Group Blog
 
All Blogs
 

สวยด้วย "น้ำ" เพียงวันละ 2 ลิตร

      รู้อยู่แก่ใจดีว่า "น้ำเปล่า" ช่วยให้ผิวพรรณดี "สวยสดใส" แต่ติดปัญหาตรงที่ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ดื่มน้ำมากๆ ได้ "เอเวียง" น้ำแร่ธรรมชาติมีเคล็ดลับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำมาให้ "ดื่มน้ำมากๆ" มาแนะนำ จะเป็นอย่างไรนั้น

      1. เริ่มต้นเช้าวันใหม่ทุกๆ วันด้วยน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว โดยวางน้ำดื่มไว้ข้างเตียงก่อนเข้านอน เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าสามารถดื่มน้ำได้ทันทีช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ได้

      2. พกพาน้ำดื่มไปด้วยทุกที่ ทั้งในรถ ระหว่างการเดินทาง ตอนดูทีวี หรือเวลานั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ ให้วางขวดน้ำไว้บนโต๊ะทำงาน เพราะจากการศึกษาพบว่ามีคนจำนวนมากดื่มน้ำน้อยเกินไปเมื่ออยู่ในที่ทำงาน

      3. ดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนรับประทานอาหารกลางวัน จะช่วยลดอาการหิว และควบคุมปริมาณการบริโภคอาหารได้ดี 4.ขณะเล่นกีฬา ควรเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่ร่างกายอย่างสม่ำเสมอ โดยดื่มน้ำก่อนและระหว่างการออกกำลังกาย รวมทั้งหลังจากการออกกำลังกายด้วย เพื่อชดเชยเหงื่อที่สูญเสียไประหว่างการออกกำลัง

      ปริมาณน้ำที่ร่างกายคนเราต้องการ ไม่ต่ำกว่า 2 ลิตรต่อวัน โดยที่น้ำนี้อาจไม่ได้มีที่มาจากการดื่มน้ำเพียงอย่างเดียว อาจเป็นน้ำในส่วนประกอบของอาหารอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยการรับประทานของแต่ละคน ดังนั้น หากต้องการมีสุขภาพที่ดี จึงควรดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต้องการให้เพียงพอทุกวันเป็นประจำ มากกว่าที่จะรอจนร่างกายรู้สึกกระหายแล้วจึงดื่ม

      เป็นการทำสวยที่ไม่ต้อง "ลงทุน" เลยจริงๆ นะค่ะ




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2553 15:18:48 น.
Counter : 450 Pageviews.  

7 ข้อห้าม สำหรับสาวๆ ที่อยากผอม

1. ห้ามอด อย่าไปเชื่อว่า การอดมื้อ กินมื้อแบบยาจกนั้น จะทำให้คุณผอมเพรียวลงได้Denise Austin ผู้เขียนเรื่อง "Loose Those Last 10 Pounds" บอก ว่า การที่คุณอดอาหารไปบางมื้อ จะทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ทำงานได้ช้าลง ยิ่งทำให้อัตราการเผาผลาญไขมัน ทำได้น้อยลงตามไปด้วยอย่างนี้ อดแทบตาย ก็มีแต่จะเป็นลมล้มพับ แต่ไม่ยักกะผอมเสียที

2. ห้ามผัดวันประกันพรุ่งอย่าพยายามหาเหตุผลมาผัดวันประกันพรุ่ง เช่น วันนี้มีงานเลี้ยงที่บ้านเจ้านาย ขอกินให้พุงกางก่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มลดใหม่ แต่หารู้ไม่ ไม่มีวันพรุ่งนี้ที่รอคอย เพราะวันต่อมา คุณอาจมีเหตุผล(ในการกิน) ก็ยัยแก้วเพื่อนซี้นะสิ ชวนไปหม่ำกับแกล้มแถมเลี้ยงเบียร์แก้วโต ไม่ไปก็กลัวเพื่อนจะงอน แล้วในที่สุด คุณก็ยังไม่ได้เริ่มคุมน้ำหนักอย่างที่ฝันไว้ สรุปว่า ถ้าอยากหุ่นดี ก็ควรเริ่มลงมือทันทีแต่ก็ไม่ต้องถึงกับยอมหักดิบ ค่อยเป็นค่อยไป และไม่ควรใจอ่อนกับตัวเอง สักวันหนึ่งคุณก็จะผอมได้ชัวร์

3. ห้ามใจร้อน ก็แหม ! กว่าที่คุณจะอ้วนฉุได้ขนาดนี้ ก็คงใช้เวลาไม่น้อยหรอกน่า เพราะบางคนอาจจะเผลอลืมคืนวันที่เคยผอมไปแล้วนี่ การที่จะลดน้ำหนักส่วนเกินลง ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในชั่วข้ามคืน แม้นว่าคุณจะไม่สามารถที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลง 5 กิโล ภายใน 2 สัปดาห์ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ ลองให้เวลามากขึ้นอีกหน่อย อาจจะ 2 เดือน หรือ3 เดือน หากคุณไม่ถอดใจไปเสียก่อน คุณก็มีสิทธิ์เป็นสาวหุ่นดีได้แน่

4. ห้ามขี้เกียจ ก็รู้ ๆ อยู่ว่า ถ้าอยากเป็นสาวหุ่นเพรียว ก็ต้องหมั่นออกแรง ให้เสียเหงื่อกันหน่อย แต่วิธีนี้กลับเป็นทางออกสุดท้ายที่จอมขี้เกียจอย่างเรา ๆ คิดจะเลือก ก็มัวไปถามหายาลดความอ้วน ที่ไม่ได้ช่วยให้คุณผอมได้ในระยะยาว และยังมีผลข้างเคียงที่น่าหวาดกลัวมิใช่น้อย สรุปว่าถ้าอยากผอมจริง ๆ ก็ต้องขยันขยับตัว ทำกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องออกแรง เรียกเหงื่อหลายๆ หยดหน่อย เพราะการออกกำลังกาย เป็นหนทางเดียวที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินของคุณได้อย่างปลอดภัย และหวังผลได้ชัวร์ๆ ด้วยสิ ถ้าอยากประกาศศึกกับความอ้วนจริง ๆ ห้ามขี้เกียจเป็นอันขาด

5. ห้ามแตะน้ำอัดลม เครื่องดื่ม รสซ่า เต็มฟอง เย็นเจี๊ยบสักกระป๋อง อาจทำให้คุณรู้สึกเต็มที่กับชีวิต แต่เครื่องดื่มชนิดนี้ ก็หนักแคลอรี่อย่าบอกใครเชียว ซ้ำร้ายยังเป็นภัยเงียบที่กัดกร่อนความแข็งแกร่งของกระดูกลงทุกวันซึ่งอาจทำ ให้คุณกลายเป็นสาวกระดูกพรุนในวันข้างหน้าได้ หันมาดื่มน้ำเปล่าแทนจะดีกว่า ช่วยดับกระหายคลายร้อนได้ดีไม่แพ้กัน แถมยังถูกสตางค์ และไม่มีแคลอรี่ไห้หนักตัว

6. ห้ามคลายเครียดด้วยการกิน จะเหงาใจ กลัดกลุ้ม หรือรู้สึกย่ำแย่แค่ไหน ควรหาทางออกด้วยการฟังเพลง เดินเล่น พูดคุยกับใครสักคนที่รักเรา (จริงๆ) ดีกว่าการหันหน้าพึ่งพาขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน หรือไอศกรีม ซึ่งอาจช่วยบำบัดอารมณ์ได้เพียงชั่ววูบ แต่ก็ทำให้คุณอ้วนแบบไม่รู้ตัว ซ้ำร้ายต้องมานั่งหน้าหมองกับหุ่นอันแสนฉุไปอีกหลายเดือน ไม่คุ้มน่า อย่าเสี่ยง

7. ห้ามตามใจปาก ถ้าอยากคุมน้ำหนักตัวให้อยู่หมัดจริง ๆ อย่าได้เผลอตามใจปากบ่อยนัก ควรคิดก่อนกินเ สมอ อะไรที่ควรกิน อะไรที่กินได้ แต่อย่าบ่อยนัก อะไรที่ควรเลี่ยงไปเลย ก็ต้องทำเมินกันจริง ๆ แล้วคุณจะเป็นสาวหุ่นดีแบบถาวร

ง่าย ๆ แค่นี้ เราเชื่อว่าคุณทำได้แน่ แล้วอย่างนี้ใครๆ ก็คงเลิกเรียกน้องหมูแล้วล่ะ จริงไหม?




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2553 15:40:59 น.
Counter : 429 Pageviews.  

"ผลไม้" กินดี ยามท้องว่าง

หลายๆคนคงจะคุ้นเคยกับการกินผลไม้ปิดท้ายมื้อหลังจากที่อิ่มหนำกับอาหาร คาวมาได้พักใหญ่ๆ ซึ่งจะว่าไปแล้วนั่นก็คือประเพณีปฏิบัติในการกินอาหารแบบครบถ้วนสมบูรณ์มื้อ สำหรับเมืองไทย

แต่ถ้าจะกินผลไม้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดแล้วละก้อ การกินผลไม้ต้องกินตอนท้องว่าง โดยเฉพาะตอนเช้าๆ หรือกินแทนมื้อเช้าเลยยิ่งดี เพราะการกินผลไม้ในขณะท้องว่าง มีข้อดี คือ

ประการแรก ร่างกายจะดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุต่างๆจากผลไม้ไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ประการที่ 2 ผลไม้จะช่วยให้ร่างกายกวาดล้างสารพิษที่ตกค้างอยู่ภายในระบบทางเดินอาหารได้ เป็นอย่างดี ที่สำคัญก็คือ กระเพาะอาหารและลำไส้ไม่ต้องเหนื่อยแรงย่อยผลไม้เพราะในตัวผลไม้มีเอ็นไซน์ ที่เป็นประโยชน์และย่อยตัวเองได้อยู่แล้ว

ส่วนกากผลไม้ที่หลง เหลือก็เป็นกากที่ขับถ่ายง่าย แต่ถ้าเรากินผลไม้พร้อมๆอาหาร หรือกินตบท้ายหลังอาหารผลไม้จะถูกกักรวมอยู่กับอาหารอื่น ๆพร้อมทั้งโดนน้ำย่อยของกระเพาะกับลำไส้นานเกินไป อาจทำให้เอ็นไซม์ที่มีประโยชน์สูญเสียได้

เพราะฉะนั้นการกินผล ไม้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดก็ควรจะกินตอนท้องว่าง แต่ที่สำคัญก็คือต้องเลือกกินแต่ผลไม้สดเท่านั้น พวกผลไม้เชื่อมหรือผลไม้หมักดอง จะมีคุณค่าน้อยกว่า แถมยังมีสารเคมีซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย

ข้อมูลจาก : ASTV




 

Create Date : 27 เมษายน 2553    
Last Update : 27 เมษายน 2553 17:13:45 น.
Counter : 440 Pageviews.  

ใช้ "น้ำผึ้ง" เพื่อความงาม

เคยได้ยินกันมานานแล้วหละค่ะว่าน้ำผึง ช่วยบำรุงความงามให้กับสาว ๆ รักสวยได้ บางคนก็เคยได้รับคำแนะนำให้เอาน้ำผึ้งมาล้างหน้า มาพอกหน้า และอีกมากมาย _

ก็ในน้ำผึงน่ะ เข้าวิจัยกันมาแล้วว่า มันมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ช่วยชลอการเสื่อมสภาพของเซลได้ แต่จริง ๆ แล้ว การนำน้ำผึ้งมาใช้ ก็ต้องมีสูตรเหมือนกันนะคะ ทั้งสำหรับใบหน้า ผิวกายและเส้นผมเลยทีเดียวค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย

น้ำผึ้งสำหรับผิวหน้า

Moisture Mask สูตร 1 ให้ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ กับนมสด 2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน นำมาทาทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออก จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เหมาะสำหรับคนผิวแห้งค่ะ

Moisture Mask สูตร 2 บดกล้วยหอม และน้ำผึ้งเข้าด้วยกัน นำมาพอกทั้งหน้า และผม ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า และมำให้ผมนิ่มสลวย มีชีวิตชีวามากขึ้น

Facial mask นำแอปเปิลปอกเปลือก ปั่นรวมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ นำมาทาทั่วผิวหน้า แล้วนวดเบา ๆ ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น จะช่วยขจัดเซลเก่า และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวหน้าเปล่งปลั่งสดใส

Honey Cleaning Scrub ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ กับจมูกข้าวสาลี 2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน นำมาทาให้ทั่วผิวหน้าแล้วนวดเบา ๆ ช่วยขจัดเซลผิวเก่า และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เหมาะกับผิวที่มีริ้วรอย และจุดค่างดำ

น้ำผึ้งสำหรับผิวกาย

Smoothing Skin Lotion ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา น้ำมันพืช 1 ช้อนชาและน้ำมะนาวอีก ¼ ช้อนชา นำมาขัดเบา ๆ ที่ข้อศอก มือ หัวเขา และส้นเท้า ซึ่งเป็นส่วนที่แห้งกร้านได้ง่าย จะช่วยให้ผิวนุ่มนวลและสดใสขึ้น

น้ำผึ้งสำหรับผม

Hair Conditioner ผสมน้ำผึ้ง 2 ถ้วย กับน้ำมันมะกอก ¼ ถ้วย แต่ถ้าเป็นผมธรรมดาให้ใช้น้ำมันมะกอกเพียง 2 ช้อนโต๊ะ นำมานวดให้ทั่วศีรษะ แล้วคลุมด้วยหมวกอาบน้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วสระผมตามปกติ จะทำให้ผมมีน้ำหนัก นุ่มสลวย

Hair Shine ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา และน้ำมะนาว 1 ช้อนชา ในน้ำอุ่น 4 ถ้วย แล้วนำมาชโลมผมให้ทั่วหลังสระเสร็จใหม่ ๆ จะช่วยล้างมลพิษที่เกาะจับผม และทำให้เส้นผมมีประกายเงางาม

ก็นี่หละค่ะ ประโยชน์ของน้ำผึ้ง และถ้าใครกระหายคอแห้ง ก็อาจจะนำไปผสมน้ำมะนาวดื่ม ก็สดชื่นดีนะคะ


ที่มา : mcot.net




 

Create Date : 27 เมษายน 2553    
Last Update : 27 เมษายน 2553 17:06:13 น.
Counter : 387 Pageviews.  

5 ประกันสามัญ ประจำชีวิตที่ควรมี

"ประกัน" ก็เหมือน "ร่ม" ยามที่ไร้พายุฝนคนเรามักจะคิดว่าร่มเป็นภาระ เกะกะ ไม่คล่องตัว แต่เมื่อไหร่ที่ฝนตกขึ้นมา เราจะนึกทันทีว่าโชคดีนะที่หยิบร่มติดมาด้วย วันนี้คุณอาจจะคิดว่าการทำประกันช่างเป็นภาระทางการเงินเหลือเกิน นั่นทำให้ทุกวันนี้คนไทยทำประกันกันน้อยมาก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เกิดอุบัติเหตุชีวิตขึ้นกับคุณ การมีประกันกับการไม่มีประกันจะทำให้คุณรู้สึกแตกต่างกันทันที จึงจะพาไปดูว่ามีประกันประเภทไหนบ้างที่เราควรจะมีไว้เพื่อป้องกันความ เสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับชีวิต

อาจจะมีหลาก หลายเหตุผลด้วยกันที่ทำให้ทุก วันนี้คนไทยยังมีอัตราการทำประกันไม่มากนัก ทั้งที่รอบตัวเราเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ แต่ปัญหาที่พบกันอยู่บ่อยๆ คือการขาดความเข้าใจในพื้นฐานของการทำประกันชีวิตอย่างแท้จริง ซึ่งเมื่อเข้าใจอย่างคลุมเครือก็ทำให้ถูกตัวแทนประกันที่พูดเก่งกล่อมจน คล้อยตามให้ซื้อประกันในแบบและวงเงินที่อาจจะไม่เหมาะหรือตรงต่อความต้องการ ที่แท้จริงของผู้ที่ต้องการทำประกัน จึงมีคำแนะนำจาก "พจนี คงคาลัย" คอลัมน์นิสต์ที่เชี่ยวชาญด้านประกัน จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ว่าประกันประเภทไหนบ้างที่คุณควรจะมี

ประกันชีวิต

รอบตัวนั้น เต็มไปด้วยความเสี่ยง พจนีแนะว่าคุณน่าจะให้ความสำคัญกับการทำประกันชีวิตมากเข้าไว้ เพราะการทำประกันชีวิตก็คือการวางแผนป้องกันความเสี่ยงภัยด้านรายได้ในอนาคต ข้างหน้า ที่ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าเพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่ แน่นอน จริงอยู่วันนี้คุณอาจจะยังมีหน้าที่การงาน มีเรี่ยวแรงเพียงพอที่จะทำมาหากิน มีรายได้ที่เลี้ยงดูครอบครัวได้ แต่วันข้างหน้าอาจจะเกิดอุบัติเหตุชีวิตขึ้นกับคุณ การทำประกันชีวิตจึงช่วยรับมือกับเรื่องร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ข้อสำคัญช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

ก่อนจะตัดสินใจทำประกันชีวิต พจนีแนะว่า ควรดูให้ถ้วนถี่ก่อนว่าประกันชีวิตแบบไหนที่เหมาะกับคุณ เช่นถ้าคุณเป็นพวกที่ "อยากได้ความคุ้มครองสูง แต่มีความสามารถในการชำระเบี้ยต่ำ" ประมาณว่ารายได้น้อยแต่ภาระเยอะ และมีคนข้างหลังที่ต้องรับผิดชอบอีกหลายชีวิต การทำประกันชีวิตแบบมีกำหนดระยะเวลา ที่ให้ความคุ้มครองชั่วระยะเวลา จึงเหมาะกับคุณ จริงอยู่คุณอาจจะส่งเบี้ยน้อยแต่ได้รับความคุ้มครองสูง แต่อย่าลืมว่าถ้าคุณเกิดอายุยืนกว่าที่คิด ไม่เสียชีวิตภายในกำหนดระยะเวลาที่เอาประกัน คุณก็จะไม่ได้อะไรเลย เท่ากับว่าเสียเงินจ่ายค่าเบี้ยประกันฟรี

แต่สมมติว่า ถ้าจ่ายเบี้ยเดือนละ 300 บาท ไปได้แค่ปีเดียวหรือคิดเป็นเงินที่จ่ายไปแล้ว 3,600 บาท แล้วคุณเกิดเสียชีวิตกะทันหัน บริษัทประกันก็ต้องจ่าย 250,000 บาท ให้คุณ ทั้งที่เพิ่งจ่ายเงินไปไม่เท่าไหร่

หรือ ถ้าคุณเป็นพวกที่ "อยากได้ทั้งความคุ้มครองและออมเงินไปด้วย" เพราะไม่แน่ใจว่าพอแก่ตัวไปแล้ว จะมีลูกหลานมาคอยเลี้ยงดูเราหรือเปล่า ถ้าโจทย์ของคุณเป็นแบบนี้ การทำประกันแบบตลอดชีพ ก็น่าจะเหมาะกับคุณ การทำประกันแบบนี้ เป็นแบบที่ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ โดยมากระยะเวลาในการชำระเบี้ย มีตั้งแต่ 15 ปีไปจนถึง 30 ปี แบบนี้นี่แหละที่ให้ทั้งความคุ้มครองและออมเงินไปในตัว วิธีนี้จะดีในแง่ที่คุณสามารถขอเวนคืนกรมธรรม์ได้

ซึ่งก็จะได้เงินสดมา จำนวนหนึ่งไว้ใช้จ่ายยามเกษียณ ซึ่งตอนทำจะมีการระบุชื่อคนรับประโยชน์ให้กับลูกหลานแต่ละคน แต่คนรับประโยชน์จะได้รับก็ต่อเมื่อเราลาโลกไปซะก่อน โดยมากคนที่เลือกทำประกันแบบนี้ก็อาจพิจารณาแล้วว่าแนวโน้มคุณดูท่าจะมีอายุ ยืนยาวแต่กลัวไม่มีใครเลี้ยงตอนแก่ และก็มีนักธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่นิยมทำประกันแบบตลอดชีวิตเพื่อคุ้มครอง ธุรกิจ และเผื่อยามเกิดความพลาดพลั้งในชีวิตก็จะได้มีเงินประกันมาหนุนหลังครอบครัว ให้ทำธุรกิจต่อไปได้

แต่สำหรับใครที่อยากออมเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูก ออมเพื่อไว้ใช้จ่ายยามเกษียณ หรือคิดง่ายๆ แค่อยากมีเงินออมซักก้อนในชีวิต การทำประกันแบบสะสมทรัพย์ ดูท่าว่าจะเหมาะกับคุณที่สุด และด้วยความที่เงื่อนไขและลักษณะของการทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ใกล้เคียงกับการฝากเงินมาก ทำให้เป็นรูปแบบการทำประกันชีวิตที่ค่อนข้างได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ก็มีความต่างการฝากเงินตรงที่ระยะเวลา ผลตอบแทน เพราะจะคุ้มครองกรณีเสียชีวิต อีกทั้งเป็นการฝากเงินไว้กับบริษัทประกันไม่ได้ฝากไว้ในธนาคาร

ประกันสุขภาพ

ประกันสุขภาพเป็นอีกอย่างหนึ่งที่พจนีแนะว่าทุกคนควรมีไว้ แม้ทุกวันนี้บริษัทหลายแห่งจะมีสวัสดิการที่ดูแลค่ารักษาพยาบาลให้พนักงาน ไว้อยู่แล้ว แต่ก็อาจไม่เพียงพอที่รับมือกับภาระค่าใช้จ่ายที่มีโอกาสเกิดขึ้น ยิ่งคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปควรจะทำประกันสุขภาพ ซึ่งการทำประกันสุขภาพนั้นจะประกอบด้วยความคุ้มครองหลายอย่าง เช่น ค่ารักษาพยาบาลซึ่งเป็นหลักสำคัญที่ควรมีไว้ โดยค่ารักษาพยาบาลควรจะครอบคลุมทั้งค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ และเกิดจากอุบัติเหตุ จะประกอบไปด้วย ค่าห้อง ค่ายา ค่าอาหาร ค่าเอกซเรย์ ค่าแล็บ ค่าห้องผ่าตัด ค่าผ่าตัด และค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินกรณีอุบัติเหตุและเป็นคนไข้นอกที่ไม่ได้นอนโรง พยาบาล ซึ่งก็จะมีกำหนดวงเงินสูงสุดต่อครั้งเอาไว้

นอกจากนี้ก็ควรมี ค่าชดเชย รายวัน เป็นค่าเสียเวลาหรือค่าเสียโอกาสที่เราต้องสูญเสียไปในกรณีที่ต้องนอนพัก รักษาตัวในโรงพยาบาล บริษัทจะจ่ายให้ตามจำนวนวันที่นอนรักษาอยู่ในโรงพยาบาลเป็นจำนวนเงินตาม ลักษณะประกันที่เราซื้อไว้ แต่จะมีการกำหนดว่าจ่ายสูงสุดไม่เกินกี่วันซึ่งเงินส่วนนี้อาจนำมาจ่ายเป็น ค่ารักษาส่วนเกินหรือเป็นเงินสำรองของเราได้ และอีกอย่างหนึ่งที่พจนีแนะนำว่าควรจะครอบคลุมก็คือ โรคร้ายแรง เป็นการคุ้มครองเพิ่มเติมในกรณีที่เป็นโรคมะเร็งหรือโรคร้ายแรง เช่น ตับแข็ง ถุงลมโป่งพอง ฯลฯ โดยจะได้รับการคุ้มครองในกรณีเสียชีวิตหรือได้รับค่ารักษาพยาบาล คนที่ซื้อประกันโรคมะเร็งก็มักจะเน้นผลประโยชน์ค่ารักษามากกว่ากรสูญเสีย ชีวิต

พจนี แนะนำว่าเวลาซื้อประกันสุขภาพไม่ควรซื้อค่ารักษาพยาบาลซ้ำซ้อน เพราะการเบิกจะใช้ใบเสร็จตัวจริงโดยไม่สามารถเบิกซ้ำได้ และควรทำประกันสุขภาพตั้งแต่ตอนที่สุขภาพแข็งแรงดี เพราะเมื่อกำลังจะเป็นหรือเป็นโรคใดโรคหนึ่งแล้วบริษัทประกันก็จะไม่รับหรือ รับแต่ไม่คุ้มครองโรคที่เป็นอยู่ อีกทั้งหากทำประกันตอนอายุมากค่าเบี้ยประกันก็จะแพงแถมโอกาสที่จะรับทำ ประกันก็น้อย แต่สำหรับใครที่บริษัทมีสวัสดิการให้ค่ารักษาพยาบาลดีอยู่แล้วอาจจะไม่จำ เป็นต้องซื้อประกันสุขภาพก็ได้

ประกันบ้าน

เพราะบ้านเป็นทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่มีค่าและสำคัญมาก แต่ไม่ว่าเราจะมั่นใจแค่ไหนก็อาจจะถูกบุกรุกคุกคามได้หลายรูปแบบ เช่น อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดหวัง,ลมพายุ,อุบัติเหตุจากยานพาหนะ,อัคคีภัย เป็นต้น โดยประกันภัยบ้านบางประเภทไม่เพียงคุ้มครองบ้านเท่านั้นแต่ยังรวมถึง ทรัพย์สินส่วนบุคคลด้วยซึ่งมีหลายระดับให้คุณได้เลือกใช้

และพจนี ได้แนะนำ ว่า "การทำประกันอัคคีภัยให้กับบ้านและทรัพย์สินของคุณเป็นสิ่งที่จะทำให้คุณ รู้สึกอุ่นใจและสามารถแก้ปัญหาให้คุณได้ หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันกับบ้านของคุณ เบี้ยประกันอัคคีภัยบ้านที่บริษัทประกันทั้งหลายจะคิดกับคุณนับเป็นจำนวน เงินที่น้อยมากเมื่อเทียบกับราคาบ้านของคุณทั้งหลัง"

ประกันรถยนต์

สำหรับผู้ที่มีรถยนต์เป็นสมบัติส่วนตัวนั้นควรจะมีไว้ เพราะจะทำให้คุณอุ่นใจได้ว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุประกันก็จะช่วยคลี่คลาย เรื่องยุ่งยากไปได้ระดับหนึ่ง โดยการเลือกบริษัทสำหรับการประกันรถยนต์นั้นประการแรกน่าจะดูที่การให้ บริการ เพราะมีหลายกรณีที่เจ้าของรถอยากจะซ่อมให้ดีที่สุด ขณะที่ฝ่ายบริษัทประกันก็อยากจะจ่ายให้ถูกที่สุด ฉะนั้นก่อนเลือกบริษัทประกันจึงควรหาข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการของบริษัท นั้นให้ละเอียด หรือสอบถามผู้ที่มีประสบการณ์การทำประกันกับบริษัทนั้นๆ มาก่อนก็ได้

ประกันอุบัติเหตุ

ประกันอุบัติเหตุเป็นอีกอย่างหนึ่งที่พจนีแนะว่าควรจะมี เพราะในกรณีที่คุณเกิดอุบัติเหตุ ประกันจะให้ความคุ้มครองกรณีสูญเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือจ่ายค่าชดเชยจากอุบัติเหตุ ซึ่งในส่วนของค่าชดเชยกรณีเกิดอุบัติเหตุนั้นต้องเลือกที่ดีและสูงๆ เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะทำให้ผู้เอาประกันไม่สามารถประกอบหน้าที่การงาน ตามปกติได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งหรือตลอดไป ดังนั้นควรจะเลือกบริษัทที่จ่ายค่าชดเชยให้เป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนวงเงิน เอาประกัน โดยมีกำหนดระยะเวลาสูงสุด

และนี่ก็คือ ประกันที่คุณควรมีติดตัวเอาไว้ ซึ่งข้อสำคัญสำหรับการทำประกันทุกประเภท คือ เมื่อตัดสินใจทำประกันต้องศึกษาข้อมูลให้ถ้วนถี่ และเลือกเงื่อนไขให้ตรงกับที่คุณต้องการมากที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก kapook.com




 

Create Date : 27 เมษายน 2553    
Last Update : 27 เมษายน 2553 15:11:10 น.
Counter : 574 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  

quosego
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add quosego's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.