เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 5 ยุคต้น ซึ่งมีรูปทรงเป็นแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป หรือทรงขนมปังขิง ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น หลังคามุงด้วยไม้เรียกว่า ไม้แป้นเกล็ด ไม่มีหน้าจั่วเป็นแบบหลังคาเรือนปั้นหยามีมุขสี่เหลี่ยมยื่นออกมา ด้านหน้าของตัวอาคารหลังคามุขมีรูปทรงสามเหลี่ยมทั้งปั้นลมและ ชายคาน้ำรอบตัวอาคารประดับด้วยไม้แกะ ฉลุสลักลวดลายอย่าง สวยงามซึ่งเป็นฝีช่างชาวจีนที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น
มุขด้านหน้าตัวอาคารแต่เดิมมีบันไดขึ้นลงทั้ง 2 ด้าน คือด้านทิศเหนือและด้านทิศใต้ (ปัจจุบันรื้อออกแล้ว)คงเหลือบันไดขึ้นลงเฉพาะด้านหน้าและด้านหลัง เท่านั้น ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐถือปูน มี 2 ชั้น ไม่มีการฝังเสาเข็มแต่ใช ้ไม้ซุงท่อน ส่วนใหญ่เป็นไม้แก่น ไม้แดง และไม้เนื้อแข็ง รองรับฐานเสาทั้งหลัง ภายใต้ตัวอาคารซึ่งสูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร
คุ้มเจ้าหลวงแห่งนี้เคยใช้เป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เมื่อคราวที่เสด็จมาเยี่ยมเยียนราษฎรจังหวัดแพร่ ในระหว่างวันที่ 15 - 17 มีนาคม พ.ศ. 2501 และได้รับพระราชทานรางวัล จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีให้เป็นสถาปัตยกรรมดีเด่นประเภทอาคารสถาบันและสาธารณะ
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่อีกหนึ่งส่วนที่น่าสนใจและแปลกกว่าอาคารไหนๆนั่นก็คือ ส่วนคุมขังนักโทษหรือคุกในชั้นใต้ดิน ที่แบ่งเป็นคุกปีกซ้ายและปีกขวาเป็นห้องมีแสงส่องบ้าง เอาไว้คุมขังผู้ที่ทำความผิดสถานเบา(ลหุโทษ) โดยที่คุกปีกขวามี "ตูบผี" ช่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กที่เอาไว้หย่อนอาหารให้นักโทษด้วย ส่วนผู้ที่ทำผิดร้ายแรง ผิดสถานหนักจะถูกคุมขังในคุกมืดที่ห้องกลาง สำหรับการเข้าชมในคุกใต้ดินนั้น เขามีเคล็ดอยู่ว่า อย่าเดินหน้าหันหน้าเข้าคุกแต่ให้เดินถอยหลังเข้าคุกแทน ส่วนตอนออกก็เดินหน้าออกมาอย่าหันหลังไปมองคุก เพราะอาจจะทำให้ต้องโทษเข้าคุกในอนาคตได้
ที่นี่ก่อนขึ้นไปเข้าชม ต้องถอดรองเท้าด้วยนะคะ ประตูทางขึ้น หากหันหน้าเข้าอาคารจะเป็นประตูทางขวามือค่ะ แล้วก็จะพบกับทางเดินตลอดตัวความยาวอาคารตามภาพ โดยจุดแรกที่มัคคุเทศก์น้อยพาเราไปชมคือโมเดลของคุ้มหลังนี้และโมเดลผังเมืองแพร่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คุ้มเจ้าหลวงแห่งนี้จะอยู่ตรงกึ่งกลางเมืองพอดีค่ะ
ใกล้ๆ กันมีรูปถ่ายของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ และรูปถ่ายเจ้าเมืองนครต่างๆ (ที่หลายเมืองก็ไม่ใช่ของไทยแล้ว) ที่ถ่ายภาพร่วมกันนะคะ (มีกรมพระยาดำรงราชานุภาพด้วยนะคะ ภาพประวัติศาสตร์เลยทีเดียว)
มัคคุเทศก์น้อยพาเราผ่านประตูบานแรกที่ชื่อว่าประตูเมฆะวิมาน ว่ากันว่าเมื่อเดินผ่านจะได้ยศถาบรรดาศักดิ์จนถึงลูกหลานนะคะ
ผ่านประตูมาแล้วก็จะเจอกับห้องแรกค่ะ เป็นห้องรับแขกและเอาไว้รับประทานอาหารร่วมกับแขก ห้องนี้มีภาพของเจ้าหลวงพิริยวงศ์และแม่เจ้าบัวไหล ภรรยาคนที่สองของท่านด้วย (เจ้าหลวงเลิกกับภรรยาคนแรกเนื่องจากไม่มีลูกนะคะ) โต๊ะและเก้าอี้จะทำจากไม้มะฮอกกานีทั้งหมดนะคะ
ตรงกลางก็จะเป็นโต๊ะสำหรับรับประทานอาหาร ซึ่งมีถ้วยชามโบนไชน่า ทำจากกระดูกปลาวาฬญี่ปุ่น ที่เนื้อโปร่งแสงขนาดที่เอานิ้วมือไปไว้ด้านหลังก็จะเห็นเงาได้ค่ะ
ห้องต่อไปเป็นห้องรับประทานอาหารของเจ้าหลวงฯ และคนในครอบครัวนะคะ ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดแสดงตู้โบราณและเครื่องถ้วยชามค่ะ ที่พื้นจะมีช่องไว้สำหรับเก็บทรัพย์สมบัติด้วยค่ะ น้องบอกว่า เป็นการทำตามความเชื่อที่บอกว่า กินอยู่บนกองเงินกองทองนะคะ
ซึ่งจานชามในห้องนี้จะเป็นพอร์ซเลนนะคะ จะไม่ใช่โบนไชน่าแบบที่อยู่ในห้องรับแขกค่ะ ทำจากดินขาวฝรั่งเศสนะคะ
ส่วนตู้ทั้งหมดในห้องนี้จะทำจากไม้สักทอง เป็นไม้เมืองแพร่นะคะ
จากนั้นน้องก็พากลับมาที่ห้องกลางแล้วก็ผ่านประตูจั๊นคำขา นะคะ ว่ากันว่า พอเดินผ่านไปก็จะทำให้สวยยิ่งขึ้นกว่าเดิมค่ะ (สถาบันเสริมความงามจะแย่ก็เพราะประตูนี้เลยนะฮะ 555)
ลอดประตูไปปุ๊บ มุมทางฝั่งซ้ายมือจะมีรูปคนแพร่สมัยก่อนค่ะ น้องบอกว่าที่เปลือยอกนี่ก็จะเป็นคนที่แต่งงานแล้วนะคะ แล้วที่พื้นก็จะมีช่องด้วย น้องบอกว่าตรงนี้จะให้คุมขังนักโทษที่มีวิชาอาคมทั้งหลาย เพื่อที่เวลาผู้หญิงใส่ผ้าถุงเดินผ่านตรงนี้ จะทำให้อาคมของพวกเขาเสื่อมไปค่ะ
จากนั้นก็ผ่านประตูตองคำใต้ ไปยังปีกขวาของอาคารนะคะ ประตูนี้เชื่อว่าจะทำให้ประสบกับชัยชนะค่ะ แต่ก็มีวิธีด้วยนะคะ ตามคลิปนี้เลยฮับ
VIDEO
สำหรับห้องในโซนปีกขวานี้ นอกจากจะเป็นที่จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ แล้ว ที่พื้นก็ยังมีช่องทั้งหมด 6 ช่อง เพื่อให้เป็นจุดสำหรับส่งอาหารให้กับนักโทษที่อยู่ที่คุกใต้ดินนี้ด้วยนะคะ ซึ่งถ้าเรามองลงไป จะดูเหมือนตื้นๆ นั่นเพราะเมื่อตอน 2538 น้ำท่วมใหญ่ค่ะ ทำให้ดินถมขึ้นมาเพิ่มนะคะ แต่เดิมคุกจะพื้นต่ำกว่านี้ค่ะ
ปิดท้ายชั้นล่างด้วยผังของห้องต่างๆ ที่ชั้นล่างของคุ้มเจ้าหลวงแห่งนี้นะคะ
จากนั้นก็ขึ้นไปชั้นบนกันบ้างค่ะ แปะผังของชั้นบนให้ดูก่อนเลยแล้วกันนะฮับ
ห้องแรกเป็นห้องนอนของแม่เจ้าบัวไหล (กรุณาดูผังที่อิชั้นทำประกอบเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นนะคะ) ซึ่งยังมีชุดของแม่เจ้าบัวไหลแสดงให้ดูด้วยนะคะ ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก็มีรูป..อ่า..ไม่แน่ใจจริงๆ ค่ะว่ารูปหลานหรือลูกท่านนะคะ แล้วก็หวีนี่ก็เป็นของเดิมค่ะ (เจ้าบัวไหลกับเจ้าหลวงฯ มีบุตรธิดาด้วยกัน 7 พระองค์ค่ะ)
ติดๆ กันเป็นห้องนอนของเจ้าหลวงนะคะ ที่อยู่ในตู้ก็เป็นชุดของเจ้าหลวงเช่นกันค่ะ ห้องนี้เคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระบรมราชินีนาถด้วยนะคะ
เมื่อปีพ.ศ. 2501 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เคยเสด็จมาประทับที่คุ้มแห่งนี้ และนำเตียงมาด้วยนะคะ แต่หลังจากนั้นท่านเสด็จไปยังจ.น่านต่อก็นำเตียงไปด้วย ไม่ได้ทิ้งเตียงไว้ที่นี่นะคะ (น้องย้ำจนเราต้องไปหาข้อมูลแล้วพบว่า อ๋ออออ...บางเว็บบอกว่าเป็นเตียงของท่านน่ะค่ะ) จะมีรูปเตียงของท่านตั้งไว้ให้เห็นค่ะว่าเป็นอย่างไร ในหลวงกับพระราชินีเคยเสด็จที่นี่ถึง 8 ครั้ง 8 อำเภอเลยนะคะ
ต่อเป็นเป็นโซนตรงกลางด้านหน้าตึกค่ะ เดิมเป็นห้องทรงงานของเจ้าหลวงนะคะ ปัจจุบันจะมีรูปวาดและรูปปั้นครึ่งตัวของเจ้าหลวงและเจ้าบัวไหลตามภาพค่ะ
ส่วนโซนด้านหน้าของห้องกลาง แต่เดิมเป็นที่พักของแขกก่อนเข้าเฝ้าเจ้าหลวงค่ะ จะมีแหย่งช้างของเจ้าหลวงแสดงอยู่นะคะ แต่เดิมโซนนี้จะมีบันไดต่อฝั่งซ้าย-ขวาด้วยค่ะ แต่ภายหลังทุบทิ้ง แต่ยังมีร่องรอยเหลืออยู่นะคะ (ถ้าไปก็ให้น้องไกด์เค้าชี้ให้ดูเนาะ)
ส่วนทางนี้จะเป็นปีกซ้ายของโซนที่พักแขกรอเฝ้าฯ ค่ะ ถ่ายมาให้ดูเฉยๆ ไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมค่ะ แฮ่...
ส่วนที่ปีกขวาจะเป็นรูปตอนในหลวงและพระราชินีเสด็จมาที่แพร่นะคะ รวมทั้งมีรูปในอดีตบางตอนให้ดูด้วยค่ะ
ต่อไปจะเป็นห้องทางโซนปีกขวาของตึกนะคะ ห้องนี้จะเป็นห้องนั่งเล่นค่ะ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ รูปรวมบุตร ธิดา ของเจ้าหลวงและเจ้าบัวไหล ค่ะ ซึ่งมีอยู่ท่านหนึ่งที่ได้สมรสกับชาวต่างชาติด้วยนะคะ เป็นธิดาองค์ที่ห้า ซึ่งสมรสกับคุณมาร์ติน เป็นชาวเดนมาร์กซึ่งมาทำการค้าขายไม้สักที่นี่ค่ะ รูปครอบครัวนี่จะมีอยู่ทั้งสองฝั่งของบานไม้นี่นะคะ
ถัดไปเป็นห้องนอนของธิดาองค์ที่ 2 ของเจ้าหลวงและเจ้าบัวไหลค่ะ คือ เจ้าเวียงชื่นนั่นเอง น้องไกด์เล่าว่าห้องนี้เป็นห้องที่มีการทำอัตวินิบาตกรรมถึง 27 ศพด้วยกันค่ะ (อยากรู้รายละเอียดก็ไปถามน้องเค้าเอาแล้วกันนะคะ)
ที่ผนังนี่ก็คือรูปของเจ้าหลวง เจ้าบัวไหล และบุตรธิดาทั้งสิ้น 7 พระองค์ค่ะ
เสริมเกร็ดที่น้องเล่าให้ฟังนะคะ เนื่องด้วยเหตุการณ์กบฎเงี้ยว ทำให้เจ้าหลวงเสด็จหนีไปที่อื่น และถึงแก่พิราลัยที่หลวงพระบางเมื่ออายุ 73 ปีนะคะ ส่วนแม่เจ้าบัวไหลถูกจับไปเป็นตัวประกันที่กรุงเทพฯ ส่วนเจ้าอินทร์แปลงที่เป็นลูกชายคนเล็ก ถูกขังอยู่ 10 ปีค่ะ ก่อนจะปล่อยและไปอยู่คุ้มที่เชียงรายนะคะ
ห้องถัดไปจะอยู่โซนด้านหลัง ติดกับห้องนอนของเจ้าเวียงชื่นนะคะ จะมีผ้าฝีมือปักของแม่เจ้าบัวไหลจัดแสดงอยู่ค่ะ แต่ผืนนี้เป็นของจำลองนะคะ ของจริงอยู่ที่พระที่นั่งวิมานเมฆค่ะ น้องชี้ให้ดูว่า แม่เจ้าบัวไหลมีการนำปีกแมลงทับมาใช้ในการปักผ้าด้วยนะคะ
นอกจากนั้นก็ยังมีรูปของแม่เจ้าบัวถา ชายาองค์แรกของเจ้าหลวง และคุณโชติแพร่พันธ์ หรือยาขอบ นักเขียนผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่งของไทยด้วยค่ะ (ท่านเป็นบุตรชายคนเดียวของเจ้าอินทร์แปลงค่ะ)
ประตูสำหรับออกจากห้องนี้ชื่อประตูเทพไต้ค่ะ เชื่อกันว่าลอดผ่านไปแล้วจะหายเจ็บหายไข้นะคะ
ส่วนด้านหลัง น้องเล่าให้ฟังว่า เคยเป็นด่านที่พวกเงี้ยวจะทำการทดสอบว่า คนที่จะผ่านเข้ามานั้นเป็นคนแพร่จริงหรือไม่ ด้วยการให้นับมะพร้าวค่ะ ถ้าคนแพร่จะนับสั้นๆ แต่ถ้าเป็นคนที่อื่นก็จะนับยาวๆ (อย่างเชียงใหม่ - เรื่องนี้เราเคยได้ยินเหมือนกันค่ะว่า คนเชียงใหม่กับคนแพร่ ถ้าแข่งกันนับมะพร้าว คนเชียงใหม่จะแพ้ค่ะ ฮา)
ที่คุ้มแห่งนี้ก็เคยถ่ายทำหนังและละครทั้งเรื่องจัน ดารา และรอยไหมนะคะ (แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ดูทั้งสองเรื่อง ตี่งโป๊ะ!)
จากนั้นเราก็ลงไปยังชั้นล่างสุดอันเป็นที่ตั้งของคุกกันค่ะ น้องบอกว่าต้องถอยหลังเข้าประตู เพื่อเป็นเคล็ดว่าจะได้ไม่ต้องเข้าคุกนะคะ เข้าไปเจอห้องแรกนี่เป็นห้องวีดิทัศน์ค่ะ แต่ถ้าจะดูต้องทำหนังสือล่วงหน้าขอเอาไว้ก่อนนะฮับ
จากนั้นก็จะเป็นพวกรูปถ่ายต่างๆ จำลองการลงโทษนักโทษในสมัยก่อนค่ะ จากนั้นห้องตรงกลางจะมีศาลอยู่ด้วยนะคะ แล้วก็จะเป็นห้องริมที่มีช่องเชื่อมกับด้านบน 6 ช่องที่เราพาไปดูมาแล้วเมื่อกี๊
ตรงประตูด้านนี้ห้ามออกนะคะ เพราะประตูนี้ที่จริงแต่เดิมเป็นประตูที่เอานักโทษไปประหารค่ะ ควรเดินกลับไปออกประตูเดิมนะฮับ
สำหรับห้องน้ำ บนคุ้มไม่มีห้องน้ำให้นักท่องเที่ยวเข้านะคะ ต้องมาเข้าห้องน้ำที่ด้านหลังคุ้มค่ะ (หันหน้าเข้าคุ้ม เดินไปทางขวามือฮับ) ไม่ได้เข้าไปสำรวจนะคะ เพราะตอนนั้นเย็นพอควรแล้ว เราจะรีบไปแพะเมืองผีต่อน่ะ แหะๆ)
สำหรับเอนทรี่พาเที่ยวคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้นะคะ หวังว่าพอจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่จะไปเที่ยวแพร่และคุ้มเจ้าหลวงกันบ้างนะคะ
ปฏิทินธรรม
วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน 2559 1. ฟังธรรมเสวนา เรื่อง งานสัมฤทธิ์ ชีวิตรื่นรมย์โดย ท่าน ว.วชิรเมธี
เวลา 14.00 -15.30 น.ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ (ใกล้สถานทูตจีน)
https://www.facebook.com/v.vajiramedhi/photos/a.290267315876.154324.180070180876/10153490872720877/?type=3&theater
วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน 2559
1. งานทำบุญครบรอบ 21 ปี ศูนย์การค้า แฟชั่นไอส์แลนด์ ถวายภัตตาหาร และทอดผ้าป่า 15 วัด เวลา 6.30 น.ณ ศูนย์การค้า แฟชั่นไอส์แลนด์ คันนายาว กทม.
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.335848433125466.75888.335629013147408/1110969598946675/?type=3&theater
2. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)
วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2559 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่) 1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น. ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ //www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447 2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ณ. วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯ
https://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/
วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน 2559
1. พระอาจารย์มานพ อุปสโม แสดงธรรมและนำปฏิบัติกรรมฐาน
ตั้งแต่เวลา 9.30 น. - 15.00 น.
ณ ศาลาไตรสิกขา บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2
ปฏฺิทินธรรมบ้านจิตสบาย
//www.jitsabuy.com/calender.html
วันอาทิตย์ที่ 12 และ 26 มิถุนายน 2559 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน) 1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2559 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)
1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม พระเถระวัดป่ากรรมฐาน เมตตารับบาตร โดย เว็บไซต์บ้านอารีย์ //www.baanaree.net
กิจกรรมอื่นๆ ของบ้านอารีย์ //www.baanaree.net/e_news/enews87.html
วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2559
1. พระราชทานเพลิงศพ พระญาณวิศิษฏ์ (หลวงพ่อทอง จันทสิริ) วัดอโศการาม
ณ เมรุชั่วคราววัดอโศการาม เวลา 15.00 น.
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.335848433125466.75888.335629013147408/1106788246031477/?type=3&theater
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ1,469,696+3382282 =4851978/12219/1146
ว้าววววว
แปะไว้ก่อนกลัวอดเจิม
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ออมอำพัน Literature Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog
newyorknurse Home & Garden Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น