จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2558
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
14 มีนาคม 2558
 
All Blogs
 

ถุงมือประพลาด ตอนที่ ๑๘

นวนิยายสืบสวน สอบสวน ของนักสืบพราน เล่มที่ ๒ โดย ๔๔๑๑
เรื่องที่ ๕

เรื่อง ถุงมือประหลาด
ตอนที่ ๑๘

พราน เจนเชิง กลับมาที่สำนักงานของเขาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น.
เกรียง พิชิต เอนก และ กัลยา มาคอยอยู่พร้อมก่อนที่หัวหน้าของพวกเขาจะมาถึง
พราน ถอดเสื้อนอกออกแขวน โยนหมวกไปทางหนึ่ง และทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง บอกให้ กัลยา สั่งให้ชวน เด็กรับใช้ประจำสำนักงาน นำวิสกี้ โซดา พร้อมอาหาร มาตั้ง

ขณะที่ ชวน กำลังจัดการอยู่กับสิ่งเหล่านั้น พราน พูดขึ้นว่า
“ แปลกใจบ้างไหม ทำไมผมจึงนัดพวกเรามาที่สำนักงานในเวลานี้ ”

เกรียง พูดขึ้นว่า
“ ก็คงจะนึกครึ้มๆ ขึ้นมา เพราะงานเสร็จแล้ว
”
“ ใครบอกคุณว่า งานของเราเสร็จแล้ว ” พราน สวนคำขึ้น มองหน้า เกรียง

เกรียง หลบสายตา
“ งั้นใครจะไปรู้ แต่ผมน่ะ ถ้าจะเลี้ยงกันแล้ว ที่ไหนก็ได้ เป็นห่วงแต่คุณกัลยา ”

“ อะไรอีกล่ะ ” กัลยา หันขวับมาถลึงตา

“ ก็เราจะกินเหล้ากัน หรือว่า คุณพอจะได้บ้างแล้ว ”

“ ฉันมีน้ำหวานของฉัน คุณไม่ต้องเป็นห่วง ” กัลยา พูด ทำตาแข็ง “ ฉันไม่ใช่พวกขี้เมาอย่างคุณ... ” หล่อนหยุดชะงักคำพูด แล้วหันไปมองดู พราน ซึ่งกำลังชายตาดูหล่อนอยู่แล้ว
กัลยา เบือนหน้าไปค้อนทาง เกรียง พอดีกับ ชวน นำถ้วยแก้วใส่น้ำหวานของหล่อนมาวางให้ กัลยา จึงยกขึ้นดื่ม แต่ไม่วายที่จะหันไปค้อน เกรียง อีกครั้งหนึ่ง

เกรียง หัวเราะอย่างหน้าเป็น แล้วลงมือรินวิสกี้ แจกจ่ายไปตามถ้วยของผู้อื่นด้วย พลางพูดว่า
“ พูดอะไรก็ไม่พูดให้จบ ”

พิชิต เอื้อมมือมาตบหลัง เกรียง ค่อนข้างแรง จนเหล้ากระฉอก
“ หมดหน้าที่พูดแล้ว เพื่อนเอ๋ย ”

เขาพูด ทำเสียงอ่อนหวาน
“ สุรา อาหาร ก็มีพร้อมที่จะทำให้ปากลื้อไม่ว่างอยู่แล้ว ”

เกรียง อมยิ้ม เหลือบตาขึ้นดู กัลยา เป็นเชิงยั่วเย้า

พราน พูดขึ้นขณะที่ กัลยา กำลังถลึงตากับ เกรียง
“ งานของเรายังไม่เสร็จ ”

“ มีอะไรอีกล่ะครับ ” เอนก ถามขึ้น

พราน เอื้อมมือไปจับถ้วยวิสกี้ขึ้นมาถือไว้ พลางพูดว่า
“ ยังไม่รู้ว่า จะมีอะไร สิ่งที่เราจะต้องทำเวลานี้ก็คือ นั่งกินเหล้า แล้วคุยกัน จนกว่าจะถึงเวลาอันควรจะกลับบ้าน ”

สหายของเขาทั้งสาม มองดูตากัน

กัลยา พูดขึ้นว่า
“ รอคดีฆาตกรรมรายใหม่งั้นหรือคะ ”

พรานหันมาทางหล่อน
“ คุณพูดคล้ายจะเยาะผม แต่ความจริงมันเป็นยังงั้น ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นคืนวันนี้ ก็หมายความว่า สารวัตรพจน์ ทำงานของเขาสำเร็จ ตามหนทางที่เราได้กรุยไว้ให้แล้ว ”

“ ตกลงใครแน่คะ ที่เป็นคนส่งซองจดหมายที่มีถุงมือข้างนั้นให้เรา ”

“ นายพร เพียรธรรม ”

“ พยานของตำรวจนั่นเองหรือคะ ”

“ ใช่ ”

“ แล้วตำรวจเขารู้ได้อย่างไรว่า เราได้รับหรือเปล่า ”

“ ก็ต้องมีคนบอก คนที่บอกก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก นายพร หรือตัว ลัดดา เอง ”

“ ก็ ลัดดา เป็นคนใช้ให้ นายพร ไป ”

“ นั่นแหละ ผมจะว่าให้ฟัง ”

พราน ถ้วยวิสกี้ขึ้นดื่ม ตักอาหารตรงหน้าเข้าปากคำหนึ่ง แล้วพูดต่อไป
“ ข้อเท็จจริง และสิ่งแวดล้อมที่เราได้มาประกอบกันขึ้นแล้วเกี่ยวกับเรื่องถุงมือ พอจะประมวลได้ดังนี้ ถุงมือข้างนั้น ไม่ได้หายไปไหน สายสุนี ได้นำติดตัวไปด้วยตั้งแต่ตอนหัวค่ำ เขาจะไปไหนก็ตามที จะไปดูหนังจริงหร์อเปล่า ไม่ต้องคำนึงถึง คุณอย่าลืมว่า ตอนหัวค่ำ สายสุนี ได้ไปที่ ลิโด้ รวบรวมเงินทั้งหมด แล้วบอกกับ ลัดดา ว่า อยู่ไม่ได้เสียแล้ว สายสุนี นั้นถือว่า ลัดดา เป็นเพื่อนที่สนิทและไว้วางใจได้... ตอนที่ไปที่ ลิโด้ ตอนหัวค่ำนั้น ผมคาดเอาว่า แกจะได้กลับบ้านก่อนแล้ว และพบข้าวเขาถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย หีบเหล็กใบเล็กที่เก็บเงินวางไว้ตรงหัวนอนหายไป นั่นแสดงว่า คนร้ายรายนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากพรรคพวกที่ร่วมทุนกันในเรื่องสลากกินรวบนั่นเอง โรจน์ คงยังไม่ได้อยู่บ้านขณะนั้น เพราะเขาอยู่ในระยะที่จะต้องหลบหนีคดีอาญาเรื่องนายวิรัตน์ คนร้ายต้องการเงิน และเห็นเซฟใบนั้นเข้า ก็ต้องเอาไปก่อน การรื้อค้นโดยกระจุยกระจายทั่วไป แสดงให้เห็นว่า คนร้ายก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เงินสี่แสนจะอยู่ในเซฟนั้น แต่เมื่อค้นจนทั่วแล้ว ไม่ได้พบเงินจำนวนนั้น ก็เลยเอาเซฟใบนั้นไปเพื่อเอาไปเปิดดู... สายสุนี ต้องรู้ว่า เป็นฝีมือของพวกไหน หล่อนจึงออกจากบ้าน และมาที่ ลิโด้ รวบรวมเงินและตั้งใจจะหนีไป สายสุนี เป็นพยานของตำรวจเหมือนกันในคดีเรื่องนายวิรัตน์ คนที่ สายสุนี กลัว ขณะนั้นคือ นายโรจน์ เพราะในขณะที่ นายโรจน์ ไม่อยู่ เงินจำนวนนั้น เขาก็คงให้ สายสุนี ดูแลไว้ แทนที่ สายสุนี จะเอาไปเก็บไว้ที่อื่น หล่อนกลับเก็บเอาไว้ในเซฟ ซึ่งคงไม่มีใครนึกว่า หล่อนจะหละหลวมเช่นนั้น เมื่อเงินจำนวนนี้หายไป โรจน์ก็อาจเข้าใจหล่อนผิดไปอีก ที่ผมแน่ใจว่า เงินจำนวนนี้อยู่ที่นั่น ก็เพราะ สายสุนี บอกกับผม สายสุนี จึงต้องหนีหน้า นายโรจน์ ไปด้วย แต่แกลืมกุญแจไว้ แกกลับเข้าไปในบ้านอีก คราวนี้พบนาบโรจน์ที่บังเอิญกลับมา คงจะการต่อว่าต่อขานอะไรกัน และ นายโรจน์ จำเป็นจะต้องพา สายสุนี ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ โดยที่ตัวเองไม่อยากจะหลบหนีต่อไป และให้ตำรวจได้ตามรอยคดีลักทรัพย์รายนั้น เพื่อจะคลี่คลายคดีฆาตกรรมอีกขั้นหนึ่ง และทั้งต้องการจะดูใจ สายสุนี ด้วยว่า ยังคงซื่อสัตย์ อยู่กับเขาหรือไม่ ”

เขาหยุดพูดชั่วขณะที่จับถ้วยแก้วขึ้นดื่ม จุดบุหรี่สูบ แล้วพูดต่อไป
“ สายสุนี ได้ฝากซองจดหมาย พร้อมกับเงินที่ยังคงเหลืออยู่ที่ตัวขณะนั้นให้กับ ลัดดา ให้เอามาให้เราให้ได้ เพราะแกเข้าใจว่า การที่ให้เราเก็บถุงมือข้างนั้นไว้ จะเป็นทางทำให้ โรจน์ พ้นจากคดีฆาตกรรมได้ เวลาที่ฝากไว้ก็คือ ตอนที่แกไปรวบรวมเงินที่ ลิโด้ นั่นเอง ซึ่งตอนนั้น แกยังได้พบ นายโรจน์ เมื่อมาถึงสถานีตำรวจ แกจึงได้โทรศัพท์มาถามเราว่า ได้รับซองแล้วหรือยัง ระหว่างที่โทรศัพท์อยู่นั้น แกจะต้องเห็นใครคนหนี่งที่เป็นฝ่ายพรรคพวกซึ่งติดตามดูพฤติการณ์อยู่ และคนๆ นั้น จะต้องเห็น แกจึงต้องทิ้งโทรศัพท์ แล้วกลับย้อนไปหาเจ๊กขายน้ำใบบัวบก แล้วผละไปทางสถานีตำรวจอีกทีหนี่ง สายสุนี จะต้องเล่าเรื่องนี้ให้ โรจน์ ฟังหลังจากที่เขากลับลงมา คนร้ายทั้งหมดจะต้องเห็นเหตุการณ์ที่ โรจน์ กับ สายสุนี เข้าไปหาตำรวจในตอนนั้น แต่จะไปด้วยเรื่องอะไรก็ย่อมรู้ไม่ได้ เมื่อตอนตำรวจไปตรวจสถานที่เกิดเหตุเสร็จแล้วกลับออกมา สายสุนี กับ โรจน์ ก็ต้องออกจากบ้านทันที และหนีไปเลยทีเดียว สิ่งของต่าง ๆ ที่ถูกรื้อค้นกระจุยกระจายอยู่อย่างไร จึงคงอยู่อย่างนั้น อย่างที่เราเห็น ”

“ ทำไมคนทั้งสองจะต้องหนีด้วยล่ะคะ ”
กัลยา ถามขึ้น

“ อาจเป็นเพราะ เมื่อไปเสียเงินไปแล้ว นายโรจน์ ก็กลัวว่า จะต้องเสียชีวิตตามไปอีก แบบนายวิรัตน์ และการหลบหนีไปเสียก่อน อาจเปิดโอกาสให้ได้คิดลู่ทางอย่างอื่นต่อไปอีกได้ คนพวกนี้ ลงได้หักหลังกันครั้งหนึ่ง ก็ต้องคิดหักหลังกันอีกค่อไป ตามเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงของนักเลง ”

“ ทำไมเราจึงได้รับซองจดหมายนั่นช้านัก จนถึงเกือบห้าทุ่ม ”

“ นี่ก็ต้องคาดคะเนตามรูปการณ์เอาอีก... เมื่อ ลัดดา ได้รับซองจดหมายตอนหัวค่ำนั้นแล้ว หล่อนก็คงจะได้คิดอยู่ว่า จะทำอย่างไรดีกับเจ้าถุงมือซึ่งอยู่ในซองนั้น หล่อนอาจจะได้ปรึกษาหารือกับใครคนหนึ่ง ซี่งบังเอิญมาอยู่ ณ ที่นั้น และเขาได้ตกลงใจที่จะให้ส่งซองจดหมาย พร้อมกับถุงมือนั่นมาให้เรา ”

“ เพราะอะไรคะ... ทำไมเขาจึงไม่นำไปส่งให้ตำรวจเสียเลยทีเดียว ในเมื่อมันเป็นหลักฐานที่อยู่ในกำมือของเขาแล้ว ”
กัลยา ถามอย่างฉงน

พราน หัวเราะ
“ คุณต้องคิดดูให้ลึกซึ้ง ... การที่ นายวิรัตน์ ถูกฆ่า ตาย นายวิโรจน์ กำลังหลบหนี และตำรวจกำลังควานหาถุงมือข้างซ้ายของนายโรจน์ อยู่ จะไม่เป็นการฉลาดกว่าหรือ ที่จะส่งถุงมือนั้นให้กับเราเสีย แล้วจึงแอบไปบอกกับตำรวจอีกทีหนึ่งว่า สายสุนี ส่งถุงมือนั้นมาให้กับเราเก็บ เพื่อปิดบังหลักฐาน ตำรวจก็จะต้องรีบมาตะครุบตัว สายสุนี และหาตัวเรา... ถ้าหากเขาจะนำไปให้ตำรวจเอง ตำรวจก็อาจจะซักว่า ได้มาอย่างไร มันเป็นเรื่องที่จะต้องชี้แจงกันยืดยาว และตำรวจที่ฉลาดอย่าง สารวัตรพจน์ จะต้องตั้งข้อสงสัยไปถึงพฤติการณ์ และ ข้อเท็จจริงในคดีฆาตกรรมนายวิรัตน์ เข้าด้วย... ถ้ามันไปถึงตำรวจในรูปที่ สายสุนี ส่งมาให้ทางเราเก็บเสียเอง มันก็จะทำให้ความเชื่อของตำรวจในคดี นายวิรัตน์ หนักยิ่งกว่า... คุณพอจะเห็นไหม ? ”

กัลยา พยักหน้าช้า ๆ
“ ถ้าเช่นนั้น สายสุนี ก็โกหกหัวหน้าตลอดเวลา ”

พราน ยิ้ม
“ แกโกหก... แต่ไม่ทุกอย่าง... คุณจะเชื่ออะไรกับถ้อยคำของคนที่คิดหาทางออก สิ่งที่แกโกหก ถ้ามันไม่เข้ารูปเข้ารอยกับข้อเท็จจริงที่เราได้มา มันก็ขัดกันอยู่ในตัว ผมถูกคนที่เราติดต่อด้วย โกหก เสียจนเคยแล้วละ กัลยา... สำคัญอยู่ที่เราจะเลือกเชื่อเอาแต่เฉพาะที่มันเข้ากันได้ ”

กัลยา ยิ้มพราย
“ หัวหน้าหมายความว่า เมื่อเขาใช้ให้คนนำให้เราแล้ว เขาก็บอกไปทาง สารวัตรพจน์ ? ”

“ ก็ยังงั้นซิ... เราจะได้ถูกตามตัวทันทีทันควัน ผมสังหรณ์ใจในเรื่องนี้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น ถ้าเราไม่เคลื่อนไหวอย่างเร็วอย่างที่ได้ทำมา เราอาจเข้าปิ้งในคืนวันนั้นก็ได้ มันเป็นการสร้างหลักฐานในคดี นายวิรัตน์ ให้ตำรวจเขาอย่างแนบเนียนทีเดียว ”

“ ทำให้ตำรวจเขว... หัวหน้าหมายความว่า นายวิรัตน์ ไม่ได้ถูกนายโรจน์ฆ่า งั้นหรือคะ ”

พราน นิ่ง จิบวิสกี้ในถ้วยเฉยอยู่พักหนึ่ง ทอดสายตามองดูถ้วยวิสกี้ที่ถืออยู่ในมือ แล้วพูดว่า
“ ขณะนี้ ผมมีความรู้สึกว่าอย่างนั้น สายสุนี ส่งถุงมือนั้นมาให้เรา เพียงแต่จะให้เก็บเอาไว้ แกคงจะมีความเชื่ออะไรสักอย่างหนึ่ง และคงจะมีหนทางที่จะช่วยเหลือ นายโรจน์ ได้ ถ้าแกไม่ถูกเพื่อนหักหลังเสียก่อน... เวลานี้ ข้อเท็จจริงที่เราได้มาประกอบกันเป็นรูปร่าง สมเหตุสมผล ตามที่ผมได้ว่าให้ฟังมาแล้ว มันอยู่แต่ สารวัตรพจน์ ตามรอยของเราต่อไป แต่ผมกลัวอะไรอย่างหนึ่ง กลัวว่า มันจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก เนื่องจากความดื้อรั้นของ คุณผจญ ”

“ อะไรคะ ”

พราน เม้มริมฝีปาก ไม่ได้ตอบว่ากระไร เขากลับถามขึ้นว่า
“ เวลาเท่าไรแล้ว กัลยา ”

กัลยา ยกขัอมือขึ้นดูนาฬิกา
“ สองทุ่ม เกือบจะครึ่งแล้วค่ะ ”

พราน ยกถ้วยวิสกี้ขึ้นดื่มอีกครั้งหนึ่ง และพูดว่า
“ มันเป็นเวลาพอสมควรที่เราจะได้รับ... ”

เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้น ก่อนที่ พรานจะพูดจบ เขาชะงักคำพูดอยู่แค่นั้น ขณะที่ กัลยา ลุกขึ้นไปรับสาย

หล่อนหันหน้ามาทาง พราน ในมือถือหูโทรศีพท์ แล้วพูดว่า
“ สารวัตรพจน์ ค่ะ ”

พราน ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว วางถ้วยแก้วลงบนโต๊ะ รับหูโทรศัพท์จาก กัลยา
“ ฮัลโหล... พราน พูดครับ ... มีข่าวอะไรหรือครับ ”

“ มีซิ ” เสียง สารวัตรพจน์ พูดขึ้น “ ข่าวไม่ดี ไม่ดีจริงๆ สำหรับคุณและผม ”

“ อะไรครับ ”

“ หลังจากที่คุณจากผมไป บ่ายวันนั้นแล้ว ” สารวัตรพจน์ พูดเนิบๆ
“ ผมก็ออกจากที่ทำงาน ไปตามตัว ลัดดา ที่บ้าน ไม่พบตัว ไปที่บ้านนเรศร์ ซึ่งเป็นบ้านของนายอำไพ ก็ไม่พบตัว ผมจึงกลับมาที่ๆ ทำงานอีกครั้งหนึ่ง คุณผจญได้ปล่อยตัว นายพร ไปเสียแล้ว ในระหว่างที่ผมออกจากที่ทำงานไป ”

“ อ้าว ” พราน อุทาน “ ทำไมเล่าครับ ”

“ เขาบอกว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะคุมตัว นายพร ไว้ได้ เพราะเขาเป็นพยาน และตัว นายพร เอง ก็ไม่ต้องการจะอยู่ในความคุ้มครองของตำรวจ คุณผจญ บอกว่า ถ้าเรารีบปล่อยตัว นายพร ไป เราอาจจะถูกฟ้องร้องหาว่า หน่วงเหนี่ยวกักขัง ทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพได้ ”

“ ท่านสารวัตร ไปตามตัวกลับมาหรือเปล่า ”

พราน พูดติดกังวล
“ ผมไป... แต่ไม่พบ... ผมจึงรีบบึ่งไปที่ศรีราชา เพราะผมเชื่อตามเหตุผลของคุณว่า เราคงจะพบใครวักคนหนึ่งที่บ้านของ สายสุนี ที่นั่น คุณจำคนที่เจ็บเพราะรถคว่ำ ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่บ้านนั้นได้ไหม ”

“ ครับ... ผมเห็น ”

“ คุณนึกว่า เป็นใคร ”

“ ผมยังไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้เห็นหน้าที่แท้จริงของเขา ”

สารวัตรพจน์ หยุดไปชั่วขณะ และพูดว่า
“ เอาไว้ก่อนเรื่องนั้น... ผมรีบออกไปศรีราชา มาได้แค่ไม่ถึงบางปู ตอนทางเลี้ยวโค้งที่เรียกว่า โค้งมรณะ เราเห็นชาวบ้านมุงดูอะไรกันอยู่ริมถนน ผมหยุดรถลงไปดู... เขากำลังมุงดูศพกันอยู่ ”

พราน หลับตานิ่ง ขบกรามขึ้นเป็นสัน

“ คุณกำลังนึกในใจว่า ขออย่าให้เป็นศพ นายพร ใช่ไหมล่ะ... ”

สารวัตรพจน์ พูดออกมา เสียงเน้นๆ
“ เลิกนึกได้... ศพนั้น คือ ศพ นายพร...มีรอยกระสุนปืนเจาะอยู่ตรงแสกหน้าพอดี เครื่องแต่งตัวยังอยู่ในชุดเดิมที่คุณเห็น แว่นตาก็ยังอยู่ แต่มันแตกละเอียดไปข้างหนึ่ง ”

พราน นิ่ง นัยน์ตายังคงหลับ เขาทิ้งตัวลงบนโต๊ะที่ตั้งโทรศัพท์อย่างเหนื่อยอ่อน

“ ร้ายยิ่งกว่านั้นไปอีก ” สารวัตรพจน์ พูดต่อไป
" ผมเรียกตำรวจท้องที่ให้เขามาจัดการเรื่องศพ แล้วเลยบึ่งต่อไปที่ศรีราชา ผมไปถึงศรีราชาเกือบค่ำแล้ว ตรงดิ่งไปที่บ้านของ สายสุนี เราไม่พบใครเลยที่นั่นที่มีชีวิตอยู่ นอกจากศพอีกศพหนึ่งบนเตียงนอนคนเจ็บที่คุณได้เห็นมาแล้ว... ทั้งๆ ที่ใบหน้าของเขายังคงพันผ้าไว้มิดชิด ผมเปิดหน้าเขาออกดู เราบอกไม่ได้เลยว่า คนๆ นั้นคือ นายวิรัตน์ หรือ นายวิโรจน์ หน้าของเขาเหมือนกันยังกับแกะ ”

“ แม่ของ สายสุนี หายไปไหน ” พราน ถาม เสียงละเหี่ย

“ ไม่พบตัว และไม่รู้ว่า หายไปไหน ”

“ ท่านสารวัตร ดูที่มือซ้ายของศพหรือเปล่า ”

“ นิ้วก้อยข้างซ้ายด้วนไปครึ่งหนึ่ง ”

“ นั่นคือ นายวิโรจน์ ”

เสียงนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้ว สารวัตรพจน์ จึงพูดมาว่า
“ เห็นจะจริง... เพราะถุงมือข้างซ้ายนั่น เราจะทำอย่างไรกันต่อไปดี ”

เสียงตอนท้ายของ สารวัตรพจน์ แสดงถึงความเพลียใจ
“ อะไรต่ออะไร มันสับสนกันไปหมดเสียแล้ว ”

“ ท่านสารวัตร อยู่ที่ไหน เวลานี้ ”

“ ที่ทำงาน ”

“ ผมจะไปพบท่านสารวัตรเดี๋ยวนี้ ในตอนนี้ ท่านสารวัตรก็รู้แล้วว่า เราควรจะจับใครบ้าง ”

“ ผมรู้... แต่เราจะเอาหลักฐานอะไรมา... แต่อย่างไรก็ตาม ผมส่ง คุณผจญ ไปตามตัวนายจำนงค์ และ นายอำไพ แล้ว”

“ ลัดดา ด้วยซิครับ ”

“ ลัดดา อยู่กับเราแล้ว ”

“ ได้ตัวที่ไหนครับ ”

“ ที่บ้าน ”

“ แกว่ายังไงบ้าง ”

“ ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ”

“ เอา ลัดดา ไปไว้ที่อื่นเสียก่อน... ส่งตำรวจไปเฝ้าบ้าน ลัดดา ไว้ เผื่อใครมาก็ให้เอาตัวไว้ ”
พราน พูดอย่างร้อนรน

“ ผมทำแล้ว ขณะนี้ ตำรวจซุ่มอยู่ที่บ้าน ลัดดา สองคน ”

“ ดีแล้วครับ... ผมจะไปพบท่านสารวัตรเดี๋ยวนี้ ”

“ มาเร็วๆ เข้า... ผมกำลังจะหัวแตกอยู่แล้ว ”

“ ครับ ”
พราน วางหูโทรศัพท์ แล้วหันไปทาง กัลยา

“ นี่ยังไง... คดีฆาตกรรมที่คุณว่า เรารออยู่ ”

“ ใครถูกฆ่าอีกล่ะคะ ”

“ สองศพรวด... นายพร กับ นายวิโรจน์ ”

“ อุ๊ยตาย... ! ”

พราน หัวเราะเหี้ยมๆ
“ จริงซี... อุ๊ยตาย... ” เขาพูดอย่างเคร่งๆ และเน้นเสียง หัวเราะหึๆ
“ ความดื้อดึงของคนๆ เดียว ทำให้เกิดศพอีกสองศพ... กัลยา คุณไปกับผม... บางที ผมอาจต้องใช้งานอะไรคุณก็ได้ ”

เขาหันไปทาง เกรียง
“ เกรียง คุณไปกับผมด้วย... พิชิต กับ เอนก คอยผมอยู่ที่นี่ ”

เขากวาดสายตาไปที่สุรา และอาหาร
“ ว่าไปพลางๆ ก่อน ไม่ต้องรอ ”

พราน หันไปคว้าเสื้อชั้นนอกขึ้นคล้องไหล่ แล้วหยิบหมวกมาถือ เดินออกไป

เกรียง หันมาคว้าถ้วยวิสกี้ เทรวดเดียวลงในลำคอ แล้วเดินตามหลัง กัลยา ไป




 

Create Date : 14 มีนาคม 2558
2 comments
Last Update : 14 มีนาคม 2558 6:15:54 น.
Counter : 600 Pageviews.

 

ตัดริบบิ้นค่ะ

 

โดย: ร่มไม้เย็น 14 มีนาคม 2558 14:21:09 น.  

 

ตามอ่านงานของ พ.ต.อ. พุฒ บูรณสมภพ หรือ 4411 มาตั้งแต่ยังเล็กมาก ตอนนั้นน่าจะประมาณชั้น ป.3-ป.4 เวลาผ่านมานานจนจำไม่ได้ว่าตามอ่านจากที่ไหน รู้เพียงว่า พราน เจนเชิง ฝังอยู่ในหัวมาตลอด


เคยเข้ามาในบล็อกคุณธารน้อยเมื่อนานมาแล้ว และได้แอดเป็น Friends' blogs มาตั้งแต่นั้น

ดูเหมือน จขบ.จะหายไปจากบล็อกสักช่วง ซึ่งเป็นช่วงที่ป้าก็ไม่ค่อยมีเวลานัก ก็เลยไม่ค่อยได้เข้ามา

เมื่อวานบังเอิญเห็นชื่อคุณธารน้อยที่หน้าหลักเลยคลิ๊กตามเข้ามา ตั้งใจว่าจะหาเวลามาตามอ่านให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที


ขอบพระคุณที่นำงานเขียนของท่านมาให้คนเก่า คนแก่ได้ตามอ่านอีกครั้งค่ะ


โหวตค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ธารน้อย Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: ร่มไม้เย็น 14 มีนาคม 2558 14:41:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.