แล้วเด็กบ้านนอกคอกนา ก็บินมาอยู่ถึงนิวยอร์ค
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
11 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
ตอน 16 ลูกค้าสารพัดพิษ


ตอน 16 ลูกค้าสารพัดพิษ

แต่อ้อนแต่ออก ใครๆก็บอกฉันว่าฝรั่งเขาปลื้มเมืองไทย ยกให้เป็นสยามเมืองยิ้ม ด้วยเพราะมาท่องทั่วทุกแคว้นแดนสยามได้รับแต่มิตรภาพและความจริงใจกลับไป ผู้คนมีความสุข ร่าเริง สดใส ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ประเทศเรายังรักษาความงดงามตรงจุดนั้นไว้ได้หรือเปล่า

ร้านอาหารไทยในต่างแดน เปรียบเสมือนประตูบานแรกที่จะเปิดทักทายทำความรู้จักกับคนแปลกหน้า ซึ่งในวันต่อไปอาจจะกลายเป็นแขกที่จะเดินทางมาเยือน ด้วยเหตุนี้ ผู้จัดการร้านช้างน้อยที่ฉันทำงานอยู่ จึงย้ำหนักย้ำหนาให้พนักงานทุกคน ยิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับลูกค้า แม้ว่าบางทียิ้มของพวกฉันนั้นจะเต็มไปด้วยความกล้ำกลืนฝืนทน ข้าเจ้าจึงขออุทิศงานเขียนทั้งหมดเหล่านี้ให้กับบรรดาลูกค้าทั้งหลายที่เคยได้ผ่านเข้ามาในวงเวียนชีวิต

คนแรกเลย ป้าจู หรือจูดี้ ป้าชอบมาทานข้าวตอนเที่ยงวัน ฉันจึงต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอยู่บ่อยครั้ง วันจันทร์ผมสีแดงเพลิงแข่งแดดมาแต่ไกล ชุดทำงานเข้ารูปก็สีแดง ปากนั้นก็แดงจัด เช่นเคยป้าจะต้องติดป้ายชื่อ พร้อมนามสกุล ตำแหน่งเสร็จสัพท์ไว้ที่หน้าอก คงกลัวถูกลืมกระมัง ตั้งแต่ฉันเข้ามาทำงานที่นี่ ใครๆก็เตือนว่าอย่าไปยุ่งกับป้าเด็ดขาด เพราะป้าขาใหญ่ ซี้กับเจ้าของร้าน ขาจริงก็ใหญ่นะ แตกลายงาด้วย ฉันแอบเห็น

“สวัสดีครับ” ฉันเดินเข้าไปทักทายด้วยความนอบน้อม สายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เชิญนั่งครับ”
“ฉันรู้ว่าฉันอยากนั่งตรงไหน” ดอกแรกปักกลางแสกหน้า
“ดื่มอะไรดีครับ”
“ฉันรู้ว่าฉันต้องการอะไร” ชิ้ง???????????? ไป 3 วิ ก่อนถอยหลังเดินออกมาแล้วรายงานต่อออย เวทชะตาขาดในวันนี้

“แกก็เป็นอย่างนี้ล่ะ อย่าไปสนใจเลย”
“คะ แบบนี้ก็ปล่อยให้นั่งเหี่ยวอยู่ตรงนั้นล่ะ” จากนั้นออยก็กุลีกุจอเข้าไปรับออเดอร์  วันนี้หล่อนอยากกินสเต็ก รอไปอีกชาติล่ะกัน เพราะเป็นอาหารที่ต้องใช้เวลาในการทำนาน
“ลืมเปลี่ยนป้ายหน้าร้านเป็น open ป้าบอก”
“อ้าว...ฉันเปลี่ยนแล้วนะตอนเข้าร้านแต่แรกเลย”
“สงสัย ฉันคงนึกว่าแกยังไม่เปลี่ยน เลยไปกลับอีกที”
ซวยเลยมิน่าทั้งแต่วินาทีแรกที่ป้าเดินเข้ามาในร้านก็มองฉันยังกะเป็นนักโทษ คงเพราะมีความผิดฐานไม่เปลี่ยนป้ายหน้าร้านนี่เอง ไม่รู้ความผิดอันใหญ่หลวงในครั้งนี้ของฉันกับออยคงได้รายงานไปถึงผู้บังคับบัญชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ผัวเมียละเหี่ยใจ ผัวผอม-เมียอ้วน ชอบมาแพ็คคู่ ตอนสั่งกับข้าวรักกันปานจะกลืน แต่ครั้งพอถึงวินาทีแรกที่ฉันยกอาหารไปลง สงครามย่อยๆได้เกิดขึ้น ผัวใช้ส้อมจิ้มไปที่ขนมจีบ แต่ช้ากว่าความไวของเมียที่กระชากจานออกมาไว้แนบอก ส้อมของผัวปักลงตรงกลางโต๊ะ ฉันได้แต่อึ้งกลัวว่าแกจะเอาส้อมจิ้มตามไปที่อกของเมีย

เอ...หรือนี่คือการหยอกล้อกันแบบส่วนตัวของคู่นี้ ผ่านแอ๊ปไปได้ ด้วยใจหวาดหวั่น คราวนี้ถึงอองเทร ฉันยกข้าวผัดจานใหญ่ ผัดไทย และผัดมะเขือในมือซ้าย พร้อมแกงเขียวหวานไก่อีก 1 หม้อในมือขวาออกไปเสริ์ฟ สองผัวเมียทำหน้าหื่นอาหารอย่างเต็มที่ ก่อนจะกวาดแยกอาหารออกไปในพื้นที่ส่วนตัว
ผัวผสมผัดไทยเข้ากับผัดมะเขือแล้วซ๊วบๆ อี้...ไม่รู้กินไปได้ไง หันมองไปที่ข้าวผัดจานใหญ่น่าจะเอามากินด้วย เมียก็เอาไปกินกับแกงเสียคนเดียว แล้วไม่มีทีท่าว่าจะแบ่งกันด้วย ไม่รู้เป็นเพราะวัฒนธรรมการกินของฝรั่งหรือเปล่า ทำให้เขาชอบสั่งอะไรกินแยกกันเป็นอย่างๆ ฉันละความสนใจจากสองผัวเมียไปพักใหญ่ เพราะต้องยกจานออกไปลงโต๊ะอื่นๆด้วย

“ซู๊ด เอิ้ก ซู๊ด เอิ้ก...” แขกทั้งหลายในร้านหยุดนิ่ง รวมถึงพนักงานทุกคน ต่างพยายามมองหาต้นตอที่มาของเสียง ภาพที่เห็นต่อหน้าทำให้ทุกคนต้องอึ้ง เมื่อเห็นเมียกำลังยกแกงทั้งหม้อขึ้นซด ส่วนผัวก็แผดเสียงเรอออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร

ลูกค้าโต๊ะข้างๆได้แต่เบือนหน้าหนี มารยาทในการรับประทานอาหารแย่มาก พนักงานในร้านทุกคนจึงลงความเห็นถึงเวลากำจัดจุดอ่อน ไม่ต้องถามอีกนะว่าจะกินของหวานต่อไหม ปริ้นบิลล์ไปวางเลย ไม่ใช่ไม่ง้อลูกค้าอะไรหรอกนะ แต่บางครั้งฝรั่งเขาถือเรื่องมารยาทในการกินเป็นอย่างยิ่ง เกิดรับไม่ได้กับสิ่งที่สองผัวเมียนี้ทำ แล้วเกิดความรู้สึกไม่ประทับใจใน บรรยากาศของร้าน เผลอๆไม่กลับมาอีก เพราะฉะนั้นนิ้วไหนร้ายก็ต้องตัดนิ้วนั้นทิ้ง สองผัวเมียจึงต้องถูกเร่งให้ออกจากร้านในเวลาอันรวดเร็ว
คนสุดท้ายที่ได้รับคะแนนโหวตอย่างท่วมท้นคือลุงขี้เมาจอมหื่น ปกติลุงคนนี้ไม่คุ้นหน้าคุ้นตามากนัก ค่ำคืนอันแสนรื่นรมย์ ทุกคนในร้านต่างขมีขมันทำงานอย่างไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องหยุดชงักลง
“ไม่ไหวแล้วนะ พี่ไม่เข้าไปแล้วนะแบบนี้” พี่ปอ สาวเชียงใหม่เดินบ่นกระปอดกระแปดออกมา
“ลู่ก็ไม่เอา เมื่อกี้มันหลอกจับมือ”
“สรุปให้สมิงไปจัดการล่ะกัน”
“อ้าว ไหงงั้นล่ะ”
ฉันเดินแบบเข้าไปหาโต๊ะลุงอย่างมั่นใจ ลูกหลานของลุงรายรอบโต๊ะ ส่งสัญญาณให้ฉันถอยออกไป
“เอาเหล้ามาให้ฉันหน่อย ฉันจะกินเหล้า”
“อ๋อ...บาร์ปิดแล้วครับ ขอโทษด้วย”

ฉันยิ้ม ก่อนจะหันหลังเดินมา ลุงคว้ามือฉันไว้แน่น ฉันพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่แรงชายย่อมมากกว่าแรงหญิง ไม่สิ...อิอิ...นั่นมันละคร ฉันรีบหันหลังไปแล้วจับมือลุงไว้แน่น คนรอบๆข้างก็คงมองประมาณจับมือทักทายกันตามประสา แต่ไม่หรอกฉันบีบมือลุงอย่างแรง จ๋อยไปเลย

อย่ามานะ...ตาเฒ่าจิตหงุดเงี้ยว ฉันล่ะเกลียดนักเชียว อีพวกชอบแต๊ะอั๋ง ตอดเล็กตอดน้อย ฉันนะทำงานด้านการให้บริการนะ ไม่ใช่ขายบริการ เข้าใจไว้ซะด้วย ปัญหานี้เชื่อแน่ว่าบรรดาสาวเสริ์ฟไทยทั้งหลายต้องเคยพบเจอกันมาบ้างไม่มากก็น้อย
ยิ่งข่าวแต่ละข่าวที่ส่งเสริมโปรโมตประเทศไทยแบบฟรีๆที่ส่งไปเมืองนอกนั้น ทำให้มายาภาพของหญิงไทยทุกคนแทบจะกลายเป็นโสเภณีกันหมด เราก็ต้องทวงศักดิ์ศรีและชี้แจงความเป็นจริงให้ฝรั่งทราบด้วย เพราะในความคิดของฉัน ร้านอาหารไทย คนไทยทุกคน ที่อยู่เมืองนอก ทุกคนเปรียบเสมือนตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศ ถ้าทำให้แขกประทับใจกับคนไทยที่เขาอยู่ใกล้ อีกไม่นาน เขาคงเดินทางมาเยี่ยมแผ่นดินแม่ อันเป็นที่อาศัยของคนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศ

นำมาซึ่งมิตรภาพอันงดงาม เงินตราช่วยเหลือเศรษฐกิจประเทศ ฉันก็ได้แต่หวังว่าฉันจะเป็นฟันเฟืองอันน้อยๆที่จะช่วยขับเคลื่อนเมืองไทยไปข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ ฉันจึง ยิ้ม ยิ้มไว้เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะอารมณ์ไหนก็ตามเมื่อใส่ชุดทำงาน





Create Date : 11 เมษายน 2550
Last Update : 11 เมษายน 2550 20:05:41 น. 1 comments
Counter : 599 Pageviews.

 
แข็งแรงๆ


โดย: Kurt Narris วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:05:34 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Be a good guy
Location :
New York CityBoy United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กจากทุ่งกุลาร้องไห้ฯฝันไกลในนิวยอร์ค
Friends' blogs
[Add Be a good guy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.