Roman Holiday (1953) โรมรำลึก
หนังเก่าระดับคลาสสิคออกฉายก่อนผมเกิดตั้งหลายปี แต่ก็ยังพอได้ยิน พอรู้จักชื่อหนังเรื่องนี้ อยู่ในลิสต์แนะนำหนังในหลายๆ ที่ หลายคนว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังโรแมนติกชวนฝัน หลายคนก็ว่าภาพจำกรุงโรมที่สวยงามถูกบันทึกไว้ในหนังเรื่อง หลายคนก็ว่า Audrey Hepburn ในหนังเรื่องนี้สวยมาก
ผมรู้จักหนังเรื่องนี้จากที่มีคนเอาหนังเรื่องนี้ไปตัดใส่เพลง Yesterday Once More ใน Youtube แล้วปรากฏว่า ''เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ'' หนังก็คลาสสิค เพลงก็ไพเราะ ทำให้อยากไปหาหนังเรื่องนี้มาดู จนเห็นว่า Netflix เอามาฉายนั่นล่ะครับ จึงมีโอกาสได้ดูพอดี
ตัวหนังเป็นหนังภาพขาวดำ เล่าถึงเจ้าหญิงแอนน์ได้เสด็จเยือนยุโรป จนถึงวันเยือนเยือนกรุงโรมฯ ประเทศอิตาลี แต่ด้วยความที่เป็นเจ้าหญิง ทุกอย่างของเธอจึงเป็นราชกรณียกิจน่าเบื่อๆ ขนาดตอนจะบรรทม แพทย์ประจำตัวยังให้ยากล่อมประสาทเธอเลย แต่ด้วยความน่าเบื่อ เธอจึงแอบหนีออกมาท่องราตรีตามลำพัง ณ กรุงโรม และได้มาพบกับ 'โจ' นักข่าวหนุ่ม ที่ไม่รู้ว่าสาวอาการมึนเมาคนนั้นเป็นเจ้าหญิง กลัวว่าเธอจะเป็นภาระ จึงเอาเธอไปฝากไว้กับรถแท็กซี่ แต่แท็กซี่ไม่รับ จึงพาเธอไปพักที่ห้องพักส่วนตัวของเขา ก่อนจะทราบในภายหลังว่า ''เธอเป็นเจ้าหญิงที่หนีออกมาจากวัง''
จากพล็อตเรื่องก็ตามสูตรสำเร็จหนังแนว ''ดอกฟ้ากับหมาวัด'' อะไรทำนองนั้นล่ะครับ คนธรรมดาๆ ที่สุดท้ายมีโอกาสได้ไปแอบรักกับเจ้าหญิง แต่ด้วยฐานะ หน้าที่ต่างๆ ที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว และวันหนึ่งเธอต้องเสด็จกลับวัง มันคือพล็อตที่สูตรสำเร็จเอามากๆ แต่มันก็เป็น ''สูตร'' ที่ ''สำเร็จ'' ที่ทำมาทุกยุคทุกสมัย และก็ยังถูกใจคอหนังทุกยุคทุกสมัย
หนังทำเงินหลายๆ เรื่องก็มาจากสูตรนี้นี่แหละครับ ถ้านำมาปรุงดีๆ ก็โดนใจคนดูได้ไม่ยาก นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้หนังอย่าง Titanic, Notting Hill หรือ The Notebook ประสบความสำเร็จ และครองใจคอหนังหลายๆ คนเอามากๆ ส่วนตัวผมเองก็ชอบหนังแนวสูตรสำเร็จนี่ล่ะนะ ไม่ต้องไปเล่นท่ายากอะไรมาก แค่ทำออกมาได้ตรงใจก็พอ
กลับมาที่ Roman Holiday ก็ถือเป็นหนังชวนฝัน ดูไม่น่าเบื่อ แม้หนังจะเก่ามากแล้ว แต่สิ่งที่หนังสื่อมาก็ยังเข้าถึงคนสมัยนี้ได้อยู่ ประเด็นหนังยังร่วมสมัย ทำให้หนังยังเข้าถึงคนดูยุคหลังได้เสมอ อย่างเรื่องของ ''ความรัก'' แม้จะอยากจะรัก แต่ด้วยความที่อยู่ในฐานะต่างกันมากๆ การจะแสดงความรักเป็นตรงๆ นั้นเป็นเรื่องที่ยาก เป็นสิ่งที่ต้องพยายามห้ามใจไว้ และต่อให้อยู่ในฐานะเจ้าหญิง ภายในจิตใจก็คือมนุษย์เรานี่เเหละ อยากสนุก อยากมีชีวิตทั่วไปตามช่วงวัยนั้น แต่ด้วยฐานะหน้าที่ มิสามารถทำแบบนั้นได้ สุดท้า่ยต้องกลับมาทบทวนว่าแท้จริง เรามีหน้าที่อะไร (ดูแล้วแอบนึกถึงเรื่องราวของเจ้าหญิงไดอาน่าเหมือนกัน)
ตัวหนังยังมีความจำอีกหลายๆอย่าง ทั้งกรุงโรม เมืองโรแมนติกชวนฝัน ทั้งรถ Vespa และ Audrey Hepburn ในบทเจ้าหญิงรูปงามที่ภายในมีความหัวขบถหน่อยๆ ถือเป็นภาพจำของหนังเรื่องนี้เลยล่ะ
ถ้าเป็นคอหนังแนวโรแมนติก งานภาพสวยๆ (น้ำเน่าหน่อยๆ) ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ควรเอาไว้นะครับ 
คะแนนความชอบส่วนตัว 7.5/10