
เมื่อ2วันก่อนมีข่าวคนเกาหลีใต้หนีข้ามพรมแดนไปที่เกาหลีเหนือ (แปลกดีนะคะ ปกติจะหนีจากเกาหลีเหนือไปเกาหลีใต้) แถมหนีข้ามทาง DMZ ซึ่งเป็นเขตชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ แถมมีทหารเพียบ (หนีได้อย่างไรกัน)

ก็เลยมีเรื่อง DMZ มาเล่าให้ฟัง เพราะเคยไปเที่ยวที่นี่มา 1 ครั้ง ซึ่งที่นี่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย แต่ห้ามคนเกาหลีทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เข้าไปเที่ยว (อันนี้ก็แปลกดีนะคะ)

แต่ละวันจะมีการอนุญาตรถบัสนำเที่ยวเข้าไปประมาณ 50 คัน จากเขตที่ทางการกำหนด โซนที่จะไปขึ้นรถบัสนั้นมีการจัดแสดงเรื่องราวที่โลกต้องบันทึกไว้ของ2ชาติเกาหลีและนำมาซึ่งความสูญเสียของชีวิตมากมาย มีกระดานให้เขียนความรู้สึก คนไทยเราก็ไปเขียนไว้หลายคำ ล้วนเป็นคำที่มีความหมายดีเช่น ขอจงทะลายกำแพงแห่งความขัดแย้ง

หลายคนไปเที่ยวเกาหลีบ่อยๆ แต่ต้องไม่เคยไปที่นี่แน่ๆ ห้ามแต่งกายคล้ายทหารและมีระเบียบเข้มงวดมากในการเข้าชม นี่คือ Korean Demilitarized Zone (DMZ) หรือ Panmunjeom DMZ หรือเขตปลอดทหารระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้

เกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือ ถูกแบ่งด้วยเส้นละติจูดที่ 38 องศาเหนือ หรือ “เส้นขนานที่ 38” เป็นเส้นแบ่งเขตแดนของทั้งสองประเทศ บริเวณนี้ถูกกั้นให้เป็นเขตกันชนระหว่างสองประเทศ ขนาดกว้าง 4 กิโลเมตร ไปจนตลอดเส้นแบ่งเขตแดน เป็นเขตปลอดทหารเกาหลี หรือ DMZ (Demilitarized Zone) และยังมี JSA (Joint Security Area) ซึ่งตั้งอยู่ใน DMZ จะเหมือนเป็นพื้นที่ตรงกลางที่มีไว้เพื่อการเจรจา และจุดสำคัญที่สุดก็คือบริเวณ #Panmunjeom (พันมุนจอม) จะมีทหารของสหประชาชาติ UN เข้ามาดูแลด้วย

การมาที่นี่ต้องซื้อทัวร์จากบริษัททัวร์ที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลเกาหลีใต้แล้วเท่านั้น ต้องจองและส่งเอกสารของนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วัน และคนเกาหลีใต้ไม่สามารถเข้ามาได้ การเข้ามาทัวร์ในเขตนี้ค่อนข้างเข้มงวด ต้องมีการจองทัวร์ล่วงหน้า ส่งเอกสารพาสปอร์ตไปให้บริษัททัวร์ก่อน ถ่ายรูปได้เฉพาะที่เขากำหนดไว้ แล้วก็ต้องแต่งกายเรียบร้อย ห้ามแต่งคล้ายทหาร

แต่นักท่องเที่ยวที่มานี่นี่ มักจะอยากเข้าไปถ่ายกับทหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารสหรัฐหรือทหารที่มาจากยุโรป เขาก็ไม่ว่าอะไร ลองให้ดูตย.ที่ถ่ายนี้คือ ควงทหาร 2 คนเลยค่ะ
เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะเข้าไปเที่ยวกันเงียบเชียบ ไม่กล้าส่งเสียงดังอะไรเลยค่ะ (นัยว่ากลัวทหาร) และห้ามนำกล้องถ่ายรูปเข้าไปด้วยค่ะ แต่ใช้มือถือถ่ายได้ และให้นำสัมภาระเข้าไปน้อยที่สุดด้วย โดยจะต้องทิ้งของไว้ในรถบัสในโซนที่กำหนด แล้วต่อด้วยรถบัสอีกแบบเข้าไป ก็จะเห็นรั้วลวดหนามและอื่นๆตลอดทาง (ทำไมกล้าไปเที่ยวเนี่ย 555)
ได้ยินว่าเพราะมีรั้วแน่นหนาขนาดนี้ คนเกาหลีเหนือที่อยากส่งอะไรมาที่เกาหลีใต้ ก็จะส่งมาทางบอลลูนอันเล็กๆ หรือใส่ขวดลอยน้ำมา (แปลกดีอีกค่ะ)

วันที่ 27 เมษายน 2018 ถือเป็นวันที่ต้องจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์คาบสมุทรเกาหลี โดยนายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ พบกับนายมุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ จับมือกันเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือและสันติภาพ ที่หมู่บ้านพันมุนจอมแห่งนี้ หลังจากที่ทั้ง 2 เกาหลีมีภาวะสงครามที่ยืดเยื้อมาถึง 68 ปี
แต่ดูแล้วจนถึงวันนี้ความสงบก็ยังไม่เกิดขึ้นจริงค่ะ