ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า การที่จะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุก ให้อินไปกับเนื้อเรื่องได้ต้องทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปก่อน หรือไม่ก็ต้องรู้ประวัติศาสตร์เหตุการณ์ดันเคิร์กคร่าวๆสักนิดหน่อยก็ยังดี (เพื่ออรรถรสในการรับชม)
อธิบายเรื่องราวดันเคิร์กตามความเข้าใจสั้นๆดังนี้
ท่าเรือดันเคิร์กอยู่ที่ฝรั่งเศส
ฝ่ายสัมพันธมิตร = ฝรั่งเศส โปแลนด์ สหราชอาณาจักร(อังกฤษ) เป็นฝ่ายที่ต้องอพยพออกจากท่าเรือดันเคิร์ก
ฝ่ายเยอรมัน = เป็นฝ่ายปิดล้อมท่าเรือดันเคิร์ก
ซึ่งต้นๆเรื่องอาจจะดูมึนๆปะติดปะต่อไม่ค่อยได้ แต่พอดูไปสักพักเราจะเข้าใจหนังไปเองโดยไม่ยากเย็นนัก
โดยเนื้อเรื่องแบ่งออกเป็น 3 พาร์ท ดังนี้
1.พาร์ทเครื่องบินช่วยเหลือทางอากาศ(ทอม ฮาร์ดี้)
2.พาร์ทพ่อลูกช่วยเหลือทางเรือ
3.พาร์ททหารที่ติดอยู่ ณ ท่าเรือดันเคิร์ก
โดย 3 เหตุการณ์นี้เล่าต่างเวลากันแต่ต้องมาบรรจบกันในที่สุด ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ต้องเล่าพร้อมกันในเวลาหนัง 1 ชั่วโมง 57 นาที เป็นอะไรที่เจ๋งมากพอดู
หนังเรื่อง ''ดันเคิร์ก'' ก็เลยเป็นเหมือน ''หนังปล่อยของ'' ของ ''คริสโตเฟอร์ โนแลน''
ทั้งการเล่าเรื่องโดยใช้ ''ภาษาภาพ'' บทสนทนาในเรื่องนี้จึงไม่มากนัก
การเล่าเรื่องโดย ''ไม่ต้องปูเนื้อเรื่องของตัวละคร'' แต่สามารถทำให้เรา ''อิน'' ได้อย่างไม่ยากเย็น ตรงนี้แอบทึ่งเล็กน้อย หนังไม่ต้องเสียเวลาปูเนื้อหาที่มาที่ไปของตัวละครเลย แต่ก็ทำให้รู้สึกอินเอาใจช่วยได้ตลอดทั้งเรื่อง แบบตัวละครเจ็บเราก็เจ็บด้วย ตัวละครในเรื่องกลัวเราก็กลัวไปด้วยเช่นกัน
ที่เด็ดสุดก็ตรงงานด้าน ''ภาพ'' และ ''ซาวน์เอฟเฟค'' รวมไปถึงการบันทึกเสียง และ การตัดต่อ ที่ระทึกใจ จนแทบจะเพอร์เฟ็คไปเลยในด้านนี้ โดยเฉพาะเสียงเข็มนาฬิกาของ ฮาน ซิมเมอร์ เล่นเอาหลอนไปพักใหญ่เลยเหมือนกัน
บรรยากาศความน่ากลัวของสงคราม แม้ในเรื่องแทบจะไม่เห็นทหารฝ่ายเยอรมันโผล่มาแบบเต็มๆเลย แต่เมื่อใดที่รู้ว่าฝ่ายเยอรมันโจมตีแล้วน่ากลัว น่าเกรงขามจริงๆ
ความเรียล ความสมจริงของหนังตรงนี้ก็ยกนิ้วให้
ส่วนข้อเสียหนังก็มี ด้วยความเร็วของการดำเนินเรื่องของหนัง บางครั้งเล่นเอาตามไม่ทันเหมือนกัน และไม่ใช่หนังแนวที่ทุกคนจะชอบ ซึ่งเรื่องนี้การดำเนินเรื่องแบบนี้ใครไม่ชอบก็เกลียดไปเลย
ส่วนใครที่หวังฉากสงครามยิงกันเหมือนหนังสงครามเรื่องอื่น ดันเคิร์กก็คงไม่ใช่ทางนัก เพราะเรื่องนี้เน้นการเอาชีวิตรอดจากสงคราม มากกว่าเน้นสงคราม แล้วก็มีฉากเล่นกับจิตใจมนุษย์บ้างตามแนวถนัดของ ผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน
โดยสรุปแล้วเป็นหนังที่ดีที่อีกเรื่องที่อยากแนะนำ แต่ต้องเข้าใจประวัติศาสตร์สักนิดก่อนไปดูเพื่อเติมเต็มเรื่องราว(ไม่งั้นอาจมีอาการงง ตามหนังไม่ทัน)
ยอดเยี่ยม แต่ส่วนตัวโดยรวมเมื่อเทียบกับผลงานเก่าๆงานผู้กำกับท่านนี้ยังชอบเรื่องก่อนหน้าพวก Interstellar,Inception และ The Dark Knight มากกว่า (3 เรื่องนี้ยกขึ้นหิ้ง)
คะแนนความชอบส่วนตัว 8.5/10