แล้วเด็กบ้านนอกคอกนา ก็บินมาอยู่ถึงนิวยอร์ค
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 มีนาคม 2550
 
All Blogs
 
เตะฝุ่นหางาน






กลับมาถึงบ้านเกือบ 2 ทุ่ม อย่าคิดว่ามันมืดแล้ว สว่างโล่เชียว เหนื่อยๆแบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน รีบถอดรองเท้าออก เพราะรู้สึกเจ็บเท้าเอามากๆ

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด แกดูเท่าฉันสิ พองเลยอ่ะ”
“อูย...น่าสงสารนะ ดีๆเดี๋ยวมันก็หาย”
“นี่...ไม่คิดจะปลอบเพื่อนมั่งเลยหรือ”
“ชิ สม...นึกว่าหางานที่นี่หมูหรือ พรุ่งนี้ลุยเองนะ ชั้นไม่ว่างแล้วย่ะต้องไปทำงาน”
“อ้าว ทิ้งกันเลยหรือ” ฉันทำแววตาน่าสงสาร
“ไม่ได้ทิ้ง แต่แกต้องสู้ด้วยตัวแกเอง ฉันช่วยแกเท่าที่จะช่วยได้ ฉันก็ต้องทำงาน หาเงินเหมือนกัน ไหนจะต้องไปเรียน สู้ๆนะแก ไม่มีอะไรที่กระเทยอย่างแกทำไม่ได้หรอก”
“จริงดิ”
“นี่แก...อยู่ที่นี่นะ มันอยู่กันหลายคน แกอย่าเสียงดังนะ เดินเบาๆที่สุด ก่อนฉี่แกยืนฉี่ใช่ป่าว”
“เอ๊ะ...ก็สิ”
“แกต้องเปิดฝาชักโครกขึ้นก่อนนะ ห้ามให้มีร่องรอยเหลือไว้ แล้วปิดฝาให้เรียบร้อย ทุกอย่างต้องสะอาด ของในครัวอันไหนของฉันแกถึงกินได้ เดี๋ยวฉันจะบอกว่าอันไหนฉันแพ็คกลับมาจากร้าน แกแกะมาอุ่นกินได้”
“ทำไมมันดูยุ่งจัง”

“อยู่กันหลายคนก็งี้ล่ะ ต้องทำใจ มันเป็นกฎของบ้าน ที่สำคัญห้ามเอาขยะลงไปทิ้งเด็ดขาดที่นี่กฎหมายเขาให้ทิ้งได้เป็นบางวัน ฉันเคยเอาลงไปทิ้งผิดวันมันปรับชั้น(โดนTicket)”ตั้ง 100 เหรียญ เรื่องธูปก็ห้ามจุด จะคิดถึงบรรพบุรุษชาวอีสานของแกแค่ไหนก็ตาม”
“อะไรจุดไม่ได้หรือ”
“ถ้าควันมันเยอะ แทนที่ผีจะมาหาแก มันจะกลายเป็นรถดับเพลิงมาแทน ทีนี้ล่ะแกเอ๊ย ตายแน่ๆเพื่อนเกาของฉัน(เกาหลี)เคยเจอ สรุปคืนนั้นน้ำท่วมห้อง
“ฉันจะรอดไหมนี่ ทำไมมันยากจังชีวิตในนิวยอร์คนี่”
“ค่อยๆปรับตัวไป มาใหม่ก็งี้ล่ะ”

เช้านี้ฉันย่องไปเข้าห้องน้ำตามเคย จากที่ชอบอ้อยอิ่งขัดเนื้อถูตัวฉันอาบน้ำอย่างลวกๆพองามหน้าแล้วแต่งตัวออกจากบ้านไปหางานทันที ฉันกางแผนที่แล้วออกเดินทาง พอรู้ถนนที่ตั้งของร้าน ฉันมองหาสถานีใกล้สุดแล้วตรงไป เดินๆหาเอาผิดมั่งถูกมั่งแต่ก็หาเจอแทบทุกร้าน

“เพิ่งมาไม่มีประสบการณ์ ทิ้งเบอร์ไว้นะคะ”
“ร้านเราตอนนี้คนเต็มครับ ทิ้งเบอร์ไว้นะ”
“มาวีซ่าไร ที่นี่รับเฉพาะคนมีใบทำงาน”
“ผู้จัดการไม่อยู่ ค่อยมาใหม่ได้แม๊ะ”

สารพัดเหตุผลของแต่ละร้านที่เจอ ทำให้ลิสรายชื่อร้านกว่า 20 ร้านที่เตรียมมาเริ่มร่อยหลอลงเรื่อยๆเหนื่อยแสนเหนื่อย ยิ่งตอนนี้อากาศร้อนจนกลืนน้ำลายแทบไม่ลง คอแห้งเป็นผง ฉันแอบทิ้งตัวลงนั่งเศร้าข้างสนามเด็กเล่น พอถอดรองเท้าออก เท้าที่พองเมื่อวานเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน ก้อนเล็ก ก้อนน้อยสีขาวขุ่นน่าหยิกให้แตก พอเอามือไปลูบๆเจ็บร้าวไปถึงต่อมลูกหมาก กลับบ้านดีกว่า ไม่ไหวแล้ว บ่ายแก่ๆฉันนอนซมอยู่ในห้องแคบๆรีบกินยาทิฟฟี่ที่พกมาจากเมืองไทยไปสองเม็ดก่อเผลอหลับ ก้อบกลับมาปลุกอีกทีตอนตี 2

“กินข้าวหรือยังแก”
“ยังเลยก้อบ”
“ฉันห่อข้าวมาให้ ไปอุ่นกินเลยนะ”
“ทำไมแกกลับดึกจัง”
“ไม่ดึกหรอกเวลาปกติ เลิกงาน 5 ทุ่ม กว่าลูกค้าออกก็เที่ยงคืน เก็บร้านกินข้าวแบ่งทิปอีก ร้านฉันมันไกลกว่าจะมานั่งรถเมล์ต่อรถไฟฟ้ามาอีกก็ประมาณนี้ล่ะ”
“ไม่กลัวหรือแก เดินมาคนเดียวดึก”
“กลัวเหมือนกัน ฉันเดินแทบกลางถนนเลยแก ไม่กล้าเดินตามฟุตบาท อยู่นี่ต้องดูแลตัวเอง”
“ฉันจะพยายามแกร่งให้ได้เหมือนแกนะ”
“จ้าคนงาม”

วันที่สามของการหางาน ต้องเรียกได้กระเพลกไปหางาน ฉันตั้งใจไปแถวถนนคลินตัน เพราะได้ข่าววงในว่ามีร้านกำลังขาดคน หลังจากพูดคุยกันดิบดี เจ้าของก็บอกฉันมาฝึกงานพรุ่งนี้เลย ฉันกรีดร้องด้วยความดีใจในใจ แต่ก็ไม่วายเบนเข็มไปสมัครต่ออีกร้านย่านBrooklyn ร้านใหญ่มาก ลูกค้าเต็มร้าน อยากทำงานร้านนี้จังเลย เพราะก้อบบอกว่าได้เงินเยอะมาก มีเพื่อนที่รู้จักทำงานอยู่ แต่สุดท้ายก็ทิ้งเบอร์โทรไว้เหมือนเดิม

กลับมายังห้องพักอีกครั้ง อย่างน้อยก็ได้ฝึกงานแล้ว ระบบการทำงานของที่นี่ จะเริ่มด้วยการฝึกงาน ถ้าผ่านก็รับทำงาน ถ้าไม่ผ่านหรือเจ้าของร้านไม่อยากรับก็ไม่ได้ทำงาน จะมาเรียกร้องความยุติธรรมในเมืองใหญ่แบบนี้ เราคงมีค่าเป็นศูนย์ เพราะวีซ่าท่องเที่ยวเขาไม่ให้มาทำงาน ที่มาทำอยู่นี่ก็ผิดกฎหมาย ฉันได้แต่ปลอบใจตัวเอง

เริ่มหิวข้าว เดินเข้าห้องครัว ต้มมาม่าของก้อบกินพอให้หายแสบท้อง อยากกินอาหารอื่นเหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจว่าของใครบ้าง กลัวเจ้าที่แถวนี้ ยิ่งหน้าดุๆอยู่ด้วยคิดแล้วเซ็ง

กลับมาห้องอีกครั้ง กางแผนที่ซับเวย์ดูว่าไปไหนมาแล้วบ้าง สรุปเมืองนิวยอร์คแบ่งออกเป็น 5 เขต มีแมนฮัตตัน ควีนส์ บร็องซ์ บรู๊กลิน และสเตตันไอส์แลนด์ ตระเวณไปหางานมาทั่วแมนฮันตันและบรู๊กลินแล้ว เหลือแต่ย่านควีนส์ ก้อบบอกว่าไม่มีค่อยมีร้านบี๊ ส่วนสเตตันฯก็เป็นเกาะคงไม่ไป ยิ่งบร็องซ์ย่านไอ้มืด คงไม่เด็ดขาด กลัวถูกฉุด
คิดถึงบ้านจังเลย มองดูบัตรโทรศัพท์ที่ก้อบทิ้งไว้ให้แล้ว เลยรีบต่อกลับบ้าน ระบบการโทรศัพท์แสนแปลก ไม่ว่าจะโทรออกหรือรับสายก็เสียเงิน เพราะเขาจะให้เวลาโทรมาเป็นนาที พอหมดก็คิดเงิน แต่ดีหน่อยที่การโทรระหว่างประเทศค่อนข้างถูก ซื้อบัตรแฟนฉัน หาซื้อได้ตามร้านขายของชำชาวไทยทั่วไปราคา 5 เหรียญโทรได้ประมาณ 8 ชม.

“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก” เริ่มหงุดหงิดปนเศร้า ได้แต่คิดปลง เพราะบ้านที่ร้อยเอ็ดแสนกันดาร สัญญาณคงไปถึงบ้างไม่ถึงบ้าง เคยบอกแม่แล้วว่าให้เอามือถือวางไว้ใต้ต้นมะม่วง ตรงนั้นมีคลื่น ตอนนี้แม่คงไม่อยู่แถวนั้นแน่ๆโทรหาแฟนดีกว่า

“หวัดดีเจ้าชายน้อย คิดถึงจังเลย หง่ะ งุ งิ๊ จุ๋งจิ๋ง อุอุ บ้องแบ้ว” ห้ามอ๊วกนะ
“รักจัง งึงึ” เกือบ 1 ชม.ค่อยวางสาย อิอิ คนกำลังมีความรักมักมีภาษาที่พูดกันด้วยหัวใจบรรยายไม่ถูก โทรหาแม่อีกทีดีกว่า
“ตื๊ดๆๆๆๆๆๆๆ” รับสิแม่
“เอ้อ”
“แม่ หวัดดีครับ”
“โอย....ลูกติ เป็นจั๋งได่ เป็นหยั๋งบ่โทรมาหาแม่แน่ อยากเว้าน้ำคักแน๊ คิดฮอดหลาย”
“คิดฮอดคือกันได่งานแล้วเด้อ” ฉันพร่ำบอกแม่ว่าฉันสบายดีทุกอย่างไม่มีปัญหา มีงานทำ ขอเวลาอีกไม่นาน ฉันจะเก็บเงินส่งกลับไปให้แม่ที่บ้าน ให้แม่เอาไปใช้หนี้เขาให้หมด ฉันสงสารน้องสาวเหลือเกิน แม่บอกว่าบางทีน้องสาวก็แอบร้องไห้ ถามอะไรก็ไม่ตอบ น้องคงคิดมากเรื่องรถชน จนทำให้ต้องเสียเงินซ่อมนับ 3 แสนบาท ฉันได้แต่ปลอบแม่ว่าอย่าคิดมาก ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
“รักษาเนื้อรักษาโตเด้อ ห่มผ้าหนาๆแม่เป็นห่วง”
“ครับแม่ แล้วผมสิโทรมาอีก”

ฉันรีบวางสายก่อนที่จะข่มน้ำเสียงให้ปกติไว้ไม่ได้ น้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้ม ฉันหยิบผ้าชิ่นผืนเล็กๆออกมาจากกระเป๋าตังค์ แม่ฉีกตีนผ้าถุงผืนเก่าใส่ไว้ให้ก่อนออกเดินทาง แม่ขอพรผีฟ้า พญาแถน หลวงปู่ตาช่วยดูแลลูก ฉันยกมือขึ้นไว้เหนือหัว “ขอให้ผ้าซิ่นผืนนี้ของแม่ ช่วยให้ฉันได้งานทำทีเถอะ สาธุ”





Create Date : 20 มีนาคม 2550
Last Update : 22 มีนาคม 2550 11:57:28 น. 9 comments
Counter : 745 Pageviews.

 
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย ขอให้คุณจขบ.เข้มแข็งสู้ต่อไป และก็ขอให้พระเจ้าเอาแต่พอหอมปากหอมคอ อย่าเล่นแรงนัก


โดย: ริมยมนา IP: 124.120.21.185 วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:22:39:38 น.  

 
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจค่ะ สู้สู้


โดย: เกด IP: 81.164.109.140 วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:10:20:35 น.  

 
อ่านแล้ว น้ำตาครือค่ะ นึกออกว่า เวลาอยู่ไกลแล้วคุยกะแม่แร้วเปนไง .... คิดถึงแม่จัง ....


โดย: อีชบา IP: 202.93.62.2 วันที่: 22 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:43:54 น.  

 
เข้มแข็งจังคับ
ทำผมน้ำตาคลอเลย

เห็นด้วยนะคับที่จะใหคนที่รักเราเห็นว่าเราไม่น่าเป็นห่วง

อ่านต่อโลดดดด


โดย: Kurt Narris วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:6:05:45 น.  

 
so poor you..


โดย: Cheese IP: 121.220.128.59 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:12:41:44 น.  

 
จะอ่านต่อไหวปะเนี่ย ยอมรับอย่างไม่อายเลยว่ากำลังร้องให้อยู่ ไม่เจอหน้าพ่อแม่พี่น้องมา 4ปีแล้ว หมาที่บ้านสามตัวก็ตายหมด น้องบุญธรรมตอนมา 5 ขวบ ตอนนี้จะสิบแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าโตเป็นสาวยัง ผมว่านะ ไม่มีใครที่คิดถึงบ้านมากกว่าพวกเราชาวโรบินหรอก เฮ้อ!!!!!


โดย: Woody IP: 203.122.112.22 วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:3:52:45 น.  

 
เช่นกันค่ะกำลังร้องให้อยู่ค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้กลับไปเจอหน้าแม่กับลูกสาวเมื่อไหร่ คิดถึงมากแค่ใหนก็ต้องทน...เป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: CHITA IP: 87.209.44.150 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:4:15:01 น.  

 
เป็นกำลังใจให้เช่นกันค่ะ

สู้ๆต่อไปนะคะ

ป.ล เขียนสนุกมากเลยค่ะ อ่านไปขำไป สุดท้ายร้องไห้ตามค่


โดย: little girl IP: 61.7.167.209 วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:49:48 น.  

 
น้องเอ่ย มันเป็นชีวิตที่ท้าทาย การต่อสู้กับเมืองนี้ พี่ก็เคยเจอมาแล้ว ชีวิตก็จะดีขึ้นเอง


โดย: minniemoss IP: 58.9.137.3 วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:16:21:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Be a good guy
Location :
New York CityBoy United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กจากทุ่งกุลาร้องไห้ฯฝันไกลในนิวยอร์ค
Friends' blogs
[Add Be a good guy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.