October Sky (1999) : ความฝันเล็กๆ ของเด็กจรวด
อีกไม่นานก็จะผ่านพ้นเดือนตุลาคม (October) ของปีนี้เสียเเล้ว นึกดูดีๆ มันก็เร็วเหมือนกันนะ เพิ่งจะต้นปีมาไม่นานนี้เอง เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านมาถึงปลายปีเเล้ว
เคยคิดว่า ''เราจะมีเดือนตุลาคมอีกสักกี่ปีนะ'' และเดือนตุลาคมปีหน้าเราจะอยู่ที่ไหน จะยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่เดิม หรือก้าวไปอีกที่แล้ว
ที่พูดถึงเดือนตุลาคมนี้เพราะไม่ใช่อะไรครับ เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งได้ดูหนังเรื่อง October Sky (1999) เป็นหนังที่ทำให้ฉุดคิดเรื่องของความฝันขึ้นมา
หนังเรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวความฝันของกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งจากโคลวูด ที่ชาวเมืองแถวนั้นจะเรียกเด็กกลุ่มนี้ว่า ''เด็กจรวด''
เมืองโคลวูดเป็นเมืองเล็กๆ ในรัฐเวอร์จิเนียร์ ที่คนส่วนใหญ่ในเมืองนี้จะประกอบอาชีพเป็นคนงานเหมืองถ่านหิน ขนาดผู้บริหารในโรงเรียนเมืองนี้ยังมีแนวคิดเพียงแค่ว่า
''ให้ครูสอนเพียงความรู้ให้เด็กเท่านั้น อย่าไปให้ความฝันเด็กมันมากเลย เพราะสุดท้ายชีวิตของเด็กพวกนี้ก็ต้องลงเอยในเหมืองถ่านหินอยู่ดี''
มันสื่อให้เห็นว่าชีวิตของคนที่นี่มันไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะฝันนั่นแหละครับ ครอบครัวพวกเขาทำงานที่เหมือง โตมากับเหมือง สุดท้ายก็ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยเหมือง มันเป็นแบบนั้นเสมอ
แต่สิ่งนี้ไม่ใช่กับกลุ่มเด็กจรวดที่นำโดย 'โฮเมอร์' หรอกครับ
'โฮเมอร์' มีความฝันที่อยากไปทำงานสร้างจรวดทะยานสู่ท้องฟ้าให้กับองค์นาซ่า เเม้พ่อของเขาจะเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินใหญ่ก็ตาม
'โฮเมอร์' และกลุ่มเพื่อนเด็กจรวด มีความฝันเล็กๆ ตั้งแต่เริ่มประดิษฐ์จรวดไปแข่งขันในนิทรรศการวิทยาศาสตร์แห่งชาติ แม้โอกาสชนะจะมีน้อยนิดก็ตาม
-------------------------------------------------
''พูดตรงๆนะโฮเมอร์ มีโอกาสมากแค่ไหนที่ กลุ่มเด็กจากโคลวูด จะชนะประกวดในนิทรรศการวิทยาศาสตร์แห่งชาติ''
''ล้านต่อหนึ่ง โอเดล''
''ดีแค่นั้นเชียว''
---------------------------------------------------
ความฝันที่จะประดิษฐ์จรวดแข่งขันนั้น ตอนแรกมีแต่เสียงหัวเราะของคนแถวนั้น จนวันหนึ่งพวกเขาได้มาดู กลุ่มเด็กพวกนี้ปล่อยจรวด แล้วปรากฏว่า ''เฮ้ย มันเป็นไปได้เว้ย'' ความฝันอันนี้มันมีเค้ารางความเป็นไปได้ของความสำเร็จ
โฮเมอร์ทุ่มเทเเรงกาย แรงใจ ศึกษาทุกอย่างเกี่ยวกับการประดิษฐ์จรวด ในยุคที่ข้อมูลต่างๆหาได้น้อยมาก ยิ่งในเมืองแห่งนี้ด้วยแล้ว หนังสือตำราที่เกี่ยวกับการทำจรวดแทบไม่มีเลย แต่มันก็ไม่ทำให้เขาท้อ
แม้จรวดจะทำให้พวกเขาถูกกล่าวหาว่าทำให้ป่าแถวนั้นเกิดไฟไหม้
แม้จรวดทำให้พ่อของโฮเมอร์ไม่เห็นด้วย เพราะเขาอยากให้โฮเมอร์ทำงานดูเเลเหมืองต่อจากเขา
แต่ด้วยการที่แต่ละคนมีความฝันที่ไม่เหมือนกัน โฮเมอร์ไม่ต้องการจะมีชีวิตแบบนี้ และลงเอยแบบพ่อของเขา แม้พ่อของเขาจะเป็นที่ชื่นชมของทุกคนในเมือง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้โฮเมอร์อยากเป็นเช่นเขา
''เหมืองถ่านหิน คือชีวิตพ่อไม่ใช่ชีวิตผม''
''ผมรู้ว่าเราสองคนคิดไม่ตรงกัน ไม่ตรงกันทุกอย่างเลย แต่พ่อครับ ผมมีอะไรในตัวที่จะทำให้ผมเป็นใครสักคนในโลกนี้ และไม่ใช่เพราะผมแตกต่างจากพ่อมากมายอะไร แต่เพราะผมเหมือนกับพ่อ ผมกับพ่อมีความหัวเเข็งและดื้อดันพอๆกัน ผมได้แต่หวังว่าจะเป็นคนที่ดีเหมือนพ่อ แน่ล่ะ ดร. วอน บรอน เป็นวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขาไม่ใช่ฮีโร่ของผม''
----------------------------------------------------------
หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงครับ และตอนสุดท้ายพวกเขาทั้งสี่จะมีชีวิตแบบใด จะประสบความสำเร็จไหม ท้ายเรื่องมีคำตอบครับ
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สร้างแรงบันดาลใจได้ดี องค์ประกอบของเรื่องดี การเดินเรื่องไม่น่าเบื่อ ทีมนักแสดงก็เล่นดี เป็นหนังแจ้งเกิดของ Jake Gyllenhaal เลยครับ
สำหรับคนที่มีฝัน อยากทำตามความฝัน ผมอยากให้ลองใช้ 2 ชั่วโมงของชีวิตดูหนังเรื่องนี้นะครับ
บางคนได้มีโอกาสทำตามความฝัน บางคนอาจไม่ได้ทำตามความฝันอันเนื่องด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง แต่หนังเรื่องนี้ทำให้เห็นว่า....
''ความฝันเล็กๆ ตอนวัยเด็กนั้นสวยงามเสมอ และบางความฝันนั้นยิ่งใหญ่ เพราะว่าสิ่งประดิษฐ์ สิ่งอำนวยความสะดวก และหลายนวัตกรรมทั้งหลายในโลกใบนี้ ที่มนุษย์ใช้กันนั้น ล้วนมาจากความฝันอันเล็กๆนั่นล่ะครับ''
หนังเรื่องนี้ไม่ควรพลาดเลยนะ
คะแนนความชอบส่วนตัว 8.5/10