► ►►.......เหนื่อยนักไปพักใจกั๊น ตอน ฟ้าสางที่บางตะบูน #3 .......◄◄◄◄
เวลาราวบ่ายโมง เราออกจากร้านอาหารริมหาดเจ้าสำราญ หลังจากการกระโดดโลดเต้นและเอะอะโวยวายกันจนเป็นที่หนำใจ ก่อนที่เราจะออกมา สาวพยายามจะชวนเรากลับไปกินข้าวแช่อีกรอบ เพราะว่าเพิ่งค้นพบว่าเจ้าของร้านข้าวแช่นั้นเป็นญาติสนิทของเพื่อนตัวเอง ประมาณว่าถ้ากลับไปกินอีกก็จะได้ส่วนลดว่างั้นเถอะ จะว่าไปสมาชิกในทีมเราก็ยังมีความเห็นแตกต่างกันว่า ข้าวแช่นี่ตกลงมันอร่อยหรือไม่อร่อย?
จุดหมายต่อไปนั้นอยู่ระหว่างทางที่จะไปเช็กอินที่พัก ทีแรกเข้าใจว่าเป็นศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนเหมือนที่อื่นทั่วไป แต่อันที่จริงแล้วน้องผักเบี้ยเป็นศูนย์บำบัดน้ำเสียด้วยป่าชายเลน เป็นพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่เก้า ลำเลียงน้ำเสียจากตัวเมืองเพชรบุรีผ่านมาทางท่อ แล้วนำมาบำบัดที่นี่ การเข้าไปนั้นสามารถขับรถเข้าไปเลย เพราะว่าอยู่ข้างทาง จากนั้นก็จอดรถไว้ยังอาคารของศูนย์แล้วเข้าไป จะมีรถนำส่งไปยังป่าชายเลน
ที่นั่นจะมีสะพานซึ่งทอดตัวผ่านอุโมงค์ป่าชายเลน เป็นระยะทางราว 2 กิโลเมตรเห็นจะได้ ทีมเราก็เดินเข้าไปในนั้นถ่ายรูปกันเป็นที่สนุกสนาน
แน่นอนว่าแหม่มไม่พลาด เธอมีท่าโพสประจำตัวของเธอ ไม่รู้ไปจำมาจากไหน?
นี่คือมิกซ์โปรแกรมเมอร์จาก Pantown.com เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซในเครือของ pantip.com
ปลายทางจะเป็นสะพานยื่นออกไปยังทะเล เสียดายวันที่เรามาเป็นวันที่น้ำลดทำให้เห็นเป็นทะเลโคลน แต่สิ่งที่ได้มาทดแทนก็คือการได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน ที่อาศัยพึ่งพาทะเลในการทำมาหากิน
การลงไปเก็บหอยตอนน้ำลดและสัตว์ทะเลอื่นๆ เป็นวิถีชีวิตที่ชาวจังหวัดเพชรบุรีคุ้นเคย แต่คนต่างถิ่นที่ไม่คุ้นเคยอย่างเราเห็นแล้วก็ตื่นตาตื่นใจ
เมฆก้อนใหญ่โตมโหฬารเป็นคิวมูโลนิมบัสที่สูงมาก ก่อตัวมาตั้งแต่ตอนเที่ยงวัน ตอนนี้มันทำหน้าที่ของมันในภาพถ่ายได้อย่างสมบูรณ์
ความอลังการใหญ่โตมโหฬารของมันกับความเล็กจ้อยของมนุษย์ ช่วยให้ภาพถ่ายที่ว่างอันเวิ้งว้างดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
ที่แหลมผักเบี้ยจะมีรถจักรยานให้เช่าด้วย เผื่อใครอยากจะปั่นจักรยานหนุงหนิงกินลมชมวิวดูบ่อบำบัดน้ำเสีย โชคดีอาจจะได้เห็นตัวเหี้ยซึ่งมีขนาดใหญ่มาก อย่างที่พวกเราเจอ ทีแรกตกใจนึกว่าจระเข้
ยุวรรณาผู้คุ้นเคยกับผู้คนได้ภายใน 15 วินาที มิได้เป็นคำกล่าวอ้างที่เกินเลยแต่อย่างใด
เกือบจะ 5 โมงเย็นท่ามกลางการแรงสะกิดของทีมงาน เพราะกลัวว่าแสงจะหมดฝนจะกระหน่ำเพราะว่าเรามีนัดถ่ายรายการ บล็อกแก๊งแฮ้งค์เกิร์ลกันในเย็นนี้ที่รีสอร์ทที่พัก
ออกจากแหลมผักเบี้ยผ่านนาเกลืออันกว้างใหญ่ของอำเภอบ้านแหลม ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนทำเกลือต้องมาช่วงปลายปีถึงประมาณเดือนเมษายน เราจะพบกับนาเกลืออันกว้างใหญ่นับพันๆไร่ ที่นี่น่าจะเป็นนาเกลือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแล้ว
ที่พักของเราเป็นโฮมสเตย์ชื่อบางตะบูนโฮมสเตย์ รู้จักที่นี่จากเพื่อนสมาชิกในพันทิปรีวิวไว้ตั้งแต่ปี 2556 เป็นโฮมสเตย์ที่ถ้าคิดจะขับรถเข้าไปต้องใช้ GPS เพราะว่าทางค่อนข้างจะคดเคี้ยว เราลัดเลาะผ่านบ่อเลี้ยงปลาเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ถึงที่พักซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางตะบูน
ทางเข้าออกที่สะดวกที่สุดของชาวบ้านก็คือนั่งเรือออกไป แป๊บเดียวก็จะถึงถนนใหญ่ วิวตรงข้ามเป็นบ้านของชาวประมงพื้นบ้าน มีวัดแห่งหนึ่งอยู่เยื้องกัน ทิศตะวันตกเป็นคุ้งน้ำของคลองบางตะบูน ขอบฟ้าที่นี่เป็นภูเขา
หลังจากถ่ายรายการพูดถึงมิตรภาพระหว่างเพื่อนฝูงกันเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาอาบน้ำเตรียมตัวไปเที่ยวงาน 100 ปีหาดเจ้าสำราญในเย็นนี้
แน่นอนว่าเราไม่ลืมที่จะถ่ายพระอาทิตย์ตกดิน แสงเย็นวันนี้ค่อนข้างจะสวย สาวถึงกับนุ่งกระโจมอกออกมาถ่ายกันเลยทีเดียว
Create Date : 26 มิถุนายน 2561 |
|
14 comments |
Last Update : 28 มิถุนายน 2561 10:16:16 น. |
Counter : 1023 Pageviews. |
|
|
|
เจิมค่ะ
ภาพสวยมากๆค่ะ
บรรยากาศน้ำลด คนเดินเหมือนชาวประมงกำลังกลับบ้าน
นึกถึงน้ำลดที่ดอนหอยหลอดที่แม่กลอง
สมัยก่อนเคยไปเดินเก็บหอยหลอดกัน สนุกดี
เดี๋ยวนี้ไม่ได้ผ่านไปนานแล้ว คงไม่มีแล้วมัง