|
ถุงมือประหลาด ตอนที่ ๑๙
นวนิยายสืบสวน สอบสวน ของนักสืบพราน เล่มที่ ๒ โดย ๔๔๑๑ เรื่องที่ ๕ เรื่อง ถุงมือประหลาด
ตอนที่ ๑๙
พ.ต.อ. พจน์ พิทักษ์พล กำลังเดินกลับไปกลับมาในห้องทำงาน สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ขณะที่ พราน เกรียง และ กัลยา เปิดบังตาผ่านเข้าไป สารวัตรพจน์ มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นเมื่อหันกลับมามองเห็นหน้า พราน และคณะ เขาก้าวเท้าเข้ามาหา และเชิญนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน และพูดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ผมเสียใจจริงๆ พราน
พราน นั่งลงตามคำเชิญ พูดขึ้นว่า ป่วยการที่จะไปนึกถึงเรื่องความผิดพลาด ผมคิดว่า เรามาพิจารณาว่า จะทำอย่างไรต่อไปดีกว่า เวลานี้ ลัดดา อยู่ที่ไหนครับ
อยู่ในที่ๆ ปลอดภัย
วางใจได้
สารวัตรพจน์ หัวเราะ คราวนี้ ผมกำชับเป็นมั่นเป็นเหมาะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก ไม่ใครก็ใครคงจะติดตะรางกันบ้าง เขาพูดอย่างหัวเสีย คุณวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง พราน
พราน นั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า มันต้องแล้วแต่ว่า คุณผจญ จะได้ใครมาบ้าง
สารวัตรพจน์ ส่ายศีรษะ ถึงได้มา ผมก็ยังมองไม่เห็นว่า เราจะทำอะไรกับเขาได้ จะเอาหลักฐานอะไรไปยืนยัน
ยังไม่หมดหนทาง เพราะผมได้คิดอะไรไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว ถ้าเผื่อเกิดอะไรขึ้น
สารวัตรพจน์ ยืนนิ่งกลางห้อง หันมามองดู พราน เขม็ง ก็บอกมาซี... คุณยังรออะไรอยู่
พราน พูดด้วยเสียงเรียบๆ ผมรอ คุณผจญ
มีเสียงเคาะที่บังตา นายสิบตำรวจนอกเครื่องแบบคนหนึ่ง เปิดบังตาเข้ามา สารวัตรพจน์ หันขวับไปพูดว่า มีอะไรบ้าง เกลี้ยง ?
ผมได้มาคนหนึ่ง เขามาเคาะประตูเรียก ลัดดา ผมเลยเอาตัวมาตามคำสั่ง
ลื้อมาด้วยกันทั้งคู่เรอะ
เปล่าครับ ผมมาคนเดียวกับคนที่จับมาได้ หมู่กรีสน์ ยังอยู่ที่บ้านครับ
ดีมาก อั๊วนึกว่า พวกลื้อจะโง่กันไปเสียหมด เสียง สารวัตรพจน์ ยังไม่คลายความหัวเสีย เขาชื่ออะไร
นายชิต ครับ
สารวัตรพจน์ หันมาทาง พราน คล้ายกับจะตั้งคำถาม
พราน สั่นศีรษะ
เอาตัวเข้ามา สารวัตรพจน์ หันไปสั่ง
ตำรวจผู้นั้นกลับออกไปสักครู่ ก็นำตัวชายคนหนึ่งเข้ามา ชายผู้นี้ รูปร่างผอมสูง อายุประมาณสามสิบ แววตาบอกชัดว่า เป็นคนที่ไม่น่าไว้วางใจ
พราน พิจารณารูปร่าง และเครื่องแต่งกายที่ค่อนข้างจะเรียบร้อยของเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเฉยอยู่
สารวัตรพจน์ พูดขึ้นว่า คุณชื่อ ชิต รึ
ครับ ชายผู้นั้นประสานมือไว้ตรงหน้าขา แล้วก้มตัวตอบอย่างนอบน้อม
คุณไปที่บ้านนั้นทำไม
ผมไปหา ลัดดา เขาครับ ชิต ตอบด้วยท่าทางเดิม
ใครใช้ให้ไป
เปล่าครับ... ผมจะไปรับเขาไปเที่ยว
รับเขาไปเที่ยว สารวัตรพจน์ ทวนคำยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เวลานี่น่ะหรือ... รู้ไหมว่า เวลาเท่าไร
ไม่ทราบครับ ผมไม่มีนาฬิกา
ไม่ทราบ... เพิ่งจะสามทุ่มเท่านั้น รับไปเที่ยวอะไรกัน ทำไมไม่ไปรับเขาที่ ลิโด้
ผมคิดว่า เขายังไม่ไปทำงานครับ
บ้านคุณ อยู่ที่ไหน
ถนนเพชรบุรี ครับ
อาชีพอะไร
ค้าขาย
ขายอะไร
มี... ชิต ทำท่านึก เป็นนายหน้าบ้าง ติดต่อวิ่งเต้นขายของ ซื้อของ ให้กับห้างต่างๆ บ้าง ครับ
สารวัตรพจน์ หันมาทาง พราน ถามว่า คุณจะว่าอย่างไร
พราน กำลังสูบบุหรี่ พ่นควัน คล้ายกับไม่ได้สนใจต่อคำพูดโต้ตอบระหว่าง สารวัตรพจน์ กับ ชิต เขาหันมาพูดว่า ปล่อยเขาไปเถอะครับ
ปล่อย ?
ครับ... ปล่อย พราน พูดหน้าตาเฉย
สารวัตรพจน์ ขยับจะพูดอะไรออกมา แต่แล้วชะงักไว้ เขามองดู พราน ซึ่งสบตาเขานิ่งอยู่ จึงหันไปทางตำรวจผู้คุมตัวเข้ามา พูดว่า ปล่อยไป
ชิต ยกมือไหว้ สารวัตรพจน์ แล้วหันมาไหว้ พราน ก่อนที่จะตำรวจออกไปนอกห้อง
ผมนี่ จะบ้าหรือยังไง... คิดอะไรไม่ใคร่ออก ... ไม่เป็นตัวของตัวเองเสียเลย วันนี้
พราน หัวเราะเบาๆ ผมเพิ่งเคยเห็น สารวัตร หัวเสียวันนี้เอง ระวังนะครับ ความหัวเสียทำให้ความคิดขาดหายไปด้วย ผมว่า ขณะนี้ ท่านสารวัตร เป็นตัวของตัวเองเต็มที่อยู่แล้ว เห็นไหมครับ เพียงแค่นี้ ยังทำให้เราเข้าใจตัวเราผิดไปได้
สารวัตรพจน์ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พูดเสียงเรื่อยๆ ว่า ทำไม
ก็ ท่านสารวัตร กำลังต้องการคนช่วยคิดอยู่ ลืมเสียแล้วหรือครับ ท่านสารวัตร กำลังทำตัวเป็นคนให้ผมคอยช่วยให้ความคิด ผมบอกให้ปล่อย ท่านสารวัตรก็สั่งปล่อย ก็ถูกแล้ว
สารวัตรพจน์ หัวเราะก๊าก คุณก็ตลกเป็นเหมือนกัน ถ้ายังงั้น ผมสั่งถอนคนของผมที่บ้าน ลัดดา เสีย ไม่ดีกว่าหรือ
อีกชั่วโมงครึ่ง ถ้าไม่มีใครมาที่นั่น ก็ถอนได้
นี่ พราน สารวัตรพจน์ ชะโงกตัวข้างหน้า คุณจะบอกผมเสียทีเดียวได้หรือว่า คุณคิดอะไรของคุณไว้
ผมบอกแล้วว่า ผมรอ คุณผจญ
สารวัตรพจน์ ทิ้งหลังลงพิงพนักเก้าอี้ตามเดิม มองดู พราน อย่างสงสัย แล้วสั่นศีรษะช้าๆ ก็นั่งรอกันอยู่อย่างนี้ ไม่ต้องทำอะไร คุณรู้ไหมว่า ผมกำลังใจร้อนยังกับไฟอยู่ เวลานี้
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำอะไรเวลานี้ ทำใจให้เย็นลงเสียก่อนก็ได้ พราน พูด ขยี้บุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่
เวลานี้ ถ้าเราทำอะไรไปผิดจังหวะ อาจเสียผลทั้งหมด การที่ท่านสารวัตร ปล่อยตัวนายชิตไปนั่น เป็นการสร้างจังหวะขึ้นแล้วล่ะครับ
ผมสงสัยว่า เขาต้องมาจากใครคนหนึ่ง
ผมก็สงสัยอย่างท่านสารวัตร อ้าว... แล้วปล่อยเขาไปทำไม
จังหวะครับ... ท่านสารวัตร... จังหวะ... ต้องระวัง พราน พูดยิ้มๆ เวลานี้ ศพนายวิรัตน์ อยู่ที่ไหนครับ
สารวัตรพจน์ มองดู พราน อยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดว่า เก็บไว้ที่วัดดอน
ไม่มีญาติ ?
ไม่มีญาติ
พรุ่งนี้ ผมต้องขอแรงท่านสารวัตร ให้ช่วยนำใครคนหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติ ไปดูสักหน่อย
จะมีประโยชน์อะไร
ท่านสารวัตรไม่มี แต่ผมมี เขาหันไปทางกัลยา กัลยา คุณจำหมายเลขโทรศัพท์ของคุณหญิงราชพิเชษฐ์ ได้ไหม
กัลยา เปิดกระเป๋าถือ หยิบสมุดโน๊ตเล่มเล็กๆ ขึ้นมา พูดว่า อยู่นี่ค่ะ... จะต่อไปไหมคะ
พราน พยักหน้า
สารวัตรพจน์ หัวเราะ ขณะที่ กัลยา กำลังหมุนเลขโทรศัพท์อยู่ พราน หรี่ตาให้ สารวัตรพจน์ ขณะที่รับหูโทรศัพท์จาก กัลยา แล้วพูดลงในโทรศัพท์ว่า ฮัลโหล... คุณหญิงหรือครับ... นี่ ผม พราน พูด...มีธุระซิครับ ผมพบตัวนายรัตน์แล้วครับ... ต้องอยู่ให้คุณหญิงพบซิครับ ใจเย็นๆ ไว้ก่อนได้ครับ คุณหญิง แกไม่ไปไหนหรอกครับ ... ต้องอยู่ให้คุณหญิงพบซิครับ...อ๋อ... ก็ต้องหลังจากที่คุณหญิงจ่ายเงินค่าสืบสวนให้ผมครบเรียบร้อยแล้ว... ไม่ใช่ ไม่ไว้วางใจ แต่มันเป็นทำเนียบของสำนักงาน... สองหมื่น แพงไหมครับ... รวดเร็วทันใจ เห็นไหมครับ ผมว่าแล้วว่า... เขาจะอยู่ในที่ๆ ปลอดภันและสงบเงียบ ไม่มีใครรบกวนเขาแน่ๆ... ครับ พรุ่งนี้ ๙.๐๐ น. ตรง คุณหญิงไปพบผมที่สำนักงาน พร้อมด้วยเช็คสั่งจ่ายสองหมื่นบาท ผมจะจัดการให้คุณหญิงพบเขาทันที... ขอบคุณครับ... สวัสดีครับ
พราน วางหูโทรศัพท์ หันมาทาง กัลยา พรุ่งนี้... คุณเอาเช็คเข้าบัญชี แล้วก็ให้ใครพาคุณหญิงมาพบท่านสารวัตรได้เลยทีเดียว
แล้วผมล่ะ สารวัตรพจน์ แบมือ
ท่านสารวัตร มีเงินเดือนกิน ผมไม่มี ก็ผมทำเรื่องนี้ให้เปล่าๆ แล้วยังไงครับ พราน พูด ขณะหย่อนกายลงนั่ง
สารวัตรพจน์ หัวเราะชอบใจ คุณนี่... ไปได้รอบตัวจริงๆ พับผ่า... ในขณะที่กำลังยุ่งๆ สมองอยู่อย่างนี้ ยังอุตส่าห์คิดถึงเรื่องนี้ได้
พราน ยิ้มละไม มันเป็นอาชีพของผม ช่วยไม่ได้ ว่าแต่ว่า ผมขอถามอะไรท่านสารวัตร จริงๆ สักอย่าง มันเป็นเรื่องเล็กน้อยก็จริงอยู่ แต่มันค่อนข้างจะสำคัญ ถ้าผมได้รู้
อะไร
ท่านสารวัตร รู้ได้อย่างไรว่า ผมได้รับถุงมือข้างนั้น
คุณเคยถามผมมาครั้งหนึ่งแล้ว
ใช่... แต่ ท่านสารวัตร ยังไม่ได้ให้คำตอบกับผม ในตอนนี้ ผมได้ลำดับเรื่องราวต่างๆ เข้ากันได้หมดแล้ว ถ้าผมเดาได้ถูกว่า ท่านสารวัตร รู้มาได้อย่างไร ก็จะทำให้การลำดับเรื่องในตอน อื่นๆ ไม่ผิด
คุณเดาได้ว่าอย่างไร สารวัตรพจน์ ตั้งคำถาม แทนคำตอบ มองดู พราน เฉยอยู่
พราน ยิ้ม ผมเดาไว้ว่า ท่านสารวัตร จะต้องได้รู้จากทางโทรศัพท์ โดยผู้หญิงเป็นผู้พูด และผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร พูดมาจากไหน แต่อย่างไรก็ตาม เขาได้ระบุชื่อ นายโรจน์ และนายวิรัตน์ ในการพูดนั้นด้วย
สารวัตรพจน์ ยันข้อศอกทั้งสองข้างที่ท้าวแขนเก้าอี้ มือทั้งสองประสานกันที่ปลายคาง มองดู พราน ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าช้า ๆ
เวลาประมาณเท่าไรครับ พราน ถามต่อไป
ราวๆ เกือบสองยามของคืนวันนั้น สารวัตรพจน์ ตอบ ในกิริยาอาการเดิม
พราน ยิ้ม เอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้ ขอบคุณมากครับ
มีเสียงเคาะบังตา ร.ต.อ. ผจญ ก้าวเท้าเข้ามา มีชายคนหนึ่งตามหลังมาด้วย พร้อมกับตำรวจในเครื่องแบบอีกคนหนึ่งที่คุมมาข้างหลัง
สารวัตรพจน์ มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น พูดขึ้นว่า สวัสดี... อำไพ เราได้พบกันอีก
ชายคนนั้น ซึ่งชื่อ อำไพ ปราดมาที่โต๊ะทำงาน ท่านสารวัตร ไปเอาตัวผมมาทำไมอีก
สารวัตรพจน์ หัวเราะอย่างอารมณ์เย็น เรามีเรื่องจะต้องคุยกันสักเล็กน้อย นั่งลงก่อนซิ อำไพ...
อำไพ ทรุดตัวลงนั่ง พลางเหลียวมองดู พราน เกรียง และ กัลยา อย่างฉงน พราน จับสังเกตุลักษณะท่าทางของ อำไพ ซึ่งเป็นคนในวัยเกือบสี่สิบ และมีท่าทางคล่องแคล่ว เขาหันไปยิ้มกับ ผจญ ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ท่าทีของ ผจญ อ่อนโยนลงกว่าเดิม เขายิ้มให้กับ พราน แล้วหันไปลากเก้าอี้อีกตัวหนึ่งมานั่งลงข้างๆ
อำไพ หันไปทาง สารวัตรพจน์ พูดว่า มีเรื่องอะไรอีกหรือครับ
สารวัตรพจน์ เลื่อนกระป๋องบุหรี่ให้ อำไพ ซึ่งหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบมวนหนึ่งด้วยมืออันสั่นเทา แล้วเงยหน้าขึ้นมองดู สารวัตรพจน์ คุณอยู่ที่ไหน และไปไหนมาบ้าง ในวันนี้
สารวัตรพจน์ ถามขึ้นด้วยสีหน้าเรียบๆ
อำไพ แสดงสีหน้าเบื่อหน่าย ทำไม ท่านสารวัตร จะต้องมายุ่งกับผม ผมจะไปที่ไหน ทำอะไร มันเรื่องของผม ผมกำลังสนุกอยู่ที่สโมสร คุณผจญ ก็เอาตัวผมมา ตำรวจเขาชอบรังควานความสงบของประชาชนกันอย่างนี้เองหรือครับ
สารวัตรพจน์ หัวเราะ อ้อ... คุณกำลังอยู่ที่สโมสรหรือครับ... คุณไปที่นั่นตั้งแต่เมื่อไร
ผมเพิ่งไป... ผมหนีเขามา... อำไพ ตอบเสียงสูง ผมไปฆ่าคนมา แล้วก็ทำเป็นไปอยู่ที่สโมสร มีพยานรู้เห็นตอนที่ผมฆ่าเขาด้วย พอใจไหมครับ... ขังผมซี
สารวัตรพจน์ ไม่เอาใส่ใจต่อน้ำเสียงเยาะเย้ยนั้น ยังคงหัวเราะเบาๆ อย่างใจเย็น อย่าทำเป็นฉุนเฉียวไปน่า... อำไพ... ผมเพียงแต่ต้องการทราบความจริง เพื่อจะทำประโยชน์ ให้กับความสงบสุขของประชาชนเท่านั้น
ทำประโยชน์... เชอะ ! อำไพ เค้นเสียง หันหน้าไปรอบๆ ห้อง เขาหยุดอยู่ที่ พราน แล้วนี่ใคร... เจ้าทุกข์ หรือผู้กล่าวโทษผม
พราน ยิ้ม ก่อนที่จะพูดสวนขึ้นมาทันที จะว่า ผมเป็นเจ้าทุกข์ก็ได้ เพราะความจริง มันเป็นเรื่องที่ผมกำลังเป็นทุกข์อยู่เหมือนกัน
คุณเป็นใคร อำไพ เลิกคิ้วถาม
ลืมเสียแล้วหรือ... คุณอำไพ... พราน หัวเราะเบาๆ เราเคยพบกันครั้งหนึ่งที่สโมสรกิมซัว คุณกำลังเป็นเจ้ามืออยู่ ในขณะที่ผมไปพบผู้จัดการสโมสร คุณจะให้ผมเล่าด้วยไหมว่า ผมได้ยืนสังเกตุดูวิธีการออกไปของคุณอยู่ และเห็นอะไรบ้าง ตอนนั้น คุณวิรัตน์ ก็ยังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นลูกค้าคนหนึ่ง ซึ่งทำเป็นไม่รู้จักกับคุณ แล้วก็...
ท่านสารวัตร จะทำอย่างไรต่อไป อำไพ หันมาทาง สารวัตรพจน์ ทันที ก่อนที่ พราน จะพูดจบ
คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผมอย่างตรงไปตรงมา ที่ผมถามว่า คุณไปไหนมาบ้างในวันนี้
ผมคิดว่า ผมไม่จำเป็นจะต้องตอบ อำไพ พูดห้วนๆ ถ้าท่านสารวัตรสงสัยอะไรผม ก็ขังผมได้... แต่ระวังเรื่องทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ
พราน หัวเราะแทรกขึ้นมา และพูดว่า ผมบอกแล้วว่า ท่านสารวัตร จะไม่ได้รับความร่วมมือจากเขา ผมบอกว่า ปล่อยให้เขาไปพูดกับผมที่สำนักงาน จะดีกว่า ก็ไม่เชื่อ เห็นไหมครับ
ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณเหมือนกัน อำไพ หันขวับมาทาง พราน
พราน หัวเราะเบาๆ อีกครั้ง เขาเอื้อมมือมาหยิบเศษกระดาษบนโต๊ะมาแผ่นหนึ่ง แล้วหยิบดินสอมาเขียนอะไรบนเศษกระดาษนั้น ส่งให้ อำไพ ดูแต่ผู้เดียว
อำไพ ทอดสายตาอ่านข้อความในกระดาษนั้น แล้วเหลือบตาขึ้นมองดู พราน ครู่หนึ่ง ยกบุหรี่ขึ้นอัดควัน แล้วมองตามควันบุหรี่ ทำกิริยาไม่รู้ไม่ชี้
พราน ยัดเศษกระดาษนั้นลงในกระเป๋าเสื้อ แล้วลุกขึ้นยืน พูดว่า ผมมีอะไรจะพูดกับ คุณผจญ สักเล็กน้อย เชิญท่านสารวัตร ใช้ความพยายามกับ คุณอำไพ ต่อไปเถอะครับ แล้วคอยดูว่า สำเร็จไหม
เขาหันหลังเดินออกไป พร้อมกับพยักหน้าไปทาง ผจญ ซึ่งลุกขึ้นติดตามมา เกรียง กับ กัลยา เดินตามออกไปด้วย
ตรงไปที่ห้องทำงานของ ร.ต.อ. ผจญ พราน ปราดไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ ดึงกระดาษบันทึกออกมา แล้วก็เริ่มเขียนข้อความลงบนกระดาษแผ่นนั้น
ผจญ เดินตามมายืนตรงหน้า แล้วพูดว่า คุณมีอะไรที่จะพูดกับผม
เดี๋ยวครับ พราน พูด ในขณะก้มหน้าก้มตาเขียน กรุณารอสักครู่
พราน เขียนข้อความลงบนกระดาษบันทึกนั้น ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ผจญ เดินกลับไปกลับมาอย่างไม่เข้าใจ
เวลาผ่านไปสักสิบนาที พรานโยนดินสอบนโต๊ะ เขาลุกขึ้น ก้าวเข้ามาหา ผจญ และพูด พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เวลานี้ สี่ทุ่มสิบห้านาที... ดูนาฬิกาของคุณซิว่า ตรงกับผมหรือเปล่า
ผจญ ยกนาฬิกาขึ้นดู ตรงกัน
ดีแล้ว พราน พูดต่อไป ประเดี๋ยว ผมจะเอาตัว อำไพ ไปที่สำนักงานของผม
เขาจะไปกับคุณเรอะ ผจญ ขัดขึ้น
ไปซิครับ พราน พูดยิ้มๆ ผงกศีรษะ ส่งกระดาษบันทึกแผ่นนั้นให้ ผจญ พลางพูดต่อไปว่า พอถึงเวลา ห้าทุ่มกับยี่สิบนาทีตรง ขาดเกินไม่ได้ ให้ท่านสารวัตรพจน์ ต่อโทรศัพท์ไปที่สำนักงานของผม แล้วพูดกับผมตามบันทึกข้อความที่ผมเขียนไว้นี้ เข้าใจไหมครับ
ผจญ พยักหน้าอย่างงงๆ
ห้าทุ่มสิบห้านาที คุณจัดตำรวจไปคอยอยู่หน้าสำนักงานของผม ถ้า นายอำไพ ออกจากสำนักงานของผมไป ให้ตามไป อย่าเพิ่งไปจับเขา คุณควรจะมีรถวิทยุตามไปด้วยห่างๆ เพราะอาจจะต้องใช้กำลังด้วยในคั่นสุดท้าย ตอนนี้ ผมคิดว่า คุณควรจะให้ท่านสารวัตรพจน์ พิจารณาว่า ควรจะทำอย่างไรต่อไปเกี่ยวกับการจัดกำลัง แต่ต้องไม่ลืมว่า คุณจะต้องตามเขาทุกระยะ ตอนที่เขาออกจากสำนักงานของผมไป อย่าจับ... และอย่าตามให้พลาด
ผจญ รับกระดาษแผ่นนั้นมา และมองดู พราน นิ่งอยู่
พราน พูดขึ้นว่า คุณเชื่อผมหรือเปล่า
เห็นจะต้องปรึกษาท่านสารวัตรพจน์ ดูก่อน ผจญ พูดเบาๆ อย่างครุ่นคิด
ดีเหมือนกันครับ พราน พูด เราไปกันเถอะ กลับไปฟัง นายอำไพ ที่ห้องท่านสารวัตรพจน์
ขณะที่ ร.ต.อ. ผจญ ก้าวพ้นออกไปจากห้องทำงาน พราน หันมาทาง เกรียง และ กัลยา ซึ่งเดินตามหลังมา และพูดว่า ประเดี๋ยว เราจะมีการเล่นละครกันสักเล็กน้อยที่สำนักงาน... เมื่อผมเอาตัว นายอำไพ ไปที่สำนักงานเราแล้ว เราจะซักถามอยู่ที่ห้องข้างนอก คือ ห้องของ กัลยา ใกล้จะถึงเวลา เราจะพากันเข้าไปปรึกษาอะไรกันในห้องทำงานของผม และให้ เกรียง คุมตัว อำไพ อยู่ข้างนอก พอใกล้จะถึงเวลาห้าทุ่มยี่สิบนาที เกรียง... คุณจะต้องทำเป็นลงไปชั้นล่าง เพื่อจะเข้าห้องน้ำ หรืออะไรก็ได้... ปล่อยให้ อำไพ อยู่คนเดียว
เขาชี้นิ้วมาที่ กัลยา ทีนี้ หน้าที่ของคุณก็คือ ก่อนที่จะเข้าไปในห้องทำงานของผม คุณจะต้องสับสวิทช์ให้โทรศัพท์ทั้งข้างนอก ข้างใน ฟังกันได้ยิน... เข้าใจนะ เกรียง และ กัลยา รับคำ
พราน เดินนำหน้าออกจากห้องทำงานตาม ผจญ ไป บุคคลทั้งหมดเข้ามาในห้อง สารวัตรพจน์ อีกครั้งหนึ่ง
พราน เดินมาที่โต๊ะ พูดกับ สารวัตรพจน์ ว่า เป็นอย่างไรบ้างครับ ท่านสารวัตร
สารวัตรพจน์ ส่ายหน้า แล้วมองดู อำไพ ซึ่งนั่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่
พราน หัวเราะ พูดว่า ปล่อยให้ผมดีกว่าครับ ท่านสารวัตร
ก็ตามใจคุณ สารวัตรพจน์ พูดขึ้นอย่างเบื่อหน่าย
พราน สะกิดที่ต้นแขนของ อำไพ ไปกันหรือยัง คุณอำไพ
ไปไหน อำไพ เงยหน้าขึ้นถาม
ก็สำนักงานของผมไงล่ะ
อำไพ หันมามอง สารวัตรพจน์ แล้วลุกขึ้นอย่างช้าๆ ไปก็ไป เขาพูดอย่างตัดรำคาญ
สารวัตรพจน์ และ ผจญ มองดูหน้ากันอย่างแปลกใจ
พราน แอบหลิ่วตาให้คนทั้งสองแว่บหนึ่ง แล้วเดินเคียงข้างไปกับ อำไพ ออกไปจากห้อง โดยมีสายตาของนายตำรวจทั้งสองมองตามไปอย่างงงๆ
ผจญ หันไปพูดกับ สารวัตรพจน์ ผมไม่เข้าใจ... ทำไมหมอนี่จึงยอมตาม คุณพราน ไปง่ายๆ ยังงี้
ผมก็อยู่ในฐานะเดียวกับคุณ
สารวัตรพจน์ พูด สั่นศีรษะช้าๆ ผมรู้แต่เพียงว่า ขณะนี้ เราจะต้องเล่นไปตามมือที่เขาแจกมาให้เท่านั้นเอง... เมื่อกี้ เขาสั่งงานอะไรกับคุณไว้บ้าง
Create Date : 16 มีนาคม 2558 |
|
2 comments |
Last Update : 16 มีนาคม 2558 2:15:52 น. |
Counter : 593 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ก้นกะลา 17 มีนาคม 2558 2:22:52 น. |
|
|
|
| |
|
|
อ่านแล้วโหวต
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ก้อนเงิน Music Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา Travel Blog ดู Blog
ธารน้อย Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น