กินจุบจิบทำฟันผุเพิ่ม4เท่า ตั้งกองทุน1.2พันล้านเร่งแก้ไข
ท.พ.สุธา เจียรมณีโชติชัย ผอ.สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กล่าวว่า จากผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพครั้งที่ 6 เมื่อปี 2550 ซึ่งถือว่าเป็นครั้งล่าสุด เนื่องจากการสำรวจนี้จะมีการสำรวจทุก 5 ปี พบว่าแนวโน้มของเด็กที่ฟันผุเปลี่ยนไปจากเมื่อ 20 ปีก่อน
เด็กที่ฟันผุจะอยู่ในเขตกรุงเทพฯ แต่ปัจจุบันพบว่าเด็กที่ฟันผุจะอยู่ในเขตชนบท เพราะมีการคมนาคมที่สะดวกขึ้นทำให้มีขนม น้ำอัดลมเข้าไปยังพื้นที่ได้ง่าย
แต่ผู้ปกครองและเด็กยังไม่มีความรู้ที่เพียงพอในการรักษาสุขภาพฟัน ทั้งนี้สาเหตุของฟันผุมี 2 เรื่องหลัก คือ เรื่องอาหารและเรื่องการทำความสะอาดฟัน โดยหากมีการรับประทานอาหารที่มีรสหวานจะมีโอกาสเกิดฟันผุสูง ขณะเดียวกันหากมีการรับประทานอาหารมากกว่า 3 มื้อ ก็จะเพิ่มโอกาสในการเกิดฟันผุมากขึ้นด้วย
"ทุกครั้งที่เรารับประทานอาหารน้ำลายจะกลายเป็นกรด เพื่อช่วยย่อยอาหาร และโดยปกติแล้วในเวลา 30 นาที น้ำลายจะปรับสภาพกลับมาเป็นกลางเหมือนเดิม แต่หากรับประทานอาหารติดๆ กัน จะทำให้น้ำลายกลายเป็นกรดนานกว่าปกติ และจะส่งผลให้เพิ่มโอกาสฟันผุมากขึ้นถึง 4 เท่า" ท.พ.สุธากล่าว
ท.พ.สุธากล่าวต่อว่า ส่วนอีกสาเหตุที่ทำให้ฟันผุ คือ การทำความสะอาดฟัน โดยเฉพาะช่วงก่อนนอน หากมีการแปรงฟันไปแล้ว และไปรับประทานอาหารอีก แต่ไม่แปรงฟัน จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการเกิดฟันผุมากขึ้น ถึงร้อยละ 50 เพราะเศษอาหารจะติดอยู่ตามซอกฟันทั้งคืน
ทำปฏิกิริยากับน้ำลายตลอด จะทำลายแคลเซียมที่เคลือบฟันอยู่จนทำให้ฟันผุได้
อย่างไรก็ตามในการแก้ไขปัญหาเรื่องฟันผุในปี 2555 ทางกรมอนามัยได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดตั้งกองทุนทันตกรรม 1,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นต่อเนื่องมาจากปี 2554 เพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานบริการทุกจังหวัดจัดทำแผนบูรณาการเชิงรุกเพื่อขยายงานบริการส่งเสริมป้องกันให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงบริการได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งกลุ่มเด็กวัยก่อนเรียน 400,000 คน เด็กวัยเรียน 400,000 คน และผู้สูงอายุใส่ฟันเทียม 45,000 คน
credit : khaosodnews
Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2555 6:18:03 น. |
Counter : 841 Pageviews. |
|
|
|