หนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องแนวดราม่า กึ่งๆ Coming of Age ที่ตัวละครต่างฝ่ายต่างได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน
''อีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มที่มีดวงตามองเห็นเป็นปกติแต่ขาดประสบการณ์ชีวิต และอีกฝ่ายเป็นชายแก่วัยเกษียณที่ดวงตามืดบอดแต่เปี่ยมด้วยประสบการณ์''
คนหนุ่มมีไฟแต่ไร้ประสบการณ์ ถ้าเขาไม่มีคนคอยแนะนำทาง เขาอาจจะเดินทางผิดก็ได้ ส่วนชายแก่ผ่านโลกมามากมาย สูญเสียการมองเห็น ไฟในการมีชีวิตกำลังจะมอดดับถ้าเขาไม่ได้ คนที่มาเติมเชื้อไฟ ชีวิตของเขาก็อาจจะดับสูญเช่นกัน
ทั้งสองคนจึงไปกันได้ดี แม้จะมีบางช่วงที่ขัดแย้งกันก็ตาม
หนังเล่นประเด็นของการมองเห็นและตัดสินจากดวงตาและการตัดสินจากความถูกต้อง ของตัวละครในเรื่อง บางคนมีสามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจนแต่ก็ยังแยกไม่ออกเลยว่า ''อะไรถูกอะไรผิด'' เลยครับ
หนังยังจิกกัดประเด็นของ ''สัจจะ'' กับ ''ความถูกต้อง'' ด้วยครับ และยังตั้งคำถามว่า อะไรคือความถูกต้องที่แท้จริง?
สังคมทุกวันนี้เมื่อเกิดเรื่องแล้ว ถ้าหาตัวคนผิดไม่ได้ก็จะชอบหา ''แพะ'' ครับ แล้วก็โยนความผิดทั้งหมดนั่นให้ ''แพะ'' โดยที่ไม่คำนึงถูก ''ความผิดถูก ''จริงๆ โดยปล่อยให้คนผิดจริงๆ ลอยนวลออกไปได้ และก็ไปก่อความผิดแบบนี้ต่อไปไม่จบไม่สิ้น
สังคมปัจจุบันก็เป็นยังงี้ล่ะครับ? ต่างคนต่างเอาตัวรอดกันไว้ก่อน ส่วนคือที่ ''ยอมคน'' คนนั้นซวยครับ
นี่แหละหนอขนาดซุปเปอร์แมนยังพูดเลยครับ ''โลกนี้คนดีอยู่ไม่ได้'' ก็อาจจะจริงของเขาล่ะครับ หรือถ้าอยู่ได้ก็คงจะอยู่ยากหน่อย
เอาจริงๆหนังเรื่องนี้เดินเรื่องไม่ได้หวือหวาอะไรมากมาย ก็ตามแบบหนังดราม่าทั่วไปแหละครับ แต่ความเจ๋งของมันก็คือ ''บท'' และ ''การแสดง'' ครับ ยิ่งนักแสดงเรื่องนี้จะเทพกันไปไหน โดยเฉพาะลุง Al Pacino ที่กินขาดอยู่แล้ว กลืนไปกับบทอดีตนายทหารตาบอดได้เนียนกริ๊บไร้รอยต่อ!! และเรื่องนี้ยิ่งมีฉากให้ลุงแกปล่อยของเยอะด้วยครับ ทั้งฉากเต้นแทงโก้ ฉากในหอประชุมตอนท้ายเรื่อง นี่ต้องยอมแกจริงๆครับ ลุ้นออสการ์มาหลายเรื่อง ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครับ
เอาเป็นว่าใครที่ชอบหนังดราม่าแฝงด้วยแง่คิด + สุดยอดการแสดง เรื่องนี้เหมาะเลยครับ
คะแนนความชอบส่วนตัว 8/10