การกินเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้ ใครที่เคยกินอาหารแบบลืมนึกถึงสุขภาพ กินตามใจปาก พฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลต่อปัญหาระยะยาว หากไม่อยากให้สุขภาพร่างกายเสื่อมก่อนเวลา เรามีวิธีดูแลให้สุขภาพดี และไม่ควรมองข้ามในชีวิตประจำวันมาฝาก 1. กินผักผลไม้เป็นหลัก อาหารจำพวกธัญพืช ผักและผลไม้ นอกจากเป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่มีคุณค่าแล้ว ยังเป็นกลุ่มของอาหารที่มีไขมันต่ำมาก ทำให้อิ่มนานเพราะมีใยอาหารปริมาณสูง นอกจากนี้อาหารซึ่งมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี จะช่วยในการขับถ่ายและดูดซึมสารพิษในลำไส้ โดยขับออกมาพร้อมกับอุจจาระ จึงช่วยป้องกันการสะสมของสารพิษ และลดอาการท้องผูก ริดสีดวงทวาร และลดอัตราเสี่ยงของมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ได้ 2. กินทีละนิดแต่บ่อยๆ ทำให้กระเพาะไม่ต้องเหนื่อยมาก ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอาการอาหารไม่ย่อย และทำให้ระดับของฮอร์โมนที่คอยควบคุมน้ำตาลในเลือดไม่แกว่งขึ้นลงอย่างรวดเร็ว จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกง่วงและไม่นึกอยากกินจุบจิบ นอกจากนี้การกินอาหารทีละมากๆ ยังทำให้กระเพาะของคุณขยายออกอีกด้วย 3. เลือกกินแต่ไขมันชั้นดี ไขมันไม่ได้มีโทษทุกชนิด ร่างกายยังต้องการไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงาน สร้างความอบอุ่น ช่วยในการทำงานของสมอง และเป็นองค์ประกอบของฮอร์โมนต่างๆ รวมทั้งช่วยในการดูดซึมวิตามินเอ ดี อี เค ไขมันที่ดี คือไขมันที่ไม่อิ่มตัว มีมากในน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกคำฝอย และปลา ฯลฯ ส่วนไขมันชนิดเลว คือไขมันอิ่มตัว ทำให้ระดับคอเรสเตอรอลในร่างกายเพิ่มขึ้น อาจสะสมอุดตันในเส้นเลือด น้ำมันชนิดนี้มักพบในกะทิ น้ำมันปาล์ม ไขมันจากสัตว์ เป็นต้น 4. อย่าปล่อยให้หิวเกินไป การปล่อยให้หิวมากๆอาจนำไปสู่โรคร้าย เพราะความหิวกระตุ้นร่างกายให้หลั่งฮอร์โมนความเครียด หากเกิดขึ้นเป็นประจำจะทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือเบาหวานได้ ลองควบคุมความหิวด้วยการแบ่งมื้ออาหารจากวันละ 3 มื้อ เป็นมื้อเล็กๆ 5-6 มื้อจะช่วยได้มาก 5. เลี่ยงเค็ม อาหารส่วนใหญ่มีเกลือโซเดียมเป็นองค์ประกอบในปริมาณสูง ไม่ว่าจะเป็นซอสปรุงรส น้ำปลา ขนมกรุบกรอบ อาหารหมักดอง ฯลฯ จึงเป็นไปได้ว่าในแต่ละวันเราจะได้รับโซเดียมเกินความต้องการ แม้โซเดียมจะมีประโยชน์ช่วยควบคุมปริมาณน้ำ ความดันเลือดในร่างกาย แต่การได้รับโซเดียมมากเกินไปจะก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงได้ 6. กินน้ำตาลอย่างพอดี อาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรต ได้แก่ แป้งและน้ำตาล เมื่อเข้าสู่ร่างกายและ ผ่านการย่อยจะได้กลูโคส ซึ่งเป็นน้ำตาลที่ให้พลังงานกับร่างกาย หากมีมากเกินไปจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสม ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้การมีน้ำตาลอยู่ในร่างกายปริมาณสูง จะทำให้การสร้างอินซูลินที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดเสียสมดุลไป เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ง่าย 7. เลิกกินไปดูไป การกินอาหารไปดูหนังไป ทำให้เรากินอาหารมากขึ้น โดยไม่รู้ตัว แม้ว่าจะกินอิ่มมาแล้ว หรือรสชาติของอาหารไม่ได้เรื่องก็ตาม นอกจากนี้ไฟสลัวๆ ทำให้ผู้ที่กินอาหารเพลิดเพลินเจริญอาหารมากกว่าปกติอีกด้วย 8. ไม่รีบดื่มน้ำ การดื่มน้ำปริมาณมากๆอย่างรวดเร็ว อาจก่อให้เกิดสภาวะน้ำเป็นพิษ เนื่องจากเลือดเจือจาง ร่างกายจึงขับโปรแตสเซียมออกจากเซลล์ เพื่อปรับสมดุลระหว่างน้ำในเซลล์และนอกเซลล์ ผลที่ตามมาคือ เป็นตะคริว กล้ามเนื้อเกร็ง หากเกิดเกร็งที่สมอง หัวใจ หรือปอด จะทำให้หายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ หากดื่มน้ำทีละเล็กทีละน้อยแม้จะดื่มมากกว่าปกติก็ไม่เป็นอันตราย เพราะไตจะขับออกมาเป็นปัสสาวะ 9. งดชากาแฟบ้าง เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดหลัง เพราะคาเฟอีนลดการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่ร่างกายผลิตขึ้น เอ็นดอร์ฟินมีฤทธิ์ลดอาการปวดตามอวัยวะ 10. ผลไม้ 1 ชิ้นหลังอาหาร กินแอปเปิ้ล 1 ชิ้นหลังอาหาร ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดแบคทีเรียในช่องปาก และช่วยให้เหงือกแข็งแรง การกินสัปรดและมะละกอก่อนอาหารประมาณ 2-3 ชิ้น ดีต่อกระเพาะอาหารเพราะมีเอนไซม์ซึ่งช่วยย่อย จึงเท่ากับช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารมื้อหลักที่ตามลงมาได้ง่ายขึ้น 11. กินอาหารอายุสั้นทำให้เราอายุยืน (ผัก ผลไม้สด) เพราะอาหารไม่ได้ผ่านกระบวนการแปรรูป ซึ่งร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีสารพิษตกค้าง และการกินอาหารอายุยืน ทำให้เราอายุสั้น (อาหารแปรรูปทุกชนิด อาหารหมักดองต่างๆ) อาหารเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการแปรรูปในหลากหลายรูปแบบ หรือใส่สารกันบูด เพื่อยืดอายุอาหารให้ยาวนานขึ้น แต่เมื่อกินเข้าไปแล้วจะสะสมและตกค้างเป็นสารพิษสะสมอันตรายต่อร่างกาย 12. กินช้าๆไม่ต้องรีบ การเร่งกินอาหารทำให้เอนไซม์ สำหรับย่อยอาหารในน้ำลาย และในกระเพาะไม่มีเวลาทำงานอย่างเต็มที่ อาจจะทำให้กล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหารหยุดทำงาน และระบบย่อยอาหารทำงานไม่เต็มที่ 13. กินเนื้อสัตว์ให้ย่อยง่าย ถ้ามื้อนั้นกินเนื้อสัตว์ในปริมาณมาก ไม่ควรกินผลไม้อีก เพราะกว่าเนื้อจะย่อยหมดต้องใช้เวลานาน ทำให้ผลไม้ที่ย่อยเสร็จแล้วถูกกักอยู่ในกระเพาะ จนเกิดกรดในกระเพาะตามมาภายหลัง 14. กินมื้อเช้าบำรุงสมอง มื้อเช้าเป็นอาหารมื้อแรกที่มีความสำคัญมากที่สุดของทุกๆวัน เพราะร่างกายไม่มีสารอาหารมานานหลายชั่วโมง การไม่กินอาหารเช้าบ่อยครั้ง อาจส่งผลให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะขาดอาหาร และลดอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ลง จึงควรเติมพลังงานเช้าด้วยอาหารที่มีคุณค่ร เพื่อช่วยรักษาสมดุลคงระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และกระตุ้นอารมณ์ให้สดชื่นแจ่มใสตลอดทั้งวัน 15. ลดการดื่มน้ำผลไม้เข้มข้น หากไม่อยากมีกรดในกระเพาะมากเกินไป ควรลดปริมาณการดื่มน้ำผลไม้เข้มข้น เช่น มะนาว ส้ม ส้มโอ เกรฟฟรุต หรือน้ำมะเขือเทศสดปั่น หรือทำให้เจือจางด้วยการผสมน้ำเข้าไป
เมื่อให้ความสำคัญกับเรื่องกินแล้ว ไม่ควรละเลยการดูแลสุขภาพในด้านอื่นๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนอย่างเพียงพอ การออกกำลังกายที่เหมาะสมสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงหรือปล่อยวางจากความเครียด เท่านี้คุณก็จะพร้อมรับทุกสถานการณ์ในทุกวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ "You are what you eat " ขอให้เพื่อนๆมีสุขภาพแข็งแรงกันทุกคนนะคะ ขอขอบคุณ เพลงจาก YouTube กรอบภาพจากคุณ thattron ภาพ blog ยายเก๋า(ชมพร),คุณญามี,คุณนุช oranuch_sri
vote ได้ที่หมวดสุขภาพนะคะ
หวัดดีค่ะ วันนี้มาคนแรกเลย
โหวตให้แล้วนะค่ะ^^
วันหลังสอนถักมั่งนะคะ