ร่างกายประกอบด้วยอวัยวะหลายส่วน ซึ่งแต่ละส่วนก็มีเวลาในการทำงานแตกต่างกันไป มาดูกันว่า เวลาใดอวัยวะส่วนใดกำลังทำงาน
01.00-03.00 น. เป็นช่วงเวลาของตับ
เวลานี้ควรนอนเพราะตับจะหลั่งสารมีลาโทนิน (Meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย นอกจากร่างกายจะหลั่งสารมีลาโทนินเป็นประจำแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดรฟิน (Endrophin) ออกมาด้วย จึงไม่ควรกินอาหาร เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมเร็ว โดยหน้าที่หลักของตับคือ ขจัดสารพิษในร่างกาย ส่วนหน้าที่รองคือ
1.ช่วยไตในการดูแลผม ขน เล็บ ถ้าตับมีปัญหา ผม ขน เล็บ จะไม่สวย
2.ช่วยกระเพาะย่อยอาหาร ถ้ากินบ่อย ๆ จะทำให้ตับทำงานหนัก ตับจะหลั่งน้ำย่อยออกมามาก จึงไม่ได้ทำหน้าที่หลัก เป็นเหตุให้สารพิษตกค้างในตับ
03.00-05.00 น. เป็นช่วงเวลาของปอด
เป็นเวลาที่ควรตื่นนอน ลุกขึ้นเพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์และรับแสงแดดในยามเช้า ผู้ที่ตื่นนอนช่วงนี้เป็นประจำ ปอดและผิวจะดีขึ้น
05.00-07.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่
เวลานี้จึงเหมาะที่จะขับถ่ายอุจจาระ และควรทำให้เป็นนิสัยทุกเช้า ถ้าไม่ถ่ายให้ใช้วิธีกดจุดที่ตำแหน่งสองข้างของจมูก และดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว หรือดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว โดยใช้น้ำ 1 แก้ว+น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ+น้ำมะนาว 4-5 ลูก
07.00-09.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร
กระเพาะอาหารจะทำงาน ถ้ากินอาหารเช้าในช่วงเวลานี้ทุกวัน กระเพาะอาหารจะแข็งแรง ถ้าปล่อยให้กระเพาะอาหารอ่อนแอ จะส่งผลให้เป็นคนตัดสินใจช้า ขี้กังวล ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่เร็วกว่าวัย
09.00-11.00 น. เป็นช่วงเวลาของม้าม
ม้ามมีหน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด สร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดศีรษะบ่อย มักมาจากความผิดปกติของม้าม อาการเจ็บชายโครง สาเหตุมาจากม้ามกับตับ ผู้ที่มักนอนหลับในช่วงเวลา 09.00-11.00 น. ม้ามจะอ่อนแอ
- ม้ามโต ม้ามจะไปเบียดปอด ทำให้เหนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง สร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย
- ม้ามชื้น อาหารและน้ำที่กินเข้าไป จะแปรสภาพเป็นไขมัน จึงทำให้อ้วนง่าย
11.00-13.00 น. เป็นช่วงเวลาของหัวใจ
หัวใจทำงานหนักในช่วงเวลานี้ จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียด เหตุที่ต้องทำให้ใช้ความคิดหนัก และหาทางระงับอารมณ์ตื่นเต้นหรืออาการตกใจให้ได้
13.00-15.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้เล็ก
ควรงดการกินอาหารทุกประเภท เพื่อให้ลำไส้ทำงาน โดยลำไส้เล็กมีหน้าที่ดูดซึมอาหาร เช่น วิตามินซี บี โปรตีน ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างไข่สำหรับผู้หญิง ถ้ากรดอะมิโนน้อย ไข่จะมาไม่ครบทุกเดือน ผู้หญิงมีลำไส้ยาวกว่าผู้ชาย 11 ฟุต เพื่อให้การดูดซึมได้นานกว่า เนื่องจากต้องใช้กรดอะมิโนมากกว่าผู้ชาย เมื่อมีลำไส้ยาวกว่า จึงมีกระดูกซี่โครงมากกว่าผู้ชายข้างละ 1 ซี่
15.00-17.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ
ควรออกกำลังกายหรืออบตัวให้เหงื่อออก กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง หากอั้นปัสสาวะบ่อย ๆ ปัสสาวะจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เหงื่อที่ออกมามีกลิ่นเหม็นเหมือนปัสสาวะ
17.00-19.00 น. เป็นช่วงเวลาของไต
ควรทำใจให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอนในช่วงเวลานี้ ผู้ใดมีอาการง่วงนอนช่วงเวลานี้ แสดงว่ามีปัญหาเรื่องไตเสื่อม ถ้านอนหลับแล้วเพ้อ แสดงว่าอาการหนักมาก
- ไตซ้าย จะควบคุมสมองด้านขวา ซึ่งควบคุมด้านความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์สุนทรีย์ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว ถ้าไตซ้ายมีปัญหา อารมณ์รักสวยรักงามจะหมดไป กลายเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว และเป็นคนขี้ร้อน
- ไตขวา จะควบคุมสมองด้านซ้าย ซึ่งควบคุมด้านความจำ ถ้าไตขวามีปัญหา ความจำจะเสื่อม และเป็นคนขี้หนาว (ผู้ที่มีไตแข็งแรงจะเป็นคนมีอายุยืน เป็นคนกล้า)
ถ้าลำไส้เล็กมีไขมันเกาะมาก อาหารที่อยู่ในรูปของสารละลายจะผ่านลำไส้เล็กไม่ได้ จึงตกเป็นภาระของไต เป็นผลให้ไตทำงานหนัก จึงกลายเป็นโรคไต ผู้ที่เป็นโรคไต สมองจะเสื่อม ปวดหลัง เป็นหวัดง่าย มีเสลดในคอ
การดูแล คือ ตอนเช้าอาบน้ำเย็น ตอนเย็นให้อาบน้ำอุ่น กรณีที่อาบน้ำไม่ได้ ให้ใช้วิธีแช่เท้า แต่น้ำควรใส่สมุนไพรที่ถูกโฉลกของผู้ป่วย เช่น ขิง ข่า กระชาย อย่างใดอย่างหนัก
19.00-21.00 น. เป็นช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ
ช่วงเวลานี้ควรจะสวดมนต์ ทำสมาธิ ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับเยื่อหุ้มหัวใจ คือ หัวใจโต หัวใจรั่ว เส้นโลหิตหัวใจตีบ ดังนั้นผู้ป่วยต้องระวังเรื่องตื่นเต้น ดีใจ การหัวเราะ กรณีเส้นเลือดขอด ต้องดูเยื่อมหุ้มหัวใจให้แข็งแรง
21.00-23.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น
ห้ามอาบน้ำเย็นในช่วงเวลานี้ เพราะจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย อย่าไปตากลม เพราะเป็นช่วงที่ลมเป็นพิษ
23.00-01.00 น. เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี
ถุงน้ำดีเป็นถุงสำรองเก็บน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ อวัยวะใดในร่างกายเมื่อขาดน้ำจะมาดึงน้ำจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น เป็นผลให้อารมณ์ฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เหงือกจะบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก หรือตอนเช้าจะจาม (ถุงน้ำดีจะโยงไปถึงปอด) จะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างโดยไม่ทราบสาเหตุ (ผู้ที่ตัดถุงน้ำดีออก เมื่อตรวจด้วยลูกดิ่งจะพบว่าถุงน้ำดีข้น มักมีอาการปวดขา ปวดสะโพก)
คำแนะจากหนังสือบอกว่า อย่าใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ จะไปดูดน้ำในร่างกาย ควรสวมชุดผ้าฝ้ายดีที่สุด ไม่ควรนอนบนที่นอนสูง ๆ เพราะจะทำให้เสียน้ำในร่างกาย ดังนั้น ควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน หรือก่อนเวลา 23.00 น
นาฬิกาชีวิต
การแพทย์ตะวันออกถือว่า กลางวันและกลางคืนมีความสัมพันธ์กับสุขภาพของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันนั้น ภายในร่างกายของมนุษย์ ยังมีการไหลเวียนของพลังชีวิตที่ผ่านอวัยวะภายในของร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยหัวใจ, เยื่อหุ้มหัวใจ, ปอด, ม้าม, ตับ ไต, กระเพาะอาหาร, ถุงน้ำดี, ลำไส้ใหญ่, ลำไส้เล็ก, กระเพาะปัสสาวะ, ระบบความร้อนของร่างกาย, การไหลเวียนของพลังชีวิต (ลมปราณ) ที่ผ่านแต่ละอวัยวะนั้นจะใช้เวลาสองชั่วโมง ทั้งหมดมี 12 อวัยวะ รวม 24 ชั่วโมง คือ หนึ่งวัน เรียกว่า "นาฬิกาชีวิต" ต่อมเล็กๆในสมองของมนุษย์คือ จุดควบคุมจังหวะสั่งการให้ร่างกายเคลื่อนไหวเป็นไปในลักษณะต่างๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน
ดังนั้น การดูแลควบคุมพฤติกรรมในแต่ละวันให้สัมพันธ์กับนาฬิกาภายในร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ให้ผลทั้งการควบคุม สมดุล ความปกติของสุขภาพ และสัดส่วนน้ำหนัก และนี่คือสิ่งที่ควรรู้
ช่วงเวลา นาฬิกาชีวิต และคำแนะนำ
06:00 : หกโมงเช้าเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายตื่นตัวที่สุด
07:00 : เหมาะสำหรับเป็นเวลาอาหารเช้า ระบบการย่อยอาหารจะทำงานได้ดีที่สุด สารอาหารแร่ธาตุและวิตามินต่างๆ จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างสมบูรณ์
08:00 : เป็นช่วงเวลาที่เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวบ่อยที่สุดเพราะเลือดในร่างกายเข้มข้น เลือดมีโอกาสจับตัวอุดตัน จนเกิดอันตราย จึงควรฝึกทำสมาธิ นับลมหายใจ หรือฟังเพลง เลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียด
09:00 : สมองส่วนความจำจะทำงานได้ดีมากในช่วงนี้ เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องจำมากที่สุด
10:00 : ถ้าเป็นไปได้ ควรนัดเจรจาเรื่องสัญญา การพูดจาระหว่างการสนทนาจะออกมาเป็นจุดเด่นในช่วงนี้
11:00 : ร่างกายในช่วงที่สามารถให้ประสิทธิภาพได้สูงสุด หัวใจและระบบไหลเวียนของโลหิตทำงานได้เต็มที่ช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งมาราธอน หรือต่อสู้กับสภาพของงาน มนุษย์จะทำได้ดีที่สุด
12:00 : สมาธิเริ่มแย่ อุบัติเหตุในการทำงานจะเพิ่มมากขึ้น ถ้าไม่หยุดพักจะทำให้เกิดความเสียหาย
13:00 : กระเพาะอาหารเตรียมทำงานด้วยการหลั่งกรดออกมา ต้องหาอะไรกินให้ได้ ไม่งั้นจะเสี่ยงต่อโรคกระเพาะอาหาร
14:00 : เป็นช่วงที่สมองซีกศิลปะทำงาน เหมาะสำหรับการคิดสร้างสรรค์ หรือทำงานฝีมือ งานอดิเรก
15:00 : พลังงานแห่งการทำงานกลับมาอีกครั้ง ความจำขึ้นถึงสูงสุดอีกครั้ง ช่วงนี้น่าจะหาโอกาสเข้าพบเจ้านาย เพื่อขึ้นเงินเดือนได้ ในช่วงนี้จิตใจจะไม่กลัวการเผชิญหน้าใดๆ
16:00 : มนุษย์จะทนต่อความเจ็บปวดได้ดีที่สุดในชั่วโมงนี้ ถ้าจะไปทำฟันก็เลือกประมาณนี้ ถ้าทำได้ยาชาหนึ่งเข็ม จะมีผลพอๆ กับการได้รับ 3 เข็มเลยทีเดียว
17:00 : แรงดันและการไหลเวียนของโลหิตจะเคลื่อนไหวได้ดีมาก เป็นเวลาที่เหมาะสมกับการเล่นกีฬาออกกำลังกาย กล้ามเนื้ออยู่ในช่วงที่แข็งแรงที่สุด และเมื่อได้ฝึกอย่างถูกวิธี จะเกิดความแข็งแรงรวดเร็วมาก
18:00 : ช่วงนี้ผู้คนจะเหนื่อยเพลียและขาดสมาธิมากกว่าช่วงเวลาชั่วโมงอื่นๆ เป็นช่วงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งที่สุด ต้องใช้ความระวังขณะขับรถอยู่บนถนน
19:00 : สมองได้รับเลือดหล่อเลี้ยงมาก เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะสามารถแก้ไขให้ลุล่วงดีได้เร็วมาก
20:00 : เริ่มสดชื่นหลังการพักผ่อนที่ต้องกรำงานตลอดทั้งวัน จึงเป็นช่วงดีสำหรับการพบปะสังสรรค์ ใครที่อยากจะบอกรัก ขอใครแต่งงานควรจะทำในชั่วโมงนี้ โอกาสประสบความสำเร็จมีมากที่สุด
21:00 : กระเพาะอาหารจะหยุดทำงานพอถึงช่วงเวลานี้ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารหนัก เพราะไม่เช่นนั้น จะไปสะสมค้างในกระเพาะเกิดผลเสียหายตามมา
22:00 : ความดันโลหิตจะลดลงพร้อมๆ กับอุณหภูมิของร่างกายที่ต่ำลง การนอนหลับก่อนเที่ยงคืนเป็นการหลับที่สนิท และช่วยให้การพักผ่อนอย่างเต็มที่มากกว่าช่วงอื่น
23:00 : สมองทำงานน้อยลง ถ้าดูหนังสือช่วงนี้วันต่อไปก็จะจำไม่ได้เป็นส่วนใหญ่ ควรนอนหลับพักผ่อนดีที่สุด
24:00 : ใครที่ยังไม่หลับควรให้โอกาสนี้ สำหรับการสร้างสรรค์ จะเป็นงานเขียน วาดรูป หรือแต่งเพลง ล้วนเป็นช่วงเวลาที่วิเศษทั้งสิ้น เพราะสมองปลอดโปร่งคิดโน่นคิดนี่ได้ดีที่สุด
01:00 : สมองเหนื่อยล้าถึงขีดสุด ร่างกายอยากพักผ่อนเต็มที่ แม้จะชาชินกับงานกลางคืนมาเป็นปี แต่พอเข้าชั่วโมงนี้จะรู้สึกว่าเหนื่อย เพลีย ง่วงที่สุด 1.00-3.00 น. เป็นช่วงเวลาของตับ ควรนอนหลับพักผ่อน ถ้าใครนอนหลับได้ดีเป็นประจำในช่วงเวลานี้ ตับจะหลั่งสารมีราโทนิน (Meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทำให้ หน้าอ่อนกว่าวัย นอนจากร่างกายจะหลั่งมีราทินประจำแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดรฟิน (Endorphin) ออกมาด้วย จึงไม่ควรกินอาหาร เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมเร็ว
02:00 : ฮอร์โมนเมลาโตนินถูกขับออกมามาก ทำให้คนเราเลื่อนลอยเหนื่อยล้า และมีโอกาสคิดสั้นฆ่าตัวตายมากที่สุด ดังนั้น ควรเลี่ยงเรื่องเครียดๆ หรือคิดหาเหตุผล ถ้าไม่นอนก็ควรฟังเพลงสบายๆ ดูหนังตลกๆ
03:00 : ทุกอย่างในร่างกายแทบจะหยุดนิ่ง ร่างกายควรได้รับการพักผ่อนมากที่สุด
04:00 : ร่างกายเริ่มตื่นขึ้นมาทำงานอีก เพราะมีฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งใช้ต่อสู้กับความเครียดหลั่งออกมา คนเป็นโรคหืดหอบจะมีปัญหากับการหายใจ
05:00 : ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์แก่ทั้งหลาย ควรตระเตรียมข้าวของให้พร้อมสำหรับชั่วโมงนี้ เพราะตามสถิติเด็กทารกจะคลอดออกมาลืมตาดูโลกระหว่างชั่วโมงนี้มากที่สุด
ยังไม่สายที่จะเริ่มต้นตั้งนาฬิกาชีวิตให้เที่ยงตรง
เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง
ถ้าชอบโหวตหมวดสุขภาพนะคะ
มันโดน มากกก แบบว่านอนไม่เป็นเวล่ำเวลา อย่างตอนนี้ลูกหลับแม่ก้อตื่นมาเล่นเฟส 555
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
pantawan Health Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น