พฤศจิกายน 2562

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
30
 
All Blog
American History X (1998) : นายทำอะไรให้ชีวิตดีขึ้นบ้างมั้ย?



 

ถ้ามีวงสนทนากลุ่มหนึ่งกำลังพูดถึงหนังที่เกี่ยวกับการเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติแล้วล่ะก็ ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในหนังที่จะถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นพูดคุยในวงสนทนานั้นแน่นอน

หนังเล่าถึง ''เดเร็ค'' ชายนิสัยสุดอันธพาล ผู้มีแนวคิดที่ว่า พวกคนผิวสีผิวเหลืองเป็นพวกต่ำต้อยเข้ามาในอเมริกาเพื่อแย่งงาน แย่งชีวิตดีๆจากพวกเขา (คล้ายๆฮิตเลอร์เกลียดยิว) และแนวคิดนี้เขาจะได้รับการสรรเสริญดุจพระเจ้าจากเหล่าอันธพาล ไม่แม้กระทั่ง ''แดนนี่'' น้องชายของเขา

วันหนึ่งโจรผิวสีโชคร้ายไปขโมยรถเก่าของพ่อที่บ้าน แดนนี่เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปเรียกเดเร็คพี่ชาย เดเร็คได้คว้าปืนมาไล่ล่าโจรทั้งสาม และจบตัวเหยียบหัวโจรผิวสีตายไปต่อหน้าต่อตาแดนนี่

จากเหตุการณ์นี้ส่งผลให้เขาติดคุกสามปี ระหว่างอยู่ในคุกเขาได้เรียนรู้สัจธรรมอีกแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสในโลกข้างนอก พอออกมาเขาหวังจะวางมือจากวงการนี้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่แต่เมื่อเห็นแดนนี่น้องชายกำลังหลงผิด เอาแบบอย่างไม่ดีของเขาในอดีต เดเร็คจึงพยายามเพื่อจะดึงแดนนี่กลับมาในเส้นทางที่ควรจะเป็น

คือว่ากันตรงๆแล้ว หนังเรื่องนี้มีสามอย่างที่เด่นๆเลยก็คือ

1. การจิกกัดเสียดสีสังคมอเมริกันบางกลุ่มเรื่องการเหยียดผิวเหยียดเชื้อชาติได้อย่างรุนแรงและหนักหน่วง รุนแรงขนาดแบบว่าคนเอเชียอย่างเราดูแล้วรู้สึกได้เลย

2. บทที่ค่อนข้างแข็ง แถมด้วยการแปลงบทมาเล่าเป็นเนื้อเรื่องได้ดีมากๆ

3. การแสดง!!!

จริงๆหนังยังมีดีอีกนะ แต่สิ่งที่เด่นๆ สามอย่างนี้มันสุดๆจริงๆ โครตเพียงพอสำหรับการที่จะจ่ายเวลาสองชั่วโมงนั่งดูมันเลย

หนังเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง ''เดเร็ค'' กับ ''แดนนี่'' ซึ่งแดนนี่เห็นพี่ชายเป็นเหมือนไอดอลมาโดยตลอด คือทั้งสิ่งดีและไม่ดี (ส่วนใหญ่จะไม่ดี) ทำตามตลอด เห็นพี่ทำแล้วเท่ เห็นพี่ทำแล้วได้เป็นนักเลงใหญ่ เขาเลยจะทำบ้าง

แต่พอมาเห็นพี่ชายในอีกมุมมอง ในเวลาที่ไม่เหลือความเป็นหัวโจ๊กอันธพาลแล้ว ก็เกิดการขัดแย้งในใจว่า ''ไอ้ทำเป็นอยู่นี่มันยังไงกันแน่''

คือคนเรากว่าจะหล่อหลอมตัวเองมาจนเป็นตัวเองในปัจจุบันได้อย่างทำวันนี้ ย่อมได้รับอิทธิพลมาจากหลายสิ่ง และเชื่อว่าคนรอบกาย คนใกล้ชิดก็เป็นหนึ่งในนั้น

ฉะนั้นสังคมใกล้ตัวดีหรือไม่ดีอย่างไร ย่อมมีผลไม่มากก็น้อย

อีกอย่างหนึ่งก็คือหนังตั้งคำถามถึงความเท่าเทียมของมนุษย์ เราเอาอะไรไปตัดสินได้ว่าคนเหล่านั้นต้อยต่ำกว่าเรา?

เปลือกนอกมิอาจตัดสินได้ทั้งหมด ภายในจะเป็นตัววัดคุณค่าเรา

''เดเร็ค'' เรียนรู้จากเพื่อนร่วมงานผิวสีในคุก และแก๊งอันธพาลผิวขาวในคุกเช่นกัน

และไอ้ที่เราทำอยู่ทุกวันนี้มันดีแล้วหรือ?

ตรงนี้ทิ้งให้ไปหาคำตอบกันเอาเอง.........

------------------------------------------------------------

กลับมาพูดถึงด้านการแสดงครับ

เอาจริงๆนักแสดงหลายคนก็แสดงได้ดีเลยนะ

แต่ขอพูดถึง Edward Norton ถ้าคุณเห็นเขาเล่น Fight Club แล้วคิดว่านั่นเป็นการแสดงที่สุดยอดแล้ว

มาเจอเรื่องนี้ผมว่าสุดกว่าเยอะ ทั้งสีหน้าแววตา ตอนที่เป็นหัวโจกอันธพาลกับตอนออกจากคุกผ่านการเรียนรู้ชีวิต คืออย่างกับคนละคน ตอนเลวก็เลวได้สุด แววตาน่าเกรงขาม แต่ตอนดีก็ดีใจหายแววตาดูสำนึกเป็นห่วงแม่เป็นห่วงน้องเป็นห่วงครอบครัวจริงๆ

มันแตกต่างกันนะ ''แววตาคนไม่แคร์อะไรทั้งนั้น'' กับ ''คนที่เป็นห่วงครอบครัวจริง''

แล้วตัว Edward Norton ก็สื่อตรงนั้นได้ดีมากๆ (เรียกสั้นๆง่ายๆว่า แกแสดงโครตดี!!!!)

อีกคนที่จะพูดถึงก็คือ Edward Furlong ผมรู้จักเขาในคนเหล็ก 2 แต่เรื่องนี้ Edward เล็ก แสดงได้ดีมากอีกคนเลย เหมือนคนที่กำลังหลงผิดติดยาจริงๆ สีหน้าเศร้าอมทุกข์ไปแทบทั้งเรื่อง แต่ตอนที่พี่ชายมาเปิดใจให้ฟังแววตาสีหน้าจะสื่อออกมาอีกแบบเลยนะ

เรียกได้ว่าเรื่องนี้มันเป็นการแสดงคุณภาพจริงๆ ครับ

เป็นหนังอีกเรื่องที่แนะนำจริงๆ คอหนังบทเข้มๆ ไม่ควรพลาด แต่ขอเตือนนิดนึง ตัวหนังค่อนข้างรุนแรง ไม่เหมาะกับเด็กหรือคนที่เซนซิทีฟเรื่องการเหยียดสีผิวชนชาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะเรื่องนี้เล่นตรงนี้หนักจริงๆ

(คะแนนความชอบส่วนตัว 9/10)




Create Date : 27 พฤศจิกายน 2562
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2562 8:38:28 น.
Counter : 1529 Pageviews.

1 comments
  
เรื่องนี้ผมก็ชอบครับ นอร์ตันแสดงดีมาก ๆ
โดย: The Kop Civil วันที่: 28 พฤศจิกายน 2562 เวลา:7:35:18 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไมเคิล คอร์เลโอเน
Location :
กำแพงเพชร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



สวัสดีชาวบล็อคทุกคนนะครับ

''ชีวิตก็เหมือนกับกล่องช็อตโกแล็ต เราไม่รู้ว่าเปิดจะเจออะไร''