ขอโทษเที่หายไปหลายวัน ไปเที่ยวอุทัยธานีมาค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะมาทักทายกัน มีทั้งขาประจำและชั่วคราว เกรงใจพื่อนๆเม้นท์เริ่มยาวมาก หายเหนื่อยแล้วจะตามไปเยี่ยมทุกๆคนนะคะ ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกัน เพื่อนๆอยากหุ่นแบบไหนกัน แบบนี้ หรือหุ่นแบบนี้ วันหนึ่งๆเคยนับไหมค่ะว่าเราบริโภคน้ำตาลเท่าไหร่ สำหรับคนอเมริกาเขาบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยวันละ ¼-1/2 ปอนด์ ประมาณ 30-40 ช้อนชา ในขณะที่องค์การอนามัยโรค (WHO) แนะนำว่า เราควรจำกัดปริมาณน้ำตาลที่จะเข้าสู่ร่างกาบให้น้อยกว่าวันละ 10% ของจำนวนที่บริโภคค่ะ กรมควบคุมโภชนาการของสหรัฐอเมริกาแนะนำให้บริโภคอาหารที่หลากหลาย ดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ จำกัดปริมาณน้ำตาล โดยน้ำตาลในที่นี้รวมถึงน้ำตาล และน้ำเชื่อมต่างๆที่เติมลงในอาหารและเครื่องดื่ม ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมอาหาร หรือการปรุงก่อนกิน แต่ไม่รวมน้ำตาลที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ผลไม้หรือนม จากการศึกษาของ USDA พบว่าผู้ที่กินน้ำตาลมากๆจะไม่ได้รับสารอาหารที่หลากหลายเหมือนคนที่กินน้ำตาลน้อย เพราะน้ำตาลปริมาณมากจะไปแทนที่แร่ธาตุจากธรรมชาติที่มีอยู่ในอาหาร 10 วิธีที่จะลดปริมาณน้ำตาลในร่างกาย 1. คิดก่อนดื่ม เครื่องดื่มต่างๆมีปริมาณน้ำตาลมาก ทำให้เพิ่มปริมาณน้ำตาลในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เช่น น้ำอัดลมขนาด 12 ออนซ์ มีน้ำตาลถึง 10 ช้อนชา หากเป็นขวดขนาด 20 ออนซ์ จะมีน้ำตาลถึง 16 ช้อนชา เช่นเดียวกับชาเย็นแบบขวดก็มีปริมาณน้ำตาลเท่ากับน้ำอัดลมแบบขวด 2. อ่านฉลากผลิตภัณฑ์เสมอ จะช่วยให้คุณทราบถึงปริมาณน้ำตาลที่ผสมอยู่ ผลิตภัณฑ์บางยี่ห้ออาจมีส่วนประกอบของน้ำตาลอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง น่ำตาลสด สารให้ความหวานจากข้าวโพด น้ำเชื่อม ฟรุกโตส ซูโคส กลูโคส และเดกซ์โทรส 3. เลือกอาหารธรรมชาติ เพราะมีวิตามินนานาชนิดในปริมาณสูง มีแร่ธาติและสารอาหารที่หลากหลาย รวมทั้งให้แดลอรี่ด้วย อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเหล่านี้ ได้แก่ ผลไม้ที่มีสีสด ผักต่างๆ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน สัตว์ปีก ปลา ไข่ ถั่ว นม ชีสไขมันต่ำ และโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 4. เดินให้รอบศูนย์การค้า เพราะหากเลือกซื้ออยู่ต่ในบริเวณเดิมๆ จะทำให้เคยชินกับการซื้ออาหารในแบบเดิมๆ 5. เลือกของขบเตี้ยวที่มีประโยชน์ นอกจากช่วยควบคุมน้ำหนักของคุณแล้ว ยังช่วยคลายหิว อีกทั้งยังดีค่อสุขภาพและให้พลังงาน เช่น ผัก ผลไม้ โยเกิร์ตไขมันต่ำ แครกเกอร์ ธัญพืช และถั่วต่างๆ 6. ใส่ใจปริมาณ ควรเลือกอาหารชุดเล็กๆ หรือแบ่งอาหารออกเป็นส่วนๆ เพื่อกระจายปริมาณแคลอรี่ และน้ำตาลที่ได้ระบในแต่ละมื้อ หากอยากกินไอศครีม อยากดื่มช็อคโกแลต หรือมอคค่าเย็นก็ให้สั่งชุดเล็ก 7. กินอย่างใส่ใจ การตามใจปากคุณมีความสุขก็จริง แต่ความทุกข์จะเข้ามาเยือนคุณในไม่ช้า 8. ดื่มน้ำให้เพียงพอ น้ำดื่มไม่มีแคลอรี่และน้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่มบริสุทธิ์หรือน้ำแร่จากธรรมชาติ ล้วนสร้างความสดชื่นให้กับคุณ หากคุณไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า อาจเพิ่มรสชาติด้วยการผสมน้ำมะนาวหรือน้ำส้มก็ได้ 9. กินผลไม้ให้มาก เพราะนอกจากจะได้ความหวานจากธรรมชาติแล้ว ยังมีน้ำและไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยในเรื่องระบบขัยถ่าย และช่วยให้เราอิ่ม และกินอาหารอื่นได้น้อยลง 10. กินของหวานแต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นคุ๊กกี้ เค้ก พาย ฯลฯ เพราะขนมหวานเหล่านี้มีทั้งน้ำตาล และแคลอรี่จำนวนมาก แต่ให้สารอาหารน้อยการกินหวานเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดโรคอ้วนนำมาซึ่ง โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมอง หัวใจ และโรคมะเร็ง จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งการกินให้ลดการกินหวาน มัน เค็ม ออกกำลังกายเป็นนิสัย และรู้จักทำใจให้สงบไม่เครียด เนื่องจากที่ผ่านมาพบความเครียดเป็นปัจจัยให้เกิดพฤติกรรมการกินไม่เลือก โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงาน ที่มีความเครียดสูงและมักหาทางออกด้วยการกินของจุบจิบและของหวานต่างๆ ซึ่งทุกๆ 5 เซนติเมตร ที่รอบเอวเพิ่มขึ้นจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคเรื้อรังมากขึ้น 4-5 เท่า คนที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ป่วยเบาหวานเท่านั้น หมายถึงทุกคนที่ชอบรับประทานขนมหวาน ผลไม้หวาน น้ำผลไม้ น้ำอัดลม ฯลฯ จะทำให้อวัยวะในร่างกายเสื่อมเร็วกว่าปกติ ทำให้แก่เร็ว ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง เบาหวาน กระดูกพรุน อ้วน เนื้องอก และมะเร็ง น้ำตาลจะทำให้อาการของโรคที่เป็นอยู่ทวีความรุนแรงขึ้นอีกด้วยไม่ว่าจะป่วย เป็นโรคอะไรก็ตาม เช่น ถ้าดื่มนมจนเป็นภูมิแพ้ ภูมิแพ้จะรุนแรงเป็น 2 เท่าถ้าเรากินหวานด้วย เพราะ "เชื้อโรคทุกตัวใช้น้ำตาลเป็นอาหาร" มีงานวิชาการระบุว่า การรณรงค์ให้เด็กไม่กินหวานทำให้เด็กไทยมีพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้นนั้น นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัยระบุว่า อาจเกิดขึ้นได้แต่ในเฉพาะคนที่ไม่ได้รับน้ำตาลเลยจนร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำตาล ก็จะมีอารมณ์หงุดหงิด แต่เชื่อว่า อาหารแต่ละวันที่เด็กได้รับแม้ไม่มีรสหวานแต่ก็มีปริมาณที่เพียงพอต่อความ ต้องการของร่างกายอยู่แล้ว แม้น้ำตาลจะมีรสหวานอร่อย แต่มันกลับเป็นตัวกระตุ้นให้คนอารมณ์เสีย และโมโหง่าย !!! ถ้าหากกินน้ำตาลมาก อาจจะทำให้ เกิดเสพติด และเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตเหมือนกับยาเสพติดได้ การกินน้ำตาลมากเกินไปจนระดับน้ำตาลในเส้นเลือดมีปริมาณสูงจะทำให้อารมณ์หงุดหงิด และโมโหง่าย มากกว่าผู้ที่กินน้ำตาลในปริมาณน้อย ถึง 45% ทุกอย่างที่หวานเป็นอันตรายต่อทุกคนที่กิน คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอจะมีโอกาสเป็นอันตรายจากหวานลดลง แต่ปริมาณน้ำตาลที่พอดีร่างกายไม่เกิดอันตรายคือวันละ 10 ช้อนสูงสุด ในแต่ละวันนี้เราทุกคนได้เกิน เพราะเราได้จากหลายอย่าง เช่น ในโอวัลติน 1 แก้ว มีน้ำตาล 2 ช้อน น้ำอัดลม 1 ขวดเล็กมีน้ำตาล 6 ช้อน น้ำส้มคั้นไม่ใส่น้ำตาลมี น้ำตาล 4 ช้อน โอเลี้ยงหรือกาแฟมีน้ำตาล 2 ช้อน เป็นต้น จากเฉพาะเครื่องดื่มในแต่ละวันเราก็ได้รับน้ำตาลเกินแล้ว ดื่มแล้วจะสดชื่นและมีพลังงาน แต่น้ำตาลจะมีประโยชน์นั้นจะต้องได้รับในปริมาณที่เหมาะสม ถ้าคนได้น้ำตาลมากเกิน น้ำตาลที่มีประโยชน์จะก่อให้เกิดโทษทันที น้ำผลไม้จะมีประโยชน์หากร่างกายได้รับวันละ 1/3 แก้ว หากมากกว่านี้จะเกิดโทษได้ กลูโคสที่ดี คือกลูโคสที่เป็น complex carbohydrate หรือคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าว เผือก มัน ข้าวโพด กลูโคสแบบนี้จะค่อยๆ ถูกย่อย ร่างกายจะค่อยๆดูดซึมเป็นระยะเวลานาน ร่างกายจะเอาไปใช้ทัน แต่ถ้าเราได้จากน้ำตาลซึ่งมันไม่ต้องย่อยเลย พอตกไปถึงท้องก็ถูกดูดซึมทั้งหมด กลูโคสท่วมเซลร่างกายแล้วก่อให้เกิดอันตรายทันที แต่อาการจะไม่แสดงออกทันที ร่างกายคนเราสามารถทนได้ถึง 5-10 ปี กว่าจะเกิดโรคสัญญาณเตือนภัยเมื่อร่างกายได้รับอันตรายจากหวาน: น้ำหนักลดยาก, เอวใหญ่กว่าสะโพก (ไม่ค่อยพบในคนไทย), อยากกินหวาน ถ้าไม่ได้กินหวานจะหงุดหงิด, ตัวบวม, มีผมหรือขนในที่ที่ไม่ควรมี, ผมร่วง, เป็นสิวในผู้ที่มีอายุเกิน 30 ปี, ซีสต์ที่รังไข่, ความดันสูง, นิ่ว, ไต, เบาหวาน, เส้นเลือดหัวใจตีบ, ไขมันไตรกลีเซอไรด์, ตับแข็ง, ไขมันแทรกในตับ, ยูริค, เป็นตะคริว, เป็นเชื้อราหรือโรคผิวหนังอื่นๆบ่อยๆ เช่น กลาก เริม เป็นต้น ใครก็ตามที่ชอบกินหวานผิวหนังของคนๆนั้นจะเป็นกรด พร้อมให้ราขึ้น สำหรับโรคไตนั้น เกิดจากการตกตะกอนของหินปูน แคลเซียมออกซาเลต ซึ่งสัมพันธ์กับการกินหวานโดยตรง เนื่องจากการตกตะกอนของเกลือออกซาเลตในไต จะต้องใช้น้ำตาลเป็นตัวตกตะกอน เพราะฉะนั้นโรคไตจึงเกิดจากการกินหวานและการกินพืชที่มีสารออกซาเลตสูง เช่น ใบชะพลู กระถิน ชะอม ถั่วพู สะตอ ลูกเนียง เป็นต้นดูผักผลไม้ช่วยลดน้ำตาลในเลือด กด ขอให้เพื่อนๆมีสุขภาพที่ดีกันทุกคนนะคะ ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก google เพลงจาก YouTube ภาพยายเก๋า(ชมพร),คุณญามี,คุณนุช oranuch_sri
vote หมวดสุขภาพนะคะ
รีบทำความเพียรเสียแต่วันนี้ อย่าปล่อยโอกาสให้ผ่านเลยไปเสีย
ตั้งใจทำการงานอันสุจริตด้วยความไม่ประมาท ตลอดไป...นะคะ
ปีใหม่ไทยนี้ ปอป้าขออวยพรให้ทุกท่าน ทุกครอบครัว
ประสบแต่ความสุขความเจริญ มีสุขภาพแข็งแรง
สำเร็จในทุกสัมมาการที่ปรารถนา เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม
ตลอดปีใหม่ และตลอดไป...นะคะ