- 05 NOVEMBRE 07

ลาก่อนเมืองไทย ... ฉันจะไปอยู่กับหวานใจ


- Je quitte la Thailande en business classe pour rejoindre mon époux+amour.-



     ส่งสามีไปทำงานที่หน้าประตู ทำภาพที่ถ่ายไว้ เลือกเพลงประกอบบล้อก ตากผ้า พาดไว้ตามเก้าอี้และลูกบิดประตู แล้วเริ่มอัพบล้อก

     ตอนนี้อัพล้อกบนเครื่อง "น้องป้อม" ไอแม็คสีขาวใสสุดเก๋ เสริมกำลังด้วยอินเตอร์เน็ตไวไฟความเร็วสูง ให้ความรู้สึกต่างจากเน็ตสายโทรศัพท์ที่สัญญาณขาดๆ หายๆ แล้วยังช้าเป็นเต่าคลานราวฟากับดิน มาคราวนี้ฉันติดชมพู่ โน๊ตบุคคู่บารมีมาด้วย เอาไว้เป็นตัวสำรอง เปลี่ยนบรรยากาศ

     คืนวันพฤหัส พ่อกับแม่ไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ อย่างที่โม้โอ้อวดเอาไว้ มาฝรั่งเศสคราวนี้ หวานใจใช้ไมเลจแลกตั๋วชั้นบิสิเนส หรือที่การบินไทยเรียกว่า Royal Silk ฉันเลยตื่นเต้นเป็นพิเศษ อยากจะรู้นักว่ามันแตกต่างกับชั้นประหยัดสามัญธรรมดาขนาดไหน และทำไมมันถึงได้แพงนัก

     เริ่มต้นเลย คือ การเช็คอิน ทางการบินไทยจัดบริเวณสำหรับผู้โดยสารชั้นนี้เป็นพิเศษ ตกแต่งสวยงาม มีเก้าอี้บุนวมสีสวยคอยบริการ ไม่ต้องไปปะปนต่อแถวยาวเหยียดกับคนอื่นๆ น้ำหนักกระเป๋าได้มากกว่าสองเท่า มีเคาน์เตอร์ศุลกากรแยกต่างหากอยู่ข้างในเสร็จสรรพ

     เมื่อศุลกากรลงประทับตราแล้ว ผู้โดยสารสามารถเข้าไปนั่งดื่มและกินอาหารที่จัดไว้ให้ฟรีในเลาจ์ ที่จัดเหมือนล็อบบี้โรงแรมหรู มีที่นั่งพักผ่อน มีบริการอินเตอร์เน็ต มีบริการนวด (นวดเท้าสำหรับชั้นบิสิเนส - นวดแบบเต็มคอร์สสำหรับชั้นหนึ่ง)ฉันนั่งเพลินๆ อ่านนิตยสาร หนังสือพิมพ์ ดื่มจินโทนิค แกล้มขนมอบเล็กๆ สามชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว



     เมื่อได้เวลาขึ้นเครื่อง ผู้โดยสารชั้นนี้จะได้ขึ้นเครื่องก่อน เก้าอี้นั่งกว้างใหญ่ ปรับเอนได้มากกว่า จอทีวีใหญ่กว่า อาหารเสิร์ฟมาในภาชนะสวยงาม ไม่ได้ใส่กล่องพลาสติก แก้วเป็นแก้ว ไม่ใช่แก้วพลาสติก แถมมีผ้าปูถาด แสดงความเนี้ยบกริบ ไวน์ดูดีมีสกุลกว่า เครื่องดื่มหลังอาหารเป็นเหล้าระดับเอ็กซ์โอ มีเซ็ตเครื่องเคราส่วนตัวแจก ประกอบด้วย แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าผิดตา ถุงเท้า ฯลฯ ใส่ในกระเป๋าผ้าสวยงาม

     การเดินทางครั้งนี้จึงเรียบรื่นดุจแพรไหม 12 ชั่วโมงลื่นไหลไปกับการกินดื่ม นอน และตื่นมากินอีกมื้อ ไม่ต้องปวดเนื้อตัวหลับๆ ตื่นๆ คอยนับถอยหลัง พอเครื่องลงจอดที่สนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล ประมาณ 6.15 น.ได้ลงจากเครื่องก่อนคนอื่นๆ ได้รับกระเป๋าก่อนใคร

     แต่ไอ้อภิสิทธิ์ได้กระเป๋าก่อนคนอื่นถูกทำให้เสียหายยับเยิน เมื่อต้องออกมายืนรอหวานใจมารับอยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมงตรงประตูทางออกเข้าตัวอาคารสนามบิน เพราะเจ้าประคุณดันตื่นสาย เนื่องจากตื่นเต้นมากเกินไปกลัวจะตื่นไม่ทัน ตื่นมาครั้งแรกตอนตีสี่ เลยแอบนอนงีบต่อ ตื่นอีกทีปาเข้าไปแล้วหกโมงสี่สิบห้า กว่าจะบึ่งจิ๊บจิ๊บมาถึงสนามบินได้ก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงครึ่ง

     นั่งจิ๊บจิ๊บ เอากระเป๋าไปเก็บที่อพาร์ทเมนต์ อาบน้ำอาบท่าแล้วขี่ลาดุชเชสไปเที่ยวละแวกที่หวานใจเคยพักอยู่เมื่อสิบกว่าปีก่อน หวานใจพาไปร้านกาแฟที่เขาเคยมานั่งกินทุกเช้า ไปเดินดูตลาดสด Marché Les Enfants Rouge นั่งกินตาจินอาหารโมร็อคโกเป็นมื้อกลางวัน ก่อนจะเดินเล่นย่อยอาหารกันแถวๆ นั้น

     บ่ายกว่าๆ กลับมาเปลี่ยนรถ เก็บกระเป๋าออกเดินทางไปอาเมียงส์ คืนนั้นนอนที่บ้านชนบท หวานใจเปิดไวน์กรองด์ครูของแซงต์จูเลียงที่โลร็องต์ให้เป็นของขวัญการแต่งงาน ดื่มกับเนื้อติดซี่โครงย่างและถั่วฝักเขียวต้ม ตบท้ายด้วยคาวาลโดส ก่อนจะหลับไป




     ตื่นมาตอนเจ็ดโมงเช้า เสียงระฆังที่โบสถ์ข้างบ้านดังเหง่งหง่าง กินอาหารเช้ากัน นั่งจิ๊บจิ๊บไปถ่ายรูปกันที่บึงข้างๆ หมู่บ้าน ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนใบรอผลัดรุ่นสีสวยอยู่บนต้น มาคราวนี้ ฉันไม่ได้หยิบแคนดี้มาด้วย เลยยืม เดอะ ด๊อก - กล้องไลก้า เอ็ม 8 ของหวานใจมาใช้งาน ส่วนหวานใจใช้กล้องฟิล์มมามิยะถ่ายภาคคอลเล็คชั่นปิกาดีของตัวเอง

     ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายที่กล้องไฮโซยี่ห้อนี้ไม่ถูกมือถูกใจฉันเลย ถ่ายแล้วหงุดหงิดไม่ได้ดังใจ ไม่เหมือนแคนดี้กล้องประจำที่ใช้อยู่ หวานใจบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะระบบการทำงานของกล้องสองยี่ห้อนี้ต่างกัน

     หวานใจทดลองขับเคลื่อนจิ๊บจิ๊บด้วยระบบสี่ล้อ ขับเข้าไปในพื้นที่ขรุขระเป็นหลุมบ่อ ต่อด้วยบริเวณป่าโปร่งข้างๆ พอเจอภาพสวยๆ ก็ยกกล้องขึ้นยิง ถ่ายไปได้สักสองสามรูป มีชายสองคนหน้าตาเคร่งเครียดในชุดนายพราน ใส่เสื้อกั๊กเหน็บกระสุนเพียบ มือถือปืนยาว กับหมาหนึ่งตัวเข้ามาที่รถ เพื่อบอกว่าในบริเวณนั้นห้ามรถเข้ามาเพราะเป็นเขตล่าสัตว์

     ขณะที่ขับรถเข้าสู่ถนนใหญ่ หวานใจหันมาบอกว่า ดีนะที่ป้ายทะเบียนของจิ๊บจิ๊บเป็นหมายเลขของอาเมียงส์ พวกนายพรานก็เลยฮึดฮัดในระดับกลางๆ พอเราบอกว่าเราไม่รู้ พวกเขาก็เลยไม่ว่าอะไร ได้แต่จดหมายเลขทะเบียนรถไป



     ถ้าเป็นเลขทะเบียนของเนยยี่ พวกเขาต้องอารมณ์เสียถึงขั้นฉุนเฉียวแน่ๆ ว่า ไอ้พวกบูร์ชัวร์หยิบโหย่งมีกะตังส์ ไม่รู้ประสีประสามาล้ำเขตแดนของพวกเขาได้ยังไง








>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






Create Date : 05 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2550 16:42:58 น. 1 comments
Counter : 1045 Pageviews.

 
wow ไม่มีภาครับขวัญกันเรยยย ฮ่วย


โดย: rin IP: 58.9.139.174 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:42:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.