Group Blog
 
All Blogs
 

มาปกป้อง 'ผิวสวย' จากแสงแดดกันเถอะ ..

วิธีปกป้องผิวจากแสงแดด

ครีมกันแดด จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพผิว เมื่อต้องเลือกครีมกันแดด ให้เหมาะกับตัวเองอีกด้วย

ในแสงแดดมีรังสีอยู่หลายชนิด ที่รู้จักกันดี ก็คือ อุลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งรังสีนี้จะถูกดูดซับโดยชั้นโอโซน มีแค่ UVA และ UVB ที่ลงมาถึงพื้นโลก ซึ่งรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้มีผลต่อผิวหนังโดยเฉพาะ UVA มีผลทำให้เกิด กระ ฝ้า เหี่ยว แก่ก่อนวัย UVB มีผลทำให้เกิดการ แดง แสบ ไหม้ ของผิวหนัง และรังสีทั้ง 2 ชนิดนี้ยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำลายโปรตีนพันธุกรรมทำให้เกิดเนื้องอกผิวหนัง เรามารู้จักฉลากข้างกล่องซึ่งมีศัพท์ที่เราควรรู้เมื่อ ต้องการเลือกซื้อ ครีมกันแดด ดังนี้

1. "SPF" ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นค่าในการชี้วัดว่าเราสามารถ
อยู่กลางแสงแดดได้นานแค่ไหน โดยที่ไม่รู้สึกร้อนหรือแสบบริเวณผิว เช่น
ถ้าเรามีผิวที่ แพ้แสงแดดและแสบร้อนง่ายในเวลา 20 นาที ครีมกันแดดที่มี SPF 15จะช่วยปกป้องเราจากแสงแดดได้นาน 15 เท่า และเมื่ออยู่กลางแดดมากๆ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ขึ้น

2. "Waterproof" แม้จะเขียนว่า Waterproof (กัน น้ำ) แต่ก็ไม่สามารถกัน น้ำได้ 100% ดังนั้น เพื่อให้ได้ผลต้องทาครีมกันแดดอย่างต่อเนื่อง โดยทาซ้ำทุก ครั้งที่เหงื่อออก หรือทุกครั้งในช่วงพักว่ายน้ำ

3. "UVA หมายถึง ครีมกันแดดนั้น มีคุณสมบัติ ป้องกันกระ ฝ้า และป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย

4. UVB หมายถึง ครีมกันแดดนั้นมีคุณสมบัติ ป้องกันอาการแพ้ แดง แสบและ ไหม้ของผิวหนัง

วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด

1. ดู ที่กิจกรรม ถ้าออกกำลังกลางแจ้ง มีเหงื่อ ว่ายน้ำ ทำงานกลางแดด ต้องใช้ SPF ที่สูงขึ้นและเลือกประเภทที่กันน้ำได้

2. ปริมาณ ควรใช้ปริมาณที่ไม่น้อยเกินไป เพราะสารเคมีอาจทำปฏิกิริยากันทำให้ลดคุณภาพลงไป

3. จำนวนครั้ง ที่ทาต่อวัน ก็สำคัญ ถ้าอยู่ในออฟฟิศ ห้องแอร์ วันละครั้งก็เพียงพอ แต่ถ้าต้องทำงานกลางแดด โดนลม อาจจะทาเติม ถ้าว่ายน้ำต้องทาทุก 2-3 ชั่วโมง

4. ทาแล้วก็ต้องเลี่ยงแดดด้วย ใส่แว่นตา ใส่หมวก เนื่องจากครีมกันแดดไม่ได้กันได้ 100 %

5. ยี่ห้อ ราคา ไม่สำคัญ ขอให้มีคุณสมบัติครบ ไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนัง เช่น คัน ผื่น

6. อาหาร อย่าลืม ทานอาหารที่มีความสามารถ กำจัดอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน เกลือแร่ ในผักทุกชนิด และผลไม้ด้วย




 

Create Date : 20 เมษายน 2553    
Last Update : 20 เมษายน 2553 12:39:52 น.
Counter : 458 Pageviews.  

ประโยชน์ของยาบำรุงโลหิตสตรีแผนโบราณ

โบราณมีการใช้ยาสำหรับสตรีกันอย่างแพร่หลาย และมีรายละเอียดอยู่ในคัมภีร์มหาโชตรัต ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์ การคลอดบุตร ก็จะมีรายละเอียดอยู่ในคัมภีร์ปฐมจินดา
การเปลี่ยนแปลงทางด้านสรีระร่างกายในผู้หญิง ทางแพทย์แผนโบราณบอกว่าผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนเม ื่อมีอายุประมาณ 13-14 ปี แต่ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันบอกว่า เด็กผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกบางรายมีได้ต ั้งแต่อายุ 9-10 ขวบ แต่โดยเฉลี่ยแล้วเด็กผู้หญิงจะมีประจำเดือนครั้งแรกใ นช่วงอายุ 10-12 ปี และก่อนการมีประจำเดือนในแต่ละเดือนก็จะปรากฏอาการที ่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

ระดูปกติโทษ คือ การมีอาการที่เกิดขึ้นก่อนการมีประจำเดือน และในแต่ละเดือนก็จะเกิดเหมือนๆ กัน เช่น ปวดท้อง, เวียนหัว, เครียด, ไข้ขึ้น เป็นอยู่อย่างนี้ตลอด โบราณให้เหตุผลว่าเป็นอาการที่เกิดจากลมกองใดกองหนึ่ งกระทำ ซึ่งก็จะมียารักษาคือ ยารักษาระดูปกติโทษ เมื่อกินเข้าไปแล้วอาการเหล่านี้ก็จะดีขึ้น

ระดูทุจริตโทษ คือ อาการที่แสดงออกในผู้หญิงก่อนการมีประจำเดือน และอาการเหล่านี้จะมีลักษณะแตกต่างกันในแต่ละเดือน เช่น เดือนนี้ปวดหัว เดือนหน้าปวดท้อง ท้องเสีย หรือปริมาณของประจำเดือนไม่แน่นอน อาจจะมากหรือน้อย ที่เคยมาแล้วก็หายไป ทำให้ร่างกายผอมแห้งแรงน้อย เรียกว่า สันนิจโลหิต คือการที่โลหิตแห้ง โบราณเรียกว่าเลือดไม่งาม ก็จะแสดงออกทางใบหน้า ทำให้หน้าตาหมองคล้ำ มีสิวฝ้า คำว่าเลือดลมในภาษาโบราณจึงไม่ได้หมายความว่า การที่เลือดไม่ดีนั้นคือการที่ร่างกายขาดธาตุเหล็กเห มือนอย่างแผนปัจจุบัน และยาบำรุงเลือดในแพทย์แผนไทยก็ไม่ได้เป็นยามีธาตุเห ล็กอย่างแผนปัจจุบัน แต่เป็นยาช่วยปรับธาตุต่างๆ ให้สมดุล เช่น เลือดก็จะถูกจัดอยู่ในธาตุน้ำคือ โลหิตัง น้ำดีจะเป็นธาตุน้ำคือ ปิตตัง แต่การทำงานเป็นไฟ ทั้งหมดนี้การแพทย์แผนไทยมองว่าเป็นองค์รวม

การแต่งงานในสมัยโบราณ ทางฝ่ายชายไม่ได้ดูผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตา ความสะสวยเพียงอย่างเดียว แต่จะคำนึงถึงกิริยามารยาท การทำมาหากิน การเป็นแม่ศรีเรือน และมองว่าผู้หญิงนั้นมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงหรือ ไม่ เนื่องจากการแต่งงานในยุคโบราณจะคำนึงถึงการมีลูกเป็ นสำคัญ หากผู้หญิงคนไหนที่มีร่างกายไม่สมบูรณ์แข็งแรง ผอมแห้ง เลือดลมไม่สมบูรณ์ ก็จะมีการจัดยาบำรุงเลือดหรือยาบำรุงโลหิตสตรีให้กิน หมอแผนโบราณที่เก่งทางด้านนี้จะจัดยาบำรุงเลือดเป็น 3 หม้อ หม้อแรกจะเป็นยาประจุโลหิต กินเพื่อให้เลือดลมที่ไม่ดีได้ขับออกมา หลังจากนั้นก็ตามด้วยยาบำรุงธาตุ คือช่วยปรับธาตุให้เป็นปกติ และตามด้วยยาบำรุงโลหิตสตรี

ปัจจุบัน รูปแบบของยาบำรุงโลหิตสตรีได้เปลี่ยนไป จากเดิมที่เป็นยาหม้อซึ่งต้องต้มกินกันถึง 3 หม้อ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคปั จจุบันที่ผู้หญิงต้องทำงานนอกบ้าน เพื่อให้กินง่ายและสะดวก บริษัทผู้ผลิตพยายามทำยาครอบจักรวาลอยู่ในขวดเดียวกั น เป็นยาบำรุงโลหิตสตรี ขับโลหิตสตรี ที่ขายกันอยู่ทั่วไป

สรรพคุณของยาบำรุงโลหิตสตรี คือ ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ เลือดลมดี ผิวพรรณสดใส อวบอิ่มขึ้น เมื่อตั้งครรภ์ก็จะมีอาการแพ้ท้องน้อยมาก

ตำรับยาบำรุงโลหิตสตรีนั้น ถือเป็นตำรับยาที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้และหน่วยง านเกี่ยวข้องที่รับผิดชอบ จนได้มีการบรรจุไว้ในตำรับยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันหลายตำรับเช่น ตำรับยาบำรุงโลหิต ยาประสะไพล ยาไฟประลัยกัลป์ ยาไฟห้ากอง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อน พวกพริกไทย อบเชยเทศ ไพล การบูร และกระวาน เป็นต้น

ส่วนตำรับยาบำรุงโลหิตสตรีในคัมภีร์มหาโชตรัต ก็จะแบ่งเป็นยาบำรุงไฟธาตุ ยาบำรุงโลหิต ยาแก้สารพัดโลหิตเน่าโลหิตร้ายทั้งปวง ยาสังขแพทย์ (น้อย) ยาสังขแพทย์ (ใหญ่) และยาสังขวิชัย เป็นต้น

ความเชื่อที่ว่า การกินยาบำรุงสตรีนี้แล้วจะทำให้เกิดการแท้งนั้น โอกาสที่จะเป็นไปได้ก็ดูจะน้อยมาก เนื่องจากเป็นยาที่ทำจากสมุนไพร ซึ่งไม่ได้ออกฤทธิ์แรงขนาดที่จะทำให้เกิดการแท้งได้ เพราะยาที่ทำให้แท้งต้องมีคุณสมบัติในการบีบตัวของมด ลูกอย่างรุนแรง และทำให้ฮอร์โมนมีการปรับตัวอย่างรุนแรงเช่นกัน ส่งผลให้ผนังมดลูกไม่พร้อมที่จะเป็นที่ฝังตัวของตัวอ ่อน ก็เป็นการเข้าใจผิด เพราะยาบำรุงโลหิตสตรีจะช่วยเอาเลือดเสียออกจากร่างก าย บำรุงธาตุและบำรุงโลหิต และถ้าใครที่รู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์ก็ไม่ควรกินยานี ้

สรุปแล้วประเด็นในเรื่องยาบำรุงโลหิตสตรีที่หมอได้กล ่าวถึงตั้งแต่ข้างต้น ซึ่งเป็นยาตำรับโบราณ ใช้วิธีการต้มแต่ดั้งเดิม เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปเต็มไปด้วยเทคโนโลยี ยาหม้อก็เปลี่ยนเป็นยาขวดบรรจุเสร็จพร้อมดื่ม ในขนาดและปริมาณที่เหมาะก็ยังคงสรรพคุณเช่นเดิม ฉะนั้นก็อยากฝากให้มีการพัฒนายาบำรุงโลหิตสตรีให้ดีย ิ่งๆ ขึ้นเพื่อช่วยพัฒนาตลาดยาไทย เวลานี้ตัวเลขของยาบำรุงโลหิตสตรีในตลาดยาไทยมีมูลค่ าไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท ซึ่งทำให้มองเห็นอนาคตยาไทยที่ยังสามารถพัฒนาไปได้อี กไกลทีเดียว




 

Create Date : 20 เมษายน 2553    
Last Update : 20 เมษายน 2553 12:31:59 น.
Counter : 577 Pageviews.  

วิธีเพิ่มความมีเสน่ห์ให้กับตัวเอง

สาวสวย หนุ่มหล่อ ทุกคนก็อยากให้มีคนมาชอบเรา มีคนมาหลงรักเรา เอ๊ะแต่ก็ยัง งง มึนๆๆ อยู่ว่าเราจะทำไงดีน๊า บางคนไม่ได้หน้าตาดีแต่เค้าทำไมมีคนมาชอบเค้าน๊า... เค้ามีเสน่ห์ตรงไหนเหยอ.. และเสน่ห์เนี่ยต้องประกอบ ด้วยอะไรบ้าง หน้าตาต้องดีเหรอ? แต่งตัวดีเหรอ? พูดจาน่าร๊าก แอ๊บแบ๊ว เหรอ? หรือเป็นคนเอาใจเก่ง แล้วอะไรอีกน๊า เพื่อนๆหลายคนคงคิดกันไม่ตก วันนี้ ปุ๋มปิ๋ม จึงนำวิธีเพิ่มความมี เสน่ห์ ให้กับตัวเอง มาฝากคร่า.....

สิ่งแรกเลยนะคร่า.. คนมี เสน่ห์ ต้องอารมณ์ดี เฟรนรี่ ยิ้มเก่ง

ต้องเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ร่าเริง ยิ้มเก่งใครยิ้มให้ก็ยิ้มตอบ ไม่ทำหน้าเครียดตลอดเวลา หรือง่ายๆไม่หยิ่งนั้นเอง เพราะคงไม่มีใครที่อยากเข้าใกล้กับคนที่มีนิสัยขี้หงุดหงิด ขี้โมโห หรือเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนง่ายๆ โดยอาจจะยึดความพอดีเป็นที่ตั้ง คือ มี ความยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ในตัวเอง จน กระทั่งสามารถยิ้มให้ใครต่อใคร ได้ อย่างเป็นธรรมชาติ สดใส และจริงใจเป็นสำคัญอีกด้วย

2. คนมีเสน่ห์ ไม่ ใช่คนโง่ รอบรู้และจังหวะในการพูดคุย

เสน่ห์ ประการหนึ่งของคนทุกคนที่จะมีได้ก็คือ ความรอบรู้ ไม่ว่าใคร จะเปิดประเด็นใดขึ้นมาก็จะสามารถคุยกะเคนอื่นได้ และแสดง ถึงความสนใจในเรื่องนั้น จะทำให้การพูดคุยลื่นไหล คราวนี้แหละการ สนทนาของคุณจะยิ่งออกรส และในโอกาส ถัดๆ ไปคุณจะเป็นคนที่เขานึกถึง ก่อนใคร และที่สำคัญเราต้องรู้จักรับฟังคนอื่นด้วยไม่ใช่แต่จะสนใจเล่าแต่เรื่องของ ตัวเองเท่านั้น

3. คนมีเสน่ห์ ทำ ตัวให้เป็นธรรมชาติ มองโลกในแง่ดี ไม่คิดร้ายกับผู้อื่น
คือ การไม่เสแสร้งเข้าใส่กันและกัน การดูถูกดูหมิ่นและเหยียดหยามผู้อื่น ไม่เป็นคนวางท่าว่าตัวเองเก่งหรือเหนื่อกว่าใคร สิ่งต่างๆ เหล่านี้เองที่เป็นเหตุให้คนเราขาดเพื่อนที่จริงใจ ก่อนที่จะให้คนอื่นมารักเรา เราต้องรู้จักให้ความจริงใจและรู้จักจะรักคนอื่นเสียก่อน ไม่มองคนอื่นในแง่ร้ายไปก่อนที่จะรู้จักเค้า ไม่ตำหนิ หรือติเตียนสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา คงเห็นแล้วว่าถ้าคนเรามีความคิดเช่นนี้กันทุกคน สังคมก็คงวุ่นวายน่าดูและคงมีแต่ปัญหามากมายที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้าเราลองมองโลกในแง่ดีบ้าง และทำเป็นประจำอยู่ตลอด คนที่อยู่ใกล้เราก็จะมีความสุข

4. คนมีเสน่ห์ รู้จักที่จะ "ให้" และ "รับ"

เพราะส่วนใหญ่ในสังคม ปัจจุบันมีแต่คนเห็นแก่ตัวกันเยอะขึ้น คอยที่จะ"รับ" อย่างเดียว หวังแต่ผลประโยชน์ที่จะเกิดกับตัวเองเพียงเท่านั้น ส่วนคนอื่นไม่สนใจ แต่คนที่ "ให้"มากกว่ารับจะ มีเพื่อนมากกว่าคนที่รับมากกว่าให้อย่างแน่นอน

การ "ให้" และ "รับ" ไม่ ได้หมายความเฉพาะวัตถุ แต่รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน หรือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นการให้ที่มีคุณค่ามาก และโดยปกติคนทั่วไปก็คงชอบคนที่ให้เราบ้างยอมรับจากเราบ้างเพราะเวลาเขารับ อะไรจากเรา เรารู้สึกดีใจและพอใจ แต่ถ้าคุณเป็นฝ่ายรับจากเขาอยู่ข้างเดียว ก็คงต้องรู้สึกระอาใจบ้างไม่มากก็น้อย

ถ้าอยากเป็นคนมี เสน่ห์ มีคนอยากรู้จักและคนสนใจเยอะๆๆละก็ อย่าลืมนำสิ่งที่กล่าวข้างต้นลองไปใช้ดูกันนะคร่า แต่ที่สำคัญทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำต้องมีพื้นฐานของความจริงใจด้วยหล่า.... บะบ๊าย..แล้วมาเจอกันใหม่นะคร่า..




 

Create Date : 20 เมษายน 2553    
Last Update : 20 เมษายน 2553 12:20:16 น.
Counter : 505 Pageviews.  

5 คุณค่าจากสาหร่ายทะเล

สาหร่ายทะเล เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อสุขภาพและยังมีรสชาติอร่อย จึงนิยมใช้เป็นส่วนประกอบที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะใส่แกงจืดหรือผัดผักต่างๆ ก็ได้ นอกจากนี้ สาหร่ายทะเลยังมีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการอยู่ 18 ชนิด อาทิ แคลเซียม เหล็ก ไอโอดีน แมกนีเซียม และโซเดียม เป็นต้น แต่ที่มีมากเป็นพิเศษและมีความสำคัญต่อร่างกายของเรา ได้แก่

1. ไอโอดีน โดยปกติแล้วคนเราต้อง การไอโอดีนประมาณ 0.1-0.3 มิลลิกรัมต่อวัน หากเทียบกับการกินสาหร่ายทะเลชนิดแผ่นขนาดกว้าง 2 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร แค่นี้ก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน และช่วยป้องกันโรคคอพอกได้

2. ธาตุเหล็ก เป็นสารอาหารอีกชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในสาหร่ายทะเล ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล รวมทั้งบำรุงเส้นผมให้ดกดำเป็นมันเงางามมากยิ่งขึ้น

3. ทองแดง หน้าที่ดูดซึมธาตุเหล็กและสร้างฮีโมโกลบิน ที่ไขกระดูก หากร่างกายขาดธาตุนี้จะทำให้เป็นโรคโลหิตจางและผมร่วงง่าย

4. สังกะสี เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์หลายชนิด ในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

5. ใยอาหาร ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระ ทำให้ท้องไม่ผูก และเร่งการขับถ่ายสารพิษต่างๆ ในทางเดินอาหาร

อย่างไรก็ดี ถึงแม้คุณจะชอบสาหร่ายมากเพียงใดก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะในสาหร่ายมีปริมาณโซเดียมสูง ผู้ที่เป็นโรคไตและความดันโลหิตสูงจึงควรระวัง

สาหร่ายทะเลไม่เพียงอร่อย แต่ยังมากด้วยประโยชน์ ที่สำคัญมีราคาที่ไม่แพงนัก เห็นทีมื้อเที่ยงนี้ต้องมองหาสาหร่ายทะเลมาทำกับข้าวทานบ้างแล้วค่ะ

ที่มา : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 210




 

Create Date : 19 เมษายน 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 21:50:22 น.
Counter : 475 Pageviews.  

"มะนาว" สุดยอดตัวช่วยลดน้ำหนัก

วันนี้มีเคล็ดลับดี ๆ จากคอลัมน์ The Lemon Juice Diet ของหนังสือ New Book ที่นักเขียนสาว เธเรซา เชียง ได้ให้คำแนะนำกับปัญหาโรคอ้วน ที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการรับประทานมะนาว

"มะนาว" ถูกกล่าวขานว่ามีสรรพคุณในการลดความอ้วนได้อย่างดีที่สุด หากคุณ ทำตามกฎหลักทั้ง 3 ข้อนี้ คุณจะน้ำหนักลดลงได้ดั่งใจปรารถนา

1. ดื่มน้ำมะนาวกับน้ำอุ่นทุก ๆ เช้า

เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานดียิ่งขึ้น มะนาวเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีมากที่สุด ไม่เพียงแต่จะดีสำหรับช่วยลดไข้ได้ แต่มันยังมีผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา แนะนำมาว่า ใครที่กินผลไม้และผักที่มีวิตามินซีในปริมาณที่มาก จะมีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร และจะช่วยให้น้ำหนักลดได้ดีกว่าวิธีอื่น ๆ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น น้ำมะนาวยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมให้กักเก็บเอาไว้ในเซลล์ไขมัน ผลวิจัยยังแสดงอีกว่า แคลเซียมที่มีอยู่ในเซลล์ไขมันปริมาณมาก ๆ จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น

2. รับประทานผักและผลไม้อย่างน้อยวันละ 5 ชนิด

เพราะผักและผลไม้ทุกประเภท จะมีปริมาณแคลอรีที่น้อยมาก แต่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ เส้นใย และสารอาหารที่ครบครัน จะช่วยในการปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ช่วยให้ระบบประสาททำงานอย่างสงบลง

3. ปรับสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด

โดยการบีบน้ำมะนาวลงไปในมื้ออาหารทุกมื้อ หรือผสมเปลือกมะนาวลงไปในซุปหรือสลัด และบีบมะนาวเพียงเล็กน้อยโปรยลงบนเนื้อปลา และเนื้อไก่ก่อนรับประทาน แล้วจะรู้ว่ามะนาวคือเส้นใยที่มหัศจรรย์ที่สุด เพราะมะนาวจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงด้วย

นอกจากนี้ผลการศึกษาของวิทยาลัย Journal of the America College of Nutrition รายงานว่า คาร์โบไฮเดรตที่พบในผิวเปลือกของมะนาว จะสามารถกำจัดความอยากกินให้ลดลงได้ถึง 4 ชั่วโมง เปลือกมะนาวเป็นแหล่งรวมไฟเบอร์ที่ดีที่สุด ช่วยให้ระบบย่อยอาหารสามารถดูดซึมน้ำตาลได้เร็วยิ่งขึ้น หลังจากที่คุณกินมัน คุณจะรู้สึกอิ่มไปอีกนานเลยทีเดียว




 

Create Date : 17 เมษายน 2553    
Last Update : 17 เมษายน 2553 21:05:51 น.
Counter : 391 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  

quosego
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add quosego's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.