Group Blog
 
All Blogs
 

คออ่อนกลับท้ามะเร็งหนัก


เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว เหล้าเบียร์เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งหลายชนิด ตั้งแต่มะเร็งของหลอดอาหาร ยิ่งเป็นคอแป๊บ ยิ่งต้องเสี่ยงหนักยิ่งกว่าพวกคออ่อน

เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อก๊งเข้าไปมาก หน้าตาก็จะชักเริ่มแดง แต่ความผิดปกติเรื่องนี้อยู่ที่คนที่จิบเข้าไปไม่เท่ าไร ก็เกิดเลือดฉีดแรงเสียแล้ว

หมออกิรา โยโคยามา แห่งศูนย์แอลกอฮอล์คูริฮามาของญี่ปุ่น ได้ค้นพบสาเหตุของอาการเช่นนั้นว่า จะเป็นกับผู้ที่ขาดบกพร่องเอนไซม์ที่มีชื่อว่า "เอแอลดีเอช 2"ซึ่งช่วยย่อยสลายแอลกอฮอล์ คนที่ขาดแคลนเอนไซม์นี้อย่างหนัก ไม่ควรจะแตะเหล้ายา เพราะจะทำให้ไม่สบายอย่างแรง นอกจากจะหน้าตาแดงแล้ว จะยังคลื่นเยนวิงเวียนและหัวใจเต้นแรงด้วย เนื่องจากมีเอนไซม์แค่เพียงแต่ย่อยสลายแอลกอฮอล์ให้เ ป็นสารเคมีที่มีลักษณะคล้ายฟอร์มาลดีไฮด์แค่นั้น

ดร.อากิรา พบว่า ผู้ที่ขาดบกพร่องเอนไซม์บางส่วน โดยได้รับยีนสร้างเอนไซม์อย่างเลวมาเพียงตัวเดียวแทน ที่จะ 2 ตัว อาจจะทนกับอาการหน้าแดงได้ จากการศึกษาได้พบว่า แต่จะล่อแหลมกับมะเร็งของหลอดอาหาร สูงกว่าคอเหล้าที่กินพอสูสีกัน แต่ไม่มีความบกพร่องของเอนไซม์เลย ตั้ง 6 - 10 เท่า

ที่มา นสพ.ไทยรัฐ




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2553 22:54:05 น.
Counter : 503 Pageviews.  

พบ! เชื้อโรคในร้านเสริมสวย


จากการสำรวจความสะอาดในร้านเสริมสวย "โครงการสถานที่เสริมสวยหรือแต่งผมสะอาด ปลอดมลพิษเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี" โดยสำนักอนามัยกรุงเทพฯ เมื่อปี 2550 พบเชื้อราในหวีและแปรง 27.34 เปอร์เซ็นต์

ในรายงานเรื่อง "ระวัง! ร้านเสริมสวยทำป่วย" นิตยสาร "ชีวจิต" ฉบับ มี.ค. รศ.พ.ญ.วรัญญา บุญชัย ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ข้อมูลว่า โรคติดต่อที่พบในร้านเสริมสวยแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

โรคเชื้อราผิวหนัง เจอได้ในผ้าเช็ดผม เพราะหากซักแล้วไม่ได้ผึ่งแดดให้แห้งสนิทเพื่อฆ่าเชื ้อโรค เชื้อราจะเจริญเติบโต อีกอย่างคืออุปกรณ์ทำเล็บ เช่น กรรไกรตัดเล็บ ตะไบเล็บ อาจติดมาจากคนที่มีเชื้อและฆ่าเชื้อโรคไม่หมด รวมทั้งพบได้บ่อยในผู้ที่ชอบทำเล็บหรือต่อเล็บ เพราะทำให้เล็บจริงไม่ได้รับอากาศ เวลาโดนน้ำจะชื้น หากเป็นหนักเล็บจะเสียและยุ่ย

โรคจากเชื้อไวรัส เช่น โรคหูด เกิดจากอุปกรณ์ที่สัมผัสกับผิวหนังต่างๆ เช่น กรรไกรตัดเล็บ หวี และหินขัดเท้า

โรคจากเชื้อแบคทีเรีย เกิดจากอุปกรณ์ทั่วไปในร้านเสริมสวยที่ทำความสะอาดไม ่ดีพอและใช้ร่วมกัน จำพวกหวีและแปรงต่างๆ

โรคติดเชื้อจากปรสิต เช่น ติดเหาจากอุปกรณ์ประเภทหวีและล่าสุด คือ อาจติดโลนขนตาจากกาวที่ใช้ติดขนตาปลอม เพราะช่างใช้กาวหลอดเดียวกันกับลูกค้าหลายคน

นอกจากโรคติดต่อทางผิวหนังแล้ว จากการศึกษายังพบโรคติดต่อทางเลือดอีกหลายชนิดในร้าน เสริมสวย ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุและการไม่เปลี่ยนใบมีด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อโรคไวรัสอักเสบชนิดบีและซี ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคตับอักเสบและมะเร็งตับ อุปกรณ์ที่เป็นพาหะคือมีดโกน กรรไกรตัดเล็บ และของมีคมต่างๆ ที่ใช้ในการเสริมความงาม

จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ Emory University School of Medicine สหรัฐอเมริกา วิจัยพบว่าน้ำยาฆ่าเชื้อที่นิยมใช้กันในร้านเสริมสวย ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัส ตับอักเสบซีได้ ทางที่ดีควรเลือกร้านที่เปลี่ยนใบมีดจะดีที่สุด

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสารเคมีที่ใช้ในร้านเสริมสวย ไม่ว่าจะเป็นยาย้อมผม ดัดผม ทำสี หรือสเปรย์

แล้วเราจะป้องกันอย่างไร?

คุณหมอวรัญญาแนะนำว่า ควรสังเกตว่า ร้านนั้นๆ มีระบบระบายอากาศที่ดีหรือไม่ เพื่อไม่ให้โดนละอองจากสารเคมีมากเกินไป และสังเกตความสะอาดของร้านและอุปกรณ์ที่ใช้

จะช่วยป้องกันเชื้อโรคเบื้องต้นได้ทางหนึ่ง

ที่มา นสพ.ข่าวสด




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2553 22:46:49 น.
Counter : 459 Pageviews.  

เรื่องของ "นิ้วล็อค"


เคยได้ยินบางคนบ่นปวดนิ้วมือบ่อยๆ แล้วยังบอกอีกว่า นิ้วมันเหยียดยืดออกไม่ได้...ก็แปลกใจว่าเป็นอะไร? ทำไมนิ้วที่เคยงอเข้า-ออกได้สบาย กลับมีอาการติดๆ ขัดๆ แถมมีอาการปวดอีกต่างหาก!

ลักษณะอาการข้างต้นนั้น เรียกว่า...โรค “นิ้วล็อค”

นิ้วล็อค เป็นภาษาชาวบ้านที่เรียกกันตามอาการที่เกิดขึ้น แต่ที่ถูกคือ ‘โรคนิ้วเหนี่ยวไกปืน’ หรือมาจากภาษาอังกฤษว่า ‘Trigger Finger’ เกิด จากความผิดปกติของนิ้วมือที่ไม่สามารถเหยียดงอได ้ตามธรรมชาติ เนื่องจากปลอกหุ้มเอ็น และเข็มขัดรัดเอ็นที่นิ้วมือขาดความยืดหยุ่น เพราะใช้งานมือและนิ้วอย่างหนัก
เอ็นที่ว่าจะอยู่บริเวณฝ่ามือตรงตำแหน่งโคนนิ้ว นิ้วล็อคอาจเป็นเพียงนิ้วเดียวหรือหลายนิ้วพร้อมกัน

ซึ่งมักพบในผู้หญิง ช่วงอายุ 40-60 ปี โดยส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ที่เกร็งนิ้วบ่อยๆ เช่น แม่บ้านที่ถือถุงพลาสติก ชอบบิดผ้าให้แห้งหมาด ช่างเย็บผ้าที่ใช้มือกระตุกเส้นด้าย ช่างทำผม พนักงานที่พิมพ์ดีด หรือใช้คอมพิวเตอร์ นักกอล์ฟ นักกีต้าร์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังพบในคนที่เคยเกิดอุบัติเหตุบริเวณมือบ่อ ยๆ พบในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบชนิดรูมาตอยด์ และผู้ป่วยเบาหวาน

อาการแรกเริ่มจะรู้สึกเจ็บบริเวณฐานนิ้ว มีความฝืด สะดุดในการเคลื่อนไหวนิ้ว เวลางอหรือเหยียดนิ้วจะกระเด้งเข้า-ออก

ต่อมามีอาการล็อค คือ หากงอหรือกำนิ้วมือไว้ จะไม่ยอมเหยียดออกเอง ต้องใช้อีกมือหนึ่งมาช่วยง้างออก พร้อมทั้งมีอาการเจ็บปวดขณะดึงนิ้วให้คลายออก หรือบางครั้งอาจจะเหยียดยืดนิ้วออก แต่เมื่องอนิ้วจะงอไม่ได้

หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นอุปสรรคในชีวิตประจำวัน เพราะ นิ้วมืออาจเปลี่ยนรูปเป็น โก่ง งอ บวม เอียง นิ้วเกยกัน แข็งและไม่สามารถงอหรือเหยียด ข้อต่ออาจจะยึด เหยียดไม่ออก ขยับไม่ได้ หรือกลายเป็นพังผืดในที่สุด

วิธีป้องกัน คือ ระมัดระวังการใช้มือหรือนิ้ว เช่น เวลาที่ต้องหิ้วของหนักหรือต้องกำสิ่งของแน่นๆ ให้ใช้ผ้าขนหนูหุ้มที่มือไว้ เพื่อผ่อนคลายน้ำหนักซึ่งกดมาที่นิ้ว ไม่บิดผ้าแรงๆ ช่างเย็บผ้าควรใส่ถุงมือ เมื่อต้องต้องใช้อุปกรณ์ นักกอล์ฟ ควรใส่อุปกรณ์ให้ครบ และควรพักมือเป็นระยะ เมื่อทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน

อย่างไรก็ตาม โรคนิ้วล็อค สามารถรักษาให้หายได้ หากเป็นเพียงขั้นเริ่มต้น ให้ใช้ความร้อนประคบ เพื่อบรรเทาอาการปวด จะสามารถช่วยให้นิ้วเหยียดออกได้ การรับประทานยาแก้อักเสบของกล้ามเนื้อ เป็นการช่วยลดการอักเสบของเอ็นนิ้วมือ ใช้ได้ผลในกรณีที่เป็นไม่เกิน 2-3 สัปดาห์

ยังมีการฉีดยาเข้าในเอ็นข้อนิ้วที่อักเสบ วิธีนี้เป็นการรักษาที่ได้ผล เพราะยาจะเข้าสู่บริเวณที่อักเสบได้โดยตรง แต่จะเจ็บปวดมากในเวลาฉีด หรือการรักษาขั้นสุดท้าย คือ การผ่าตัดเพื่อแก้ไขเอ็นนิ้วมือ เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ใช้เวลาไม่นาน

ปัจจุบัน ทางการแพทย์ได้พัฒนาเทคนิคการผ่าตัดโดยใช้ ‘เครื่องมือทำฟัน’ เจาะรูเล็กๆ ที่มือเพื่อสะกิดเข็มขัดรัดเอ็นซึ่งขาดความยืดหยุ่นใ ห้คลายตัว ก่อนเจาะแพทย์จะฉีดยาชาที่มือ ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็เสร็จ แต่ห้ามให้แผลถูกน้ำ ใช้มือทำงานได้ตามปกติ หลังจากนั้น 7 วันก็เปิดแผลได้

มือและนิ้ว ถือเป็นอุปกรณ์ในการทำมาหากินที่สำคัญ หากว่ามันเกิดอาการใช้งานได้ไม่สะดวก หยิบจับอะไรไม่ถนัดแล้วล่ะก็ คงจะหงุดหงิดใจกันน่าดู ดังนั้น ควรระวัง ป้องกัน ไม่ให้อาการนิ้วล็อค.




 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2553 13:04:09 น.
Counter : 849 Pageviews.  

เผย! "โรคเหงือก" อาจทำให้เป็นมะเร็ง


นักวิจัยพบโรคเหงือกอาจเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงของ การเป็นมะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งเม็ดเลือด

รายงานซึ่งตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Lancet Oncology ได้ศึกษาประวัติด้านสุขภาพของผู้ชาย 50,000 คน ทั้งที่สูบและไม่สูบบุหรี่ พบว่า ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงเป็นต้นเหตุของทั้งโรคเหง ือกและโรคมะเร็ง สมาคมทันตแพทย์อังกฤษเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องต รวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ โรคเหงือกอาจเกิดได้เพราะการติดเชื้อแบคทีเรีย และพบได้มากในกลุ่มคนที่สูบบุหรี่ อย่างไรก็ตาม ผลงานวิจัยชิ้นล่าสุดนี้บ่งชี้ว่า แม้แต่คนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ การเป็นโรคเหงือกจะเพิ่มโอกาสของการเป็นมะเร็งได้

ทีมนักวิจัยของอิมพีเรียลคอลเลจ ได้วิเคราะห์แบบสอบถาม และข้อมูลด้านสุขภาพของชาวอเมริกันนับแต่ปี 2529 เป็นต้นมา พบว่า คนที่มีประวัติเคยเป็นโรคเหงือกมีโอกาสเพิ่มขึ้น 14% ที่จะเป็นมะเร็งเมื่อเทียบกับคนที่ไม่เคยเป็นโรคเหงื อก คนที่เป็นโรคเหงือกยังมีโอกาสเพิ่มขึ้น 1 ใน 3 ที่จะเป็นมะเร็งปอด เพิ่มขึ้นเกือบ 50% ที่จะเป็นมะเร็งตับ และเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกันที่จะเป็นมะเร็งตับอ่อน รวมทั้งมีโอกาสเพิ่มขึ้น 30% ที่จะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว

มีทฤษฎีหลายอย่างที่พยายามอธิบายว่า ทำไมโรคเหงือกจึงอาจมีความเชื่อมโยงกับความเจ็บไข้ได ้ป่วยต่างๆ คนที่เป็นโรคเหงือกมีสารเคมีบางอย่างที่การอักเสบอาจ เกิดขึ้นในส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ บางทฤษฎีก็ว่า แบคทีเรียที่ทำให้เป็นโรคเหงือกอาจก่อปัญหาในที่อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

ดร.โดมินิก มิโชด์ นักวิจัย บอกว่า โอกาสเป็นมะเร็งเม็ดเลือดที่เพิ่มขึ้นอาจเกี่ยวโยงกั บระบบภูมิคุ้มกัน การเป็นโรคเหงือกเป็นเวลานานอาจเป็นสัญญาณว่าระบบภูม ิคุ้มกันมีความอ่อนแอ ซึ่งจะทำให้มะเร็งเกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ดี นักวิจัยบอกว่า อาจมีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกันว่าการเป็นโรคเหงือก นานๆ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งทำให้มะเร็งเติบโต หรือแบคทีเรียจากเหงือกอาจเป็นสาเหตุ โดยตรงของมะเร็งในเนื้อเยื่อของปากหรือลำคอเมื่อถูกก ลืนเข้าไป แต่นักวิจัยไม่ได้แนะนำให้คนเป็นโรคเหงือกรีบไปตรวจห ามะเร็งทันที สิ่งที่ควรทำคือ ไปหาหมอฟัน

โฆษกของสมาคมทันตแพทย์อังกฤษบอกว่า หมอฟันถูกฝึกสอนให้ตรวจพบมะเร็งในช่องปาก และมีความตระหนักมากขึ้นว่าโรคเหงือกส่งผลต่อสุขภาพใ นเรื่องอื่นๆ ด้วย หมอฟันจึงพร้อมจะส่งต่อคนไข้ที่มีอาการโรคเหงือกขั้น รุนแรงแม้คนไข้รายนั้นดูมีสุขภาพดีก็ตาม "โรคเหงือกรักษาได้และป้องกันได้ เราควรไปพบหมอฟันอย่างสม่ำเสมอ"

ที่มา Thai Post




 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2553 13:02:15 น.
Counter : 413 Pageviews.  

เผย! สาวก้นใหญ่ไร้โรคเบาหวาน


เป็นที่รู้กันทั่วบางกอกว่า คนจีนมักชอบสะใภ้ที่มีสะโพกผายไหล่ผึ่ง เพราะจะช่วยให้คลอดลูกได้ง่าย แต่ตอนนี้มีเรื่องที่น่าสนใจเพิ่มว่า คนก้นกะละมังยังเป็นสาวที่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานได ้น้อยกว่าสาวก้นปอดซะด้วย เนื่องจากไขมันบริเวณก้น จะช่วยทำให้ลดโอกาสที่น้ำตาลในเลือดสูง ไม่เชื่อก็ลองอ่านดูรายละเอียดด้านล่างต่อไป

ไขมันที่สะสมรอบสะโพกและบั้นท้าย แท้จริงแล้วช่วยป้องกันโรคเบาหวานจากการทำให้ร่างกาย ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น ดร.โรนัลด์ คาห์น จากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในบอสตัน พบว่า หนูที่ได้รับการปลูกถ่ายไขมันใต้ผิวหนัง (subcutaneous fat) เข้าสู่หน้าท้องมีน้ำหนักลดลงขณะที่เซลล์ไขมันหดตัวล งเช่นกัน แม้กินอาหารและทำกิจกรรมเท่าเดิม

คาห์น เสริมว่า เริ่มต้นการศึกษาเพื่อค้นหาว่า เหตุใดไขมันที่สะสมในส่วนต่างๆ ของร่างกายจึงมีผลต่อความเสี่ยงของโรคจากกระบวนการเผ าผลาญอาหาร เช่น เบาหวาน แตกต่างกัน ก่อนหน้านี้ มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าไขมันที่สะสมอยู่บริเวณห น้าท้อง หรือที่เรียกว่าไขมันภายใน (visceral fat) สามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคเบาหวานและโรคหัวใจ ขณะที่คนที่ไขมันพอกพูนบริเวณสะโพกและก้น มีแนวโน้มเป็นโรคดังกล่าวน้อยลง


ทั้งนี้ ผลวิจัยล่าสุด ชี้ให้เห็นว่า ไขมันใต้ผิวหนังอาจเป็นปราการสำคัญที่ปกป้องจากโรคที ่เชื่อมโยงกับกระบวนการเผาผลาญอาหาร คาห์นและทีมนักวิจัยทำการทดลองกับหนู ด้วยการปลูกถ่ายไขมันใต้ผิวหนังที่นำมาจากหนูตัวอื่น เข้าสู่หน้าท้องและใต้ผิวหนังของหนูทดลอง

นอกจากนี้ ผลปรากฏว่าหนูที่ถูกปลูกถ่ายไขมันที่หน้าท้องผอมลงหล ังผ่านไปหลายสัปดาห์ อีกทั้งยังมีน้ำตาลและอินซูลินในเลือดในระดับที่เหมา ะสมยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับหนูตัวอื่นๆ ขณะนี้ นักวิจัยทีมนี้กำลังขยายผลเพื่อค้นหาสารภายในไขมันใต ้ผิวหนังที่เป็นพระเอกของเรื่องนี้ โดยหวังว่าอาจต่อยอดสู่การพัฒนายารักษาโรคเบาหวานและ โรคอ้วนได้ เนื่องจากแม้รู้กันว่าไขมันสามารถผลิตฮอร์โมนหลายชนิ ด แต่คาห์น ชี้ว่า ฮอร์โมนเหล่านั้นดูเหมือนไม่มีความเกี่ยวข้องกับกระบ วนการนี้เลย




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2553 23:33:49 น.
Counter : 829 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  

quosego
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add quosego's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.