In Good Company (2004) บอสมือใหม่ หัวใจหัดรัก
เอาจริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่สะท้อนวิถีการทำงานระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ได้ดีเลยนะ
หนังเรื่องนี้เล่าถึงบริษัทนึงที่มีการปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ ผลพวงจากการปรับบริษัทคราวนี้ 'แดน ฟอร์แมน' หนุ่มใหญ่หัวหน้าฝ่ายขายโฆษณาวัยเก๋า ต้องโดนลดขั้นมาเป็นลูกน้องของ 'คาร์เตอร์ เดอร์เยีย' หนุ่มจบใหม่ไร้ประสบการณ์ ที่แม้กราฟชีวิตด้านการงานจะอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่กราฟด้านชีวิตคู่กลับสวนทาง เขาไม่สามารถจัดการเวลากับคนรักได้ จนต้องแยกทางกัน
และคราวนี้เรื่องราววุ่นๆของ 'หัวหน้าหนุ่มไฟแรง' กับ 'ลูกน้องจอมเก๋า' ก็ค่อยๆเริ่มขึ้น แถมเจ้าหนุ่มคาร์เตอร์ดันไปตกหลุมรัก 'อเล็ก' ลูกสาววัยรุ่นของแดนอีกด้วย
หนังเรื่องนี้ถ้าตั้งใจดูดีๆ จะเห็นเรื่องราวการจัดการชีวิตของคนวัยทำงานได้ดีเลยนะ
เพราะชีวิตการทำงาน (โดยเฉพาะยุคนี้) เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน บางครั้งกราฟชีวิตอาจจะกำลังขึ้นสุด และบางครั้งก็อาจจะตกลงสุดได้เหมือนกัน มันเป็นความไม่แน่ไม่นอนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
วันหนึ่งคุณอาจได้รับตำแหน่งใหม่ วันหนึ่งคุณอาจกำลังเลี้ยงฉลองกับการเลื่อนขั้น และอีกวันหนึ่งคุณอาจจะนั่งคอตกเพราะโดนเชิญออก (ไล่ออก) ก็ได้
มันคือความไม่แน่นอนในการทำงาน ซึ่งบางครั้งความผิดไม่ได้อยู่ที่เราเลย
และหนังเรื่องนี้ยังสื่อให้เห็นเรื่อง ''ประสบการณ์'' ที่จำเป็นต่อการทำงานได้ดี คนรุ่นใหม่จะมีแนวคิดที่ว่า ''เราอาจมีแนวใหม่ที่ทำให้งานมันไปได้ดีกว่าเดิม และวิธีเก่าๆ มันตกยุคไปแล้ว'' ซึ่งมันก็จริง แนวคิดแบบใหม่มันย่อมดีเสมอ แต่บางสิ่งบางอย่าง เราก็ต้องการวิธีแบบเดิมๆ ง่ายๆ ตรงไปตรงมา และในเรื่องบางเรื่องต้องอาศัยประสบการณ์ช่วยด้วยอีกแรง ไม่ว่าแนวคิดแบบใหม่ๆ จะดีขนาดไหน มันก็ต้องผ่านขั้นตอนการลองผิดลองถูกต่อไปอีก
ผมชอบฉากที่คาร์เตอร์เรียกพนักงานมารับทราบเรื่องปลดออก ซึ่งคาร์เตอร์จะใช้คำว่า ''เชิญออก'' และค่อยๆปลอบใจกับพนักงานคนนั้น ทำให้ขั้นตอนการพูดคุยค่อนข้างยืดเยื้อ ซึ่งแดนได้บอกคาร์เตอร์ไปว่า ''ใช้คำว่าไล่ออกเลยก็ได้'' เพราะไม่ว่าจะใช้คำไหน พนักงานที่โดนปลดออกนั้นก็ไม่ได้รู้สึกดีทั้งนั้น
และการเจรจาขายโฆษณาต้องดูที่ตัวบุคคลว่าเขาเป็นคนรุ่นไหน ชอบการเจรจาแบบใด
อีกอย่างที่หนังพยายามสื่อออกมาก็คือ ให้บาลานซ์ชีวิตของเราให้ดี อย่าหนักไปทางการงานจนปล่อยให้ชีวิตครอบครัวต้องพัง ในขณะเดียวกันการงานก็สำคัญ ทุกอย่างต้องบาลานซ์
รวมถึงเรื่องแนวคิดด้วยนะ เก่าไปก็ตกรุ่น ใหม่ไปก็ยังไม่เสถียร คือต้องบาลานซ์ดีๆ ฟังคนรุ่นเก่าบ้าง และก็เอามาปรับใช้กับแนวคิดแบบใหม่ก็คือดี
หนังเรื่องนี้กำกับโดย Paul Weitz ที่เคยมีผลงานอย่าง American Pie และ About a Boy ซึ่งเรื่องนี้แกก็ถือว่าบาลานซ์งานของแกได้ดีนะ มีตลกบ้าง จริงจังบ้าง เสียดสีบ้าง และมีโรแมนติกให้พอยิ้มตาม ซึ่งตัวหนังถือว่าใช้ได้ครับ
และนักแสดงหลักๆ เลยสามคน Dennis Quaid, Topher Grace และ Scarlett Johansson ก็ถือว่าเล่นได้ดีทั้งหมดครับ
เป็นอีกเรื่องที่เหมาะกับคนแทบทุกวัยเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยยี่สิบห้าขึ้นไป น่าจะโดนไปบ้างไม่มากก็น้อยครับ
คะแนนความชอบส่วนตัว 7.5/10
พักนี้โปรโมทแต่เด็กๆ ขึ้นตำแหน่ง