แล้วเด็กบ้านนอกคอกนา ก็บินมาอยู่ถึงนิวยอร์ค
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
12 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 
เดินย่ำต๊อกหางาน

เดินย่ำต๊อกหางาน






แสงแดดยามเช้าส่องลอดม่านหน้าต่างเข้ามาเผาหัว อยากจะผลิกตัวหมุนหนีไปอีกด้านแต่ติดผนัง ครั้นจะขยับตัวหนีลงไปอีกนิดขาก็ดันติดประตู ไม่ไหวแล้ว

“เป็นไรแก นอนไม่สบายหรือ” ก้อบงัวเงียขึ้นมาถาม
“จะให้สบายได้ไงนี่ ดูห้องแกสิ ทำไมมันแคบอย่างนี้”
“เออ...น่า ทนเอาหน่อย เดี๋ยวถ้าแกหางานได้แล้ว ค่อยไปหาห้องใหม่ ตอนนี้เพิ่งมาอย่าเว่อร์”
ก้อบปราม ทำให้ฉันเริ่มสำนึก ความสบายที่เคยติดตัวมาจากเมืองไทยแอบมาทำร้ายฉันในต่างแดน ฉันมองไปรอบๆห้อง ไม่สิ แค่ฉันหันซ้ายขวา ความกว้างไม่เกิน 1 เมตร ส่วนความยาวน่าจะ 2 เมตร ก้อบบอกว่า ปกติห้องนี้เขาเอาไว้ใช้เก็บของ แต่มาแบ่งเช่า เพื่อประหยัดค่าห้อง สนนราคา 250 เหรียญ หาที่ไหนไม่ได้แล้วในนิวยอร์คถ้าไม่ใช่นอนตามใต้ซับเวย์

อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆจนฉันทนไม่ไหว เดินไปห้องน้ำ ผ่านห้องนั่งเล่น เจอสายตาดั่งพญาเหยี่ยว ฉันก้มหน้าลงไม่กล้าสบตา

“หวัดดีครับ”
“เป็นเพื่อนก้อบหรือ”
“ครับ เพิ่งมาถึงเมื่อคืน”
“อยู่ที่นี่เดินเบาๆอย่าลงส้น อาบน้ำไวอย่านานๆช่วยกันรักษาความสะอาดด้วย”
“ครับ” ฉันรับปากแล้วรีบเดินไปห้องน้ำ ในใจเริ่มครุ่นคิด บรรยากาศของบ้านดูแปลกๆกลับมาห้องอีกครั้ง พยายามลากก้อบให้ลุก เพื่อส่งฉันไปสมัครงาน

“อีนี่ แรงควายจริงๆมาถึงไม่ทันไร ไม่พักก่อนหรือไง”
“ไม่ก้อบ ฉันไหว ฉันอยากหางานทำให้ไวที่สุด ทางบ้านฉันร้อนเงิน”
“แก..นี่มันกระเทยกตัญญูจริงๆ”
“ขอบใจเพื่อนสาว”

10 โมงเช้าของนิวยอร์ค ที่เมืองไทยคงกำลัง 3 ทุ่ม ฉันพร้อมเต็มที่ในชุดกางเกงยีนส์สีดำ เสื้อคอกลมสีดำ รองเท้าผ้าใบสีดำ ก้อบกำชับนักหนาว่าให้หาชุดเหล่านี้มาจากเมืองไทย เพราะยูนิฟอร์มของร้านอาหารไทยแทบทุกร้านในนิวยอร์คคือชุดไปงานศพ

แดดเริ่มจ้า นิวยอร์คในยามหน้าร้อนแสนอบอ้าวไม่แพ้เมืองไทย ฉันกับก้อบเริ่มออกเดินจากบ้านที่ 74St Broadway เพื่อตรงไปร้านน้ำตาลแถวๆ Elmhurst ก้อบบอกว่าที่นี่เป็นแหล่งหางาน ย่านนี้คนไทยอยู่เยอะมาก พอๆกับโก้(โก้ คือ คำเรียกคนที่มาจากประเทศแถบอเมริกาใต้) เพราะฉะนั้นๆเวลาเดินไปไหนมาไหนแถวนี้ อย่าได้ไว้ใจนินทาใครเสียงดังเด็ดขาด เพราะเคยเจอกับตัวมาแล้ว คนไทยขี้เม้าท์พอๆกับขี้อิจฉา

ถึงร้านน้ำตาลแล้ว ฉันแอบภูมิใจที่เห็นป้ายร้านมีภาษาไทยด้วย เข้าไปในร้าน มีของไทยๆขายทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขนม ของกิน ของใช้ ฉันแอบกลืนน้ำลายเอื๊อก เมื่อเห็นขนมครกของโปรด แต่พอมองดูราคาแล้วก็รีบกลืนน้ำลายกินแทน 5 คู่ 2 เหรียญ

“นี่...จดเอาให้หมดเลยนะ ทั้งเบอร์โทร ที่อยู่”
“อูย...แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่ามันอยู่ไหนมั่ง”
“หาไม่ยากหรอก เดี๋ยวฉันจะให้โทรศัพท์แกไว้นะ แล้วจะพาฝึกนั่งซับเวย์ เดี๋ยวแกก็ไปถูกเองล่ะ”
“ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ”
“เอาน่า ไม่มีไรยากเกินไปหรอก เป็นกระเทยไม่สวยยังเป็นได้ก็ต้องขึ้นรถไฟได้”
“เอ๊ะ”
กรี๊ด....ร้านนี้บี๊มากๆแกไปสมัครเลยนะ”
“บิ๊ไรงง”
“บีซี่ คริคริ ไม่รู้ล่ะสิ แบบนี้ล่ะ พวกมาใหม่ 555555”
“เดี๋ยวตบไม่แบมือ”

ฉันจดมาเกือบสิบร้านด้วยความหวังอันเรืองรอง ฉันต้องรีบสมัครงานให้ได้ ฉันคือความหวังอันอันสดใสดั่งบั้งไฟพญานาคของทางบ้าน

เดินต่อมาอีกนิดถึงซับเวย์ ก้อบบอกให้ฉันซื้อตั๋วรายเดือน 76 เหรียญ สามารถใช้ได้ไม่จำกัดแถมสามารถเอาไปใช้ต่อรถเมล์ ลิเก ตำรวจสารพัดได้หมด อิอิ พอลงไปนั่งด้านใน สภาพของรถใต้ดินไม่ค่อยโสภานัก สถานี Elmhurst ดูเก่า รถไฟก็ดูโบราณ ไม่สวย ทันสมัยเหมือนของบ้านเราหรอก

“ไม่ต้องไปกัดเขา อีนี่ ที่นี่เขามีใช้มา 100 ปีแล้ว ของเราเพิ่งมี” ก้อบเริ่มอธิบายวิธีการใช้รถให้ฉันฟังอย่างผู้เชี่ยวชาญว่า เราอยู่ย่านQueen มันคือ Uptown เวลาจะลงไปสมัครงานตามร้านไทย ซึ่งส่วนใหญ่มันอยู่ในเกาะManhattan หรือย่านBrooklyn ก็ต้องหารถไฟสายที่มันวิ่งไป Downtown ถ้ารู้ชื่อถนนที่ร้านตั้งอยู่ เราก็ดูว่าสายไหนมันผ่านหรือจอดใกล้ที่สุด เวลาลงก็ตามป้ายไป ที่นี่ดีตรงที่ป้ายชัดเจน ดูง่ายแต่ช่วงแรกให้พกแผนที่ซับเวย์ติดตัวไว้ตลอด(ขอได้ที่เจ้าหน้าที่ทุกสถานี)

“แล้วเราจะไปร้านไหนกันก่อนดี”
“ลองไปร้านในเครือเผ็ดก่อนดีม่ะ บี๊มากๆ อย่างต่ำวันล่ะ 100 เหรียญ”
“กรี๊ด ไปๆ”
“แต่แกไม่มีประสบการณ์อ่ะ ร้านนี้ใครๆก็อยากเข้า เอางี้ล่ะกัน แกสมัครตำแหน่ง Busboy หรือ Packer ล่ะกัน”
“ทำไรมั่งอ่ะ”

“เออ...ลืมบอกไป ที่นี่นะ Busboy เก็บให้ไวใจต้องกล้า คือลูกค้ากินไรเสร็จเก็บจานออกให้หมด คอยเติมน้ำและไล่ลูกค้า Runner คือยกระห่ำเร็วกว่านรก ยกอาหารทุกชนิดที่ลูกค้าสั่งออกมาเสริ์ฟ Packer คือพวกที่คอยแพ็คอาหารเวลาลูกค้าสั่งทูโก Wait อันนี้ใครๆก็อยากเป็น เดินฉุยฉายถามลูกค้าว่าอยากกินไร พยายามคะยั้นคะยอให้ลูกค้ากินของแพงๆงานง่าย สบาย ใครๆก็อยากเป็น บางร้านมี Host ด้วยนะ แต่ส่วนมากเป็นผู้หญิง แกถึงแม้จิตใจเป็นแต่ร่างกายและหน้าตาไม่ให้ ฉันว่าง่ายสุดเลย Busboy ดีกว่า”

“เอางั้นเลยหรือ แต่ฉันอายจัง ไม่กล้า กลัว”
“นี่...มาถึงนี่แล้วนะ ยังไงก็ต้องสมัครให้ได้ งานที่นี่ต้องเดินเข้าไปหา”

ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด พยายามควบคุมสติไม่ให้แตกกระเจิง เดินเข้าไปในร้านแรก ร้านเผ็ด(ชื่อร้านขออนุญาตเปลี่ยนแปลง เพื่อไม่ให้พาดพิงถึงใคร อิอิ) ภาพที่เห็นอยู่ข้างหน้าทำฉันแทบช็อก ฝรั่งเต็มร้านชนิดแออัดยัดเยียด มีพนักงานคอยรับออเดอร์อยู่สองคน อีกคนกำลังเก็บจานประมาณ 10 ใบได้ซ้อนๆกันเดินผ่านไปหน้าตาเฉย สวนมาอีกหนึ่งคนยกอาหารมีจานในมือซ้าย 3 ใบ มือขวามีแกงอีกถ้วยใหญ่ ฉันยืนเก้ๆกังๆจนมีชะนีคิ้วจิกตรงรี่เข้ามา

“มาสมัครงานนั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะ” ฉันรอและหวังว่าจะได้รอยยิ้ม
“นี่ใบสมัคร กรอกเลยคะ เดี๋ยวผู้จัดการจะมาสัมภาษณ์” อุ๊ย...ง่ายจัง แป๊ปเดียวกรอกเสร็จ ชายฝรั่งเดินเข้ามานั่งข้างๆเพ่งมองพินิจพิจารณาฉันยังกะดูสาวในตู้กระจก

“เคยทำงานที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า” (ขอแปลเป็นไทยเลยนะ)
“ไม่เคย เพิ่งมาจากเมืองไทย” นิ่งไปนิด

“แล้วทำงานได้วันไหน”
“ทุกวัน”
“โอเค แล้วจะติดต่อไป” จบการสัมภาษณ์ในเวลาไม่ถึง 1 นาที ฉันรับรู้ได้ชัดเจนว่าหมดสิทธิ์ รีบเดินออกมาจากร้าน

“เป็นไงบ้างแก”
“เขาไม่ค่อยถามไรเลย มีแต่มองฉันเหมือนตัวประหลาด”
“ไม่ต้องคิดมากนะ ถ้าไม่ได้ร้านนี้ เขาคัดคนที่หน้าตา ร้านในเครือนี้ใครๆก็อยากเข้า”

“ทำไมแกไม่บอกฉันก่อนล่ะ ฉันจะได้ไม่มาสมัคร”
“ถ้าฉันบอกแกก่อน แกก็ไม่ได้ประสบการณ์ดิ อย่ามัวเศร้า”
“ได้ๆ ฉันมีเวลาไม่มากกับความผิดหวัง ไปกันเถอะ"





Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 22 มีนาคม 2550 11:58:06 น. 8 comments
Counter : 1315 Pageviews.

 
แวะมาเจิมค่า


โดย: riskx_ray วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:20:21:26 น.  

 
สวัสดีค่ะ แวะมาเยี่ยม ทักทายและให้กำลังใจ
สู้สู้นะคะ......


โดย: cratrina (poockey ) วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:46:53 น.  

 
จะรออ่านตอนต่อไปนะครับ


โดย: รวยจริง วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:04:37 น.  

 
"ฉันมีเวลาไม่มากกับความผิดหวัง"
ชอบประโยคนี้จัง


โดย: ตา (Febie ) วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:26:45 น.  

 
เจ๋งอ่ะ

มาติดตามตอน2คับ

คงคล้ายๆกับผมตอนหางานทำที่กรุงเทพ...ยากมาก
ถ้าไม่มีประสพการณ์มาก่อน...

ขอให้โชคดีคับ
เดี๋ยวไปอ่านต่อตอน3

(ช่วงนี้พักพอดีคับ...)


โดย: Kurt Narris วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:5:59:45 น.  

 
เหมือนกันตอมหางานเลย ผมมาเรียน $600 หมดแล้วหมดเลย วันแรกก็โดน $93 ค่าตั๋วเดือนแล้ว เดินดะสมัครทั่วMelbourne เลย วันรุ่งขึ้นก็ได้แล้ว โชคดีไป ค่าแรงวันแรก ไม่ได้ เค้าบอกว่าให้ลองก่อน อย่างงี้โรบินอยากตาย


โดย: Woody IP: 203.122.112.22 วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:3:43:12 น.  

 
อ่านแล้วสนุกมากค่ะ

ตอนนี้กำลังจะไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย Melbourne
อะค่ะ ใครมีงานแนะนำให้ไหมค่ะ อยากใช้เวลาที่เหลือจากการเรียนภาษาทำงานไปด้วยค่ะ ไม่เกี่ยงงานเลยค่ะ ยังไงโพสแนะนำไว้ได้เลยนะค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ


โดย: นานา IP: 125.25.109.35 วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:3:18:26 น.  

 
หวัดดีจ้า พี่เจอbloggangน้องโดยบังเอิญ อ่านแล้วคิดถึงนิวยอร์คมาก ๆๆๆ เลย ตอนนี้กลับมาไทยได้ปีนึงละ อยากกลับไปแต่ติดอะไรหลายอย่างไว้โอกาสเปิดค่อยกลับไปใหม่ อ่านถึงตอนไปร้านน้ำตาล หุ หุ คิดถึงนะ แหล่งหางาน หาบ้านเพื่อจะเช่า และเป็นที่หาคนมาเช่าบ้านเราอีกที ตอนหางานที่ร้านน้ำตาล พี่ไม่จดลงกระดาษนะ ใช้วิธีเอากล้องมาถ่ายจากบอร์ดเอา เร็วดี ยืนจดนานไม่ได้ซื้อของไม่ได้เช่าหนังด้วย เกรงใจเค้า อิ อิ อิ ขวางทางเค้าอีกอ่ะ

นึกถึงตอนได้งานทำครั้งแรกที่ร้านอาหารไทย หุ หุ หุ หึ หึ ด้วย โดนหลอกทำงาน 13 ชั่วโมง ได้สูงสุด 70 เหรียญ เป็นร้านเล็ก ๆ ใน Brooklyn ก็ได้งานจากร้านน้ำตาลแหละ ก็โทรไปตามป้ายที่แปะบอร์ดไว้ 2-3 ร้าน แต่ีร้านเนี่ยะี่ตื้อเราให้ไปทำงานด้วยจัง ok เป็นร้านเล็ก ๆ เน้น togo ทำทุกอย่าง one man show ตอนแรกก็ดีใจได้ตั้ง 70เหรียญ * 40บาทไทยตอนนั้น นึกว่าได้ดีแล้ว 555 ร้านนี้ติ๊ปไม่มี ติ๊บเป็นของป้า ทั้งที่เราเป็นคนtake order บริการแขกทุกอย่าง อะนะ ไม่รู้่ว่าคนไทยที่นี่เค้าทำงานกันไงมั่ง เพราะตอนมาเมกา มาแบบ บินเดี่ยว ไม่รู้จักใครเลยในเมกา ไม่มีเพื่อน มีแต่อินเตอร์และgoogle เพื่อนรัก....พอทำไปได้สัก 3เดือน เริ่มฉลาด เริ่มมีเพื่อนคนไทย เริ่มสมัครงานใหม่ โอ้ แม่เจ้า ในที่สุดก็ตาสว่างว่าโดนหลอกกินแรงงานมาตั้ง 3 เดือน พอมาทำที่ใหม่ได้วันละ 120-150เหรียญ ทำงานแค่ 7-8 ชม เอง (พอรู้ตัวว่าป้าโกงค่าแรงเรา และโกงเงินในเก๊ะทอนเงินแล้วให้เราซ่อมให้บ่อย ๆ จนบางวันกลับบ้านวันละ 40 เหรียญทำ 13 ชม.) ตั้งแต่นั้นมาชั้นก็ไม่ไปเหยียบที่นั่นอีกเลย และบอกต่อ ๆๆๆๆกันอย่าให้เด็กใหม่ที่เพิ่งมา nyหลงไปทำงานร้านนั้นอีก แค้นนัก

ทำงานร้านอาหารส่งตัวเองเรียนอยู่หลายปี นับรวมร้านที่เคยทำมาแล้วได้ 15 ร้านในนิวยอร์ค และ 1 ร้านในนิวเจอร์ซี่ บางร้านก็ทำได้แค่ 3 วันก็ทนไม่ได้กับความตึ๋งหนืด และความอธรรม บางร้านทำยาวนานจนวันสุดท้ายก่อนกลับไทยเลย ก็เลือกไปจะเอาสบายใจ หรือว่าจะเอาตังค์ บางร้านเิงินดี แต่เพื่อนร่วมงานเลว บางร้านเงินน้อยจริง ๆแต่พี่ก็ยินดีอยู่ทำให้นานเลยเพื่อนร่วมงานน่ารัก เจ้าของร้านใจดี สบายใจ แต่กระเป๋าแห้ง

อยู่นาน ๆ เถอะน้อง อย่าเพิ่งรีบกลับมาเหมือนพี่ กลับมาแล้วแกร๊กเลย จบเมกา มาทำงานตำแหน่งผู้จัดการแถวเชียงใหม่ ให้เงินเดือน 12,000 บาท อีกที่เป็นโรงแรมหรู5ดาว ก็ให้ 12,500 หุ หุ คิดแล้วน่าหดหู่ นี่ฉันทำงานทั้งเดือน แถมเครียดอีก ได้แค่ 343 เหรียญต่อเดือนเองเหรอ (หาร 33บาท) มันเท่ากับทำงานเมกาในชนชั้นเด็กเสริฟ แค่ 2-3 วันเอง ไปที่อื่น เค้าก็ไม่รับ เหตุผลคือ สู้ราคานักเรียนจบนอกไม่ไหว บริษัทสามารถให้เงินเดือนตามตำแหน่งได้้แค่นี้ รับไม่ได้ ก็เลยไม่ทำงานให้ใครทั้งสิ้น ขอบอก หางานยากมาก ๆๆๆๆ เรยตอนนี้พี่เลยสอนพิเศษภาษาอังกฤษเอาอ่ะ 555 เงินดีกว่าเป็น ผจก. อีก

ยอมรับนะ กลับมาไทยใหม่ ๆ ปรับตัวยากมาก ๆ ทั้งๆที่เกิดและโตที่ไทย แต่ไปอยู่เมกาไม่กี่ปีเอง ไม่ได้สริตน่ะ มันเป็นจริง ๆๆๆ เมกากับไทยมันต่างกันมากโดยเฉพาะเรื่องของเงิน และ+++อิสระ+++ ตอนนี้ก็ได้แต่ทำใจให้อยู่ที่ไทยอย่างปกติสุขเหมือนตอนก่อนไปให้ได้

สู้ ๆๆ นะน้อง


โดย: พี่Annie IP: 61.19.65.216 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:33:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Be a good guy
Location :
New York CityBoy United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กจากทุ่งกุลาร้องไห้ฯฝันไกลในนิวยอร์ค
Friends' blogs
[Add Be a good guy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.