ตอนที่ 28 (จบ) Edo - Tokyo Museum
พิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียว (Edo-Tokyo Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเอาเรื่องราวของเมืองโตเกียวตั้งแต่สมัยเอโดะ โดยตั้งอยู่ภายในย่านเรียวโงะกุ (Ryogoku) ของเมืองโตเกียว (Tokyo) ตัวอาคารยังคงเป็นสไตล์แบบสมัยเก่า ด้านในมีทั้งสถาปัตยกรรมสมัยโบราณ วัฒนธรรม และรูปปั้นรูปแกะสลักต่าง ๆ ในสมัยก่อน แม้กระทั่งวิธีการสร้างเมืองในอดีตที่ผ่านมาที่อาจเคยเป็นความลับขั้นสุดยอดของเมื่อก่อนก็มีให้ได้ชมกัน นอกจากนี้ยังมีงานนิทรรศการต่าง ๆ ที่นิยมจัดแสดงขึ้นที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อีกด้วย การเดินทาง : JR Sobu Line Ryogoku Station (West Exit) Subway Toei Oedo Ryoguku Station (A4 Exit) ค่าเข้าชม : 600 เยน
เวลาเปิด-ปิด : 9:30 - 17:30 น. (วันเสาร์ : 9:30 - 16:30 น. ) * เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลาปิด 30 นาที
วันปิดทำการ : ปิดทุกวันจันทร์และวันหยุดปีใหม่ https://www.talonjapan.com/edo-tokyo-museum/
จริง ๆ ไม่ได้แพลนไว้จะมาที่นี่กันค่ะ ฝนตกแต่เราไม่ละความพยายามในการเที่ยว น้องหนิง เลยนำเสนอ Edo - Tokyo Museum ละกัน
ช่วงที่เรามา มีนิทรรศการของท่าน ซะกะโมะโตะ เรียวมะ (坂本龍馬 さかもと りょうま Sakamoto Ryōma) พอดี
ตากฝนกันมา ร่มเปียก ไม่ให้เอาร่มเข้าด้านในค่ะ ฝากไว้ที่นี่ก่อน
ค่าบัตรเข้าชมคนละ 600 เยนค่ะ ถ่ายรูปได้ที่ชั้นล่างนี้ และนิทรรศการชั้น 5-6 เท่านั้น
ซะกะโมะโตะ เรียวมะ (坂本龍馬 さかもと りょうま Sakamoto Ryōma, 3 มกราคม ค.ศ. 1836 - 10 ธันวาคม ค.ศ. 1867) เป็นซามูไรผู้มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวล้มล้างระบอบการปกครองของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะในช่วงยุคบะคุมะสึ (ปลายยุคเอโดะ) เพื่อสร้างความเสมอภาคในสังคมญี่ปุ่น และปฏิรูปประเทศให้ไปสู่ความทันสมัยตามอย่างชาติยุโรปตะวันตก เขายังเป็นผู้ก่อตั้งไคเอ็นไตซึ่งเป็นบริษัทพาณิชย์นาวีแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นและเป็นลูกศิษย์ของ คะสึ ไคชู ผู้วางรากฐานแห่งกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น
มีขายของที่ระลึก หนังสือ โปสการ์ดเกี่ยวกับท่านเรียวมะด้วยค่ะ
ขึ้นลิฟท์มาดูนิทรรศการชั้น 6 กัน (ถ่ายภาพได้ แต่ห้ามใช้แฟลช) เห็นเค้ามุงดูอะไรกัน เราก็ไปมุงกับเค้าด้วย
มีการแสดงค่ะ เราอัดคลิปด้วย ถ่ายรูปด้วย แต่โหลดคลิปขึ้นยูทูปไม่ได้ซักที
แวะไปดูคลิปการแสดงที่บ้านน้อง poongie นะคะ
นักแสดงอายุอานามประมาณ คุณลุงคุณป้าทั้งนั้นเลยค่ะ แต่ดูทุกท่านมีความสุขดีนะคะ
หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสกันเลยล่ะค่ะ
พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวย้อนหลังไปกว่า 400 ปี ตั้งแต่สมัยเก่าที่ยังเรียกขานเมืองแห่งนี้กันว่า เอโดะ จนถึงการเข้าสู่สมัยใหม่ภายใต้ชื่อ โตเกียว ทั้งสภาพสังคม การเมือง ชีวิตความเป็นอยู่ และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ แต่ก่อนอื่นต้องข้าม สะพานนิฮงบาชิ ไฮไลท์อันเป็นภาพจำของนิทรรศการที่เป็นดังทางเข้าอย่างเป็นทางการสู่เมืองเอโดะในสมัยก่อน และเป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้เข้าชมนิทรรศการกับโลกในวันก่อนของเมืองแห่งนี้ เช่นเดียวกับที่นิทรรศการนี้สะท้อนภาพให้เห็นการเคลื่อนผ่านของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่โชกุนโทกุงาวะ อิเอยะซึ ได้สร้างเมืองเอโดะ และนำพาญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคปิดประเทศซึ่งเป็นยุคที่มีความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมาก ก่อนถูกชาติตะวันตกบังคับให้เปิดประเทศก่อนเปลี่ยนชื่อเมืองมาเป็นโตเกียวในที่สุด นอกเหนือจากการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือการออกแบบนิทรรศการ ที่สร้างประสบการณ์เสมือนจริงให้ผู้เข้าชมได้อย่างไม่มีที่ติ ผ่านงานจำลองที่มีรายละเอียดอย่างน่าทึ่ง นั่นรวมถึง นะกะยะ หรือบ้านแถวที่บอกเล่าให้เห็นภาพความเป็นอยู่ครอบครัวเอโดะในพื้นที่ขนาด 10 ตารางเมตร และการจำลอง โรงละครนาคามุระซะ ขนาดเท่าของจริงไว้ให้ชมกัน จะบอกว่าโรงละครที่จัดแสดงคาบูกินี้เป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมในยุคเอโดะก็คงไม่ผิดนัก นอกจากนั้นยังมีงานภาพพิมพ์แกะไม้อันขึ้นชื่อของญี่ปุ่นซึ่งเป็นงานดั้งเดิมจัดแสดงไว้ให้ชมอีกด้วย นอกจากความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม ประโยค เพลิงและการต่อสู้คือมวลหมู่ดอกไม้ของเอโดะ ยังสะท้อนให้เห็นภาพชีวิตในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี เมื่อเพลิงไหม้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเมืองแทบทุกปี และนั่นหมายถึงการคิดค้นผังเมืองและนวัตกรรมอันน่าสนใจเพื่อต่อสู้และอยู่กับปัญหาดังกล่าว จากเอโดะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โตเกียว อาคารสำนักงานสมัยใหม่หลายแห่งได้ถูกจำลองไว้ให้เราเห็นภาพวันที่สังคมเปลี่ยนแปลง ต่อเนื่องไปถึงการเข้าสู่สังคมอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ หนึ่งในวัตถุจัดแสดงอันเป็นไฮไลท์ก็คือรถยนต์ซุบารุ 360 ที่มีขนาดเล็ก (เท่าๆ กับซูโม่ญี่ปุ่นหนึ่งคน) ที่ออกตลาดในปี 1958 ประวัติศาสตร์ในช่วงที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1923 ก็เป็นอีกหนึ่งหลักไมล์สำคัญสำหรับประวัติศาสตร์ของโตเกียว เมื่อเพลิงไหม้อันเกิดจากแผ่นดินไหวซึ่งกินเวลานานถึงสามวันนั้นเผาผลาญเมืองโตเกียวไปเสียมากต่อมาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็คือ การสร้างทุกอย่างขึ้นใหม่ให้ดีกว่าเดิม ก่อนเข้าสู่ช่วงการต่อสู้อันยาวนานจนถึงวันที่ญี่ปุ่นเป็นผู้แพ้สงคราม และการสร้างขึ้นประเทศขึ้นใหม่จนกลายเป็นมหาอำนาจอีกครั้ง เรื่องน่ารักที่พบเห็นได้ทั้งที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้และสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งในโตเกียวก็คือ การมีชาวญี่ปุ่นสูงวัย มาทำงานเป็นอาสาสมัครนำเที่ยว และสำหรับที่นี่ นักเดินทางไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพียงแค่แสดงเจตจำนงเท่านั้นเองว่าคุณต้องการอาสาสมัครนำชมนิทรรศการ นี่คือเรื่องเล็กๆ ที่สะท้อนให้เห็นการเอาจริงเอาจังกับการรับมือสังคมผู้สูงอายุของญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี https://th.japantravel.com/
คล้ายเกี้ยวค่ะ มีบานเลื่อนเปิด-ปิด นักท่องเที่ยว ขึ้นไปลองนั่งได้ค่ะ
ชุดเกราะ
จัดแสดงภาพจำลองความเป็นอยู่ในสมัยก่อน
ศาลเจ้าจำลอง
ห้องเรียน
คาบูกิ (ญี่ปุ่น : 歌舞伎 kabuki) เป็นศิลปการแสดงของญี่ปุ่น โดยมีการแต่งหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ มีการเคลื่อนไหวที่กระฉับกระเฉง แสดงออกซึ่งท่าทางที่มีความหมาย เช่น ร้องไห้ เสียใจ โดยมีเนื้อเรื่อง 2 ประเภท คือเรื่องเกี่ยวกับสังคมซามูไร และ เรื่องราวชีวิตของชาวเมือง
โรงละครคาบูกิ
ตลับใส่ยา ?
เครื่องประดับ ตกแต่งผม
กระเป๋าเงิน กระเป๋าใส่บุหรี่
แอบส่องเค้า น่ารักดีค่ะ คงเหมือนบ้านเราใส่ชุดไทยไปเที่ยวโบราณสถานมัง
ออกมาจากพิพิธภัณฑ์ฯ บ่าย 3 กว่า ฝนยังไม่หยุดตกเลยค่ะ
ซื้อตั๋วรถไฟกลับไป Akihabara station กันค่ะ
ตู้หยอดเหรียญซื้อตั๋ว
เที่ยวกลับ NH849 : TOKYO(HANEDA) - BANGKOK(BKK)
วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2560 เวลา 03.00 น. - 05.00 น.
แต่ตอนนี้เพิ่ง 6 โมงเย็น หาอะไรกินกันก่อนค่ะ
Yoshinoya มีสาขาที่บ้านเราด้วยค่ะ
เค้ามี event ก็เดินดู เดินเล่นฆ่าเวลากันไปค่ะ
ทุ่มกว่า ๆ ออกมาดูเครื่องบินกัน
ฝนตก ลมแรง เย็นเยือกพอสมควร
ภาพสุดท้ายของทริปนี้ค่ะ
มีทริปญี่ปุ่น อีก 2 ทริป รออยู่ ...
แล้วจะมาอัพบล็อกข้ามปีข้ามชาติอีกนะคะ
ความเดิม ซากุระ
ตอนที่ 23 Ashikaga Flower Park (2)
Create Date : 01 มิถุนายน 2561 |
Last Update : 1 มิถุนายน 2561 16:39:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1879 Pageviews. |
|
|