กรกฏาคม 2566

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
7
8
9
10
16
17
18
22
24
26
28
29
30
31
 
 
All Blog
If I Stay (2014) ถ้าฉันอยู่


''พยาบาลคนนั้นบอกว่าทุกอย่างอยู่ที่ฉัน ว่าจะเป็น หรือตายทุกอย่างขึ้นอยู่กับฉันคนเดียว มันทำให้ฉันกลัวยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด''

เรื่องนี้เคยดูเมื่อประมาณเก้าปีที่เเล้ว
ตอนที่หนังเข้าฉายในโรงใหม่ๆ

จำได้ว่าหนังดูเศร้ามาก
แม้ว่าการดำเนินเรื่องมันจะไม่ได้เน้นถึงความเศร้าก็ตาม

สมมุติว่าถ้าวันหนึ่งเราไปเที่ยวกับครอบครัว
แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น

คนในครอบครัวเราจากไปทั้งหมด
เหลือแค่ ''เรา'' ที่อาการโคม่าในโรงพยาบาล

สามารถเลือกได้ว่าจะเข้มเเข็งเพื่อพยายามอยู่ต่อ
หรือรอเวลาเพื่อจากไปตามพวกเขา

เราเลือกได้เอง..... แต่ถ้าอยู่ต่อไปล่ะ... ถ้าฉันอยู่....

เหตุการณ์สมมุติข้างต้น คือพล็อตของหนังเรื่องนี้ครับ

หนังเดินเรื่องโดยการสลับเหตุการณ์ระหว่างช่วงก่อนที่เกิดอุบัติเหตุ ตัวละคร 'มีอา' กำลังมีฝัน มีอนาคต มีครอบครัวที่ดี และมีแฟนหนุ่มที่รักเธอมาก

และเหตุการณ์หลังเกิดอุบัติเหตุ 'มีอา' สามารถเห็น สามารถรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงแต่ร่างของเธอยังคงโคม่าในห้องฉุกเฉิน เธอรับรู้ถึงความเป็นห่วง ความเศร้าของคนรอบข้าง ความทรงจำที่ดีต่างๆ และความจริงที่ว่า พ่อ แม่ และน้องชายของเธอ จะไม่ได้อยู่ต่อกับเธอ หากเธอฟื้นขึ้นมา

แค่คิดตามพล็อตนี้ก็เศร้ามากแล้ว แม้หนังจะไม่พยายามบิ้ว พยายามให้เศร้ามาก เผลอๆจะเน้นไปที่ช่วงเวลาความรักของมีอากับแฟนหนุ่มของเธอด้วย

แต่หนังจะไม่มองผ่านความเจ็บปวดนั้น และยังย้ำเตือนถึงมันอยู่เสมอ

ตัวหนังเป็นแนวดราม่า-โรแมนติก และมีแนวดนตรีมาประกอบด้วย เพราะตัวละครเล่นดนตรีเชลโล และกีตาร์

ส่วนด้านนักแสดง หลักๆคือ น้อง Chloë Grace Moretz ที่ยอมรับว่าครั้งแรกที่ดูหนังเรื่องนี้ก็เพราะเธอ และหนังก็ให้อะไรมากกว่าความน่ารักของเธอมาก

อย่างข้อคิดต่างๆ การดำเนินชีวิตแบบไม่ประมาท การทำตามความฝัน และการที่ต้องประคองความรักและความฝันไปพร้อมๆกัน สุดท้ายก็คือ

''ความเสียสละ''

ถ้ามีความฝัน บางทีต้องเสียสละเวลาความรัก เพื่อให้ความฝันบ้าง แต่ก็อย่าให้มากเกินไปจนลืม ''ความรัก''

และบางครั้งต้องเสียสละ ''ความฝัน'' เพื่อคนที่เรารักมากๆ ได้เช่นกัน

ผ่านไปเก้าปี ย้อนกลับมาดูหนังเรื่องนี้อีกรอบ สิ่งที่เหมือนเดิมนอกจากความน่ารักที่ไม่เคยเปลี่ยนของ Chloë Grace Moretz (🥰) ก็คือ ''สิ่งต่างๆที่แฝงมาในหนังยังคงดีงามเหมือนเช่นเคย''

โดยเฉพาะการที่หนังพยายามบอกเราว่า ''สุดท้ายไม่ว่าเราจะพบกับอะไร เราสามารถเลือกได้เองนะ แม้บางครั้งมันอาจจะเจ็บปวดไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นสิ่งเราเลือกได้เอง''

แม้โดยรวมหนังจะไม่ได้ Perfect มาก บางช่วงยังขาดๆ เกินๆ เนิบบ้าง เร็วบ้าง แต่ถือเป็นหนังดราม่าที่ดีอีกเรื่องครับ 😊

คะแนนความชอบส่วนตัว 7.5/10



Create Date : 05 กรกฎาคม 2566
Last Update : 5 กรกฎาคม 2566 17:10:08 น.
Counter : 680 Pageviews.

1 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร

  
เรื่องนี้เคยอ่านหนังสือ
ไม่นึกว่าทำเป็นหนังด้วยจ้า

โดย: หอมกร วันที่: 6 กรกฎาคม 2566 เวลา:7:00:14 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#20



ไมเคิล คอร์เลโอเน
Location :
กำแพงเพชร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



สวัสดีชาวบล็อคทุกคนนะครับ

''ชีวิตก็เหมือนกับกล่องช็อตโกแล็ต เราไม่รู้ว่าเปิดจะเจออะไร''