Group Blog
 
All Blogs
 
ใช้แผ่นอนามัยอย่างไรให้ถูกวิธี?


ปัจจุบัน แผ่นอนามัย (panty liner) กลายมาเป็นของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของคุณผู้หญิงยุคนี้ไปเสียแล้ว อาจด้วยอิทธิพลของการโฆษณาที่มุ่งเน้นความสำคัญในการแก้ปัญหาการเปรอะเปื้อน

เพราะธรรมชาติของผู้หญิงสร้างให้ร่างกายขับของเหลวออกมาทางช่องคลอด ที่เรียกกันติดปากว่า ตกขาว นอกเหนือจากช่วงเวลาที่มีประจำเดือนเป็นเรื่องปกติ แต่อาจเป็นเหตุให้คุณผู้หญิงหลายคนต้องกังวลใจเรื่องการเปื้อนเปรอะ มีร่องรอยมาปรากฏอยู่บนกางเกงชั้นใน ปัจจุบันแผ่นอนามัย (panty liner) จึงได้เข้ามามีบทบาทกลายมาเป็นของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของคุณผู้หญิง ยุคนี้ไปเสียแล้ว อาจด้วยอิทธิพลของการโฆษณาที่มุ่งเน้นความสำคัญในการแก้ปัญหาการเปรอะเปื้อน ซึมซับความชื้น สร้างความรู้สึกแห้งสบายตัวทำให้เกิดความเชื่อว่าการใช้แผ่นอนามัยเป็นประจำ ทุกวันจะช่วยรักษาความสะอาดของอวัยวะส่วนพึงสงวนได้ดีกว่า อันที่จริงความเชื่อนี้ก็ไม่ถึงกับถูกต้อง 100% เพราะมีบางคนที่ยังประสบปัญหารำคาญใจกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นเมื่อ ใช้แผ่นอนามัย หรือใช้แล้วทำให้เกิดอาการคันบริเวณผิวหนังที่สัมผัส พอหยุดใช้ปัญหาเหล่านี้ก็กลับหมดไปได้

กลิ่นหรืออาการคันบริเวณผิวสัมผัส (ปากช่องคลอด) อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การแพ้สารเคมีที่ผสมในแผ่นอนามัยหรือกระดาษทิชชูที่ใช้เวลาเข้าห้องน้ำ โดยเฉพาะพวกน้ำหอม หรือแพ้วัสดุที่ใช้ทำแผ่นซึมซับเพื่อความแห้งเป็นพิเศษ โดยเฉพาะวัสดุที่ไม่ได้มาจากเส้นใยธรรมชาติ บางคนไม่คันเพียงอย่างเดียว แต่เกิดรอยผื่นบวมแดงตามมา จนต้องเดือดร้อนไปปรึกษาคุณหมอด้วยความตกใจคิดว่าตัวเองติดเชื้อโรคเข้าเสีย แล้วก็มี

นอกจากแพ้วัสดุที่ใช้แล้วยังมีเรื่องของความอับชื้น จากการระบายอากาศไม่ดีพอ ซึ่งนี่แหละที่เป็นตัวการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์จากเชื้อแบคทีเรียรวมทั้ง เชื้อราด้วย บางคนใส่แผ่นอนามัยทั้งวัน รู้สึกว่าตัวเองรักษาความสะอาดดีแล้ว เมื่อเข้าห้องน้ำก็ซับด้วยกระดาษทิชชูจนแห้งทุกครั้ง แต่อาจลืมไปว่า หากแผ่นอนามัยที่คุณใช้เป็นแผ่นหนานุ่มจนมีการระบายอากาศได้น้อย ก็ยิ่งทำให้เกิดความอับชื้น จึงมีโอกาสเกิดเชื้อราได้ง่ายขึ้น ใครที่มักปล่อยให้เกิดความอับชื้นนานๆ บ่อยๆ จึงควรระวังให้ดี แถมบริเวณส่วนนั้นของร่างกายเป็นที่รวมของเส้นประสาทมากมาย อาการคันบริเวณจุดซ่อนเร้นจึงเป็นความคันที่ชวนทรมานมากกว่าปกติหลายเท่าตัว ทีเดียว ในเรื่องนี้เคยมีการศึกษาโดย โบ รูเนอร์แมน และคณะซึ่งตีพิมพ์ไว้ในวารสารวิจัย Acta Dermato-Venereologica ให้ข้อยืนยันว่าการใช้แผ่นอนามัยแบบมีเส้นใยโปร่งระบายอากาศได้ดีจะช่วยลด ความระคายเคืองกับผิวบริเวณปากช่องคลอดได้ดีกว่าแผ่นอนามัยที่ทำจากวัสดุซึม ซับชนิดหนาทึบระบายอากาศยากอย่างมีนัยสำคัญ

พูดอย่างนี้เดี๋ยวใครจะคัดค้านได้ว่า เอ๊ย! ฉันก็ใช้แผ่นอนามัยเป็นประจำก็เป็นปกติดีไม่เห็นเคยมีปัญหาเลยนี่....ก็ถือ ว่าเป็นโชคดีของคุณที่ไม่แพ้ก็ดีแล้ว และไม่ขอเถียงว่าการใช้แผ่นอนามัยนั้นมีประโยชน์ เพราะ ดร.เดวิด เจ. เซส นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขอนามัยสตรีจากสหรัฐอเมริกา ก็ได้เคยเปิดเผยงานวิจัยของเขาไว้ในการประชุมนานาชาติในงาน Asian Pacific Congress on Obstetrics, Gynaecology and Infertility จากการติดตามศึกษาผู้หญิงอายุระหว่าง 18-49 ปีจำนวน 157 คนที่มีสุขภาพดีและไม่ได้มีปัญหาติดเชื้อหรือระคายเคืองที่ช่องคลอดมาก่อน แล้วสอบถามถึงผลการใช้แผ่นอนามัยทุกวันเป็นเวลา 2 เดือน ผลพบว่าแนวโน้มของกลุ่มที่ใช้แผ่นอนามัยเป็นประจำทุกวัน มีโอกาสเกิดเชื้อราต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ได้แผ่นอนามัยทุกวัน และไม่ได้เพิ่มโอกาสการติดเชื้อหรือเพิ่มการระคายเคืองทางช่องคลอดให้กับ ผู้หญิงที่มีสุขภาพดี....แต่นั่นอยู่ในเงื่อนไขที่ว่าคุณต้องใช้แผ่นอนามัย อย่างถูกวิธีด้วย

แล้วการใช้แผ่นอนามัยให้ถูกวิธีคืออย่างไร?

อย่างแรกคือการรักษาความแห้งสะอาด ระวังไม่ปล่อยให้เกิดการอับชื้นนานๆ ติดต่อกัน โดยการเปลี่ยนแผ่นอนามัย รวมทั้งเปลี่ยนผ้าอนามัยในเวลาที่มีประจำเดือน ทุกๆ 4 ชั่วโมงโดยประมาณ เพื่อให้รู้สึกแห้งสบายทั้งวัน หากเป็นช่วงปกติที่ไม่ค่อยมีตกขาวมาก อาจเลือกใช้ชนิดที่บางหน่อยและมีการระบายอากาศดี (breathable) ส่วนแผ่นอนามัยชนิดหนาอาจเก็บไว้ใช้ในวันท้ายๆ ของการมีประจำเดือนแทน

นอกจากนี้ควรทดสอบดูว่าตัวเองแพ้วัสดุที่เอามาทำแผ่นอนามัยเหล่านั้นหรือเปล่า หากใช้แล้วเกิดผื่นแดง คัน จากผิวสัมผัสหรือน้ำหอม ลองสังเกตด้วยตัวเองว่าถ้าหากหยุดใช้แผ่นอนามัยชนิดนั้นแล้วความคันจะลดลง หรือไม่ หากใช่ก็ควรลองเปลี่ยนมาเป็นชนิดที่ไม่มีน้ำหอม หรือทำจากแผ่นใยธรรมชาติ เช่น ใยฝ้ายหรือชนิดผิวสัมผัสนุ่มแล้วลองดูผลที่เกิดขึ้น

แผ่นอนามัย บางรุ่นบางแบบใช้วัสดุหนา หรือมีขอบคม ทำให้เกิดการเสียดสีกับผิวหนังส่วนที่บอบบางได้ง่ายเวลาเคลื่อนไหว จึงควรเลือกชนิดที่มีขอบมนลดการเสียดสีให้น้อยที่สุด เพื่อลดโอกาสการเกิดการคันและอักเสบตามมา

อยากขอเสริมอีกเล็ก น้อยว่า ไม่เพียงแต่ความอับชื้น เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราจะเกิดจากการใช้แผ่นอนามัยเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องควรระวังอีกคือ บางคนชอบใส่กางเกงคับ เนื้อผ้าหนาๆ เป็นประจำ อย่างเช่นกางเกงยีนส์รัดๆ ทำให้ผิวต้องเสียดสีกับเนื้อผ้าตลอดเวลา และการระบายอากาศไม่ดีก็อาจทำให้เกิดการอับชื้นหมักหมมได้ง่ายเช่นเดียวกัน หรือบางคนซักชุดชั้นในไม่สะอาด ชอบซักตอนกลางคืน ตากในห้องน้ำซึ่งเป็นที่ที่มีความชื้นสูงมาก ยิ่งไม่ได้รับแสงแดด การถ่ายเทอากาศน้อยกว่าที่โล่ง จึงเป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา เมื่อชุดชั้นในขึ้นราแล้วมาเกาะผิวหนังส่วนบอบบางของเราแน่นอนว่าปัญหาก็จะ ตามมาให้แก้แน่ๆ

ข้อแนะนำก็คือพยายามเลี่ยงการใส่ กางเกงเนื้อผ้าหนา หรือกางเกงที่รัดแน่น เลือกเนื้อผ้าที่มีการระบายอากาศดีหน่อย และไม่ควรใส่กางเกงตัวเดิมซ้ำๆ หลายวัน ส่วนการเลือกชุดชั้นในโดยเฉพาะตรงจุดบอบบางบริเวณเป้ากางเกงในควรเลือกใช้ ชนิดที่ทำจากผ้าฝ้ายจะดีกว่าใยสังเคราะห์ เพราะผ้าฝ้ายจะระบายอากาศได้ดีกว่า และลดอาการแพ้ ควรซักด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาซักชุดชั้นในโดยเฉพาะที่มักจะทำจากสารฟอกชนิด อ่อนๆ ไม่มีสารตกค้างในเนื้อผ้ามากเหมือนอย่างผงซักฟอกทั่วไป และควรซักในตอนเช้า ตากในที่โล่งที่มีแสงแดดส่องถึงและอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ควรตากกางเกงชั้นในไว้ในห้องน้ำ ตากให้ผ้าแห้งสนิทก่อนจึงค่อยนำมาใส่ วิธีการเหล่านี้จะช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราบนผิวหนังให้กับตัวคุณเองค่ะ

ที่มา : Health Today


Create Date : 23 พฤษภาคม 2553
Last Update : 23 พฤษภาคม 2553 12:07:59 น. 0 comments
Counter : 398 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

quosego
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add quosego's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.