|
ความรู้และที่มาของความรู้(จบ) |
|
ในคัมภีร์อภิธรรม พระพุทธศาสนาจำแนกความรู้ออกเป็นประเภทต่างๆ มากมาย แต่ในพระสูตรกล่าวถึงความรู้ที่เป็นหลักใหญ่หรือครอบคลุมความรู้ทุกประเภทไว้ใน ๔ ประเภทใหญ่ๆ คือ
๑.ธัมมญาณ รู้สภาวธรรม หรือรู้ธรรมชาติ ตามสภาพที่เป็นจริง
๒.อันวยญาณ รู้จักอนุมาน คือ สามารถรู้สืบสาวไปหาอดีต และรู้คืบหน้าไปหาอนาคตได้อย่างถูกต้อง
๓.ปจิเฉทญาณ หรือปริยญาณ รู้จักขอบเขต หรือประเภทของธรรมชาติ
๔.สมมติญาณ รู้จักสมมติตามที่ชาวโลกเขาใช้กัน (ที.ปา.11/239/239)
อีกนัยหนึ่ง รู้จักอริยสัจสี่ ซึ่งโดยความหมายแล้ว ก็คือ
- รู้จักสภาวธรรม พร้อมทั้งสาเหตุของการเกิดขึ้นของสภาวธรรมนั้นๆ (ทุกข์ - สมุทัย)
- รู้จักการดับของสภาวธรรม พร้อมทั้งสาเหตุของการดับ (นิโรธ-มรรค) (ที.ปา.11/239/239)
หรือ กล่าวอย่างย่อที่สุดก็คือ รู้จักการเกิด (สมุทยะ) และการดับ (อัตถังคมะ) ของรูปและนาม (สํ.ข.17/27/18) ซึ่งหากจะกล่าวโดยใจความแล้ว ก็คือ รู้จักกระบวนการของธรรมชาติอย่างครบวงจร
มีข้อน่าสังเกต คือ ความรู้ประเภทอันวยญาณ นั้น ต่างจากความรู้ประเภทตักกะ ซึ่งคัมภีร์ชั้นอรรถกถาได้แสดงการคิดแบบตักกะไว้ ๔ ประเภท คือ
๑.อนุสสติกะ ได้แก่ คิดเดาเอาจากเรื่องราวที่ได้ยิน เป็นการตีความนอกเหนือไปจากข้อมูลที่ได้รับ เช่น ฟังเรื่องอดีตชาติของพระพุทธเจ้าว่าเคยเป็นพระเวสสันดร ก็เดาเอาว่าต้องมีอัตตาของพระเวสสันดรมาเป็นพระพุทธเจ้า
๒.ชาติสสระ คือ คนที่ระลึกอดีตชาติได้ ๒-๓ ชาติแล้ว เดาเอาว่าต้องมีอัตตาจากชาติก่อนมาสู่ชาตินี้
๓.ลาภี คือ นึกเอาเท่าที่นึกได้ เช่น เมื่อเห็นว่าปัจจุบันตนมีความสุข ก็นึกเอาว่าในอดีตและอนาคตตนก็คงเป็นอย่างนี้เหมือนกัน (ถือเอาสิ่งที่ตนได้เป็นเกณฑ์)
๔.สุทธตักกิกะ คือ นึกเดาเอาเฉยๆ โดยไม่มีเหตุ หรือ ข้อมูลใดๆ (สุมังคล. แปล. 11/246)
ส่วนความรู้แบบอันวยญาณ นั้น มีลักษณะเป็นการอนุมานเอาจากข้อเท็จจริง หรือ ความเป็นจริงในปัจจุบัน ไปหาความจริงอันเดียวกันในอดีตหรือในอนาคต หรือ แม้ในปัจจุบันด้วยกันเอง ซึ่งความจริงดังกล่าวนั้นมักเป็นเรื่องของสภาวธรรม เช่น ความจริงเกี่ยวกับภาวะของผู้รู้ (พุทธะ) ความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ อันเป็นภาวะที่เป็นสากล
Create Date : 15 พฤษภาคม 2565 |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2565 7:32:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 233 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|