แล้วเด็กบ้านนอกคอกนา ก็บินมาอยู่ถึงนิวยอร์ค
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
หอมข้าวหอมมะลิจากทุ่งกุลาร้องไห้






“โต๊ะ A 5 เอ้าท์ครับ” ผมขานเรียกอาหารด้วยความมั่นใจ ขณะที่อีกมือกำลังใช้จอกเล็กๆตักข้าวมาวางไว้บนจาน ชั่วเวลาไม่ถึง 3 นาที แกงแดงไก่กับผัดกระเพราเนื้อก็ออกมาวางอยู่ต่อหน้า

ผมจับจานกระเพรามาวางบนมือซ้าย ก่อนคีบจานข้าว 2 ใบ ส่วนมือขวาถือแกงอย่างมั่นคง ก่อนใช้เท้าซ้ายถีบประตูออกไปอย่างรวดเร็ว



3 ทุ่มตรง ของเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเวลาที่ร้านอาหารไทยทั่วทั้งเกาะแมนฮันตันแออัดยัดเยียดไปด้วยลูกค้า ร้านที่ผมทำอยู่ก็เช่นกัน ขณะนี้ลูกค้ารอคิวล้นออกไปจนถึงริมถนน เมื่อไปถึงโต๊ะผมขานชื่ออาหารอย่างรวดเร็ว ก่อนวางจานข้าวตามลงไป

“ข้าวอะไรนี่” ลูกค้าถาม
“ข้าวหอมมะลิครับ จากดินแดนบ้านเกิดผมเอง” ผมตอบด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ก่อนหันหลังวิ่งกลับเข้าครัว พร้อมกับกองอาหารที่รออยู่เบื้องหน้า



20 ปีก่อน แผ่นดินทุ่งกุลาฯร้องไห้ตรงบ้านร้านหญ้า ต.ทุ่งหลวง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด บ้านเกิดเมืองนอนของผมได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่แห้งแล้งมากที่สุดของประเทศ หลายคนมักจดจำพื้นที่แถบนี้ด้วยภาพโฆษณาคนแก่หิ้วถังไปรอตักน้ำหรือไม่ก็ภาพแผ่นดินที่ขาดน้ำจนแตกแยกออกจากกัน ยามหน้าฝนน้ำหลากมา ดินทรายไม่อุ้มน้ำก็แห้งขอดไปอย่างรวดเร็ว ส่วนหน้าร้อนก็แห้งแล้งกันดาดารขาดแคลนน้ำ และสุดท้ายยามหนาวมาก็หนาวเหน็บเย็นยะเยือก แต่ท่ามกลางสภาพภูมิอากาศแบบนี้ กลับกลายเป็นว่าพื้นที่แถบทุ่งกุลาร้องไห้สามารถปลูกข้าวหอมมะลิได้ดีที่สุด


ข้าวหอมมะลิก้าวเข้ามาสู่หมู่บ้านเล็กๆของผมด้วยการแนะนำของทางราชการ พร้อมกับการอวดอ้างสรรพคุณว่าเป็นข้าวทนแล้ง ปลูกง่าย เกี่ยวได้ไว อาศัยน้ำน้อยแถมขายได้ราคาดี ด้วยแรงจูงใจจเพียงแค่นี้ก็ทำให้ชาวนาหันมาปลูกข้าวหอมมะลิกันแถบจะหมดทุ่ง

“ถ้ามันดีจริงปีนี้ขายข้าวเราคงได้ลืมตาอ้าปากกันเสียที เผื่อให้ลูกมันเรียนต่อ” พ่อพูดขึ้นมาขณะกำลังมวนยาสูบอยู่ที่นอกชาน
“สาธุ ขอให้มันเป็นจริงเหมือนคำหลวงท่านว่าเถอะ” แม่หันไปพูดกับพ่อด้วยแววตาแห่งความหวัง



ปลายปีนั้นทั่วท้องนาอันกว้างใหญ่ข้าวออกรวงเหลืองอร่าม ยามลมหนาวพัดมาเอื่อยๆเหมือนผมได้กลิ่นหอมจางๆของดอกมะลิ ผู้คนทั้งหมู่บ้านยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความหวังกับการรอเก็บเกี่ยวข้าวที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้



แล้ววันเกี่ยวข้าวก็มาถึง พ่อกับแม่ขนข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นทุกอย่างออกจากหมู่บ้าน เพื่อไปนอนที่เถียงนากลางทุ่ง แต่ละครอบครัวก็ทยอยออกจากหมู่บ้านไปปักหลักเกี่ยวข้าวกัน ในตอนเช้าผมต้องรีบตื่น เผื่อไปช่วยพ่อมัดข้าวที่เกี่ยวตากน้ำค้างไว้ พอสายหน่อยจึงรีบกลับมากินข้าวแล้ววิ่งไปปโรงเรียน ซึ่งอยู่ห่างจากที่นาราว 6 กิโลเมตร พอเลิกเรียนเสร็จ ผมจะแวะซื้อของใช้ที่จำเป็น เช่น น้ำปลา อาหารแห้งกลับไปด้วย เพราะกว่าจะเกี่ยวข้าวเสร็จก็กินเวลาเป็นเดือน



เกี่ยวข้าวไปได้เกือบอาทิตย์ พ่อเริ่มเอาข้าวมากองรวมกันแล้วทำเป็นลานตีข้าว วิธีการทำคือพ่อจะใช้จอบปรับลานดินให้เรียบ ก่อนผสมขี้ควายกับดินแล้วเทลาดเหมือนปูนซีเมนท์ เพียงเท่านี้เราก็จะได้ลานตีข้าวฉาบเรียบสวยสมใจ ตอนกลางคืนอาศัยแสงจันทร์ตีข้าวไปเกือบครึ่งค่อนคืน ส่วนผมและน้องๆมีหน้าที่ใช้ไม้หวดให้ข้าวหล่นทุกเม็ดหลังจากพ่อตีไปแล้ว พอได้เฟืองมาเยอะพอสมควร ผมกับน้องก็ช่วยกันสร้างเป็นซุ้มขึ้นมาข้างๆเถียงนา ก่อนย้ายที่ไปนอนด้วยความภาคภูมิใจในบ้านหลังใหม่ของตัวเอง


“ฟี๊ๆๆ” เสียงลมหนาวเร้นลอดกองฟางเข้ามา ผมกับน้องๆขดตัวในผ้าห่มด้วยความอุ่นใจ ก่อนจะได้ยินเสียงพ่อมาปลุกให้ช่วยไปมัดข้าวในตอนย่ำรุ่ง ด้วยความงัวเงียตามประสาเด็กทำให้ผมแอบนอนต่อไปอีกนิด ก่อนที่พ่อจะมาลากออกจากกองฟาง


“เกิดเป็นคน อย่าขี้เกียจ อย่านอนตื่นสาย ดูนกดูกาสิ มันตื่นกันหมดแล้ว” พ่อเริ่มสวดแต่เช้า ส่วนแม่กำลังรินน้ำข้าวลงไปที่พื้น กลิ่นหอมของดอกมะลิลอยมากระทบจมูก

“ข้าวใหม่นี่หุงยากนะ น้ำมากไปก็แฉะ น้ำน้อยไปก็ไม่สุก” จากนั้นแม่ตักเอาถ่านออกจากเตาเหลือไว้เพียงเล็กน้อยแล้วเอาหม้อข้าวขึ้นดงไว้ พอผมล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เป็นเวลาพอดีที่ข้าวเริ่มขึ้นหม้อ ผมแอบเปิดหม้อข้าวก่อนสูดกลิ่นหอมของดอกมะลิอีกครั้ง พร้อมกับใช้ช้อนตักข้าวมาปั้นใหญ่ ข้าวใหม่เหนียวนุ่มผมจิ้มกับเกลือรองท้องก่อนวิ่งออกไปตามพ่อ

ปลายเดือนธันวาคม ผมกำลังรอพ่อกับแม่ด้วยความหวัง วันนี้พ่อกับแม่เข้าเมืองเอาข้าวไปขาย จนเกือบบ่ายแก่ๆ พ่อกับแม่กลับมาด้วยรอยยิ้ม ผมเห็นเงินใบสีม่วงกับใบสีแดงหลายใบวางอยู่ต่อหน้า พร้อมข้าวของเครื่องใช้ใหม่ๆ แถมด้วยเสื้อผ้าหลายชุดที่ทั้งของน้องๆและของผมเอง พอปีต่อมาผมได้เรียนต่อ ม.ต้น ตามด้วย ม.ปลาย ก่อนสอบเข้าเรียนต่อได้ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


“เอ้า เหม่อ เหม่อ อีกแล้ว อาหารเต็มแล้ว ยกออกไปซะทีสิว่ะ” เสียงพ่อครัวตะวาดลั่นออกมาจากข้างเตา
“ครับ” ผมรีบจับจานอาหารอย่างรวดเร็ว กลิ่นข้าวหอมมะลิยังลอยมากระทบจมูก พร้อมกับภาพความทรงจำในอดีตที่ย้อนมาให้คิดถึง


“พ่อครับ แม่ครับ ถึงผมจะมาอยู่ไกล แต่ผมไม่เคยลืมว่าผมเป็นใคร ข้าวทุกเม็ดที่พ่อกับแม่ป้อนเลี้ยงผมมามันยังคงมียาง มันยังมีคุณค่าที่ทำให้ผมคิดไว้เสมอมาว่าผมจะไม่มีวันลืมบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง”







Create Date : 22 สิงหาคม 2551
Last Update : 26 สิงหาคม 2551 13:15:00 น. 9 comments
Counter : 822 Pageviews.

 
แยกแยะไม่ค่อยได้ค่ะว่าข้าวหอมมะลิจากที่ไหน

มีให้กินก็กินเรียบ

ทุ่งกุลาฯท่าทางจะไม่ร้องไห้แล้วเน้อ(ดูจากน้ำในทุ่ง)


โดย: หมอภัทร (patra_vet ) วันที่: 22 สิงหาคม 2551 เวลา:10:58:38 น.  

 
โกอินเตอร์แล้วคับ ผมก็ลูกชาวนา เห็นคุณค่าของข้าวเสมอ
ส่วนข้าวหอมมะลิที่ทุ่งกุลา ได้ยินกิติศัพท์มานาน ไม่รู้ว่าเคยลิ้มลองหรือยัง เพราะที่บ้านส่วนใหญ่กินข้าวเหนียว 555


โดย: jj (junesany ) วันที่: 22 สิงหาคม 2551 เวลา:12:10:57 น.  

 
แฮ่ๆๆ กลับมาแล้วหรือครับ หายไปนานเลยนะครับ


คนไทยเองก็ใช่ว่าจะได้กินแต่ข้าวหอมมะลินะครับ



เพราะว่าแพงจัง แฮ่ๆๆๆ



โดย: redPoTatO วันที่: 22 สิงหาคม 2551 เวลา:17:29:15 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

แอบภูมิใจด้วย



โดย: จอมยุทธเฮง วันที่: 22 สิงหาคม 2551 เวลา:23:05:31 น.  

 
แวะมาเยี่ยม หลังจากไม่ได้เข้ามาอ่านนานมั่กๆ .. ช่วงนี้ข้าวหอมราคาเริ่มลดลงแล้ว.. แต่ถึงแพงแค่ไหน ก็ต้องกัดฟันซื้อ อย่างน้อยกินข้าวอร่อยๆ จะได้ไม่รู้สึกว่า เราห่างไกลบ้านนักนะคะ..


โดย: ฟ้าสวยมาก วันที่: 23 สิงหาคม 2551 เวลา:6:40:04 น.  

 
โห๊ะๆๆๆ ดีใจเจอบล็อกคุณหมิว อ่านเรื่องคุณเคยโพสต์ (เกือบจะเป็นโรบินฮู้ด) ตั้งแต่ตอนที่โพสต์ในหน้ากระทู้โน้น ชอบมากๆ เลยค่ะได้ อ่านตั้งแต่ตอนอยู่เมืองไทยนะ ตอนนี้มาอยู่เมกาแล้ว... ขอแอดไว้หน่อยนะคะ จะได้เข้ามาทักทายบ่อยๆ


โดย: nunampeung วันที่: 24 สิงหาคม 2551 เวลา:12:01:04 น.  

 
วันนี้นึกคิดถึง เปิดเข้ามาก็ได้อ่านข้อความดี ๆ คำดี ๆ อ่านไปนึกภาพตามได้ชัดเจน เลยคะ
เราก็ได้ยินกิตติศัพท์ว่า ข้าวหอมมะลิ ต้องทุ่งกุลาร้องไห้ แต่ไม่รู้ว่าเคยได้ชิมหรือยัง เพราะตอนอยู่เมืองไทยก็ไม่ได้ซื้อข้าวเอง มาอยู่อเมริกา ก็มองหาแต่ เมด อิน ไทยแลนด์ เท่านั้น แค่เห็นคำว่า ไทยแลนด์ กินอะไรก็อร่อยแล้วหละคะ
รักษาสุขภาพนะคะ ทำงานได้เงินมา ก็เอามาแลกกับสุขภาพร่างกายที่เคยแข็งแรงไม่ได้นะคะ


โดย: แม่ไช่หก IP: 72.223.34.137 วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:14:35:07 น.  

 
เขียนได้น่าภูมิใจจนแอบน้ำตาเอ่อ...


โดย: มาม่าธัญญา IP: 217.121.50.156 วันที่: 13 กันยายน 2551 เวลา:21:46:44 น.  

 
ดีใจๆพี่กลับมาเขียน blog ต่อนะครับ

อ่านแล้วเห็นภาพเลยนะครับ


โดย: ปอนเอง IP: 58.9.19.181 วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:18:36:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Be a good guy
Location :
New York CityBoy United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กจากทุ่งกุลาร้องไห้ฯฝันไกลในนิวยอร์ค
Friends' blogs
[Add Be a good guy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.