Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2562
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
20 มิถุนายน 2562
 
All Blogs
 
นิยายแปลเรื่องดาวพิษ บทที่ 8 ต้องตายก่อนจึงจะได้เป็นอิสระ แปลโดยภาวิดา คนบ้านป่า

LITERATURE
นิยายแปลเรื่องดาวพิษ
บทที่ 8 ต้องตายก่อนจึงจะได้เป็นอิสระ
แปลโดยภาวิดา คนบ้านป่า
***********************************************************

ความเดิม:
บทที่ 1 ดาวพิษเวิร์มวู้ด
บทที่ 2 เหตุป่วนสมอง
บทที่ 3 หมอยา
บทที่ 4 ซอยอินนิโก้
บทที่ 5 ปีกเทวดาตกสวรรค์
บทที่ 6 คัมภีร์อาถรรพณ์
บทที่ 7 ร้านบิ๊บเบิ้ลวิคบนสพานลอนดอน


เนื่องจากเพื่อนๆที่อ่านประจำอยากให้ลงถี่ขึ้นหรือมากบทขึ้นในแต่ละ
ครั้ง จขบ.อยากลงครั้งละ 2 บท แต่ลองทำแล้วเนื้อหายาวมากจน
ดูอึดอัด จึงตกลงใจว่าอัพทีละบทต่อไปแต่ให้ถี่ขึ้นประมาณเดือนละ
4 บทนะคะ ยังอยากเขียนงานตะพาบต่อไปและเอาใจแฟนคลับ
เจ้านุ้งด้วย แต่จะมีกำลังอัพได้เพียงเดือนละห้าหกเอนทรี่เท่านั้น


บทที่ 8 – ต้องตายก่อนจึงจะได้เป็นอิสระ

เบล้กเดินทุลักทุเลฝ่าฝนไล่ช้าง ขณะลูกเห็บขนาดเท่าไข่เป็ดดิ่งจากท้องฟ้ายามราตรีที่มืดสนิทและมีฟ้าคะนองลงมากระแทกพื้นรอบตัว ทำให้โคลนตามแอ่งลึกสาดกระเซ็น กระทบหลังคารถม้าก็ดังกราว ม้าที่ยืนรอเต้นกระตุกด้วยประสาทจะกินทุกครั้งที่ลูกเห็บกระเด็นใส่หลัง

เขายกมือขึ้นป้องหน้าในขณะที่วิ่งไป สายฟ้าสีเงินจ้าแลบเป็นเส้นคมจากฟ้าลงสู่ดิน ตกกระทบถนน ระเบิดหินกลมปูพื้นกระเด็นเหมือนฟันถูกชกหลุด ฟ้าคำรามจนหน้าต่างสั่น และเบล้กหายใจแทบไม่ออก เมฆก้อนหนาสีดำทะมึนลอยข้ามฟ้าไปถึงเหนือทุ่งคอนดิต เหมือนกำปั้นยักษ์ที่พร้อมจะทุบโลก เห็นขอบเมฆเป็นเส้นสีเงินวาวด้วยแสงจันทร์ที่พยายามแทรกทะลุเมฆมาชั่วขณะแล้วกลับถูกความมืดกลืนหายไปอีกครั้ง

ลูกเห็บชุดสุดท้ายสาดใส่โคลนบนถนนอย่างดุเดือด เบล้กค่อยๆ เดินหลบๆ จากบ้านหลังหนึ่งไปอีกหลัง เขาเห็นโคมสว่างสองดวงอยู่ไกลๆ ที่หน้าประตูคฤหาสน์ของ แฟลมเบิร์ก ที่จัตุรัสควีนส์ คนรับใช้สองคนเฝ้าประตู แต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีเลือดหมูปักดิ้นทอง ถุงเท้าขาวเปื้อนโคลนจากถนน ถือคบเพลิงท่อนใหญ่หุ้มด้วยเศษผ้าจุ่มไขมันที่ลุกไหม้เป็นสีเหลืองสว่าง เขาเร่งฝีเท้า เกรงว่าฟ้าจะถล่มลงมาอีกในขณะที่พายุกระหน่ำพื้นโลกอย่างกราดเกรี้ยว

ลมมาเร็วมาก พัดกระโชกจากทุกด้าน หอบน้ำขึ้นจากแอ่งพุ่งฝ่าอากาศขึ้นไปเหมือนยิงลูกธนู ฟ้าแลบสว่างทั่วถนน กระทบหลังคาเป็นประกายไฟ เปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นสีขาวแสบตา เบล้กแนบตัวชิดกำแพงชื้นของบ้านหลังหนึ่งในขณะที่สายฟ้าฟาดผ่านหน้าเขาไป แสงเจิดจ้าเสียจนมองเห็นได้แม้เขาจะปิดตาไว้ ความร้อนก็อบเสื้อคลุมเปียกของเขาจนเป็นไอ หมวกของเขาร้อนเหมือนถูกลวก หน้ากลายเป็นสีแดงร้อนผ่าว เมื่ออสุนีบาตฟาดลงถึงพื้น ถนนนอกคฤหาสน์ของแฟลมเบิร์กก็แตกเปรี๊ยะเป็นสะเก็ด คนรับใช้ทั้งสองรีบลนลานลงบันไดไปห้องใต้ดิน คบที่ไหม้อยู่ถูกเหวี่ยงทิ้ง จมโคลนดังฉ่า แล้วก็ดับพรึบ

ทั้งเปียก เปรอะเปื้อน และโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เบล้กไต่บันไดหินอ่อนชันที่นำเขาจากถนนดินไปสู่ความศิวิไลซ์ไร้มลทินของคฤหาสน์ลอร์ดแฟลมเบิร์ก โคมตั้งสองข้างประตูเป็นรูปการ์กอยล์ แต่ละตัวดูเหมือนแกะจากโลหะตัน เลี่ยมด้วยแก้วสีขาว แดงและน้ำเงิน ยอดโคมเป็นรูปงูสวมหมวกเกราะ แสงจากเทียนขี้ผึ้งแท่งหนาส่องเรืองทะลุดวงตาแก้วแกะสลักสีแดงดูน่าขนลุก เสียงเทียนฟู่เหมือนเสียงงูขู่ฟ่อ ที่กลางประตูไม้โอ๊กมีที่เคาะขนาดใหญ่สีทอง หล่อจากเหล็กชิ้นเดียวเป็นรูปมังกร ปีกหนาและดวงตาทำด้วยอัญมณีสีเขียวเรืองระยับในแสงโคม

ฟ้าทางทิศเหนือคำรามครั่นครืนเมื่อพายุหมุนวนพ้นผ่านออกไปสู่ยามราตรี ท้องฟ้าเริ่มแจ่มใส เบล้กเงยหน้าขึ้นมอง เขาเพิ่งเห็นดาวของเขาด้วยตาเปล่าเป็นครั้งแรก แสงจางๆ และหางทอประกายระยิบของมันฉายลงมาจากฟากฟ้าโล่งลิบ เขายิ้มให้ตัวเองในขณะถอดหมวกเปียกและสะบัดน้ำจากขอบหมวก คนรับใช้ทั้งสองปีนป่ายบันไดห้องใต้ดินขึ้นมาสู่ถนน วิ่งไปหยิบคบที่ทิ้งไว้โดยไม่สนใจเบล้ก จากนั้นก็ล่าถอยกลับสู่ห้องใต้ดินอันปลอดภัย

เบล้กกระแทกที่เคาะประตูกับแผ่นทองสัมฤทธิ์ที่รองรับอีกสามโครม มังกรนั้นอุ่นผิดปกติ ดวงตาทั้งสองกดเป็นรอยบนฝ่ามือเขาอย่างเห็นได้ชัด หัวหน้าคนรับใช้ร่างผอมสูงสวมสูทไหมเนื้อดีสีน้ำเงินมาเปิดประตูให้ ใบหน้าซูบตอบ ตาลึก ขอบตาคล้ำเป็นปื้นและยับเยินด้วยรอยตีนกา

“ด็อกเตอร์เบล้ก” เขาพูดด้วยเสียงที่เข้ากับรอยย่นบนหน้า “ลอร์ดแฟลมเบิร์ก ต้องการพบท่านที่ห้องรับประทานอาหาร ท่านรอกันอยู่ได้พักนึงแล้วขอรับ…” เขาหรี่ตามองเบล้กอย่างดูแคลนพลางผายมือให้เข้าไปในคฤหาสน์

เหนือศีรษะเบล้ก มีโคมระย้าใช้แรงเทียนช่อใหญ่ให้แสงสว่างแก่โถงทางเดิน โคมนั้นแกว่งไปมาเล็กน้อย แล้วค่อยๆ หมุนวน ก่อให้เกิดเงายาวๆ เคลื่อนไปมา เงาของเบล้กในกระจกเงาฉาบทองดูแก่กว่าที่เขาเคยคิดมากนัก หน้าตาก็ยับย่นดูไม่ได้
ลอร์ดแฟลมเบิร์ก ก้าวผ่านประตูห้องรับประทานอาหารมาสู่ทางเดินโดยฉับพลัน “เบล้ก ที่รัก” เขาพูดพลางปัดผมยาวสีเทาให้พ้นหน้า “นึกว่าโดนพายุพัดไปเสียแล้ว น่าตื่นตาตื่นใจดีนะ เข้ามาเถอะ เลดี้แฟลมเบิร์ก รอตั้งนานแล้ว”

ห้องนั้นตามไฟสว่างจ้า ปิดบานเกล็ดไม้กั้นไม่ให้แสงเล็ดลอดออกไป เลดี้แฟลมเบิร์กนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมที่หัวโต๊ะยาวทำด้วยไม้โอ๊กขัดมัน ห่างจากประตูไปสองช่วงตัวม้า ขณะที่เบล้กเข้ามาในห้องนั้น หล่อนไม่ขยับตัว เบล้กอ้าปากค้างเมื่อเห็นความงามเลิศของหล่อน เสื้อคลุมไหมสีดำตัดกับผิวขาวผ่อง มือบอบบางเรียวงามและลำคอระหงขาวสะอาด ดูมีน้ำมีนวลอยู่ในแสงเทียน

ลอร์ดแฟลมเบิร์กนั่งอีกฟากของโต๊ะแล้วผายมือให้เบล้กก้าวไปนั่งเก้าอี้ที่เหลืออีกตัวเดียวข้างภรรยาของเขา

“นางชอบมีเพื่อนน่ะ เบล้ก นางจะผูกขาดเจ้าไว้คนเดียว” แฟลมเบิร์กพูด “เจ้าพร้อมเมื่อไหร่ เราก็จะเริ่มรับประทานได้”

เบล้กยื่นมือไปยังเลดี้แฟลมเบิร์ก “ข้าชื่อ ด็อกเตอร์เซเบี้ยน เบล้ก ยินดีที่ได้--”

“ท่านจะเรียกข้าว่าเฮซริน ก็ได้นะ ด็อกเตอร์เบล้ก ข้าว่าเลดี้แฟลมเบิร์กฟังดูห่างเหินจัง”

หล่อนยิ้มให้เขาด้วยริมฝีปากบางสีแดงแต่ดวงตาสีน้ำเงินเย็นเยียบเหมือนเหล็กกล้า เบล้กนั่งลงที่โต๊ะ มองข้ามโต๊ะไม้ขนาดมโหฬารที่ทอดเหยียดยาวเหมือนโค่นต้นไม้มาขัดมันไปยังลอร์ดแฟลมเบิร์กผู้จ้องตอบ

“ห้องสวยมากเลยขอรับ มีของสวยงามมากเหลือเกิน”

“และที่สวยที่สุดก็คือภรรยาของข้า” ลอร์ดแฟลมเบิร์กตอบรับพลางดีดนิ้ว คนรับใช้สองนายรี่เข้ามาในห้อง ถือถาดเงินใบใหญ่ที่ส่งไอโขมงจากใต้ฝาปิด เข้ามาวางโครมลงบนโต๊ะอย่างซุ่มซ่ามแล้วเปิดฝา ไอน้ำพลุ่งออกมาเหมือนหมอก เบล้กมองฝ่าไอที่จางลงเห็นหัวสัตว์ขนาดใหญ่ที่นึ่งสุกแล้ว ดวงตาไร้แววจ้องตอบเขา อีกถาดเป็นปลาสีดำตัวยาว ห้อมล้อมด้วยลูกปลาไหลขนาดจิ๋วมากมายที่จับฝูงเพ่นพ่านไปมาเหมือนระลอกคลื่นในทะเล เขากลืนน้ำลายเหมือนจะกลั้นความขยะแขยง นึกสงสัยว่าจะกินสัตว์อย่างนี้เข้าไปได้อย่างไรจึงจะไม่ขย้อนมันออกมา

คนรับใช้ที่ตัวเล็กกว่าโน้มข้ามโต๊ะมาชี้ไปยังถาดอาหารด้วยมีดยาวปลายแหลม

“เอาอะไรขอรับ” เขาพูดด้วยเสียงเข้ม “ข้าตัดให้ ท่านกิน จะเอาอะไร” เขาถามซ้ำอย่างรำคาญ

เบล้กกลั้นลมหายใจ ไม่อยากดมกลิ่นปลาที่ต้มไม่สุกกับปลาไหลสดที่กำลังดิ้นพล่าน เขามองไปที่หัวสัตว์ควันขึ้นฉุย ไม่แน่ใจว่าตัดมาจากสัตว์ประหลาดมีงาประเภทใด “นั่นอะไรล่ะ” เขาถามอย่างคาดหวัง

“วอลรัสขอรับ ใหม่สด วอลรัสต้ม” คนรับใช้พูดติดๆ ขัดๆ เพราะไม่ใช่ภาษาแม่ “ข้าจะตัดแบ่งให้ อร่อยที่สุดคือลิ้นกับตา”

“ข้าขอปลา” เบล้กพูดแน่วแน่ คนรับใช้มีสีหน้าผิดหวัง

“ปลาเหรอ” เขาถามซ้ำ

“ปลา!” เบล้ก ตอบ ชี้ไปที่กองปลาไหลซึ่งกำลังดิ้นรนเหนือซากสัตว์มีเกล็ดตัวยาว

“สามีข้าบอกว่าเจ้าเป็นพวกนิยมไสยเวท เวทมนตร์ช่วยเจ้าได้มั้ย” เฮซริน ถามในขณะที่คนรับใช้เอามีดแล่ปลาแล้วหั่น ตัดชิ้นยาวมากองบนจานของเบล้ก ตามด้วยลูกปลาไหลที่เลื้อยเพ่นพ่านอีกกองหนึ่ง

“วิทยาศาสตร์ขอรับ ไม่ใช่เวทมนตร์” เบล้กตอบในขณะที่คนรับใช้วางจานปลาและปลาไหลควันขึ้นฉุยลงตรงหน้า “ตอนนี้พ้นยุคมืดมานานแล้ว เราพยายามควบคุมพลังต่างๆ ที่เรายังไม่เข้าใจดี ข้าเชื่อว่าสักวันหนึ่ง วิทยาศาสตร์จะอธิบายทุกปริศนาให้มนุษย์หายข้องใจ”

“เจ้าไม่เหลือที่สำหรับความเชื่อหรือปริศนาในโลกของเจ้าเลย เหมือนศิลปะที่ไร้ศิลปิน หรือดนตรีที่ขาดเครื่องดนตรี เจ้าจะเอาเวทมนตร์ของเจ้าไปทำอะไรได้ล่ะ เจ้ารักษาปลาตัวนั้นได้มั้ย” เฮซรินเอามีดจิ้มลูกตาวอลรัสแล้วดึงให้หลุดจากเบ้า

“จักรวาลนี้ถูกสร้างมาอย่างมีวัตถุประสงค์ แม้สิ่งของกินอยู่ก็มีวัตถุประสงค์ แล้วตอนนี้วัตถุประสงค์นั้นก็เปลี่ยนไปบ้าง เวทมนตร์คือการค้นหาความจริง มนตร์นั้นชักนำความไม่สิ้นสุดเข้ามาพร้อมกับความสิ้นสุด สิ่งที่ใหญ่ที่สุดกับสิ่งที่เล็กที่สุด ทุกอย่างล้วนผูกพันกัน” เบล้กเงยหน้าขึ้นจากกองปลาไหลที่ตอนนี้เลื้อยลงจากจานไปยังผ้าปูโต๊ะเนื้อดีสีขาว ทิ้งรอยเมือกดำไว้เป็นปื้น

“ข้าเชื่อเรื่องเวทมนตร์นะ เซเบี้ยน ไม่ใช่แบบที่เจ้าพูดถึง แต่ในฐานะสิ่งอัศจรรย์ที่สามารถพาเราไปจากโลกอันน่าเบื่อหน่ายนี้” เฮซรินเอาส้อมเสียบวอลรัสอีก เถือหนังสุกออกมาแถบหนึ่ง ม้วนไว้รอบส้อมของหล่อน “เราอยู่ในโลกที่ผู้คนเชื่อเรื่องแปลกๆ แต่เจ้าต้องการอธิบายหมดทุกอย่างให้เพื่อให้ทุกการกระทำมีความหมาย”

“เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ ชอบการค้นพบ” สามีของหล่อนส่งเสียงมาจากปลายโต๊ะอันแสนไกล “เบล้กได้พบบางอย่างที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งคนจะพูดกันทั่วลอนดอนในวันพรุ่งนี้ เยทส์จะช่วยเรื่องนี้ ลอนดอนครอนิเคิ้ล จะเล่าให้คอกาแฟทุกคนในเมืองรู้ว่าเขาได้ค้นพบอะไร” ลอร์ด แฟลมเบิร์กเห็นเบล้กมองจานที่ขยุกขยิกไปมา “ภรรยาข้ามีรสนิยมเฉพาะตัวเรื่องอาหาร บางครั้งข้ายังคิดว่าหล่อนคงได้ทุกอย่างที่หล่อนคิดจะกิน ทำไมถึงต้องไปกินของที่ขอทานกินล่ะ มีใครอื่นบ้างที่จะอวดได้ว่าเคยกินวอลรัสชั้นเลิศมาแล้ว” แฟลมเบิร์กพูดอย่างตื่นเต้น แกล้มไวน์และผลผลิตชั้นดีจากมหาสมุทร ข้าชอบลิ้นของมันเป็นพิเศษ”

“เอาเถอะน่า เซเบี้ยน ง่ายนิดเดียว แค่จิ้มใส่ปากแล้วก็กลืนลงไปเลย เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแล้วทำให้ผิวพรรณผุดผ่องด้วยนะ” เฮซรินพูดไปหัวเราะไป ยุให้เบล้กกินปลาไหล “สดจากทะเล จับมาจากชายเลนแล้วเลี้ยงไว้สำหรับกินสดๆ ไม่เป็นอันตรายหรอก”

เบล้กจิ้มปลาไหลที่ดิ้นรนไปมา เสียบโดนเข้าหลายตัว เขาส่งเข้าปากรีบกลืนลงไป รู้สึกว่าเคี้ยวถูกเกล็ดและรสเค็มขมที่ขื่นจนอยากอาเจียน เฮซรินและสามีของหล่อนเฝ้าดูเขาค่อยๆ เคี้ยวจนหมดไปครึ่งจาน ในที่สุดเขาหยิบผ้าเช็ดปากมาค่อยๆ พับปิดกองที่เหลืออยู่

“อร่อย” เขาพูดไม่เต็มปาก หายใจทางปากเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้คลื่นไส้ เขาแน่ใจว่าปลาที่ลงท้องไปยังดิ้นอยู่ ยังไม่ตาย และจะได้เห็นพวกมันอีก “เรื่อง ครอนิเคิ้ล เป็นยังไงบ้าง เขาจะแจ้งข่าวดาวหางของข้าว่ายังไง”

“เจ้าจะเป็นตัวละครหลัก คนสำคัญในขณะนี้เลย เยทส์จะเรียกเจ้าว่ายอดนักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบแห่งศตวรรษ” แฟลมเบิร์กตอบพลางเคี้ยวไขมันจากงายาวสีขาวแล้วเช็ดไขวอลรัสที่ติดหน้า “ข่าวจะบอกว่าดาวหางจะคลาดโลกไป และตามการคำนวณของเจ้าแล้ว เราจะได้เห็นแสงสีบนฟากฟ้าที่สวยงามที่สุดในประวัติศาสตร์เลย”

“งั้นข้าก็จะถูกแขวนคอถ้าดาวหางพุ่งเข้าชนลอนดอน สังหารประชากรไปครึ่งนึง” เบล้ก กวาดตามองไปมองมาระหว่างเฮซรินกับแฟลมเบิร์ก เฝ้าดูปฏิกิริยาในขณะที่ทั้งสองกินหัววอลรัสที่เหลืออยู่อย่างสงบ

“งั้นก็ไม่ต้องให้ใครรู้สิ” แฟลมเบิร์กตอบ ไอจนเนื้อที่เคี้ยวอยู่หลุดออกมาบนโต๊ะชิ้นหนึ่ง “เราจะทูลเชิญพระราชากับราชสำนักไปที่บ้านของเราในเขตเหนือ แล้วปล่อยให้กรุส่วนที่เหลือถูกเผาซะให้เตียน” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าและเพื่อนๆ ของข้าเชื่อว่าอย่างนี้แหละจึงจะดีสำหรับลอนดอน เมืองนี้คนเยอะเกินไปแล้ว และคนบางส่วนก็ไม่คุ้มค่ากับอากาศที่หายใจเข้าไปเลย” แฟลมเบิร์กกวาดมือผ่านคอหอยทำท่าเหมือนเฉือนด้วยมีด “ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้ว่าข้าหมายความว่ายังไง เบล้ก แปลงลอนดอนให้เป็นโรมยุคใหม่หรือกรุงเยรูซาเล็มยุคใหม่เสียเลย ปล่อยให้ดาวหางของเจ้าเผาขยะชีวิตไปซะให้สิ้น สวรรค์บันดาลแท้ๆ!” แฟลมเบิร์กหัวเราะ

“ทำยังงี้ไม่ถูก” เบล้กอุทานออกมาดังๆ “เราต้องบอกใครๆ จะได้ช่วยชีวิตคนได้”

“ขืนบอก คนก็จะแตกตื่นกันน่ะสิ เซเบี้ยน” เฮซรินพูด “ต้องทำยังงี้ เราจัดการให้คนสำคัญออกไปเสียจากลอนดอน ปล่อยให้คนที่เหลือเสี่ยงดวงเอา ถ้ารีบบอกตอนนี้อาจเกิดการปฏิวัติก็ได้” เฮซรินคว้ามือขวาของเบล้กแล้วดึงเข้าไปหา “ขอดูลายมือหน่อยว่าชีวิตของเจ้าจะเป็นอย่างไร ข้ามีพรสวรรค์ทำให้มองเห็นอนาคตได้ มองข้าสิแล้วข้าจะบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น” มือหล่อนอุ่นและนุ่ม เบล้กรู้สึกได้ว่าใบหน้าเขาแดงเรื่อใต้แสงเทียน เขาไม่มีโอกาสจะปฏิเสธเมื่อหล่อนจับฝ่ามือเขาพลิกขึ้น

เฮซรินใช้นิ้วชี้ลากเป็นรูปดาวบนฝ่ามือของเขา หล่อนหยิบแก้วของหล่อนมาหยดไวน์แดงหยดใหญ่ลงบนฝ่ามือนั้น แล้วถูให้ซึมเข้าผิว แสงเทียนกะพริบเล็กน้อย

แฟลมเบิร์กกอดอกแล้วเอนพิงเบาะ เอาปลายมีดแคะฟัน เขามองเบล้กแล้วยิ้มให้ ปล่อยให้ภรรยาเขาจัดการตามใจชอบ “นางจะพาเจ้าไปสู่เรื่องที่เจ้าจะไม่มีทางเข้าใจ” เขาพูดพลางเคี้ยวไขมันที่กินไปได้ครึ่งหนึ่ง แล้วก็กอดอก ซุกตัวเข้าไปในเก้าอี้ตัวใหญ่ หลับตา กดคางไว้บนอกแล้วหลับปุ๋ย

เบล้กมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาในขณะที่แฟลมเบิร์กเริ่มกรนเบาๆ หายใจขาดเป็นห้วงๆ เฮซรินกระตุกมือเขา จิกเล็บของหล่อนลงบนฝ่ามือของเขาจนรู้สึกเจ็บ

“ข้าไม่ชอบให้คนเฉยเมยกับข้านะ เซเบี้ยน” หล่อนกัดฟันพูดด้วยความโกรธ “เราสองคนมีอนาคต ไม่อยากรู้หรือไงว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“สำหรับอนาคตของข้านั้น ข้าไม่ห่วงเท่าได ที่ข้าต้องการก็คืออยากบอกให้โลกรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เบล้กพูดไปก็พยายามฝืนไม่จ้องหน้าหล่อน

“คนสำคัญรู้ว่าต้องทำอะไร สามีของข้ากับเพื่อนของเขากำลังยุ่งเรื่องนี้กันมาก ปล่อยให้เขาจัดการกันเถอะ แล้วทุกอย่างจะดีเอง”

“ดีสำหรับใครล่ะ เพื่อนๆ ของนางกับพระราชาเหรอ แล้วคนที่เหลือในลอนดอนจะถูกเผาทั้งเป็นก็ไม่เป็นไรรึไง” เขาพูดออกมาดังๆ

“แล้วเจ้าจะทำยังไงล่ะ บอกให้ทุกคนรู้ตอนนี้ ก็จะเกิดจลาจลตามมาทำให้มีคนตายเป็นพันๆ แล้วประชาชนจะรับสถานการณ์ได้ยังไง เขาจะเชื่อกันว่าถึงวันสิ้นโลกแล้ว เจ้าอยากให้เป็นอย่างนั้นเหรอ ทำแบบที่ข้าว่าคนยังจะมีโอกาสรอดบ้าง” หล่อนหยุดพูดแล้วมองตาเขา “บอกข้าซิ เซเบี้ยน เจ้ารู้ได้ยังไงว่าดาวหางจะมา บังเอิญรึไง”

เบล้กหยุดจ้องหล่อนไม่ได้ เพราะหล่อนดึงดูดใจเหลือเกิน หล่อนแต่งกายด้วยสีม่วงเข้มและสีดำ มีไฝเสน่ห์จุดหนึ่งบนใบหน้าที่ไร้ริ้วรอย

“ข้าอ่าน…” คำพูดค้างอยู่ในปากของเขา เหมือนมือน้ำแข็งยึดเสียงเขาไว้ เขาสูดปากเมื่อรู้สึกว่ามือปวดเหมือนถูกเผา ความรู้สึกทรมานตุบๆ ขึ้นมาตามแขน เข้าไปยังทรวงอก พุ่งขึ้นถึงคอหอย เส้นประสาทและกล้ามเนื้อทุกเส้นกระตุกไม่เป็นจังหวะ เขาพยายามลุกยืนแต่แรงที่มองไม่เห็นตบเขาไปชนโต๊ะ กระทบซากปลาที่กินค้างไว้

“อย่าดิ้นรนเลย เซเบี้ยน ข้าอยากเห็นอนาคต จะได้ความรู้อะไรมาก็ต้องมีค่ายกครูบ้าง” เฮซรินหัวเราะคิกคัก จับมือเขาไว้แน่น มองเขาดิ้นรนเหมือนปลาไหลที่เพิ่งกินไป “นั่งลง” หล่อนสั่งพลางก็กดฝ่ามือเขาแรงขึ้น เบล้กควบคุมตนเองไม่ได้ เขาทรุดนั่ง ดวงตาฝ้าฟางด้วยหมอกควันที่เต็มห้องอยู่ตอนนี้ “ฟังข้านะ เซเบี้ยน มีเวทมนตร์ในอนาคตของเจ้า และอำนาจที่จะผ่านเจ้ามายังโลกนี้ เห็นชัดเลยทีเดียว มันอยู่ตรงหน้าเจ้า แต่เจ้าก็ยังมองไม่เห็น จงเชื่อในสิ่งที่เจ้าเห็นตรงหน้า – แต่คนต่างชาติจะเอาชีวิตเจ้า”

คำพูดนั้นเหมือนปลายแซ่ม้าหวดเข้าไปในสมองของเขา แขนเขากระตุกหลายหนก่อนที่หล่อนจะยอมปล่อย เขาจ้องเฮซรินอย่างไม่อาจช่วยตนเองได้ “นางทำอะไรลงไป” เขาพึมพำ ฟันสั่นกระทบ

“เล่นกลนิดหน่อย ไม่มีอะไรมาก วิทยาศาสตร์ของเจ้าอธิบายเรื่องนี้ได้มั้ย เซเบี้ยน หรือว่าเจ้าต้องเชื่อเสียทีว่าเวทมนตร์มีจริง”

เบล้กไม่ตอบ แขนเขาร้อนผ่าวเหมือนต้นไม้ถูกฟ้าผ่า เขาพยายามกำมือ แต่เจ็บมากเหลือเกิน เห็นเปลวไฟสีน้ำเงินปะทุบนฝ่ามือ

“เดี๋ยวก็หาย นี่แหละคือพลังจากการหยั่งรู้อนาคต” เฮซรินหยุดพูดแล้วถอนใจ “ถ้าเพียงแฟลมเบิร์กมีสมองเหมือนเจ้า ทุกอย่างก็จะต่างไปจากนี้ ดูเขาสิ กรนเหมือนวอลรัสกินปลาอิ่มนอนอยู่บนหาดทราย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ส่วนเจ้า เซเบี้ยน เจ้ามีสมองที่ใฝ่รู้ เจ้าจะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้อยู่หลายวัน เจ้าจะทนคิดจนกว่าจะรู้คำตอบและค้นพบว่าเจ้าถูกอำนาจอะไรควบคุมอยู่” เฮซรินหัวเราะ “อย่าเสียเวลาเลย นี่คือเวทมนตร์”

“ถ้างั้นข้าก็ขอลาละ เจ้านาย เวทมนตร์ของนางแรงเกินกว่าคนอย่างข้าจะเข้าใจได้ และข้าเกรงว่าที่สามีนางหลับก็เป็นเพราะคาถาของนางด้วย” เบล้กก้าวโซเซออกจากโต๊ะ สะดุดคะมำ ยันมือเข้าไปบนจานวางซากปลาไหล

“ข้ามีบางอย่างที่อยากจะให้เจ้าชม ด็อกเตอร์เบล้ก ของที่ข้าเก็บเป็นความลับแม้แต่ท่านวอลรัสเฒ่าข้าก็ยังไม่ให้รู้ เฮ้อ เมื่อไรน้าถึงจะมีคนตัดหัวเขามาใส่จาน!” เฮซรินพูดเบาๆ ในขณะที่หล่อนลุกจากโต๊ะแล้วเดินมาหาเบล้ก เขารู้สึกว่าปลาไหลดิ้นอยู่ในกระเพาะ เขาแน่ใจว่ามันยังไม่ตาย และก่อนสิ้นคืนนี้ มันจะพากันฝ่าทะลวงออกจากร่างเขาตามทวารต่างๆ

“ข้าว่าข้าต้องไป…” เบล้กพึมพำ พยายามพูดโดยไม่อ้าปาก

“อย่าโง่ไปหน่อยเลย ไปไม่ได้จนกว่าข้าจะให้เจ้าดูอะไรที่จะทำให้สมองเจ้าตื่นเต้นและขยายจินตนาการของเจ้า” เฮซรินคว้าแขนเขาแล้วลากเบล้กผู้ไม่เต็มใจข้ามห้องไป แฟลมเบิร์กไม่กระดิกตัว เขานอนทรุดอยู่บนเก้าอี้ น้ำลายมันๆ หยดลงไปตามคางสู่เสื้อคลุมดำของเขา “จุ๊จุ๊” หล่อนทำเสียงพลางผลักเบล้กไปที่ประตู “ข้าไม่อยากให้เขาตื่น นี่เป็นความลับของเรา…”

เบล้กกลัวความลับนี้ แต่ความต้องการและความอยากรู้อยากเห็นที่เผาผลาญหัวใจเขาก็เป็นฝ่ายชนะ เฮซรินปราบเขาอยู่หมัด หล่อนมีอำนาจ เอาจริงเอาจัง มีแววชั่วร้าย และยวนใจจนเขาไม่อาจหนีพ้น ทั้งสองเพิ่งพบกัน แต่หล่อนก็ข่มเขาได้ทุกด้าน เขารู้สึกเหมือนแมลงวันหัวเขียวที่กำลังถูกแมงมุมดำตัวใหญ่ลากตัวไปกินที่รัง ไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธ

“ข้ามีของที่จะทำให้เจ้าแปลกใจ เซเบี้ยน ไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่รักท้องฟ้าและสิ่งทั้งหลายที่มาจากฟ้า ข้าเองก็รอเวลานี้อยู่ แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างไป” หล่อนบีบมือที่ปวดและแสบร้อนของเขาจนเขาต้องทำหน้าเบ้

“ข้าคิดว่าไม่เหมาะ” เบล้กคัดค้าน พยายามดึงตัวเองให้หลุดจากหล่อน “ข้าจะไม่ดีใจเลยถ้าข้าเป็นสามีของนาง...”

“ข้าก็ไม่ดีใจหรอก แต่นั่นแหละที่ทำให้สนุก ใครจะอยากเป็นแบบเขาบ้าง แฟลมเบิร์กนั้นเดาได้ง่าย น่าเบื่อ แต่เจ้า ด็อกเตอร์เซเบี้ยน เบล้ก สมาชิกของราชสมาคมไสยเวท แล้วตอนนี้ก็เป็นผู้ค้นพบดาวเคราะห์ – เจ้าทำให้สมองข้าซู่ซ่า มาดูสิว่าข้าเตรียมอะไรไว้สำหรับเราสองคน”

ในทางเดินของคฤหาสน์ มีกระจกเงาบานใหญ่ติดที่ผนังด้านหนึ่งตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ฉาบปรอทจนสว่าง สะท้อนเงาคมชัดใต้แสงเทียน เบล้กจ้องเงาของเฮซริน – ดูเหมือนหล่อนไม่แก่เลย ไร้ไฝฝ้าหรือความเหี่ยวย่น

“ด้านหลังกระจกเงานี้เป็นอีกโลกหนึ่ง เจ้าเชื่อข้ามั้ย เซเบี้ยน” หล่อนถาม

“ถ้าไม่เชื่อก็โง่สิ” เขาพูดพลางถูรอยแดงที่ค่อยๆใหญ่ขึ้นซึ่งทำให้ฝ่ามือแสบร้อน แต่ข้าเป็นคนของโลกนี้โลกเดียว และอยากจะคงเป็นยังงั้นต่อไป”

เฮซรินหัวเราะ “มองเข้าไปในส่วนลึกแล้วบอกข้าว่าเจ้าเห็นอะไร”

เบล้กจ้องกระจกเงาที่แสงเทียนจากโคมระย้าเต้นสะท้อนอยู่บนผิว

“เจ้าจะก้าวเข้าไปในกระจกนี้พร้อมกับข้ามั้ย ด็อกเตอร์เบล้ก เพื่อค้นพบอีกโลกหนึ่ง” เฮซรินถามพลางดึงเขาเข้าไปใกล้กระจกกว่าเดิม เบล้กไม่พูดอะไร แต่ผงกหัวให้เฮซรินแล้วก้าวไปหากระจก เชื่อว่าอีกก้าวเดียวเขาก็จะไปยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง “หยุด เซเบี้ยน! นี่เป็นกระจกเงาจริงๆ” หล่อนพูดพลางปลดกลอนที่ด้านข้างกรอบทองของกระจกที่ประดับเป็นลายหัวลิงและหน้ากบ

เบล้กเพิ่งสังเกตเห็นแหวนทองที่นิ้วเรียวขาวของหล่อน ดาวหางทองคำทอดหางพันอยู่รอบนิ้วนั้น “ก่อนเราจะเข้าห้อง เราต้องดื่มให้อนาคต” เฮซรินพูด หยิบถ้วยสีน้ำเงินใบใหญ่สองใบจากชั้นสูงข้างๆ กระจกเงา หล่อนส่งถ้วยหนึ่งให้เบล้ก ยื่นไปที่ปากเขา “ทีเดียวหมดถ้วย” หล่อนพูดเบาๆ แทบจะกระซิบ “ทีเดียวหมดถ้วย แล้วเราจะได้ร่วมรับสิ่งที่จะมาด้วยกัน”

เฮซรินยกแก้วจ่อริมฝีปากของตนแล้วเอนคอไปด้านหลัง เบล้กเฝ้ามองหล่อนดื่มแล้วเอาหลังมือเช็ดปากลวกๆ “ตาเจ้าแล้ว เซเบี้ยน เร็วเข้า”
เบล้กดื่มจากถ้วย เขาดื่มหมดภายในสองอึก ของเหลวสีเขียวข้นซ่าลวกคอหอยทำให้กรามชา ตาชื้นโปนออกจากเบ้า เปลี่ยนเสียง ซ้ำแทบจะรีดลมหายใจออกไปจากปอด เฮซรินหัวเราะแล้วแงะกระจกเงาออกจากผนัง ค่อยๆ แง้มเหมือนเปิดประตูไปสู่โลกอื่น

ลมเย็นกระโชกเข้ามาทันทีเมื่อวัสดุที่จุกระหว่างผนังกับกระจกถูกทำลาย เบล้ก รู้สึกถึงความเย็นรอบตัว ได้ยินเสียงประตูปิดโครมจากที่ไกลๆ บนบ้าน เสียงฝีเท้าย่ำไปตามทางเดินเหนือหัว เบล้กจ้องเข้าไปในความมืดหลังกระจก กวาดตามองสอดส่ายในแสงสลัว
เฮซรินผลักเบาๆ ให้เขาก้าวเข้าไปสู่ห้องมืด ในตอนนั้นเองที่เบล้กเพิ่งเห็นเปลวเล็กๆ สีน้ำเงินวูบวาบลอยอยู่ท่ามกลางความมืด เปลวนั้นกะพริบและหมุนวนเหมือนเพชรสีน้ำเงินและสีขาวนับพันเม็ด หมุนไปมาอย่างไร้สุ้มเสียงขณะที่มันลอยห่างจากใบหน้าเขาไปสามฟุต เบล้กยังไม่ทันคิดอะไรมือก็ยื่นไปแตะ มือของเขาเคลื่อนไปหาลูกกลมประจุไฟฟ้าจนดังฟู่ๆ อย่างไม่อาจห้ามใจได้

“ต้องตายก่อนจึงจะได้เป็นอิสระ” เฮซรินพูดพลางหันหลังให้แสงที่สว่างจ้าจนมองอะไรไม่เห็น




วอลรัส - วิกิพีเดีย
https://th.wikipedia.org/wiki/วอลรัส
วอลรัส (อังกฤษ: walrus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
อาศัยอยู่แถบขั้วโลกเหนือ รูปร่างคล้ายสิงโตทะเล
https://www.youtube.com/watch?v=jtbZZuGPNl8
cr.wikipedia & youtube

บทแปลนี้มิใช่เวอร์ชั่นก่อนพิมพ์เล่ม
จึงยังมีความลักลั่นเรื่องชื่อสถานที่อยู่บ้าง
ขออภัยด้วยค่ะ

(ติดตาม
บทที่ 9 - ตายซ้ำเจ็ดครา
ต่อไปนะคะ)

LITERATURE
 ขอบคุณของแต่งบล็อกจากอินเทอร์เน็ต



Create Date : 20 มิถุนายน 2562
Last Update : 4 กรกฎาคม 2562 15:33:08 น. 34 comments
Counter : 1960 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณกะว่าก๋า, คุณTui Laksi, คุณหอมกร, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณFreakGirL, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณตะลีกีปัส, คุณmcayenne94, คุณtoor36, คุณทนายอ้วน, คุณJinnyTent, คุณhaiku, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณThe Kop Civil, คุณInsignia_Museum, คุณวลีลักษณา, คุณเนินน้ำ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณAsWeChange, คุณชีริว, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณlife for eat and travel, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณผีเสื้อยิปซี, คุณruennara, คุณtuk-tuk@korat, คุณเริงฤดีนะ, คุณที่เห็นและเป็นมา


 
นั่งอ่าน อาหารที่คฤหาสน์ท่านหลอด.. ชวนพะอืด
พะอม กินไหวเหรอ

นักเขียนบรรยายได้น่ากลัวถึงความผิดปกติของ
เจ้าของคฤหาสน์ ปลาไหลสด..ตัววอลรัสแต่ละ
อย่างไม่ไหว.. เขาปูทางได้น่ากลัว.. ครับพี่



โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 20 มิถุนายน 2562 เวลา:5:49:42 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่ภา

ต้องตายก่อนจึงจะได้เป็นอิสระ
ประโยคนี้น่าสนใจมากครับพี่
อ่านถึงประโยคนี้ผมนึกถึงคำว่า
"ปล่อยวาง"

ผมเองก็อ่านนิยายกำลังภายในน้อยมากครับ
ส่วนใหญ่ผมอ่านเป็นการ์ตูน
แต่พอมาเขียนเรื่องสั้นกำลังภายใน
กลับรู้สึกสนุกดีครับพี่ 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มิถุนายน 2562 เวลา:6:40:45 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะคุณพี่ภา
ขออนุญาตแวะมาส่งกำลังใจนิยายแปลไว้ก่อน
พิมพ์ได้เก่งมากๆเลยค่ะยาวเป็น Short Storyเรื่องหนึ่งทีเดียว


โดย: Tui Laksi วันที่: 20 มิถุนายน 2562 เวลา:8:18:59 น.  

 
ภาวิดา คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog
แวะมาส่งโหวตให้พี่ภานะคะ



โดย: หอมกร วันที่: 20 มิถุนายน 2562 เวลา:8:34:08 น.  

 
มาส่งกำลังใจให้ค่ะ


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 20 มิถุนายน 2562 เวลา:8:43:37 น.  

 
อ่านจบบท 8
ตัววอลรัส ตัวอะไรครับ
(ปกติอ่านหนังสือแปล จะมีดอกจันที่คำแปลกๆ และมีอธิบายด้านล่างของหน้า)
ปลาไหลชอนออกทวาร


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 20 มิถุนายน 2562 เวลา:9:55:52 น.  

 
สะบักจม แล้วรักษายังไงอะคะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
sawkitty Photo Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
MDG Art Blog ดู Blog
JinnyTent Parenting Blog ดู Blog
ภาวิดา คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 20 มิถุนายน 2562 เวลา:13:46:02 น.  

 
สวัสดีมีสุขค่ะพี่ภาขา

เจอลูกเห็บโตเท่าไข่เป็ดหล่นโดนหัว
หัวคงโนเท่าไข่เป็ดด้วยค่ะ
มาเจอปลาไหลเป็นๆอีก
กินลูกตาวอลรัส...เอิ้ก.....

ของเก่าของใหม่จะออกมารวมกันซะแล้วค่ะ
เฮซริน จะเล่นไสยเวทย์อะไรกับเบล้กหนอ
ตามตอนต่อไปค่ะ



โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 20 มิถุนายน 2562 เวลา:15:07:29 น.  

 
ฝรั่งเค้าเขียนนิยายเกี่ยวกับคำสาป
หรือปีศาจได้สนุกดีครับพี่ภา
ใครว่าเขาเขียนแต่วิทยาศาสตร์ไม่จริงเลย
แม่มด พ่อมดก็มาจากฝรั่งนี่เองนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มิถุนายน 2562 เวลา:19:26:04 น.  

 
แวะมาส่งกำลังใจให้ครับ ก็อัพเท่าที่เราอัพไวนี่แหละครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 20 มิถุนายน 2562 เวลา:20:49:03 น.  

 
มาปักหมุดไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวดึกๆมาอ่านคราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 20 มิถุนายน 2562 เวลา:20:58:29 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับพี่ภา




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มิถุนายน 2562 เวลา:6:29:43 น.  

 
จากบล็อก ผมว่าดูรู้เรื่องนะครับ เหมาะกับทุกวัยเลยครับพี่


โดย: The Kop Civil วันที่: 21 มิถุนายน 2562 เวลา:11:05:11 น.  

 
เฮซรินนี่น่ากลัวเหมือนกันค่ะ
รอติดตามตอนต่อไป


โดย: mcayenne94 วันที่: 21 มิถุนายน 2562 เวลา:13:24:34 น.  

 
ฉากบนโต๊ะอาหารให้ภาพของปลาไหลมากมายที่ยังเป็นๆ หัวสัตัวประหลาดที่เปลื่อยยุ่ย ลูกตาและลิ้นที่กินได้ เพียงจินตนาการตามก็รู้สึกได้
ในขณะที่วิทยาศาสตร์มีกำลังแรงขึ้นจากผู้ที่เฝ้ามองปรากฏการณ์ของดาวหาง
เรื่องเร้นลับกับความรู้ใหม่ต่อสู่กัน
น่าติดตามครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 21 มิถุนายน 2562 เวลา:13:36:50 น.  

 
โอเคค่ะพี่ภา

ขอให้หายไวๆ นะคะพี่


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 21 มิถุนายน 2562 เวลา:15:04:02 น.  

 
สวัสดี อีกรอบค่ะ

กลับจากเรียนภาษาจีน มาอ่านแล้วค่ะ พี่ภา
บรรยายเรื่องอาหารของแฟรมเบิร์ก เห็นภาพที่น่า
กลัวสะอิดสะเอียน ปลาไหลเป็น ๆ กินเข้าไปได้ไง
หนอ ส่วนตัวละครใหม่ คือ ภรรยาของแฟรมเบริ์ก
นาง เฮซริน ตัวละครตัวนี้ ร้ายและเห็นแก่ตัวเหมือน
สามีของนาง เป็นตัวละครอีกตัวที่เป็นปริศนาที่จะ
ต้องติดตามต่อไป ค่ะ
รออ่านต่อ ค่ะ โหวดไปตอนเช้าแล้วค่ะ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 21 มิถุนายน 2562 เวลา:18:29:19 น.  

 
ยิ่งอ่านยิ่งลึกลับค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ


โดย: วลีลักษณา วันที่: 21 มิถุนายน 2562 เวลา:19:41:14 น.  

 
สวัสดีค่าคุณพี่ค่ะ จำกันบ่ได้ก๋า 5555

เรื่องยาวจังอ่านไม่หมดค่า

แวะมาบอกว่าอัพใหม่แล้วนะคะ อิอิ


โดย: สมาชิกหมายเลข 861805 วันที่: 21 มิถุนายน 2562 เวลา:19:41:21 น.  

 
มาส่งกำลังใจไว้ก่อนนะคะ
ยังไม่ได้อ่านบทก่อนหน้าเลยค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 21 มิถุนายน 2562 เวลา:19:51:07 น.  

 
วอลลัส เจ้านี่แหละ หนูนึกหน้าเค้าออก นี่เค้ากินสิ่งนี้กันเหรอคะ ยังจะปลาไหลที่ยังไม่ตายอีก

*** สาว ๆ ตุรกี ที่เป็นนักเต้น มีพุงทั้งนั้นเลยค่ะพี่ภา เค้าชอบแบบนี้กันค่ะ ต้องมีพุงนิด ๆ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 21 มิถุนายน 2562 เวลา:20:13:08 น.  

 
ข้ามไปสองตอนได้มั้งผม ขออ่านตอนนี้ก่อนครับ (เนื้อหาคงสปอยล์ตอนก่อนๆไปเรียบร้อย 555)

ไม่ได้เห็นชื่อเบล้กตัวเอกตอนแรกเสียนาน
ลมแรง พายุเข้า ลูกเห็บตก อ่านบรรยายฉากแล้วนึกถึงสมัยอยู่เมกา คืนพายุเข้าหน้าหนาวนี่นรกชัดๆ แต่คลาสสิค ♥
อุตส่าห์ได้เข้ามาในบ้านก็เจออาหารมื้่อสยองอีก ไม่อยากกินปลา แต่ก็ดีกว่าหัววอลลัสละฟะ!
แต่ถ้ารู้ว่าปลาไหลลงท้องไปแล้วยังไม่ตายนี่อยากเปลี่ยนมากินวอลลัสแทน ไม่สิ ไม่กินทั้งคู่แหละ!


โดย: ชีริว วันที่: 21 มิถุนายน 2562 เวลา:23:14:50 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่ภา
มาอ่านอย่างใจจดจ่อ

ระหว่างอ่าน
ต้องแว๊ปออกไปสูดลมหายใจนอกประตูบ้านเสียสองสามครั้ง
เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศน่ะค่ะ
พี่บรรยายเสียเห็นเป็นจริงจัง จุกในกระเพาะไปเลย

แอบลุ้นว่า นางจะจัดการกับเบล้กอย่างไรในที่ลับตาคน
อ้าว! จบตอนพอดี รอลุ้นในตอนต่อไปเนอะ

ขอบคุณค่ะพี่ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: AsWeChange วันที่: 22 มิถุนายน 2562 เวลา:1:55:32 น.  

 
หุ่นเป๊ะสวยมากค่ะพี่ภา แขนขายาว แต่ไกด์บอกว่า เค้านิยมสาวเลี้ยงพุงค่ะ

อาหารที่บรรยาย...ภาพมาแบบชัดเจนเลยค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 22 มิถุนายน 2562 เวลา:17:53:45 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่ภา




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มิถุนายน 2562 เวลา:6:31:41 น.  

 
แวะมาโหวตค่าา


โดย: life for eat and travel วันที่: 23 มิถุนายน 2562 เวลา:21:01:16 น.  

 
ต้องตายก่อนจึงจะได้เป็นอิสระ >> ตายซ้ำเจ็ดครา

แค่ชื่อตอนก็ชวนสยองแล้วนะคะ
แถมเมนูเปิบพิสดารอีกต่างหาก แหะ ๆ
กลับไปหม่ำยำดอกขจรกุ้งสดที่บ้านดีกว่าค่ะ

ขอบคุณกำลังใจด้วยนะคะ


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 23 มิถุนายน 2562 เวลา:21:20:24 น.  

 
สวัสดียามดึกค่ะ ..
ดูดอกไม้แล้วสบายใจค่ะ ..

ตอนนั้นให้กำลังใจเด็ก ๆ .. มีทั้งเพิ่งจบแล้วมาเจอชีวิตจริง กับเด็กกำลังฝึกงาน เจอโจทย์หนัก ๆ .. พาลถอดใจกันไปหมด เลยเสริมพลังสักนิดค่ะ


โดย: poongie วันที่: 23 มิถุนายน 2562 เวลา:22:09:52 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่ภา



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มิถุนายน 2562 เวลา:6:20:54 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะพี่ภา

บ้านป่าฝนตกคงชุ่มฉ่ำ หลับสบสยเลยสิเนอะ อิอิ



โดย: ผีเสื้อยิปซี วันที่: 24 มิถุนายน 2562 เวลา:13:18:39 น.  

 


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 24 มิถุนายน 2562 เวลา:14:21:06 น.  

 
ขอบคุณกำลังใจที่บล็อกค่า


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 24 มิถุนายน 2562 เวลา:19:03:29 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณพี่ภา
ขอบพระคุณค่ะที่แวะเยี่ยมบล็อกให้กำลังใจไว้
หลับยังคร้า ... ที่บ้านเราตอนนี้ฝนกำลังตกแรงพอประมาณ
มีตกช่วงเที่ยงพอดี กำลังจะออกนอกบ้านกัน
เลยล้มเลิก ไม่อยากเจอรถติด เจอน้ำท่วมระหว่างทาง
ได้ออกไปช่วงเย็นๆ กลับมาสักครู่ ฝนก็มาส่งเข้านอน
หลับฝันดีนะคะ รักษาสุขภาพเช่นกันค่ะ


โดย: Tui Laksi วันที่: 24 มิถุนายน 2562 เวลา:22:07:27 น.  

 
“ต้องตายก่อนจึงจะได้เป็นอิสระ”
wording สั้นๆนี้
กินความหมายกว้างไกลและมากมายเสียเหลือเกิน

ตอน 8 นี้ สั้น
แต่ตื่นเต้น ลี้ลับเหลือหลายค่ะ

อ้อฃอบๆๆๆจังเลย
ลึกลับซับซ้อนด้วย


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 27 มิถุนายน 2562 เวลา:20:08:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ภาวิดา คนบ้านป่า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 140 คน [?]




BG Pop.Award #17
BG Pop.Award #16
BG Pop.Award #15
BG Pop.Award #14
BG Pop.Award #13
BG Pop.Award #12
BG Pop.Award #11
BG Pop.Award #10
BG Pop.Award #9
BG Pop.Award #8
BG Pop.Award #7
BG Pop.Award #6
*****
*****
Friends' blogs
[Add ภาวิดา คนบ้านป่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.