Group Blog
 
All Blogs
 

ควรหลีกเลี่ยงการขับรถ เมื่อเป็นหวัด


การเป็นหวัดไม่ว่า หวัดสามัญหรือโรคไข้หวัดใหญ่ อย่างหนัก จะรบกวนปฏิกิริยาตอบสนองเวลาขับรถอย่างหนัก

บริษัทประกันภัยลอยด์ส ทีเอสบี ของอังกฤษเปิดเผยว่า ในการศึกษาด้วยเครื่องจำลองการขับรถ กับผู้ขับรถที่ป่วยด้วยอาการต่าง ๆ ตั้งแต่เป็นหวัด มีอาการเครียดและปวดศีรษะ 100 คน พบว่า คนที่เป็นหวัดจะขับรถได้เลวลงโดยเฉลี่ยแล้วร้อยละ 11 เทียบได้กับผู้ที่ล่อวิสกี้เข้าไปสองแก้ว

การขับรถเลวลงไปร้อยละ 11 จะมีผลทำให้อาการตอบสนองช้าลง เทียบเท่ากับต้องใช้ระยะทางเพิ่มขึ้นอีก 1 เมตร หากขับอยู่ด้วยความเร็ว 48 กม.ต่อชั่วโมง และหากใช้อัตราความเร็วปกติเต็มที่ จะต้องใช้ระยะทางเพิ่มอีกถึง 12 ม.

รายงานได้บอกเตือนว่า อาการไม่สบายขณะขับรถ ยิ่งหากบวกด้วยฤทธิ์ยา หรือความเมื่อยล้า หรือหากดื่มมาเล็กน้อยด้วย จะมีผลกับความสามารถในการขับขี่อย่างสำคัญ นายแพทย์ดอว์น ฮาร์เปอร์ ได้เสริมว่า ในการขับรถอย่างปลอดภัย ต้องใช้สมาธิและปฏิกิริยาตอบสนองที่ทันกาล แค่เพียงเป็นหวัดเพียงนิดหน่อยก็ทำให้ความสามารถทั้งสองอย่างเสียลงมากแล้ว

โฆษกของบริษัทแจ้งว่า "การขับรถยามที่ไม่สบาย ก่อให้เกิดอุบัติเหตุปีละหลายพันครั้ง หากว่าเป็นหวัดไม่ว่าจะเป็นหวัดธรรมดาหรือไข้หวัดใหญ่ ถ้าหากหลีกเลี่ยงการขับรถได้ควรจะหลีกเลี่ยงเสีย"

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ




 

Create Date : 21 มิถุนายน 2553    
Last Update : 21 มิถุนายน 2553 18:22:22 น.
Counter : 426 Pageviews.  

เตือน! ห้อง lab อันตราย


นักประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ ยี่ห้อ "apple" และเสิร์จเอนจิ้น "google" ใช้โรงรถเป็นสถานที่ปฏิบัติการ จนกลายมาเป็นสินค้ายี่ห้อโด่งดัง

ตอนนี้งานวิทยาศาสตร์ชีวภาพ เช่น การเปลี่ยนแปลงพันธุวิศวกรรม ก็กำลังใช้บ้าน ใช้โรงรถ เป็นห้องทดลอง แทนห้องแล็บตามบริษัทหรือมหาวิทยาลัยต่างๆ เนื่องจากปัจจุบันมีการขายวัสดุในห้องแล็บที่เหมาะใช้งานกับแล็บตามบ้านมาก ขึ้น และเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ก็แพร่อยู่ในอินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนมหาศาล

เมเรดิธ แอล. แพตเทอร์สัน โปร แกรมเมอร์วัย 31 ปี กำลังศึกษาชั้นปริญญาเอก อยู่ที่นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ใช้บ้านเป็นห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ เปลี่ยนพันธุวิศวกรรมของแบคทีเรียในโยเกิร์ต ที่เวลาพบ "สารเมลามีน" แล้ว จะเรืองแสงสีเขียวขึ้นมา ซึ่ง "สารเมลามีน" นี้ เป็นต้นเหตุการเสียชีวิตของทารกและมีผู้ป่วยจำนวนมากในจีน ทั้งยังสร้างเครื่องวิเคราะห์ดีเอ็นเอราคาถูก โดยเสียเงินไปแค่พันบาท

การย้ายปรับเปลี่ยนบ้านมาเป็นห้องแล็บ สร้างกระแสวิจารณ์ โดยมีผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยยกประเด็นเรื่องความปลอดภัยขึ้นมา เพราะเห็นว่า นักทดลองมือสมัครเล่นพวกนี้อาจทำให้เกิดหายนะด้านสิ่งแวดล้อม หายนะทางการแพทย์ขึ้นมาโดยบังเอิญขณะที่ฝ่ายเห็นด้วยชี้ว่า การทดลองของมือสมัครเล่น อาจพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นคุณประโยชน์ เช่น ยาหรือวัคซีนรักษาโรคมะเร็งในบางเมืองยังมีแล็บชุมชน เพื่อให้ผู้สนใจเข้าไปใช้ทดลองกัน เช่น ที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเส็ตต์ มี "ดีไอวายไบโอ" ที่ประชาชนสามารถเข้าไปใช้สารเคมีและอุปกรณ์ในห้องทดลอง อย่างฟรีซเซอร์ที่มีอุณหภูมิต่ำถึง -80 องศา เพื่อรักษาชีวิตแบคทีเรีย

นายแม็กเคน คาวเวลล์ อายุ 24 ปี หนึ่งในผู้ก่อตั้ง "ดีไอวายไบโอ" และเป็นนักศึกษาด้านชีววิทยา กล่าวว่า

"นักทดลองสมัครเล่นอาจกำลังทดลองทำผลงานที่น่าสนุก เช่น นำยีนของปลาหมึกมาสร้างรอยสักที่เรืองแสงในความมืด ไปจนถึงการทดลองที่ซีเรียสจริงจัง อย่างการทำวัคซีน และอาจนำไปสู่การค้นพบครั้งสำคัญ เราพยายามทำให้วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องสนุกสนานเหมือนกับการเล่นเกม ไม่น่าเบื่อ"

ด้านนายจิม ธอมมัส จากอีทีซีกรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มเฝ้าสังเกตไบโอเทคโนโลยี เตือนว่า "สารสังเคราะห์บางตัวเมื่อเข้าไปถึงมือนักทดลองสมัครเล่นแล้ว อาจหลุดลอดออกไปนอกห้องแล็บ จนอาจทำให้เกิดโรคที่รักษาไม่ได้ สิ่งแวดล้อมถูกทำลายอย่างคาดการณ์ไม่ถึง เพราะห้องทดลองตามบ้านไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ ผู้ก่อการร้ายอาจแอบเข้ามาใช้ห้องทดลองชุมชนด้วย"


ที่มา : นสพ.ข่าวสด




 

Create Date : 21 มิถุนายน 2553    
Last Update : 21 มิถุนายน 2553 17:58:17 น.
Counter : 421 Pageviews.  

ระหว่างการออกกำลังกายดื่ม "น้ำ" อะไรดี?


รู้ไหมว่า น้ำดื่ม ที่เหมาะกับการออกกำลังกายมากที่สุดคือน้ำอะไร?

คำตอบที่ได้อาจจะมีทั้งเกลือแร่ น้ำหวาน ไปจนถึงน้ำเปล่า

ขอเฉลย น้ำที่ดีที่สุดสำหรับการออกกำลังกายนั่นคือ น้ำเปล่า

เรื่องนี้ น.พ.วิชัย เดชะทัตตานนท์ ผู้อำนวยการแผนกสร้างเสริมสุขภาพ แผนกประกันสังคม ร.พ.กล้วยน้ำไท 1 ยืนยันอย่างเต็มที่

เพราะเครื่องดื่มทั่วไปประเภทน้ำหวาน เกลือแร่ หรือน้ำเพิ่มพลัง ชนิดต่าง ๆ มักจะมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่า 2.5% จึงทำให้เคลื่อนที่สู่กระเพาะอาหารและถูกดูดซึมได้ช้ากว่าน้ำเปล่า และการเสียเหงื่อจากการ ออกกำลังกายเป็นการเสียน้ำมากกว่าเสียเกลือแร่ในร่างกาย และไม่ได้สูญเสียโพแทสเซียมจึงไม่จำเป็นต้อง ดื่มน้ำเกลือแร่เข้าไปทดแทน

แต่ถ้าดื่มเข้าไป บางคนอาจทำให้รู้สึกจุกเสียด ท้องอืด น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และจะมีอาการมากขึ้น หากเป็นน้ำอัดลม เพราะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะทำให้กระเพาะอาหารขยายตัวขึ้นทำให้จุก แน่นไปเบียดกล้ามเนื้อกระบังลม ปอดจะขยายตัวได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้หายใจไม่อิ่ม และหมดแรงเร็วขึ้น

ขณะที่น้ำเปล่านั้น ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็วไปช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายปรับระดับ ความดันโลหิต ช่วยลำเลียงอาหาร และออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ช่วยทำให้เซลล์กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะเล่นกีฬาได้เป็นอย่างดี

ส่วนวิธีดื่มน้ำอย่างถูกวิธีนั้นควรดื่มน้ำเปล่าไม่เกิน 1 แก้ว ก่อนออกกำลังกายประมาณ 10 นาที ในขณะออกกำลังกายจิบเล็กน้อยทุก 10-15 นาที แต่ถ้ารู้สึกกระหายน้ำแต่ไม่ควรดื่มเกิน 1 แก้วภายใน 1 ชั่วโมง และหลังจากการออกกำลังกายราว ครึ่งชั่วโมงควรดื่มน้ำสัก 2 แก้ว

หากในเวลาที่เหนื่อยจัด ๆ แล้วอยากดื่มน้ำ ก็ไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้ว เพราะอาจเกิดภาวะน้ำเกิน ทำให้เวียนหัว หรือสมองปวดร้าวได้

รู้อย่างนี้แล้ว ดื่มน้ำเปล่ากันเถอะ




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2553    
Last Update : 20 มิถุนายน 2553 19:03:14 น.
Counter : 422 Pageviews.  

"เท้า" ใครคิดว่าไม่สำคัญ?


มีตัวเลขน่าสนใจมาเล่าให้ฟัง..

ทุกวันนี้คนเราส่วนใหญ่เฉลี่ยแล้วต้องเดินวันละ 5,000-8,000 ก้าวต่อวัน และโดย เบ็ดเสร็จแล้วหากคนคนหนึ่งมีอายุยืนยาวถึง 70 ปี พบว่าคนคนนั้นจะเดินมาแล้วมากถึง 360,000 กิโลเมตร

และอวัยวะที่รับบทหนักในการสร้างระยะทางอันยาวไกลที่ว่านี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับ เท้า

อวัยวะแสนอึดนี้ธรรมชาติสร้างมาให้อย่างดีเยี่ยม เพราะแต่ละข้างนั้นมีกระดูกเพียง 26 ชิ้น กล้ามเนื้อ 31 มัด เส้นเอ็น 107 เส้น และมีข้ออยู่ 38 ข้อ ส่วนประกอบที่มีอยู่แค่นี้แต่กลับรับบทหนักด้วยการต้องแบกรับน้ำหนักทั้ง ร่าง แถมยังต้องผจญกับสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามากระทำ ตั้งแต่พื้นที่ย่ำเดิน ลักษณะการเดินหรือวิ่ง ไปจนถึงรองเท้าที่สวมใส่ ล้วนแต่สร้างผลกระทบให้กับอวัยวะชิ้นนี้ทั้งสิ้น

แต่...น่าแปลกที่อวัยวะนี้กลับไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร เว้นเสียแต่ว่ามันจะส่งสัญญาณโอดครวญ เจ็บ ๆ ปวด ๆ และแผ่ซ่านไปจนถึงอวัยวะต่าง ๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นปวดเมื่อยเท้า เจ็บส้นเท้า หัวเข่า หรือหลังส่วนล่าง เมื่อนั้นเท้าจึงจะได้รับการเอาใจใส่สักที

น.พ.เชิดพงษ์ หังสสูต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเท้าจากโรงพยาบาลตากสินกล่าวว่า การเดินบนพื้นหญ้า ดิน ทรายอย่างสมัยก่อนจะช่วยอุ้มอุ้งเท้าเอาไว้จึงทำให้เท้าอยู่ในสภาพปกติ แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปคนเราต้องเดินอยู่บนพื้นแข็ง ๆ แบนราบ และการเล่นกีฬาที่ต้องวิ่งต้องกระโดด การกระแทกอย่างต่อเนื่องและบ่อย ๆ จะทำให้อุ้งเท้าแบนลง ข้อเท้าก็จะบิดเอียงเข้าข้างในเส้นเอ็นที่เท้าก็จะตึงมากกว่าปกติ กลายเป็นภาวะเท้าแบน ซึ่งถ้าปล่อยไว้จะส่งผลเสียตอนอายุมากขึ้น

นอกจากนั้นแล้ว การที่เท้าต้องอยู่ในพื้นที่คับแคบ ไม่ได้สัดส่วน รองรับ น้ำหนักได้ไม่ทั่วทั้งเท้า และสวมรองเท้า ส้นสูง ล้วนแต่มีผลต่อเท้าทั้งสิ้น

ตามตำราของอินเดีย + จีนบอกว่า ถ้ารู้สึกอึดอัดหายใจไม่คล่องหรือไม่ทั่วท้อง อาจจะเกิดจากการที่นิ้วโป้ง เท้าถูกบีบหรือกด ถ้ารู้สึกเมื่อยบริเวณไหล่ บ่า อาจจะเกิดจากการที่นิ้วก้อยเท้าถูกบีบหรือกดมากเกินไป

ส่วนการที่นิ้วและสันนิ้วเท้าถูกกดทับตลอดเวลาจากการสวมรองเท้าส้นสูง อาจทำให้ปวดเมื่อยที่ไหล่ ก้น และสะโพก ซึ่งอาจส่งผลทำให้รอบเดือน มาไม่คงที่อีกด้วย

ด้วยปัญหาต่างๆ จึงทำให้มีการคิดค้นเพื่อแก้ปัญหาของเท้าขึ้น สกอลล์จึงร่วมกับ ดร.ฟิลลิป เจ. วาสิลี แพทย์เฉพาะทางด้านเท้า ได้คิดค้น สกอลล์ ไบโอเมคานิกส์ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดสำหรับคนเท้าแบน หรือผู้ที่มีเท้าบิดเข้าด้านในขณะเดิน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการปวดส้นเท้า หัวเข่า หรือหลังส่วนล่าง

อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์อีกสารพัดที่ออกมาปรนเปรอให้อวัยวะแสนอึดนี้สบายขึ้น ทั้งรองเท้ารองรับสรีระ มีปุ่มนวด แผ่นเจลรองรับแรงกระแทก แผ่นป้องกันการเสียดสี กันรองเท้ากัด อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ช่วยระงับกลิ่นและทำให้เท้าสะอาดชุ่มชื้นอีกมากมาย ด้วย

นอกจากนั้น การหวนคืนสู่ธรรมชาติ พาเท้าเปล่าไปเหยียบย่ำพื้นทราย ผืนดิน ผืนหญ้าบ้างก็จะช่วยทำให้เท้าผ่อนคลายความเครียดได้ เช่นเดียวกับบีบ ๆ นวด ๆ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้เท้าและอวัยวะต่าง ๆ และฟื้นฟูพลังงาน ปรับอุณหภูมิและช่วย ขับของเสียจากร่างกาย ช่วยระบบประสาท ปรับฮอร์โมนเลือดลมเดินดี และยังทำให้ดูอ่อนกว่าวัยได้อีกด้วย

นี่แหละประสิทธิภาพของอวัยวะเบื้องล่างที่เรียกว่า "เท้า"




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2553    
Last Update : 20 มิถุนายน 2553 18:52:04 น.
Counter : 479 Pageviews.  

อิริยาบถบรรเทาปวดเมื่อย

หลังรับคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับเทคนิคนวดบรรเทาปวดเมื่อยตามบริเวณต่าง ๆ จากคุณอาร์ท-วศมน พิพัฒวรรณกุล ที่ปรึกษาพิเศษด้านผลิตภัณฑ์ เดอะ บอดี้ ชอป (ประเทศไทย) มาหลายสัปดาห์ต่อเนื่องกัน เห็นทีต้องให้คุณอาร์ทไปพักเหนื่อย เพื่อคิดหาเคล็ดลับการนวดมาบอกกล่าวกับผู้อ่านเดลินิวส์ออนไลน์ในโอกาสต่อไป แต่ก่อนจะโบกมือลา หนนี้ คุณอาร์ท ขอส่งท้ายด้วย อิริยาบถบำบัด ที่สามารถคลายปวดเมื่อยได้ด้วยตัวคุณเอง

เริ่มที่การทำท่าทางลดอาการปวดหลังและไหล่ในท่างูเห่า เพียงนอนคว่ำหน้า จากนั้นเงยหน้าขึ้นค้างไว้สักครู่จะรู้สึกตึง ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง

ท่าต่อมายังอยู่ในหมวดของอิริยาบถแก้ปวดหลัง ด้วยท่าบิดตัวอย่างง่าย ให้เหยียดขาข้างหนึ่งออกไป อีกข้างไขว้ไว้ด้านบน ใช้มือหนึ่งจับบริเวณเข่า บิดตัวไปด้านหลัง ค้างไว้สักครู่แล้วสลับทำอีกข้าง ควรทำซ้ำ 2-3 ครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีการบิดตัวเต็มที่ ในท่านี้ต้องงอเข่าคล้ายท่าขัดสมาธิ แต่ขาข้างหนึ่งให้ไขว้ไว้ด้านบน ใช้มือข้างหนึ่งจับเข่า บิดลำตัวไปด้านหลัง ข้างไว้สักครู่ และควรทำซ้ำ 2-3 ครั้ง

สำหรับอิริยาบถที่ช่วยคลายปวดเมื่อยบริเวณหลัง สะบัก และขา ให้เหยียดขาข้างหนึ่งให้ตรง ยื่นมือไปแตะที่ปลายเท้า แก้ปวดช่วงหลังและขา แต่ถ้าต้องการลดปวดช่วงสะบักให้ยกขาที่เหยียดตรงอยู่ขึ้นสูงและค้างไว้กลาง อากาศสักครู่

ส่วนวิธีแก้ปวดบริเวณไหล่และแขน ให้ประสานมือทั้งสองข้างแล้วยกสูงเหนือศีรษะ จากนั้นเอียงตัวไปทางซ้ายสลับขวา หรือทำในลักษณะหมุนวนก็ได้ ท่าดังกล่าวนอกจากช่วยลดอาการปวดเมื่อยแล้ว ยังกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้ดี




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2553    
Last Update : 20 มิถุนายน 2553 18:34:49 น.
Counter : 502 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  

quosego
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add quosego's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.