มิถุนายน 2568

1
2
3
4
5
8
11
13
14
15
16
17
18
19
21
25
26
28
30
 
 
All Blog
The Pursuit of Happyness (2006) ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้


''ความสุข จริงๆแล้วมันคืออะไร?''

''ถ้าเรามิได้ร่ำรวย หาเช้ากินค่ำ อดมื้อกินมื้อ เราจะยังมีความสุขได้หรือเปล่า?''

หนังสร้างจากเรื่องจริงของชายชื่อ 'คริส การ์ดเนอร์' ที่ต่อสู้ชีวิตจากคนไม่มีอะไร ต่อสู้ชีวิต พร้อมกับต้องเลี้ยงลูกชายหนึ่งคน จนชีวิตพลิกกลับมาอยู่ด้านของความสำเร็จ

''คุณจะไปก็ได้ แต่ลูกต้องอยู่กับผม''

'คริส' ได้พูดกับภรรยาของเขาที่กำลังจะขอแยกทาง เพราะเธอทนกัดก้อนเกลือกับเขาไม่ไหว คริสเป็นชายหนุ่มที่มีความหวังจะประสบความสำเร็จ เขาเอาเงินเก็บทั้งหมดมาลงทุนซื้อเครื่อง x-ray ขาย แต่ธุรกิจนี้ไปได้ไม่ดี เขาหมดตัว ถูกคนรักทิ้ง โดนภาษีย้อนหลังจนถังเเตก เขาไม่เหลืออะไรเลย เขามีลูกชายที่ต้องดูเเลหนึ่งคน ไม่มีเงินจ่ายค่าที่พัก โดนไล่ออกจากที่พัก ต้องไปต่อแถวพักบ้านคนไร้บ้าน บางวันเข้าพักไม่ทัน ต้องอาศัยนอนในห้องน้ำสถานีรถไฟ เขาได้ทดลองงานด้านการเงินที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายเขาจะได้งานนี้หรือเปล่า

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เขาจะหา ''ความสุข'' ได้จากที่ไหน?

นั่นคือคำถามที่หนังตั้งเอาไว้ ชีวิตบางคนไม่ได้เกิดมาสบาย บางคนเกิดมาด้วยโชคชะตาที่ไม่เคยเข้าข้าง 'คริส การ์ดเนอร์' คือชายที่ไม่ว่าจะทำอะไรแล้ว เขามักจะทำล้มเหลว จนทำให้ชีวิตตกต่ำ ไม่มีความสุข ขนาดตอนที่พาลูกไปเล่นบาส เขายังไม่มีทีท่าจะมีความสุขเลย

ระหว่างทั้งสองกำลังเล่นบาส เขาบอกกับลูกชายเขาว่า ''ลูกอาจจะเก่งพอๆ กับพ่อนั่นแหละ ลูกไม้มักหล่นไม่ไกลต้น พ่อมันไม่ได้เรื่อง บางทีลูกอาจมีขีดจำกัด ลูกเก่งอะไรหลายอย่าง แต่ไม่ใช่บาสแน่ พ่อไม่อยากให้ลูกเล่นบาสทั้งวัน''

หลังจากเขาพูดจบ ลูกชายของเขาเก็บลูกบาสอย่างหมดสนุก เขาเห็นดังนั้นจึงรีบไปบอกลูกว่า ''อย่าให้ใครมาบอกลูกว่า ลูกทำนั่นทำนี่ไม่ได้ แม้แต่พ่อเอง เมื่อลูกมีความฝัน ลูกต้องปกป้องมัน คนที่ไม่ได้เรื่อง ก็มักจะบอกว่าลูกไม่ได้เรื่องเหมือนกัน ถ้าลูกต้องการอะไร จงทำมันให้ได้''

บทพูดนี้ถือเป็น Quote หลักของหนังเรื่องนี้เลยนะ สร้างแรงบันดาลใจกับคอหนังมายาวนาน

ประเด็นก็คือในเวลานั้นคริสเป็นคนที่ทำอะไรล้มเหลวตลอด เขาในเวลานั้นแทบไม่เหลือความสุขในชีวิตเลย วันๆ คิดเพียงแต่ว่าวันนี้จะหาเงินอย่างไร จะอยู่ยังไง จะเลี้ยงลูกยังไง จะหาเงินจ่ายค่าโน้นนี่ยังไง จนแทบไม่เหลือที่ว่างให้กับเวลาผ่อนคลายกับลูกชายของเขาเลย คือไม่ว่าในอนาคตลูกของเขาจะเอาดีด้านการเล่นบาสได้หรือไม่ เรามิอาจรู้ได้เลย แต่ประเด็นคือเด็กคนนี้ชอบเล่นบาส ความสุขของเขาคือการเล่นบาส แม้จะไม่ได้มีเวลาเล่นบาสเยอะนัก แต่พื้นที่ตรงนั้นคือความสุข คือแรงบันดาลใจของเขา ที่ผู้ใหญ่ไม่ควรไปทำลายพื้นที่ความสุขตรงนั้น

มีซีนที่คริสพาลูกชายไปบ้านเศรษฐีเพื่อไปเสนอเป็นตัวแทนดูเเลด้านการเงินให้ เศรษฐีคนนั้นชอบดูฟุตบอล (อเมริกันฟุตบอล) เขาพาลูกชายไปดูฟุตบอลอย่างมีความสุข เขาชวนคริสกับลูกชายไปดูฟุตบอลที่สนามด้วย

แต่ในเวลานั้น ระหว่างเกมฟุตบอลกำลังเเข่งขัน คริสพยายามโน้มน้าวใจเศรษฐีเพื่อจะเป็นตัวแทนดูเเลด้านการเงิน เศรษฐีจึงดูออกว่าคริสเป็นมือใหม่ เขาสอนคริสว่า ตอนนี้อย่าคิดมากเลย คุณลองโฟกัสเวลา ณ ตอนนี้ดูสิ ในตอนนั้นลูกชายเขากำลังมีความสุขกับเกมฟุตบอลในสนาม บรรยากาศโดยรอบคนดูกำลังเชียร์ฟุตบอลอย่างมีความสุข มันไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องงาน เรื่องซีเรียสอะไรเลย

คริสก็เริ่มคิดได้ ณ ตรงนั้น เขาค่อยๆ ผ่อนคลายตัวเองลง ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาจะขายตัวแทนการเงินอีกแล้ว ทำให้เขาได้พันธมิตรจริงๆ ในสนามตอนนั้นมาเพิ่มมากมาย และคนเหล่านั้นก็กลายมาเป็นลูกค้าของเขาในอนาคตต่อไป

เอาจริงๆ ทุกคนมีพื้นที่ที่สามารถมี ''ความสุข'' ได้ทั้งนั้น แต่บางคนอาจจะถูกบดบังความสุขด้วยฐานะ ภาระหน้าที่ บางคนอาจจะไม่ได้มีฐานะดีเหมือนเศรษฐีที่บางเวลาเขาไม่ต้องไปคิด ไปซีเรียสเรื่องการเงินเลย คนเหล่านั้นจึงมีพื้นที่ มีเวลาได้โฟกัสกับ ''ความสุข'' มากกว่า คนที่มีฐานะรองลงมา

คนที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย หาเช้ากินค่ำ เขาต้องใช้ทุกนาทีในชีวิต คิดว่าวันนี้จะเหลือเงินไหม ไหนจะหนี้สินต่างๆ ไหนจะค่าเทอมลูก ไหนจะค่าโน้นค่านี่ เขาแทบไม่มีเวลาให้กับ ''ความสุข'' ที่อยู่รอบๆ ตัวของเขาเลย

จึงมีแต่คนที่แยกแยะได้เท่านั้น ที่จะเข้าถึง ''ความสุข'' จริงๆ ได้

ผมชอบฉากที่คริสกำลังจะได้ทำงานในช่วงท้าย ตอนนั้นเขาดูมีความสุขมาก เขาอยู่ท่ามกลางคนมากมาย เขาเป็นคนที่กำลังดีใจ กำลังมีความสุขมาก ที่รู้ว่าชีวิตเขา ที่เคยต่อสู้ฝ่าฟันมาตอนนี้มันสำเร็จแล้ว เขากำลังปลดภาระด้านการเงินของเขาออกไปแล้ว เขาจะได้มีเวลามาโฟกัสกับ ''ความสุข'' จริงๆ บ้างแล้ว เขารีบวิ่งไปกอดลูกด้วยความสุข ในเวลานี้เขาไม่ต้องคำนึงถึงค่าโน้นค่านี่แล้วล่ะ

มาถึงตรงนี้แล้ว ส่วนตัวเริ่มจะเข้าใจบ้างแล้ว คำว่า ''ความสุข'' นั้นอาจจะไม่เกี่ยวว่า ''ฐานะดีหรือไม่ดีไปเสียทีเดียว'' แต่คนที่มีฐานะทางการเงินที่ดีนั้น เขาเพียงไม่ต้องมาโฟกัสด้านปัญหาค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ฐานะการเงิน มันจึงเป็นส่วนประกอบของความสุข คนที่มีความสุขส่วนใหญ่นั้นจะมีส่วนนี้ประกอบอยู่ด้วย แต่เราก็ยังเห็นข่าวคนรวย ฐานะดีไม่มีความสุขบ้างก็มี คนที่มีความสุขได้นั้นจึงต้องเป็นคนที่มีหลายๆ องค์ประกอบรวมๆ กัน ได้ทำงานที่ชอบบ้าง มีเวลาให้ครอบครัวบ้าง ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ได้ใช้บ้าง ทุกอย่างมันล้วนเป็นองค์ประกอบได้ทั้งนั้น

สุดท้ายจะบอกว่า ผมรักหนังเรื่องนี้มากเลยนะ ไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้มาร่วมสิบปีแล้ว วันนี้หยิบมาเปิดดูใหม่ก็ยังประทับใจเหมือนเดิม เพิ่มเติมก็ตรงที่มีมุมมองต่อหนังเรื่องเปลี่ยนไป เข้าใจตัวหนัง เข้าใจในตัวละครมากขึ้น เป็นหนังดราม่า แรงบันดาลใจที่ดีมากๆ เรื่องนึงเลยครับ

สองนักแสดงนำ Will Smith กับ Jaden Smith ที่เป็นพ่อลูกกันทั้งในหนังและชีวิตจริง ก็ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตัวละครในเรื่องได้ดี เสมือนว่ากำลังดูชีวิตคนๆ หนึ่งจริงๆ

ตะแนนความชอบส่วนตัว 9/10



Create Date : 20 มิถุนายน 2568
Last Update : 20 มิถุนายน 2568 23:03:25 น.
Counter : 179 Pageviews.

0 comments
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร

ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไมเคิล คอร์เลโอเน
Location :
กำแพงเพชร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



สวัสดีชาวบล็อคทุกคนนะครับ

''ชีวิตก็เหมือนกับกล่องช็อตโกแล็ต เราไม่รู้ว่าเปิดจะเจออะไร''