กรกฏาคม 2566

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
7
8
9
10
16
17
18
22
24
26
28
29
30
31
 
 
All Blog
The Theory of Everything (2014) ทฤษฎีรักนิรันดร


''เราล้วนแตกต่างกัน แต่ไม่ว่าชีวิตอาจดูเลวร้ายแค่ไหน จะมีบางสิ่งที่เราทำได้และทำสำเร็จเสมอ ที่ใดมีชีวิต ที่นั่นย่อมมีความหวัง''

หนังดราม่า - โรแมนติก ที่สร้างจากหนังสือ Travelling to Infinity: My Life with Stephe เขียนโดย Jane Hawking หรือว่าง่ายๆ นี่ก็คือเรื่องราวชีวิตจริงของนักฟิสิกส์ชื่อดัง ''สตีเฟน ฮอว์คิง''

แต่หนังเรื่องนี้จะเน้นไปที่เรื่องราวความรักและชีวิตของ 'สตีเฟน ฮอว์คิง' มากกว่าทฤษฎีใดๆ

หนังเปิดเรื่องมาให้เรารู้จักกับ 'สตีเฟน' กับ 'เจน' ที่รู้จักกันในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ตอนที่สตีเฟนกำลังศึกษาในระดับปริญญาเอก

ทั้งสองพัฒนาความสัมพันธ์จนเป็นความรักเร็วมาก ไม่นานทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน มีลูกด้วยกัน ก่อนที่สตีเฟนจะป่วยเป็นโรค Amyotrophic Lateral Sclerosis หรือ ALS ที่ส่งผลให้ร่างกายของเขาไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ และได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่า น่าจะอยู่ได้อีกไม่เกินสองปี

มาถึงตอนนี้เราต่างรู้ความจริงว่า ''สตีเฟน ยังใช้ชีวิตอยู่ต่อมาได้อีกราวๆ ห้าสิบกว่าปี''

จากร่างกายที่ดูอ่อนแอมากๆ แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อ และยังคงเรียนรู้เสมอ เรายังสามารถรู้ได้ว่า เขายังศึกษาคิดค้นทฤษฎีอีกมากมาย จนเป็นที่โด่งดัง

คือหนังเรื่องนี้ให้แง่คิดกับคนดูในหลายๆด้านเลยนะ

บางทีวันนี้ร่างกายเราอาจจะดูแข็งแรงมากๆ แต่โรคร้ายก็มักจะเกิดได้ทุกเมื่อ และที่สำคัญมีเพียงเราที่เลือกจะเรียนรู้อยู่กับมัน หรือว่ายอมแพ้ต่อมัน

ไม่มีใครอยากให้มันเป็นแบบนี้ ไม่ว่าใครสักคน

ในช่วงแรกสตีเฟนพยายามหยุดความสัมพันธ์กับเจน เพราะเขากลัวว่าตัวเขาจะเป็นเป็นภาระของเธอ กลัวว่าเธอจะมาเหนื่อยกับชีวิตของเขาอีกมากมาย

มีฉากที่เพื่อนคนหนึ่งอุ้มสตีเฟนขึ้นบันได เพื่อนคนนั้นได้พูดว่า ''เจนเก่งมากเลยนะ ที่นายตัวหนักขนาดนี้ แต่เธอก็ยังอุ้มนายได้''

นี่เป็นคำพูดของเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง ที่แสดงความคิดเห็นถึงผู้หญิงที่ดูแลฮอว์คิง

เรื่องราวในเรื่อง และชีวิตจริงมันจบลงยังไง เราสามารถไปดูจากหนัง หรือหาข้อมูลต่อได้

แต่เรื่องนี้มันคือความจริง ที่จริงมากๆ เราต้องเข้าใจชีวิตของผู้ป่วยและผู้ดูแล

บางครั้งผู้ดูแลก็เหนื่อย ผู้ป่วยก็ไม่สามารถทำอะไรที่ดีกว่านี้ได้

บางครั้งก็ต้องมีวันที่ผู้ดูเเลได้พัก และปล่อยให้เธอไปใช้ชีวิตของเธอ

บางครั้งเรามองว่า ''มันเป็นความรักที่เจ็บปวด'' แต่ถ้ามองอีกมุม ''มันก็คือความสวยงามของความรัก''

มันเจ็บนะ แต่มันจริง และก็ดีที่สุดที่พอทำได้

เป็นหนังที่แม้จะไม่สมบูรณ์แบบทีเดียว แต่ก็ถือว่าเป็นหนังที่ดี ดูเเล้วเจ็บปวด ดูแล้วได้เเรงบันดาลใจ บางทีก็ดูมีความหวัง

มันก็คือชีวิตจริงที่ของคนๆ หนึ่งเลย ที่ไม่ต้องอิงทฤษฎีอะไรมากมาย

หนังเรื่องนี้ยังได้การแสดงระดับรางวัลออสการ์ของ Eddie Redmayne ที่แสดงได้แบบว่าเขากลายเป็นฮอว์คิงมาอีกคน และ Felicity Jones ที่เสน่ห์การแสดงถือว่าดีมากๆ อีกคน

คะแนนความชอบส่วนตัว 7.5/10



Create Date : 06 กรกฎาคม 2566
Last Update : 6 กรกฎาคม 2566 14:28:20 น.
Counter : 503 Pageviews.

1 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณnewyorknurse, คุณหอมกร

  
หนังเรื่องนี้ดูแล้วท่าจะเศร้าจ้า

โดย: หอมกร วันที่: 7 กรกฎาคม 2566 เวลา:7:19:10 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไมเคิล คอร์เลโอเน
Location :
กำแพงเพชร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



สวัสดีชาวบล็อคทุกคนนะครับ

''ชีวิตก็เหมือนกับกล่องช็อตโกแล็ต เราไม่รู้ว่าเปิดจะเจออะไร''