทะเลอีกแระ เหอๆ)
โดยเอนทรี่นี้นั้นภาพใต้น้ำส่วนใหญ่อนุเคราะห์โดยกล้องจากลุงอ้วน กินกะเที่ยว และมีภาพส่วนหนึ่งมาจากน้องอ้น เพจ OnTable นะคะ (สัญญาว่าถ้าได้กล้องใต้น้ำจากบล็อกแกงค์ จะจัดทริปดำน้ำดูปะการังเพื่อกล้องที่ได้มาโดยเฉพาะแล้วรีวิวให้เพื่อนๆ ดูบ้างค่ะ )
เช้าวันนั้นออกเดินทางจากโรงแรมเรือรัษฎา จ.ตรัง ราวๆ เจ็ดโมงนิดหน่อยค่ะ ก็ไปถึงที่ท่าเรือปากบาราที่เราต้องลงเรือสปีดโบ๊ทตอนก่อนเวลาเก้าโมงนิดหน่อย ไปถึงเร็วขนาดที่เรือยังเตรียมของไม่เสร็จค่ะ ก็เลยถ่ายรูปฆ่าเวลารอกันไป อิอิ
ที่จริงตอนผ่านตรงเคาน์เตอร์ที่เก็บค่าธรรมเนียมท่าแล้ว จะมีชาวท้องถิ่นถ่ายรูปเพื่อติดจานขายสำหรับขากลับด้วยนะคะ (ใบละร้อยบาทค่ะ) แล้วก็มีขนมที่เป็นเอกลักษณ์ของแถบถิ่นนี้ด้วยค่ะ คือ บุหงาบุดะ ซึ่งแต่เดิมจะทำกินกันเฉพาะในช่วงของเทศกาลฮารีรายอค่ะ แต่ปัจจุบันมีขายตลอดแล้วนะคะ แต่ขอบอกว่า วันนั้นพอกลับมา ส่วนใหญ่เก็บร้านหมดแล้วค่ะ เหลืออยู่ร้านเดียวเองง่ะ ซึ่งก็ใส่กล่องพลาสติกธรรมดา เลยซื้อมาฝากใครไม่ได้เลย แหะๆ
ได้เวลาอันพอสมควรแล้วก็ลงเรือกันไปค่ะ ซึ่งทางททท.ติดต่อไว้กับอาดังซีทัวร์ (คลิกเพื่อไปที่เฟซบุ๊คของเขานะคะ) ลักษณะเรือจะมีที่นั่งเป็นแถวๆ คล้ายเรือเมล์หละนะคะ แต่รอบนี้ทางททท.เหมาให้คณะของเราทั้งหมดไปด้วยกันค่ะ ค่าเรืออยู่ที่ประมาณ 28000 บาทนั่งได้ราวๆ 22-25 คนค่ะ ราคานี้ยังไม่รวมค่าอาหารกลางวันนะคะ อาหารกลางวันส่วนใหญ่จะเป็นอาหารกล่อง แต่วันนั้นทางททท.จ้างให้ทำเป็นลักษณะบุฟเฟท์ให้แทนค่ะ แต่ถ้าซื้อแบบจอยทัวร์ก็มีราคาคนละ 1900 บาทรวมอาหารกลางวัน (แบบกล่อง)
หน้าตาของเรือที่นำพาพวกเราท่องเที่ยววันนี้ค่าา
จากนั้นใช้เวลาเดินทางราวๆ 30-40 นาทีก็ถึงจุดแรกค่ะ คือ ตัวเกาะตะรุเตา ซึ่งอยู่ห่างจากท่าเรือราว 22 กิโลเมตรนะคะ ที่นี่จะมีที่พักของอุทยานแห่งชาติฯ ด้วยค่ะ แต่พวกเราแวะมาสักการะศาลเจ้าพ่อตะรุเตาและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันค่ะ ไกด์บอกว่า ที่นี่มีคลองจระเข้ซึ่งไปสิ้นสุดที่ถ้ำจระเข้ด้วยนะคะ
ที่นี่เคยเป็นอดีตคุกที่ใช้กักขังนักโทษและนักโทษการเมืองนะคะ ถ้าต้องการอ่านเพิ่มเติมก็คลิกลิงก์นี้ ดูนะฮับ
เอาแผนที่ของเกาะทั้งหมดที่ถ่ายมาจากตรงที่ใกล้ๆ ที่จำหน่ายบัตรมาให้ดูว่าเราต้องเดินทางไปไหนอย่างไรบ้างนะคะ
จากนั้นก็เดินทางไปยังจุดหมายต่อไปคือเกาะไข่ ค่ะ ระหว่างทางไกด์ประจำเรือชี้ให้ดูว่านั่นคือลังกาวี แล้วนะ จะเห็นเป็นเกาะจางๆ อยู่ทางด้านซ้ายมือค่ะ
และจากนั้นไม่นานก็ถึงเกาะไข่ แล้วค่ะ ถ่ายภาพโดยรวมของเกาะ (ที่ถ่ายยากมาก คือ สปีดโบ๊ทอะนะคะ กระโดดตลอดๆ) มาให้ดูกันก่อนนะฮับ
จากรูปนี้ทางขวามือสุดนี่ก็คือสัญลักษณ์ของเกาะนี้แล้วค่ะ แฮ่...
เรือค่อยๆ เข้าไปเทียบหาดค่ะ ซึ่งจะทำให้ซุ้มประตูแห่งรัก ณ เกาะไข่อยู่ทางด้านซ้ายมือ (ถ้าหันหน้าเข้าเกาะ) ซุ้มนี้เค้าก็มีความเชื่อว่า ถ้าคู่รักไหนมาลอดซุ้มด้วยกันก็จะรักกันยืนนาน แต่ถ้าโสดก็จะเจอคู่...มิน่า น้ำขึ้นไม่ให้อิชั้นลอดได้...หึๆ แงๆ
สำหรับที่มาของชื่อเกาะนั้น มาจากการที่ทุกๆ ปี เกาะแห่งนี้จะมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่กัน หรือบางคนก็บอกว่าเป็นเพราะหาดทรายมีสีนวลคล้ายเปลือกไข่ก็เป็นที่มาของชื่อเกาะเช่นกันค่ะ
ที่เกาะนี้ฮาตรงที่ตอนพี่ติ๊ก ททท.ตรัง-สตูลมาเล่า มีหยอดมุขว่าคนไหนที่จะมาเส้นทางนี้ให้ตัดเล็บก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวมาเกาะไข่ ไข่มันจะถลอก (เรางี้ฮาลั่น ขณะที่ชื่นยังงงอยู่ 555)
หลังจากถ่ายรูปเก็บภาพอันสวยงามกันเรียบร้อยแล้ว ทางเรือก็แจ้งว่าจะพาไปขึ้นเกาะหลีเป๊ะเพื่อรับประทานอาหารกลางวันกันก่อนเลยนะคะ แล้วก็มีเวลาให้เที่ยวหลีเป๊ะก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยไปดำน้ำค่ะ
ถึงหลีเป๊ะก็ตอน 11 โมงกว่าๆ ยังไม่เที่ยงดีฮับ ขึ้นหาดด้านหลังนะคะ ไม่ใช่หาดพัทยาอ้ะ
ตอนเห็นภาพหลีเป๊ะครั้งแรกนี่ ยอมรับว่าอึ้งค่ะ มัน...เปลี่ยนไปจากเมื่อยี่สิบปีที่แล้วไปมากจริงๆ จากสาวสวยใสแบบธรรมชาติ กลายเป็นสาวสวยแบบกร้านโลกไปซะแล้ว แง...
หลังจากเรือจอดเทียบหาดแล้ว ทางเจ้าหน้าที่เรือก็เตรียมอาหารไว้ให้เราค่ะ แกงเหลืองอร่อยมากๆ รสถูกใจสุดๆ ค่ะ น้ำพริกกะปิก็อร่อย อ้อๆ หาดฝั่งนี้มีห้องน้ำนะคะ แต่เสียค่าเข้าคนละ 20 บาทฮับ ส่วนที่นั่งกินข้าวก็หาร่มไม้นั่งเอาค่ะ เพราะฉะนั้นแนะนำว่า เอาเสื่อส่วนตัวไปก็ดีนะคะ จะได้นั่งปูกินได้สะดวกๆ กว่าค่ะ
หลังจากอิ่มเรียบร้อยแล้วก็เป็นช่วงเวลาของการฟรีไทม์ค่ะ กลุ่มเราเลือกที่จะไปเช่ารถแท็กซี่ (มันคือสามล้อพ่วงข้างมอไซค์น่ะนะคะ) โดยไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ที่พักให้โทรให้ค่ะ ราคา 50 บาทต่อคนต่อขาค่ะ (ถ้าเหมาจะตกชม.ละ 400 บาทนะคะ) เราไปกันห้าคน คือ ชื่น พี่แหม่ม อ้น พีท แล้วก็เราค่ะ เลยต้องแบ่งออกเป็นสองคันหละ เพื่อจะนั่งไปที่หาดพัทยากันค่ะ แล้วก็ขอเบอร์พี่คนขับไว้โทร.เรียกตอนจะกลับนะฮับ
รถวิ่งผ่านโรงไฟฟ้าขยะของที่เกาะด้วยค่ะ จากนั้นพี่แท็กซี่เค้าก็มาส่งเราตรงข้างๆ รร. Akira ค่ะ
วันนั้นแมงกะพรุนไฟเต็มหาดเลยง่าา ยังกะใครเอาเยลลี่มาแปะๆ ไว้
เดินเลาะหาดชมความงามของหาดพัทยาไปเรื่อยๆ ค่ะ (ฝั่งนี้ที่พักเยอะเชียว เท่าที่เห็นส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาตินะคะนี่)
เดินไปจนถึงวอล์คกิ้งสตรีทของเกาะค่ะ อ้นบอกว่า ตอนอ้นมาล่าสุด (ซึ่งล่าสุดกว่าเราแน่นอน) ยังไม่ได้ทำเป็นทางเดินปูนแบบนี้นะฮับ
ระหว่างเดินกลับไปที่อคีรา ผ่านคาเฟ่นี้ด้วย แต่เวลาจำกัด เลยไม่ได้ลองนั่งดื่มนั่งชิลล์เลยค่ะ เสียดายเหมือนกัน
จากนั้นเราก็เรียกแท็กซี่ให้มารับเพื่อไปส่งยังด้านบนซึ่งเป็นที่ตั้งของเม้าท์เท่นรีสอร์ทค่ะ อ้นบอกว่ามันเป็นจุดที่ถ่ายวิวลงมาได้สวย แล้วเราก็จะเดินลงไปข้างล่างกันเอง เพราะจะใกล้กับจุดนัดหมายที่เรือเราจอดอยู่อยู่แล้วค่ะ (มากับคนเคยมาแล้วก็ดีเงี้ยเนาะ แฮ่...)
ระหว่างเดินไปก็เก็บภาพบรรยากาศที่พักของที่นี่นะคะ น่าพักดีเหมือนกันเนาะ
จากนั้นก็เดินไปที่จุดชมวิวที่สามารถถ่ายเก็บภาพสันทรายได้ค่ะ สวยเชียวอ้ะ
ระหว่างเดินลงไปที่หาดก็แวะซื้อน้ำดื่มที่ร้านค้าของรีสอร์ทค่ะ (น้ำอัดลมกระป๋องละ 35 บาทนะคะ) ก่อนจะเดินลงไปที่หาดด้านล่าง...เราชอบทะเลจริงๆ นะ มองแล้วสบายใจดีค่ะ
ถ่ายย้อนกลับไปยังเมาท์เท่นรีสอร์ทที่เราจากมาค่ะ เราว่าทำเลของที่นี่ดีอะเนาะ
จากนั้นก็ไปขึ้นเรือเวลา 13.30 น.ตามนัดหมายค่ะ เพื่อไปยังจุดหมายต่อไปกับเกาะหินงาม ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากเกาะหลีเป๊ะแค่ 10 นาทีเองหละค่ะ
ที่เกาะนี้มีความพิเศษคือ เป็นเกาะที่มีแต่หินล้วนๆ จริงๆ ค่ะ (ไกด์เตือนให้ใส่รองเท้าลงไปนะคะ ซึ่งควรปฏิบัติตามค่ะ) แล้วก็ห้ามเรียงหิน ห้ามนำหินออกจากเกาะ (เรื่องนำหินออกจากเกาะนี่เราเชื่อสนิทใจเลยค่ะ เพราะยี่สิบปีที่แล้วตอนมาที่นี่ครั้งแรก มีลูกทัวร์ที่ไม่เชื่อ แอบเอาหินกลับมา ขากลับ เราเจอคลื่นสูงสองสามเมตร จนคนขับเรือบอกพี่ไกด์ให้มาถามว่าให้ที่เอาหินจากเกาะมาให้เททิ้งลงทะเลด้วย เจ้แกเลยเดินไปทิ้ง จากนั้นคลื่นก็สงบค่ะ เหอๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เจอมากับตาเลยง่ะ)
แล้วไปตอนบ่ายตอนนั้นนี่...หินกำลังร้อนได้ที่เลยนะคะ นั่งถ่ายรูปลำบากเชียวแหละ แหะๆ เพราะงั้นใส่รองเท้าไปก็ดีค่ะ จะได้เดินสะดวก ไม่ร้อนเท้าด้วยนะคะ
หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาที่เรารอคอยค่าาา การไปดำน้ำนั่นเองงงงงง
โดยจุดแรกที่เราไป จะเป็นการให้ลองใช้สน็อคเกิ้ลก่อนค่ะ
ช่วงนี้ชี้แนะ+สาวไกด์'s TIP การใส่ชูชีพ : ถ้ามีไซส์ให้เลือก ควรเลือกที่ขนาดพอดีตัว ไม่เล็กเกินไป และไม่หลวมเกินไปนะคะ ควรมีสายที่ด้านหลัง สำหรับลอดใต้ระหว่างขาขึ้นมาเพื่อผูกติดกับปลายด้านล่างของชูชีพด้านหน้า โดยควรให้กระชับกับระหว่างขาพอควร ไม่ปล่อยหย่อนเกินไป (หรือตึงเกินไปเพราะจะเจ็บนะฮับ) เพื่อเวลาลงน้ำ เมื่อน้ำจะดันชูชีพให้ลอย จะทำให้ชูชีพไม่ลอยขึ้นมาสูงเกินไปจนทำให้ดำน้ำไม่ราบรื่นนะคะ เครดิตรูป : //www.outdoor.co.th
การเลือกและการใส่สน็อคเกิ้ล : 1. ให้เก็บผมให้เรียบร้อย อย่าให้มีผมตกลงมาในบริเวณกรอบหน้าเด็ดขาด (ใช้หนังยางมัดแล้วใช้หมวกว่ายน้ำสวมทับอีกทีก็ได้ค่ะ) 2. ให้เลือกหน้ากากสน็อกเกิ้ล โดยดูขนาดให้เหมาะกับใบหน้าตัวเอง (ส่วนใหญ่เป็นไซส์มาตรฐานอยู่แล้วค่ะ) จากนั้นให้ลองกดฝาหน้ากากเข้ากับใบหน้าตัวเอง (ตัวหน้ากากต้องครอบตั้งแต่หน้าผากจนถึงใต้จมูก/เหนือริมฝีปาก) โดยยังไม่ต้องใช้สายรัด ตัวหน้ากากจะต้องอยู่ติดกับใบหน้าแม้จะปล่อยมือออก (คล้ายๆ กับเป็นสูญญากาศ - ขั้นตอนนี้ต้องหายใจทางปากแล้วนะคะ) เพราะแสดงว่าตัวกรอบหน้ากากยังเกาะใบหน้าได้ดี ทำให้น้ำไม่เข้าในระหว่างการดำน้ำค่ะ 3. จากนั้นให้ดึงสายรัดครอบไปจนถึงด้านหลังศีรษะ - ข้อควรระวังคือ สายรัดต้องไม่พับและต้องอยู่เหนือใบหูเสมอนะคะ ขยับสายให้กระชับกับหัวตัวเองให้เรียบร้อย (ถ้าปรับสายไม่ถนัดก็ถอดออกมาปรับให้พอดีค่ะ) 4. ให้ลองขยับท่ออยู่ในตำแหน่งที่สะดวกกับการ "อม" เข้าไปในปากค่ะ 5. การใช้ท่อหายใจ (ทางปาก) ต้องให้ตัวแผ่นวงรีแนบกับเหงือกด้านหน้าทั้งด้านบนและด้านล่าง ส่วนตัวที่เป็นแง่งออกมา จะใช้ฟันกรามในการขบเอาไว้นะคะ เพื่อให้ท่ออยู่ในปากตลอด ทำให้การหายใจทางปากได้ต่อเนื่องขณะดำน้ำค่ะ ตัวที่พ้นปากออกมาจะเป็นส่วนที่เป็นท่อแล้วเท่านั้นนะคะ เครดิตรูป : //www.truck2hand.com
6. กรณีอยู่ในน้ำแล้วเกิดฝ้าขึ้น (ซึ่งแสดงว่ามีการหายใจทางจมูกเกิดขึ้น) ให้ถอดออกมาล้างแล้วก็ใส่ใหม่ค่ะ แต่ควรถอดหน้ากากให้อยู่บนคอ ไม่ควรคาดหัว เพราะเสี่ยงต่อการตกหล่นลงในน้ำและต้องเสียค่าปรับกรณีสูญหายได้นะฮับ
ตรงเกาะแรกคือหาดทรายขาว เกาะราวีนี่อย่างที่บอกว่าเป็นในส่วนของการลองสน็อกเกิ้ลนะคะ เพราะฉะนั้นจะไม่ค่อยมีปะการังเท่าไหร่ แต่มีปลาอยู่เยอะค่ะ ที่ต้องมาลองเพราะเป็นเกาะที่มีหาดค่ะ ทำให้เริ่มใส่จากตรงหาด แล้วค่อยๆ ว่ายลงน้ำไปได้นะคะ ขณะที่จุดดำน้ำจริงๆ จะไม่มีหาดค่ะ ลงจากเรือก็ต้องว่ายน้ำและดำน้ำเลย
จากนั้นก็ลงดำน้ำที่จุดแรกกันค่ะ รู้สึกว่าจะชื่อเกาะยาวนะคะ (หรือเกาะยางหว่า ในแผนที่ที่ตะรุเตามีแต่ชื่อเกาะยางอะนะคะ) ที่นี่จะเป็นพวกปะการังผักกาดเป็นแผ่นๆ เป็นส่วนใหญ่ค่ะ แล้วก็มีพวกหอยมือเสือ ปลาการ์ตูนให้ดูด้วยนะฮับ (ขอบคุณกล้องโกโปรจากลุงอ้วน กินกะเที่ยวด้วยนะคะ ที่ทำให้ได้รูปมาฝากกันค่า) ส่วนใหญ่เราถ่ายจากบนผิวน้ำ จะเป็นการเห็นในระยะไกลหน่อยนะคะ
ส่วนรูปปลาการ์ตูนหรือปะการังแบบใกล้ๆ นี่ ได้น้องไกด์ที่ชื่อดีนช่วยดำลงไปถ่ายให้ค่ะ ต้องขอบคุณน้องด้วยที่ทำให้ได้ภาพสวยๆ มานะคะ
มาดูเป็นภาพเคลื่อนไหวกันค่ะ
VIDEO
จากนั้นก็ไปยังจุดต่อไปค่ะ กับร่องน้ำจาบัง เราจะไปดูปะการังเจ็ดสีกันค่าา
ตรงนี้จะมีเชือกที่เป็นกากบาทอยู่สำหรับเกาะชมปะการังเจ็ดสีนะคะ เรือเราต้องเอาเชือกไปผูกกับเชือกกากบาทนั้นอีกที จากนั้นเวลาลงไป เราต้องเกาะเชือกแล้วว่ายตามเชือกของเรือเราไปสู่เชือกที่เขาขึงไว้ค่ะ โดยทางไกด์ได้แจ้งข้อควรปฏิบัติ ดังนี้นะคะ
1. เวลาข้ามเชือก ให้เอาตัวข้ามไปบนเชือกเสมอ ห้ามเอาตัวลอดใต้เชือกเด็ดขาด
2. ต้องเกาะอยู่กับเชือกตลอดเวลา เพราะน้ำไหลและค่อนข้างแรง
3. ให้ดูกระแสน้ำ ถ้ากระแสน้ำไหลจากซ้ายไปขวาต้องอยู่ที่หลังเชือกฝั่งขวา (ใต้น้ำ) ห้ามอยู่ทางซ้ายที่เป็นเหนือเชือก เพราะกระแสน้ำจะดันเราให้ติดกับเชือก
มามะ ไปชมปะการังเจ็ดสีกันค่ะ มีด้วยกันสองจุดนะคะ
ภาพเคลื่อนไหวแบบเราถ่ายเอง แต่อยู่ผิวน้ำ เลยไม่ใกล้เท่าไหร่ค่ะ
VIDEO
ส่วนอันนี้เป็นน้องดีนดำลงไปถ่ายให้ แต่น้องกลับหัวกลับหางกล้องอ้ะ แต่สีชัดเจนมาก เลยเอามาให้ดูทั้งอย่างนี้นะคะ แหะๆ
VIDEO
ปิดท้ายการดำน้ำด้วยกล้องฟูจิของน้องอ้นจากเพจ OnTable นะคะ นี่แหละค่ะที่ทำให้อิชั้นอยากได้กล้องใต้น้ำบ้างง่าาา ถ้าจะถ่ายได้สวยขนาดเน้ (แต่ต้องหัดดำน้ำลงไปถ่ายให้ได้ด้วยนะเจ๊นะ แฮ่...)
หลังจากนั้นก็นั่งเรือกลับมายังท่าเรือปากบาราค่ะ ใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ นะฮับ ซึ่งมาถึงฝั่งก็หกโมงเย็นแล้ว ห้องสุขาน้ำไม่ไหลแล้วค่ะ เลยเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ได้เลยง่ะ ต้องไปกินอาหารเย็นแบบเปียกๆ ฮาา แต่พวกเราหาหวั่นไม่ค่ะ สบายมากอยู่แล้ว ชิลล์
จากนั้นททท.ก็พาเราไปกินอาหารเย็น ณ ร้านอาหารทางเลือกค่ะ ซึ่งอยู่ห่างจากท่าเรือไม่เกิน 10 นาทีนะคะ อาหารทะเลวัตถุดิบสดดีค่ะ ส่วนเรื่องรสชาติ เราชอบแซ่บ รสชัดเจนกว่านี้อะนะคะ แหะๆ
อ้อ ถ้าใครอยากกินหอยที่มีเฉพาะสตูล (หอยตะเภา หอยท้ายเภา หอยเภา) และแถบถิ่นนี้ๆ ร้านนี้ก็มีด้วยนะคะ แต่ต้องเช็คเรื่องฤดูกาลนะคะ เพราะไม่ได้มีตลอดทั้งปีค่ะ ช่วงที่เราไปนี่ก็ท้ายฤดูแล้วน่ะนะฮับ
เอนทรี่นี้ก็เพียงเท่านี้นะฮับ เอนทรี่หน้าจะไปไหนอะไรยังไงกันต่อ โปรดติดตาม
ปฏิทินธรรม
วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน 2559 1. ฟังธรรมเสวนา เรื่อง งานสัมฤทธิ์ ชีวิตรื่นรมย์โดย ท่าน ว.วชิรเมธี
เวลา 14.00 -15.30 น.ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ (ใกล้สถานทูตจีน)
https://www.facebook.com/v.vajiramedhi/photos/a.290267315876.154324.180070180876/10153490872720877/?type=3&theater
วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน 2559
1. งานทำบุญครบรอบ 21 ปี ศูนย์การค้า แฟชั่นไอส์แลนด์ ถวายภัตตาหาร และทอดผ้าป่า 15 วัด เวลา 6.30 น. ณ ศูนย์การค้า แฟชั่นไอส์แลนด์ คันนายาว กทม.
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.335848433125466.75888.335629013147408/1110969598946675/?type=3&theater
2. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)
วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2559 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่) 1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น. ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ //www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447 2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ณ. วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯ
https://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/
วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน 2559
1. พระอาจารย์มานพ อุปสโม แสดงธรรมและนำปฏิบัติกรรมฐาน
ตั้งแต่เวลา 9.30 น. - 15.00 น.
ณ ศาลาไตรสิกขา บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2
ปฏฺิทินธรรมบ้านจิตสบาย
//www.jitsabuy.com/calender.html
วันอาทิตย์ที่ 12 และ 26 มิถุนายน 2559 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน) 1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2559 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)
1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม พระเถระวัดป่ากรรมฐาน เมตตารับบาตร โดย เว็บไซต์บ้านอารีย์ //www.baanaree.net
กิจกรรมอื่นๆ ของบ้านอารีย์ //www.baanaree.net/e_news/enews87.html
วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2559
1. พระราชทานเพลิงศพ พระญาณวิศิษฏ์ (หลวงพ่อทอง จันทสิริ) วัดอโศการาม
ณ เมรุชั่วคราววัดอโศการาม เวลา 15.00 น.
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.335848433125466.75888.335629013147408/1106788246031477/?type=3&theater
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ1,469,696+3343745 =4813441/12199/1132
Create Date : 30 พฤษภาคม 2559
Last Update : 30 พฤษภาคม 2559 8:18:28 น.
46 comments
Counter : 5346 Pageviews.
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog