หายไปนานเลยค่ะ แฮ่ ช่วงนี้มีกิจกรรมนั่นนี่บ่อย เลยแอบพักบล็อกไปนิด ๆ ^^... เห็นเพื่อน ๆ ทำและพูดถึงความอร่อยของเค้กนี้มานานแล้ว ยังไม่ได้ลองซักที ก่อนทำไปนั่งดูบล็อกต่าง ๆ ที่ทำเค้กนี้ ก็มีเทคนิคการทำแตกต่างกันไปนะคะ แต่ส่วนผสมที่เห็นนิยมใช้กันรู้สึกจะคล้ายกันมาก ๆ ... เราเลือกสูตรที่ใส่ครีมชีสน้อยหน่อย ทำนำร่องไปก่อนค่ะ ... Japanese Cheesecake ก็จะประมาณชีสเค้กผสมกับชิฟฟ่อน นะคะ (เขาว่าสปันจ์ เราว่าชิฟฟ่อน :))
Adapted from : Greentea Sponge Cheesecake
By Baking Diary :
//chinadoll-bakingdairy.blogspot.com.au/2014/06/greentea-souffle-cheesecake.html
ส่วนผสม
1. ครีมชีส 125 กรัม (อ่อนตัวที่อุณหภูมิห้อง)
2. เนยสดจืด 60 กรัม (อ่อนตัวที่อุณหภูมิห้อง)
3. ไข่แดง 5 ฟอง (Large)
4. Half and Half 120 มล. (จะใช้นม Whole Milk ก็ได้ค่ะ)
5. น้ำมะนาวเหลือง 1 ช้อนชา
(ใช้ Vanilla Extract หรือ Lemon Extract แทนก็ได้ค่ะ*)
6. แป้งเค้ก 65 กรัม
7. แป้งข้าวโพด (Cornstarch) 35 กรัม
8. ไข่ขาว 5 ฟอง
9. Cream of Tartar ¼ ช้อนชา
10. น้ำตาลทราย 120 กรัม
11. น้ำมะนาวเหลือง 1/2 ช้อนชา
(ใช้ Vanilla Extract หรือ Lemon Extract แทนก็ได้ค่ะ*)
เราใช้ Organic Lemon Extract ได้รสเลม่อนและกลิ่นหอมมากค่ะ แต่ไม่แนะนำกลิ่นเทียมนะคะ
วิธีทำ
1. อุ่นเตาไว้ที่ 325 F หรือ 160 C
. เตรียมถาดอบขนาด 8 ด้วยการปูกระดาษรองอบ (Parchment Paper) ที่ก้นพิมพ์ และส่วนข้างพิมพ์ โดยให้ส่วนกระดาษโผล่เหนือพิมพ์ประมาณ 1.5 นิ้ว ใช้เนยทาเพื่อช่วยให้กระดาษอบติดข้างพิมพ์ได้ .... ขั้นตอนนี้จำเป็นสำหรับคนที่ใช้พิมพ์เค้กทรงเตี้ย เพราะเวลาอบ เค้กจะขยายขึ้นสูงเหนือขอบถาดเลยค่ะ ... พิมพ์เราสูงแล้ว เราไม่ปูนะคะ ขี้เกียจ อิอิ แต่ก็ยังทาเนย เคาะแป้ง กันพลาดด้วย ... ถ้าเป็นพิมพ์ถอดก้นได้ ก็ห่อกระดาษฟอยล์พันก้น กันน้ำเข้า หลาย ๆ ชั้นเลยค่ะ (เรารอง 4 ชั้น อิอิ) เพราะเราจะอบขนมบนถาดรองน้ำ ... ถาดรองน้ำก็เตรียมไว้เลยนะคะ
2. ร่อนแป้งเค้กและแป้งข้าวโพด คนให้เข้ากันดี พักไว้
3. ละลายครีมชีสและเนยบนหม้อต้มน้ำ (ต้มน้ำจนเริ่มเดือด ลดไฟเป็นต่ำพอให้มีไอเดือดกรุ่น ๆ) ... คนจนครีมและเนยละลายดี จะเลยไปถึงขั้นเป็นน้ำเลยก็ได้นะคะ (บางคนก็ทำแบบนี้) เราเอาประมาณเป็นครีมเนียน ก็ยกลงจากเตาเลย
4. ใส่น้ำเพิ่มในหม้อต้มน้ำ ต้มทำน้ำร้อนสำหรับเทในถาดรองถาดอบ (เวลาอบขนม) รอไว้เลยค่ะ
5. ใส่ไข่แดงลงผสมกับส่วนครีมชีสและเนย ครั้งละฟอง ตีให้กันดีด้วยตะกร้อมือจนเข้ากันดี
6. ใส่นมและน้ำมะนาวเหลือง (หรือ Vanilla/Lemon Extract) ลงผสม ตีให้เข้ากันดี
7. กรองส่วนผสมเพื่อเอากากหยาบของไข่แดงที่อาจเหลือตกค้างออก
8. ทะยอยแบ่งแป้งที่ร่อนแล้วลงผสม คนผสมให้เข้ากันดี ด้วยตะกร้อมือ จนได้ครีมเนียน คนผสมด้วยพายยางอีกครั้ง พักไว้
9. ตีไข่ขาว Cream of Tartar และมะนาวเหลือง (หรือ Vanilla/Lemon Extract) จนได้ฟองละเอียด ทะยอยเทน้ำตาลทราย ลงผสมทีละนิด ตีด้วยความเร็วปานกลาง (ประมาณหมายเลข 5) จนได้ไข่ยอดอ่อน ... ตีด้วยความเร็วต่ำ เพื่อตัดฟองอากาศประมาณ 1-2 นาที
10. แบ่งไข่ขาวลงผสมกับส่วนผสมครีมและแป้ง ครั้งละ 1/3 ส่วน (1/3 + 1/3+1/3) ตะล่อมให้เข้ากันดีด้วยพายยาง (เราใช้ตะกร้อมือตะล่อมเบา ๆ ตามด้วยพายยางในช่วงท้าย เพราะเร็วดี อิอิ คิดว่า cheesecake แนวนี้ตะล่อมด้วยพายยางดีกว่าค่ะ ตะล่อมง่ายอยู่แล้วเพราะไข่ขาวยอดอ่อน จะได้ไม่มีฟองอากาศเยอะ)
11. เทแบทเทอร์ ใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ (จขบ. ที่เราใช้สูตร เขาแนะนำว่า เวลาเทแบทเทอร์ใส่พิมพ์ ให้ยกอ่างที่ใส่แบทเทอร์ขึ้นสูงจากพิมพ์หน่อย แล้วค่อยเทแบทเทอร์ให้ไหลลงช้า ๆ สู่พิมพ์ วิธีนี้จะช่วยไล่ฟองอากาศได้ แต่เราก็ไม่ได้ทำค่ะ ไว้ครั้งต่อไปเนอะ :)) เคาะถาดเบา ๆ กับพื้นโต๊ะ เพื่อไล่ฟองอากาศอีกที ... เสร็จแล้วก็เอาพิมพ์วางลงช่วงกลางของถาดรองอบ ... เทน้ำร้อนที่ต้มไว้ลงในถาดรองอบ ให้ได้ระดับสูงประมาณ 1 นิ้ว
12. ส่งเข้าเตาอบ (วางพิมพ์+ถาดรองอบ บนตะแกรงล่าง) ประมาณ 60 - 80 นาที ขึ้นอยู่กับเตาอบและพิมพ์ที่ใช้ ค่ะ เช็คสุกด้วยการแตะเค้กช่วงกลาง ถ้าสัมผัสได้เนื้อเค้กเด้ง ไม่ยุบเป็นหลุม ก็ใช้ได้แล้วค่ะ (จะให้ดีก็ใช้ไม้จิ้มฟัน ชิ้มใจกลางเค้กเนาะ ไม่มีครัมบ์เปียกติดมา ก็ถือว่าสุกนะคะ) เราใช้เวลาอบประมาณ 70 นาที ... เสร็จแล้วก็เอาถาดรองน้ำออก ลดไฟเตาเป็น 250 F หรือ 120 C อบเค้กต่ออีก 10 นาที (เขาว่าวิธีนี้จะช่วยไล่ความชื้น ช่วยให้ก้นเค้กไม่แฉะ ค่ะ)
*** ว่ากันว่าขนาดของถาดรองน้ำก็มีผลต่อระยะเวลาอบด้วยค่ะ ถ้าใช้ถาดใหญ่รองน้ำ เวลาอบก็จะนานขึ้น ประมาณนั้น
13. พอเค้กสุก เอาเค้กออกจากเตาอบ ให้เอาตัวเค้กออกจากพิมพ์ทั้งที่ยังร้อนเลยค่ะ ... ใช้ถุงมือช่วยจับ ... เราไม่ได้ปูประดาษรอบขอบพิมพ์ ก็จะได้ขอบเค้กเยินหน่อย แต่ไม่เป็นไร ค่อยเอามือดึงครัมบ์หยาบออกอีกที 55
*** พอเอาเค้กออกจากพิมพ์แล้ว นำเค้กใส่กล่องหรือถาดที่มีฝาปิดสนิท เราเอาเข้าตู้เย็นทั้งที่ยังร้อนเลยค่ะ .. ปล่อยเค้กให้เซ็ทตัวในตู้เย็น อย่างน้อย 4 ชั่วโมง ค่อยตัดเสิร์ฟ ... จะให้ดีมาก ๆ พักไว้ข้ามคืนเลยค่ะ
*******
เนื้อเค้กยังมีฟองอากาศโผล่หน่อย 55 ยังไม่เนียนกิ๊ก สมใจ แต่ก็อร่อยดีค่ะ เบา ๆ ฟูมาก ๆ .. เธอ ๆ ชอบกัน ตัวเล็กบอกว่าแม่ทำอีกนะ .... เราว่าเค้กในวันที่ 2 หลังพักไว้ในตู้เย็น จะรสดีสุดค่ะ มีความรู้สึกว่าเค้กฉ่ำและได้สัมผัสเนื้อครีมชีสในตัวเค้กมากขึ้น
------------------------------------------------
ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่แวะมานะคะ Merry Christmas! ค่ะ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Tristy Food Blog ดู Blog