The Flash (2023) เดอะ แฟลช
ก่อนดูหนังเรื่องนี้ ส่วนตัวไม่ค่อยจะคาดหวังกับหนังเรื่องนี้อยู่เเล้ว เพราะว่า ผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องราวปูมของตัวซูเปอร์ฮีโร่ The Flash เท่าไหร่ เพราะฉบับซีรีส์ก็ไม่เคยดู คอมมิคก็ไม่เคยอ่าน รู้จักตัวละครนี้ก็เพียงใน หนัง DC ที่ผ่านมานั่นแหละครับ
และอีกอย่างคือ กลุ่มซูเปอร์ฮีโร่ DC ในจักรวาลที่ Zack Snyder สร้างขึ้นมา ก็แพแตกไปเรียบร้อยแล้ว จบเรื่องนี้ก็แยกทางกันแล้ว The Flash ฉบับนี้ จึงเหมือนเป็นหนังอำลาซูเปอร์ฮีโร่กลุ่มนี้เฉยๆ ไม่น่าจะได้นำไปใช้ต่อยอดในจักรวาลของ James Gunn อีกในอนาคต
แต่ตัวหนังจริงๆ ถือว่าทำได้ดีพอประมาณเลยนะ
ตั้งแต่การทำให้เราได้รู้จักตัวละคร ได้อย่างรวดเร็ว ให้เรารู้ว่าก่อนจะเป็น The Flash ตัวละครนี้เคยเป็นมายังไง (ถ้าเอาตรงนี้มาสร้างก่อนจะรวมทีม Justice League จะดีมากเลย)
เรื่องของเรื่องคือ The Flash อยากจะย้อนเวลาไปแก้ไขอดีต เพื่อไม่ให้แม่ของตัวเองตาย พ่อไม่ต้องติดคุกเพราะข้อหาฆ่าแม่ตัวเอง (เป็นการเข้าใจผิด) และตัว'แบรี่ อัลเลน' จะได้มีความสุขกว่านี้ เพราะครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้ากัน
แต่ทาง 'บรูซ เวย์น' ที่มีหัวอกเดียวกัน (ขานั้นเสียไปทั้งพ่อและแม่) เตือนว่าไม่ควรคิดย้อนไปแก้ไขอะไร เพราะทุกสิ่งที่ทำให้เราเป็นเราในวันนี้ ล้วนเป็นผลพวงจากการกระทำของเราในอดีตทั้งนั้น ถ้ากลับไปแก้ไขมัน ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไป ที่มาเป็นทุกวันนี้จะไม่ใช่เรา (เหมือนแบทแมนแกเข้าใจสัจธรรมของโลกแล้ว)
แต่ตัว 'แบรี่' เอง ด้วยความคิดถึงแม่ของตน คิดว่าถ้ามีทางช่วยแม่กลับจากความตายได้ ก็อยากจะลองทำ (เป็นเราก็คงจะทำเช่นกัน) เลยใช้ความเร็วของตนเองย้อนเวลาไปแก้ไขอดีต เขาสามารถช่วยแม่ของเขาได้จริง แต่มันทำให้เขาติดอยู่ในอดีต และต้องหาวิธีกลับมายังอนาคต โดยไม่ให้อดีตทำลายอนาคตของตัวเขา
ดูไปดูมาก็เหมือนหนัง Back to the Future ที่พระเอกกลับไปอดีต และพยายามกลับมาอนาคต
การกลับไปอดีตนี้ มันทำให้เวลาแตกเป็นอีกเส้นเวลา เหมือน Multiverse ทำให้ตรงนี้หนังสามารถใส่ลูกเล่น Easter Egg ได้เต็มที่เลยนะ
ตัวหนังถือว่าสนุก ดูได้พอหายคิดถึง แต่ด้วยความที่รู้อยู่แล้วว่าตัวละครต่างๆ จะไม่ได้ไปต่อก็ทำให้หนังกร่อยไปพอสมควร อีกอย่างที่คนดูเขาติหนังเรื่องนี้เยอะก็คือ ซีจี ที่มันดูลอยๆ ไม่สมจริงๆ (ตรงนี้ก็จริงนะ) แต่ถ้ามองข้ามได้ก็จะไม่มีปัญหาต่อเนื้อเรื่องแต่อย่างใด
คะแนนความชอบส่วนตัว 7/10
คะแนนก็ตามนี้เลยจ้า