The Covenant (2023) เดอะ โคเวแนนท์
''เราจะได้กลับบ้าน แต่ต้องเดินทางนานหน่อย เราใช้ถนนไม่ได้ ถ้าพวกมันรู้ว่าเราอยู่นี่ พวกมันจะส่งคนมาอีก''
เรื่องการเอาชีวิตรอดของทหาร 'จอห์น คินลีย์' กับ 'อาเหม็ด' ล่ามแปลภาษาของทีม ที่ต้องเอาชีวิตรอดจากการตามล่าของพวกตาลีบัน
หนังได้เอาคำว่า The Covenant ที่เป็นชื่อเรื่องมาใช้ได้ตรงประเด็นเลยนะ
คำว่า ''Covenant'' ที่แปลว่า ''พันธสัญญา'' ในเรื่องนี้น่าจะเป็นทางใจ ที่แม้จะไม่ได้จรดปากกาเซ็นกันเป็นเรื่องเป็นราว แต่สิ่งที่ตัวละครมีให้กัน มันเกินกว่าปากกาที่เราๆ มาเซ็นลงนามทำสัญญากันอีกนะ
เพราะในเรื่อง 'นายอาเหม็ด' ที่เป็นล่ามได้พยายามช่วยเหลือ 'คินลีย์' ให้รอดก่อน แม้ตัวเขาจะสามารถเอาตัวรอดไปคนเดียวได้ก็ตาม เขาทั้งสร้างเปลลากจอห์นขึ้นลงเขา ท่ามการบรรยากาศอันร้อนระอุ ในระยะทางกว่า 120 กิโลเมตร และก็อาจจะเจอพวกตะลีบันระหว่างทางได้ทุกเมื่อ
นั่นคงเป็นสัญญาใจที่แบบว่า ''เอาวะ ภารกิจนี้ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน''
ทำให้พอถึงเวลาที่ 'อาเหม็ด' ที่อยู่ในอันตรายบ้าง จอห์นเลยต้องนิ่งนอนใจไม่ได้
หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นหนังของ Guy Ritchie ที่ผมชอบมากที่สุดในรอบหลายปีหลังๆ เลยนะ (ตั้งแต่พวก Snatch และ Lock, Stock and Two Smoking Barrels โน้นเลย) เพราะหลังจากนั้นแม้งานหลายๆ เรื่องของเขาจะอยู่ในมาตรฐานดี อย่างเช่น Sherlock Holmes, The Man from U.N.C.L.E. และ
King Arthur: Legend of the Sword แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่ชอบ ส่วน Aladdin ก็เหมือนกับไม่ใช่แนวของแกเต็มที่
ตอนดู The Covenant (2023) เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ผลปรากฎคือ ''มันดีเกินคาดเลยนะ'' ถือเป็นการผสานลายเซ็นของแก กับหนังแนวทหารได้อย่างลงตัว
ดูไม่ได้เล่นสเกลใหญ่มาก บู๊ไม่เยอะ แต่ผลออกมาถึงใจ ดูแล้วอยากเอาใจช่วยตัวละครไปได้จนจบเรื่อง
ด้านนักแสดงทั้ง Jake Gyllenhaal และ Dar Salim ถือว่าเล่นได้ดี คนแรกดีตามมาตรฐาน คนที่สองนอกจากแบบจอห์นแล้ว ยังแบกหนังไว้ได้ด้วย
โดยรวมไม่อยากให้พลาดนะ ถ้าใครชอบหนังแนวนี้อยู่แล้ว ยิ่งไม่อยากให้พลาดไปใหญ่
คะแนนความชอบส่วนตัว 8/10
วันที่: 9 กันยายน 2566 เวลา:5:18:45 น.
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [