- 21 Avril 07

กำสรวล... คนเสียใจ

     ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ฉันเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา ไม่เคยเก็บขยักความรู้สึกของตัวเองไว้ มีคนรักบ้าง ชังบ้าง ฉันไม่ค่อยสน

     ฉันเคยนึกค่อนคอดพวกช่างเกรงใจ ใจเล็กใจน้อย ไม่ยอมเผยใจบอกความรู้สึก หรือพวกที่บ่นอึกอักว่าถูกตัดอิสรภาพทางใจ ... เฮ้ย... จะไปกลัวอะไรเล่า... มีอะไรก็พูดออกไปจากใจสิ

     แต่ตอนนี้ ฉันกำลังเอามือปิดปากตัวเองอยู่ ขณะที่ข้างในใจดิ้นพราดๆ อยากจะฟ้องคนทั้งโลก (เอ่อ... เว่อร์ไปนิด คนที่หลุดเขามาอ่านไดอารีฉบับนี้ทั้งที่ตั้งใจติดตามและที่บังเอิญหลงทางผ่านมา)

     อนุมานเอาในใจว่า ฉันคงจะโตเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมมั้งในแง่ของสังคม ทางกายภาพน่ะดูเป็นผู้หญิงเต็มตัวมาหลายปีแล้ว สะโพกเบิกบานใจจนใหญ่ขนาดนี้ ครั้นจะมาพูดโพล่งๆ จากขั้วหัวใจเหมือนเด็กตัวเล็กๆ คงไม่มีใครใจดีเอื้อเอ็นดูถูกอกถูกใจอีกแล้วล่ะ

     แม้กระทั่งวินาทีนี้ ขณะกำลังพยายามพูดจาซับซ้อนกำกวมจนน่ารำคาญใจ ตั้งใจไม่ให้เผลอไปสะกิดโดนใจใครเข้า ฉันก็ยังเกรงว่าสิ่งที่พูดถึงและรู้สึกเองคนเดียวเงียบๆ นี่มันเป็นสิ่งที่ควรจะเขียนถึงหรือเปล่า มันจะไปกระทบกระเทือน สะเทือนใจใครมั้ย หรือควรจะระบายพร่างพรูออกมาให้สาแก่ใจ แล้วล็อกใส่รหัส เปิดให้แต่คนที่อยากให้อ่านและมั่นใจว่าเขาจะเข้าใจ

     ฉันรู้ตัวอยู่แก่ใจ (แกมหลงตัว) มาตลอดว่าเป็นคนพอมีคุณสมบัติทางปัญญาอยู่บ้าง แต่คุณสมบัติทางอารมณ์ตกต่ำเฉียดติดลบ ถึงจะฉลาดแต่ฉันไม่ค่อยจะเฉลียวใจไม่เคยรู้จักแยกแยะวิธีการติดต่อกับคน ฉันมักจะคิดเอาง่ายๆ ตามประสาคนพยายามมองโลกในแง่ดีว่า ให้ใจไปแล้วก็จะได้ใจมา

     ผิดค่ะ ฉันเพิ่งเรียนรู้ชนิดฝังลึกถึงก้นบึ้งแห่งจิตใจว่า 'ใจ' ถึงแม้จะเป็นนามธรรมความรู้สึก แต่เป็นสิ่งที่มีจำกัด ถ้ายกใจให้กับคนที่ไม่สนใจจะรับไว้หรือไม่ใส่ใจเห็นคุณค่า นอกจากใจที่ให้ไปจะเน่าจนเสียใจแล้ว ยังจะส่งผลให้กำลังใจที่นอนนิ่งอยู่ในแหล่งใจลดจำนวนถดถอยลงไปด้วย เรียกว่าเสียทั้งต้นทั้งดอกแถมเข้าเนื้อ

     บทเรียนที่ได้มาจนสาใจในครั้งนี้ สอนให้ระมัดระวังตัวและใจในการเดินบนเส้นทางแห่งชีวิตและจิตใจให้มากกว่าเดิม โลกนี้ยังมีหลุมพรางให้ตกลงไปและมีอะไรที่จะทำให้ตกอกตกใจอีกมากมาย ตอนนี้นั่งนิ่งๆ อยู่ในหลุมก่อนเพื่อรวมรวมกำลังกายและใจตะกายขึ้นมาด้วยตัวเอง ฉันกำลังนั่งทำใจ และตั้งใจว่าต่อไปจะไม่ปล่อยใจเปะปะอีกแล้ว เพราะนอกจากเราจะต้องเสียใจ ยังไม่มีใครเขามาเห็นใจ

     มองในแง่ดีบ้างดีกว่า ... โอ้ ชีวิตฉัน ช่างมีสีสัน ขึ้นๆ ลงๆ หวือหวาเร้าใจเสียนี่กระไร เกิดมาชาตินึง ได้มีโอกาสผ่านเรื่องราวสนุกสนานมากขนาดนี้ .... คุ้มน่ะเนี่ยที่เกิดมา ไม่ควรจะน้อยอกน้อยใจ

      โชคยังดี... ที่ฉันมีหวานใจที่คอยเอาอกเอาใจ และพยายามเข้าใจ ให้กำลังใจ ปลอบใจให้อุ่นใจ ถึงตัวจะอยู่ไกลกันสุดขอบฟ้า แต่หัวใจเราอยู่ใกล้กันเสมอ อย่างน้อยเราก็ส่งใจให้กันฝ่ายสายโทรศัพท์วันละสองครั้งจนชื่นใจ

     เกิดอะไรขึ้น.... บอกไม่ได้ค่ะ น้ำท่วมปาก นอกจากเกรงใจแล้วฉันเองว่ายน้ำไม่ค่อยแข็งเสียด้วย กลัวจะขาดใจ หลังเปิดใจ

      เฮ่อ... ได้ระบายความในใจออกมาเสียบ้าง แม้จะไม่ถึงใจ แต่ก็สบายใจแล้ว


>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่







Create Date : 21 เมษายน 2550
Last Update : 3 พฤษภาคม 2550 1:06:58 น. 7 comments
Counter : 878 Pageviews.

 
บางครั้งหนูก็รู้สึกว่า ตัวเองอ่อนต่อโลกมากเกินไป จนไว้ใจใครง่ายๆ แล้วต้องมาเสียใจภายหลัง





....... จำค่ะ แต่ไม่เข็ด แหะๆ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 21 เมษายน 2550 เวลา:13:52:21 น.  

 
ไม่มีคับที่เราจะทำให้ทุกคนเข้าใจเราได้หมด
เอาแบบพูดไปสองไพเบี้ยอาจจะดีกว่าเนอะ


โดย: Kurt Narris วันที่: 21 เมษายน 2550 เวลา:15:24:01 น.  

 
คุณมิว อิชั้นเคยเป็นคนแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่มันนานนนนนมาแล้ว ตั้งแต่ไปเข้าเป็นข้าราชการกระทรวงฯ "บัวแห้ว" มาสิบเอ็ดปี นิสัยเปี่ยนไป๋ค่ะ ก็ต้องบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นไงคะ

บางทีกะว่าจะเอาเข้าไปอม ๆ ไว้ก่อนค่อย ๆ คาย มันทำไม่ด้ายอ่ะค่ะ เลยอมจนลืมไปเลย เนี่ยตอนที่ลาออกมันประมาณว่าอมจนตัวบวมระเบิดแล้วน่ะค่ะ ฮ่า

ดีใจที่อย่างน้อยคุณมิวก็มี the other half ที่รักและเข้าใจอย่างสุดแสนนะคะ แต่หากอยากระบาย ระบายนะคะ ปิดประตูล็อกกุญแจไว้ได้ค่ะ แล้วจะไปขอกุญแจเข้าไปรับฟังนะคะ

ปล. จะติดตามคอลัมน์จากยุโรปค่ะ เพราะช่วงนี้หาซื้อมติชนรายสัปดาห์แถวนี้ไม่ทันเลยค่ะ


โดย: MoneyPenny วันที่: 21 เมษายน 2550 เวลา:21:06:40 น.  

 
นั่นแหละเพื่อนมิวที่รู้จักมาตั้งแต่มอ 4 คือ มิว ขาเฮ้ว นักเลงหญิงแห่งระยอง จริงใจ ไม่มีจิงโจ้ โผงผาง เฮะฮะ ถ้าถูกใจ ก็หัวเราะชอบใจ ถ้าขัดใจ เป็นลุย แต่แอบมีอารมณ์อ่อนไหวบ่อยครั้ง เหอ เหอ

คิดถึงสมัยเด็กๆ แล้วนั่งอมยิ้มคนเดียว จนคนข้างๆ สะกิด ถามเป็นไรนั่งยิ้มอยู่ได้คนเดียว เฮ้อ คนกำลังเบิกบานกับความหลังใสๆ เล่าไป ก็ไม่เข้าใจ


โดย: ตี่ IP: 75.62.177.236 วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:3:58:45 น.  

 
เรียกว่าอยู่ในสังคมบางทีการตรงเกินไปก็ไม่ให้ผลดีเท่าไหร่อ่ะคะ ต้องอ้อมๆ แอ้มๆ
จนบางทีอึดอัดเอง ทำอะไรไม่ได้ ...

แล้วโลกเราสมัยนี้นะคะ คนเรามันเยอะเหมือนเห็ดพิษ เลือกกินเห็ดดีก็เหมือนเลือก
เจอกับคนดี นั่นก็โชคดีไป แต่ว่าถ้าเจอไม่ดีก็แย่เอาเหมือนกันอ่ะค่ะ ...

สังคมสอนเราล้วนๆ เหมือนกันนะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:6:15:45 น.  

 
แม้แต่เชื้อโรคที่ทำให้เราเจ็บป่วยก็ยังมีค่า
อย่างน้อย มันก็ทำให้เรามีภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งขึ้น
และอย่างน้อยไปกว่านั้น มันก็ทำให้เรามีเหตุผลที่จะอ้อนแฟนได้ ฮะ...

ปล.อยากเห็น ปธน.ฝรั่งเศส เป็นผู้หญิง และเบื่อ ซาร์โคซี จัง


โดย: @power วันที่: 24 เมษายน 2550 เวลา:10:25:34 น.  

 
นิสัยแบบนี้ผมเองก็เป็นแบบคุณ มีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์อย่างรุนแรง เวลาไม่เข้าใจหรือไม่พอใจอะไร...ผมไม่มีเบรก
เมื่อก่อนครั้งหน้านี้ก่อนที่จะเริ่มมาเขียนหนังสือจริงจังก็เป็นแบบนี้ เสียเพื่อนไปหลายคน เสียคนรู้จักไปหลายคนเพราะความตึงไม่มีหย่อน...สุดท้ายเลยเลือกที่จะอยู่คนเดียว
ผมเป็นคนโกรธง่าย...เป็นคนตรงไปตรงมารับมาเท่าไหร่ก็ปล่อยไปเท่านั้น แต่ก็ยังโชคดีที่เป็นคนหายโกรธได้เร็ว(โดยเฉพาะถ้ามีคำหวานๆมากล่าวขอโทษ)
ครั้นตอนออกมาเดินทางครั้งใหญ่ในชีวิตดูเหมือนช่วงแรกอาการที่ว่าจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง...แต่มันก็เป็นแค่ช่วงหนึ่ง
อาจเรียกได้ว่าเพราะมันเป็นเรา มันจึงไม่ได้หายตายจากไป...มันยังคงเป็นเงาของใจเรา
ไม่นานนี้ผมเคยมีปัญหากับสนพ.หนึ่งเป็นเพราะผมไม่เข้าใจหลักการทำงานของสนพ.นั้น แต่ผมก็ได้แต่ทนยอมๆๆๆและก็ยอม...บอกตามตรงเพราะกลัวหนังสือไม่ได้ออก
นานไปเมื่ออยู่ร่วมกันไปมันคงไม่ไหว...ต้องเลือกระหว่างความเป็นตัวเราหรือคอยป้อยอตามใจอารมณ์คนๆนั้น
เมื่อครั้นต้องเลือกระหว่างงานที่อยากเห็นกับการเป็นตัวของเราเอง...ยอมรับผมคิดมาก
เหลือบไปคิดถึงคำหนึ่งคำได้ว่า ถ้าเราตามใจสนพ.มากไป ยอมทุกอย่างเท่าที่เขาอยากได้ คงไม่ต่างอะไรกับดาราที่ยอมนอนกับผู้กำกับเพราะว่าอยากได้แสดงหนัง
สุดท้ายก็ระเบิดออกไปทุกอย่างเป็นอันจบสิ้น...ผมเองทั้งโล่งใจและเสียใจในคราเดียวกัน
แต่เมื่อเรายังมีมือๆๆ และรักที่จะเขียนก็ควรเขียนๆๆ...งานของเราก็คล้ายกับลูกของเรา จะเอาไปฝากให้ใครดูแลก็ควรแน่ใจว่าเขาจะดูแลลูกเราได้ดีจริง
การร่วมงานกับคนสติปัญญาที่น้อยกว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิด แต่การร่วมงานกับคนปลิ้นปล้อน-เฉื่อยชาและไร้ซึ่งระเบียบนั้นเป็นเรื่องที่รับได้ยาก
ถึงวันนี้ผมตกงานแต่ก็ยังยิ้มได้เพราะอย่างน้อยเราก็เป็นตัวเรา ที่สำคัญ ผมไม่ได้กลัวที่เราจะเป็นตัวเราเอง...ผมดีใจที่วันนั้นผมเลือกเช่นนั้น ไม่ได้เสียใจแม้แต่น้อยนิด

หนังสือที่ถูกถีบออกจากแท่นพิมพ์เมื่อเดือนก่อนตอนนี้โลกไม่โหดร้ายแล้วมีติดต่อขอไปพิมพ์...เป็นตอนนี้ที่ผมโล่งใจเป็นที่สุด มันตอกย้ำการตัดสินใจของผมว่าไม่น่าจะผิดพลาดเมื่อผลออกมาเป็นเช่นนี้(เนื่องจากผมเองไม่เคยไปเสนองานที่ไหน)

การเป็นตัวของตัวเราเองไม่ได้เสียหายตรงไหนแม้คนอื่นจะไม่เข้าใจ แม้คนอื่นจะไม่สนใจ...มันสำคัญที่ไหน อย่างน้อยที่สุดเราก็ยังเข้าใจและเป็นตัวของเราเอง ยามเราร้องไห้ก็เป็นมือของเราไม่ใช่หรือที่คอยปาดน้ำตาของตัวเรา

จะไปแคร์อะไรกับคนที่เราใช้สายตาแห่งความเป็นมิตรส่งไปให้...แต่สายตาที่เขามองมากับเป็นสายตาอีกชนิดหนึ่งกับที่เราส่งไป

ปล.ลียงเป็นแชมป์ลีกเอิงห้าปีติดแล้วนะครับ




โดย: 10เดซิเบล IP: 203.172.49.110 วันที่: 24 เมษายน 2550 เวลา:12:50:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.