- 02 JUILET 10 ใจดี ใจร้าย

ใจดี ใจร้าย


Sky
กลับจากฮ่องกงมาถึงอินเดียแล้ว ถึงบ้านตอนหกโมงเช้า เครื่องดีเลย์จากกำหนดสามชั่วโมงกว่า

ดีเลย์รอบแรกจากสี่ทุ่มกว่าเป็นห้าทุ่มกว่า แล้วดีเลย์อีกรอบเป็นเกือบตีหนึ่ง แถมไม่ดีเลย์เปล่าๆ ยังเปลี่ยนประตูทางเข้าเครื่องบินไปอีกอาคารนึงด้วย

ฉันกับหวานใจถึงจะไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก แต่เรายังโชคดีที่บินชั้นธุรกิจ มีสิทธิ์ได้เข้าไปนั่งเลาจ์ต้อนรับของสายการบิน มีอาหาร มีเครื่องดื่ม มีอินเตอร์เน็ต มีทีวี มีโซฟานุ่มสบายๆ ถือว่าโชคดีนักหนา

พอถึงเวลา ได้ขึ้นเครื่องไปนั่งประจำที่เรียบร้อย เครื่องเคลื่อนออกจากงวงช้างเตรียมออกตัว ก็มีเหตุเป็นอันต้องดีเลย์อีกรอบ คราวนี้ไม่ได้เป็นเพราะสาเหตุทางเทคนิคอย่างที่สายการบินแจ้งไว้อธิบายการดีเลย์ครั้งก่อนๆ แต่เป็นเพราะในเครื่องมีเด็กชายอินเดียคนหนึ่ง อายุไม่น่าจะเกินห้าขวบ ส่งเสียงร้องกรี๊ดๆ ตลอดเวลา คุณแม่และครอบครัวที่ไปด้วยไม่สามารถปลอบให้แกสงบลงได้ จนกัปตันต้องถอยเครื่องกลับไปต่อประตูเข้ากับทางเดินออกอีกครั้ง

หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ของทางสายการบินเข้ามา “เชิญ” ครอบครัวนี้ อันประกอบด้วย คุณแม่ คุณพ่อ พี่ชาย และเด็กชายคนที่ว่า ลงจากเครื่อง ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

คุณแม่ของเด็กนั่งเกาะเก้าอี้ตัวเองแน่น ยืนกรานว่าลูกของเธอไม่เป็นอันตราย เดี๋ยวพอเครื่องขึ้นก็จะเลิกร้อง เมื่อวานแกก็มีอาการอย่างนี้แล้วทุกอย่างจะดีเอง

ทางฝ่ายผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนกระอักกระอ่วนใจ เพราะเที่ยวบินดีเลย์มาแล้วสองรอบ หลายคนต้องไปต่อเครื่อง แต่ก็น้ำท่วมปากไม่อาจสนับสนุนให้ไล่ครอบครัวนี้ลงเพียงเพราะเด็กร้องงอแง อันดูจะผิดวิสัยคนอินเดียผู้รักครอบครัวและเด็กเป็นชีวิตจิตใจ

ด้วยความสอดรู้สอดเห็น ฉันเดินเข้าไปดูที่ประตูทางออก เห็นกองกระเป๋าของครอบครัวนี้ถูกโหลดขึ้นมารอตรงทางเดินเข้าออกเรียบร้อยแล้ว แสดงว่าทางสายการบินเอาจริงแน่ๆ

เจ้าหน้าที่เข้าไปเกลี้ยกล่อมต่างๆ นานา ฉันโผล่หัวเข้าไปดูหน้าเจ้าหนูตัวการที่ตอนนี้เลิกร้องลั่น ได้แต่กวาดตามองผู้ใหญ่ที่อยู่รายรอบอย่างงงงวยด้วยตาลอยๆ ประกอบกับคุณแม่ขอโอกาสให้ลูกของเธออีกครั้ง ลูกเธอไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง เธอมีหนังสือยืนยันจากทางแพทย์แล้ว ผสมกับเสียงแว่วของแอร์โฮสเตส สรุปได้ว่า เด็กคนนี้คงจะมีอาการบกพร่องทางจิตอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็เป็นออสทิสติก คุณแม่และครอบครัวถึงไม่สามารถปลอบให้สงบลงอย่างง่ายดายเหมือนเด็กคนอื่นๆ หรือไม่อย่างนั้น ก็เป็นเด็กชายชาวอินเดียที่ถูกตามใจจนเหลิง พ่อแม่ควบคุม สั่งอะไรไม่ได้ธรรมดาๆ คนหนึ่งซึ่งรู้สึกอึดอัดกับการต้องรอเครื่องมานาน

การเจรจาดำเนินต่อไป จนตีสองครึ่ง หัวหน้าลูกเรือประกาศให้ทุกคนเข้านั่งประจำที่ และแอร์โฮสเตสเริ่มเปิดช่องใส่กระเป๋าเหนือหัวออกทีละช่อง พร้อมสอบถามผู้โดยสารแต่ละคนว่าเป็นกระเป๋าของท่านหรือไม่ นัยว่าเป็นการดำเนินการตามกฎรักษาความปลอดภัย เป็นอันเข้าใจได้ว่าครอบครัวนั้นได้ลงจากเครื่องไปแล้ว เพราะหวานใจอธิบายว่า เป็นไปได้ว่ากฎนี้มีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ก่อการร้ายทิ้งระเบิดเอาไว้ในเครื่อง แล้วทำทุกวิถีทางให้ถูกเชิญลงจากเครื่อง ซึ่งฟังดูแล้วก็สมเหตุสมผลดี

กระนั้น ใจหนึ่ง ฉันก็นึกสงสารครอบครัวนี้มาก พวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป คืนนั้นพวกเขาจะนอนที่ไหน แล้วจะกลับอินเดียยังไง ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่หรือเปล่า ถ้าพวกเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไร การเดินทางมาเที่ยวฮ่องกงครั้งนี้ใช้จ่ายจากเงินที่สะสมมาหลายปี และไม่มีเงินเหลือพอจะซื้อตั๋วใหม่ล่ะ

หรือถ้าเป็นครอบครัวร่ำรวย มีเงินซื้อตั๋วใหม่ แต่ก็ต้องรอลุ้นว่าเด็กน้อยจะไม่แผลงฤทธิ์จนต้องลงจากเครื่องอีกรอบ

ส่วนอีกใจหนึ่ง - ใจที่เห็นแก่ตัวกว่า ก็หวังว่าพวกเขาจะเป็นครอบครัวโชคร้ายที่ดันมีสมาชิก “พิเศษ” คนหนึ่งจริงๆ ไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้ายที่วางแผนมาแอบทิ้งอะไรซุกซ่อนในเครื่อง เหตุการณ์ครั้งนี้คงจะเป็นการผจญเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตสำหรับสมาชิกในครอบครัว และเด็กคนนี้อาจจะไม่ได้ขึ้นเครื่องบินอีกเลยตลอดชีวิต

ระหว่างนั่งอยู่บนท้องฟ้า ความคิดว่าจู่ๆ จะมีเสียงระเบิดดังขึ้น แล้วเครื่องจะแตกเป็นสองเสี่ยง คนในเครื่องจะตายกันหมด รวมทั้งฉันด้วย แวบเข้ามาเป็นระลอก ฉันพยายามสะกดเอาไว้ด้วยการตั้งสมาธิดูจอทีวีด้านหน้าที่นั่ง เสริมทัพด้วยไวน์ขาวและคอนยัค

หลับๆ ตื่นๆ ฝืนๆ จนกระทั่งเครื่องลงถึงสนามบินบังกาลอร์ ที่อินเดีย โดยปลอดภัย




ป.ล. ภาพประกอบเป็นเทือกเขาหิมาลัยตอนที่ไปเนปาล ไม่เกี่ยวกับเรื่องเท่าไหร่






>>ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






Create Date : 02 กรกฎาคม 2553
Last Update : 2 กรกฎาคม 2553 19:48:15 น. 1 comments
Counter : 867 Pageviews.

 
[ กดเบาๆนะจ๊ะ ]
[ กดเบาๆนะจ๊ะ ]



คิดซะว่า ถ้าเอ็นดูเขา แล้วเอ็นเราขาด

คงไม่ง่ายสำหรับทางเลือก ยิ่งยุคสมัยที่อันตรายแอบแฝงที่มีแม้ในเด็กเล็ก ในบางประเทศด้วยซ้ำ

เรื่องนี่สำหรับนนนี่ว่าทางสนามบินทำถูกแล้วคะ ถ้าพ่อแม่เด็กคุมเด็กตัวเองยังไม่ได้แล้ว คนอื่นๆ จะไปคุมเด็กได้ยังไง คิดมากไปเดี๋ยวเครียด เดินทางปลอดภัยนะคะ


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 2 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:38:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.